จากการตัดสินของเนี่ยชิงหลาน นางรู้สึกว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่ใช่คนไม่ดีจึงบอกทุกสิ่งที่รู้มาแก่ทั้งสองไป“ฮูหยิน ท่านอาจจะไม่รู้อะไร ครึ่งเดือนก่อน ข้าช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ตามที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า สามีและพ่อตาของนางมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ถูกลักพาตัวไป”ที่แท้ ที่แห่งนี้ก็คือเหมืองแร่ ใต้เหมืองมีคนงานจำนวนนับไม่ถ้วน หวังซานเชี่ยวชาญด้านการจับคนที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะโยนพวกเขาเข้าไปในเหมืองเพื่อทำงาน“เหลวไหล อย่ามาใส่ร้ายข้านะ!” หวังซานโต้เถียง แต่ดวงตาที่แวววาวของเขากลับทรยศเขาเขาเปิดปากพูดโกหก เพื่อพยายามปกปิดข้อเท็จจริง“ผู้หญิงบ้าคนนี้เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าซื้อมา สมองไม่ค่อยดีนัก”หวังซานเทน้ำสกปรกใส่เนี่ยชิงหลาน โดยไม่ลืมที่จะทำความสะอาดตัวเอง“พวกเราทุกคนเป็นเพียงชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีเจตนาชั่วร้ายอย่างแน่นอน”“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นชาวบ้านที่ซื่อสัตย์...”คนที่อยู่ริมขอบก็คร่ำครวญเช่นกัน“ยังแก้ตัวอยู่อีก!” เนี่ยชิงหลานโกรธมากนางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเตะหวังซานอีกสองสามครั้ง “บอกข้ามาว่าทางเข้าเหมืองอยู่ที่ไหน”ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าเหมืองอยู่
แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนรอบข้างจะใจง่าย ทรยศเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ“ไอ้สารเลว ข้าเคยทำผิดต่อเจ้าหรือไร?”เจ้าสี่หวาดกลัวและพูดว่า “พี่สามอย่าโทษข้าเลย ข้ากลัวจริงๆ ถ้าสิ่งนั้นถูกสาดใส่ข้า เช่นนั้นข้าคงต้องพิการแน่ ข้าจำเป็นต้องพูด”เขาแค่อยากปกป้องตัวเอง เขาทำอะไรผิด?“ข้าถามเจ้า เหมืองอยู่ที่ไหน?”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินสิ่งนี้ นางก็เข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แล้วที่นี่คือเหมืองของมู่หรงอวี้ แต่เขายุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ ไม่ค่อยมาตรวจสอบลูกน้องเขาขโมยเงิน หลอกผู้คนไปทำเหมืองดูเหมือนว่า ขอเพียงแค่พบเหมืองที่พวกเขากำลังพูดถึง ก็จะสามารถเข้าไปในเหมืองของมู่หรงอวี้ได้“ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ขอรับ” เจ้าสี่ร้องไห้ และเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว เขาก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“ฮูหยินไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆทุกครั้งที่ข้าไปเหมือง จะมีพี่สามนำทาง ส่วนข้าเข็นเกวียนอยู่ด้านหลัง ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น พวกเราเลยไม่รู้ทางขอรับ”“เจ้าสี่ เจ้าสมควรตาย!”เมื่อเห็นว่าคนของตนกำลังชี้ทางให้ศัตรู หวังซานก็โกรธมาก ดวงตาของซูจิ่งสิงที่มองมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทามากยิ่งขึ
ทั้งสองร่ำลากันอยู่นาน ก่อนจะเดินตามหวังซานไปที่หน้าถ้ำเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรอบแล้ว ถ้ำนี้น่าจะเปิดได้วันมะรืนนี้“เหมืองอยู่ตรงนี้ขอรับ” หวังซานกลอกตาเขาชี้ไปที่หน้าถ้ำ “พวกท่านเข้าไปทางนี้ ก็จะสามารถไปจนสุดก้นเหมืองได้”“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หยิบคบเพลิงออกมา แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวังทว่า ทันทีที่เดินเข้าไป หวังซานก็แสดงสีหน้าน่ากลัว และทันใดนั้นก็เหยียบกลไกที่ทางเข้าถ้ำ“ไปลงนรกซะเถอะ!”หวังซานตะโกนหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากด้านบน ท่าทางของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที หากนางถูกหินก้อนนี้หล่นทับ คงกลายเป็นเนื้อบดแน่นางโบกมือโดยไม่ต้องคิด เก็บหินลงไปในมิติอย่างรวดเร็วหวังซานหัวเราะเสียงดัง เฝ้ารอให้คนทั้งสองตายโหงไปต่อหน้าทว่าหินที่หายไปจากอากาศ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อ“ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่? ว่าอย่าตุกติก” กู้หว่านเยว่หันหลังกลับไปมองอย่างไม่พอใจ หยิบปืนออกมาจากมิติหวังซานกลัวมากจนเสียสติ “ไว้ชีวิตด้วย…”ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกกู้หว่านเยว่ยิงเสียชีวิตไปแล้วหลังจากจัดการกับหวังซานแล้ว ทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปในเหม
แต่เส้นทางนี้กลับดูแน่นขนัดมาก หากคนกลุ่มนี้เบียดเสียดกันออกมา อาจจะเกิดเหตุการณ์เหยียบกันก็ได้“พวกเจ้าทุกคนจงฟังข้า วันนี้ข้ามาช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องรับปากข้าว่าจะเข้าแถวทยอยกันออกไปจากที่นี่”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หลังประตูคุกบานนี้มีคนที่เข้าใจสถานการณ์อยู่ไม่น้อย จึงตระหนักได้ถึงสิ่งที่กู้หว่านเยว่กำลังเป็นกังวล ก่อนจะรีบพยักหน้า“ท่านทั้งสองโปรดวางใจ ตราบใดที่ปล่อยพวกข้าออกไป พวกข้าจะยอมทำทุกอย่าง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง จากนั้นก็หันกลับไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้นหากมีคนตาย นางจะนำร่างไร้ลมหายใจของพวกเขาวางไว้ด้านข้าง หากมีคนรอดชีวิต นางจะให้คนที่มีพละกำลังแบกพวกเขาออกไปก่อน เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ทุกคนจึงรีบหันไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะแบกร่างของคนที่รอดชีวิตออกไปตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ เมื่อเห็นทุกคนต่างเข้าแถว กู้หว่านเยว่ก็กล่าวกับซูจิ่งสิงว่า“ท่านพี่ ท่านเปิดประตูคุกให้ทุกคนออกไปเถิด”“อื้อ”ซูจิ่งสิงชักดาบออกมา จากนั้นก็ทำการตัดกลอนกุญแจออกเป็นสองส่วน
เสียงที่เอิกเกริกดังขยายมาจากด้านหลัง สร้างความตกใจให้กับนกที่อยู่ในป่าไม่น้อย“พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”เนี่ยชิงหลานพากลุ่มคนเดินเข้ามา โดยมีทหารที่ไม่รู้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่เดินล้อมรอบ ทันใดนั้นผู้ว่าการอำเภอก็วิ่งเข้ามา“คารวะท่านหญิง ท่านหญิงไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ทันทีที่เอ่ยออกไป ทุกคนก็เบิกตากว้าง มองเนี่ยชิงหลานอย่างไม่อยากเชื่อ“จบเห่แล้ว.....” ผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังซานพากันหน้าถอดสีพวกเขาลักพาตัวท่านหญิงไป ไม่มีใครรู้ว่าอ๋องจินมีน้องสาวหนึ่งคน นี่ถือว่าเป็นการยั่วยุคนที่ไม่สมควรยั่วยุเข้าแล้วกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อยทั้งสองคนไม่ได้กลัวสถานะของเนี่ยชิงหลาน เพียงแต่คาดไม่ถึงว่านางจะเป็นน้องสาวของอ๋องจิน“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกสถานะของข้ากับพวกเจ้า”เนี่ยชิงหลานแลบลิ้นอย่างรู้สึกผิด นางกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะห่างเหินนางเพราะเรื่องนี้“ข้าไม่อยากอยู่บ้าน จึงมักจะติดตามพี่ชายออกไปเที่ยวเตร่ที่เจียงหู”เนี่ยชิงหลานมีความฝันอยากเป็นวีรสตรีตั้งแต่เด็ก หลังจากออกจากจวน ก็มักจะปล้นคนรวยช่วยคนจนครั้งนี้เมื่อรู้ว่าที่นี่มีคนหายตัวไปอยู่บ่อย
นางลูบใบหน้ารูปไข่ของเอ้อร์หู่ก่อนจะกล่าวว่า “ลูกรัก เจ้าผอมไปแล้วนะ อยู่ที่นั่นเจ้าคงลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหม แต่ขอแค่ให้เจ้ามีชีวิตรอดก็พอ”ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เคยเห็นสีหน้าที่ดูประหลาดใจของป้าเก๋อ ที่แท้อีกฝ่ายก็ถูกบีบบังคับนี่เองเรื่องนี้คงอธิบายได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใดป้าเก๋อถึงไม่สบอารมณ์ในตอนที่พวกเขาสองคนขอเข้าไปพักค้างอ้างแรมเนี่ยชิงหลานเองก็คิดไม่ถึงว่าป้าเก๋อจะถูกหวังซานบีบบังคับเช่นนี้เมื่อเห็นสองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้ ในใจก็อดสงสารสองแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้แต่ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ หลายชีวิตที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในเหมืองแห่งนั้นจนต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ“ผู้ว่าการอำเภอหลิน ช่วยลงโทษป้าเก๋อสถานเบาเถิด”เนี่ยชิงหลานเป็นคนชอบใจอ่อน สุดท้ายนางให้อภัยป้าเก๋อ“ขอรับ”ผู้ว่าการอำเภอรีบพยักหน้า แต่เรื่องที่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายคือ จากอายุที่ค่อนข้างมากของป้าเก๋อ แม้ว่าในคุกนั้นจะเป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงทนไม่ไหวเนี่ยชิงหลานหันไปมองคนที่อยู่เบื้องล่างด้วยสายตาโหดร้ายอีกครั้ง“คนพวกนี้และหวังซานเป็นพวกเดียวกัน ไม่ต้องออมแรง ควรลงโทษอย่างไรก็ลงโ
เนี่ยชิงหลานเป็นคนจิตใจดี แต่พอถูกเขาเป่าหูเพียงไม่กี่ประโยคก็ถึงกันร้อนใจไม่น้อย“ในเมื่อด้านล่างยังมีคนอยู่ เหตุใดพวกเจ้ายังยืนอึ้งอยู่อีก รีบลงไปค้นหาสิ”“ไม่ใช่ข้าไม่อยากไป” ผู้ว่าการอำเภอหลินปาดเหงื่อเขาชี้ไปยังปากถ้ำที่เต็มไปด้วยฝุ่นตลบอบอวล “ถ้ำแห่งนี้อาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ นักการก็มีชีวิตเช่นกัน”จะว่าไปแล้วที่เขากล่าวก็ถูกต้องเนี่ยชิงหลานไม่ได้สังเกตตอนนี้เองบุรุษผู้หนึ่งในกลุ่มคนงานเหมืองก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ข้างล่างนั้นไม่มีคนรอดชีวิตแล้ว”เขาชี้ไปทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง “ในตอนที่สองสามีภรรยาคู่นี้และนายท่านลงไปช่วยพวกเรา พวกเขาสั่งให้เราแบกคนที่รอดชีวิตขึ้นมากันหมดแล้ว”ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พบว่าคนงานเหมืองที่วิ่งขึ้นมาจากด้านล่างแทบทุกคนต้องแบกใครสักคนออกมาด้วย เมื่อถึงที่ปลอดภัยทุกคนจึงพากันทรุดนั่งไปบนพื้น “ขอบคุณฟ้าดิน” เนี่ยชิงหลานไม่เคยใส่ใจสองคนนี้เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือคารวะ “ข้าเนี่ยชิงหลาน ขอบคุณในความกรุณาของพวกท่านทั้งสอง ที่ช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ออกมาได้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองมีนามว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”“ข้
ผลปรากฏว่าหลังจากที่เดินผ่านมุม ๆ หนึ่ง เขาก็บังเอิญชนกับบุรุษปริศนาร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง“อยากตายนักหรือไร เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ? เห็น ๆ อยู่ว่าข้าเดินมาเหตุใดเจ้าถึงยังเดินเข้ามาชนได้?”เนี่ยชิงหลานไม่ได้อยากด่าทอ แต่นางเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนคนผู้นั้นเห็นนางเดินตรงมา แต่กลับพุ่งเข้ามาชนนางอย่างไม่ยุติธรรม“ใครอยากตายกันแน่?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเนี่ยชิงหลานเหมือนโดนฟ้าผ่า“พี่ พี่ใหญ่ ท่านอยู่ในจวนไม่ใช่หรือ เหตุ...เหตุใดถึงมาโผล่ที่นี่ได้?”ระดับการพูดตะกุกตะกักแสดงออกถึงความตกใจภายในได้เป็นอย่างดีทำไมนางคิดไม่ถึง เมื่อครู่นางยังเอ่ยถึงพี่ชายตัวเองกับพี่หว่านเยว่อยู่เลย เพียงแวบเดียว พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาพอดี“ดี ดีมากจริง ๆ เจ้าแอบหนีออกจากบ้าน”เนี่ยเติ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่กลับหัวเราะกลบเกลื่อน ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนไม่น้อย“พี่ใหญ่!”เนี่ยชิงหลานที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเมื่อครู่ เวลานี้นางกลับคุกเข่าลงไปบนพื้น จากนั้นก็กอดข้าของเนี่ยเติ้งพลางร้องไห้คร่ำครวญ“ข้าผิดไปแล้ว ท่านให้อภัยข้าเถิด ข้าสัญญาว่าครั้งต่อไปข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”เนี่ยเติ้ง
“ข้าไปดูดินปืนได้หรือไม่?”ฮั่วจี๋กลืนน้ำลาย เขาอยากรู้อยากเห็นมากจริง ๆ หวังปี้มองไปยังกู้หว่านเยว่ กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ได้ เดี๋ยวข้าจะพาท่านไปดู”“ขอบคุณมาก”อวิ๋นมู่ยิ้มเล็กน้อย กู้หว่านเยว่มองไปที่เขา “เดินทางมาเหนื่อยยากลำบาก เจ้าทานอะไรหรือยัง? ข้าจะพาเจ้าไปทานข้าวนะ”ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี“ได้”อวิ๋นมู่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็มีศีรษะโผล่ออกมาจากด้านหลัง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจ“พี่สะใภ้!”มู่หรงฉางเล่อแต่งกายเป็นบุรุษอีกแล้ว คราวนี้ปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ ติดตามอยู่ด้านหลังอวิ๋นมู่“เจ้ามาได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ตกใจ เด็กสาวคนนี้ไม่รออยู่ที่เจดีย์หนิงกู่อย่างสงบ วิ่งมาที่สนามรบทำไมกัน?“ข้ามาช่วย!”มู่หรงฉางเล่อทุบหน้าอกของตนเอง อย่าเห็นว่าเด็กสาวคนนี้อายุน้อย แต่ก็เป็นคนที่รักชาติบ้านเมืองเช่นกัน“แม้ว่าข้าจะเข้าไปในสนามรบไม่ได้ แต่ข้าได้ยินท่านแม่ข้าพูดว่า ฝ่ายสนับสนุนก็มีหลายอย่างที่สามารถช่วยได้”อวิ๋นมู่พยักหน้าเห็นด้วย“ครั้งนี้ต้องขอบคุณนาง ถึงได้ส่งดินปืนมาได้อย่างปลอดภัย”ที่แท้ระหว่างทางพวกเขาเจอกับพวกโจร อาศัยไหวพริบของมู่หรงฉางเล่อ ไ
หลี่เยว่แอบเหลือบมองกู้หว่านเยว่เงียบ ๆ แวบหนึ่งหลี่จินไม่เข้าใจ ยังคงเร่งเร้านาง “น้องเล็ก ท่านหมอหญิงถามเจ้าอยู่นะ เหตุใดเจ้าถึงได้เหม่อลอย?”“เป็นคุณหนูท่านหนึ่งที่ให้ข้ามา”หลี่เยว่ได้สติกลับมา สีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย“นะ นางถามทางข้า พอให้ปิ่นปักผมข้าแล้วก็ออกจากเมืองไป”อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่โกหก นางจึงพูดตะกุกตะกัก“ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปที่ใด”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ถามอะไรมากนัก พาชิงเหลียนออกจากร้านขายยาเมื่อขึ้นรถม้า ก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไปหาคนมาสองคน แอบตามไปดูที่บ้านสกุลหลี่”ทั้งสองคนกลับไปที่สกุลฮั่ว หนานหยางอ๋องกำลังนำเหล่ารองแม่ทัพมารอนางอยู่“พระชายา” หวังปี้ก้าวเข้ามา เดินเคียงข้างกู้หว่านเยว่ด้วยความกระตือรือร้น “ท่านแม่ทัพและเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชากำลังรอคำชี้แนะจากท่าน แม่ทัพเมืองซุ่ยโจวได้ยินว่าเมืองเหยาถูกพวกเรายึดไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะยกทัพมาโจมตี”กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเมืองเหยาถูกพวกโจรยึดครองนานกว่าครึ่งเดือน ก็ไม่เห็นว่าทางซุ่ยโจวจะมีการเคลื่อนไหวใด ๆ บัดนี้ถูกเจดีย์หนิงกู่ยึดครองไปแล้ว ถึงได้เริ่มร้อนใจหรือ?“แ
“บุตรสาวตระกูลอาวุโสจางเพิ่งจะอายุเพียงสิบห้าปีเอง”หลี่จินทอดถอนใจเพราะอีกฝ่ายมีรูปโฉมงดงามมาก ดังนั้นตระกูลอาวุโสจางจึงรักบุตรสาวคนนี้มาก ไม่อยากให้นางแต่งงานเก็บนางไว้ในบ้านตลอด ตั้งใจว่าจะเก็บนางไว้เพิ่มอีกสักสองสามปีบุตรสาวอันเป็นที่รักที่พวกเขาคอยทะนุถนอมมาอย่างดีราวกับไข่มุกอันเลอค่าก็ดันถูกโจรเหล่านั้นบุกเข้ามาอย่างคาดไม่ถึงกระทั่งเห็นนางในกลุ่มคนจึงลากนางออกมาจากกลุ่มคน แล้วฝืนใจนางกลางถนนตอนกลางวันแสก ๆ เนื่องจากนางเป็นสตรีจากตระกูลผู้ดี ไหนเลยจะรับความอัปยศอดสูนี้ได้?หลังจากที่แม่นางจางกลับไป นางก็เป็นบ้าทันทีในขณะที่คนในบ้านไม่ทันสังเกต นางก็กระโดดบ่อน้ำจบชีวิตลงกว่าจะหามศพขึ้นมาจากน้ำได้ก็อืดแล้วเรื่องนี้สร้างความตื่นตกใจให้เด็ก ๆ ไม่น้อยนางหลินร้องไห้สะอื้นกู้หว่านเยว่ยืนฟังเรื่องนี้อยู่ด้านนอกก็ยังรับไม่ได้ยามศึกสงคราม คนที่โชคร้ายที่สุดก็คงจะเป็นชาวบ้านอาวุโสแต่ก็หวังว่าสงครามระหว่างเจดีย์หนิงกู่และราชสำนักจะสิ้นสุดในเร็ววัน และเข้าช่วยเหลือชาวบ้านนับหมื่นจากภัยพิบัติในครั้งนี้“ข้ามาดูบาดแผลให้ภรรยาของเจ้า”กู้หว่านเยว่เอ่ย ตัดบทสนทนาของเ
นี่มันเวลาไหนกันแล้ว?นางหลินป่วยหนักปางตายขนาดนี้นางจะมัวแต่คิดถึงหลาน ๆ โดยไม่สนใจความเป็นความตายของลูกสะใภ้ได้อย่างไร?แม่หลี่หัวเราะเยาะ“แสดงว่าในสายตาของเจ้า แม่สามีอย่างข้าเป็นคนเช่นนี้”ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย!นางหลินดูหงอยลงทันทีเดิมทีนางขี้กลัวอยู่แล้ว บวกกับที่แม่สามีมักจะมีฝีปากร้ายกาจเช่นนี้เพราะความอคติแบบนี้ จึงคิดว่าตนนั้นคงเข้ากับแม่สามีไม่ได้ “ขอโทษเจ้าค่ะ ท่านแม่...”ไม่ว่านางจะผิดหรือไม่ผิด นางก็มักจะรีบก้มหน้าสำนึกผิดก่อนเสมอแม่หลี่ยิ่งขบขัน “ข้ายังไม่ว่าเจ้าเสียหน่อย เจ้าทำท่าทางหวาดกลัวเช่นนั้นให้ใครดูล่ะ รีบนอนลงเดี๋ยวนี้เลย เกิดแผลปริขึ้นมา สามีของเจ้าคงได้เอาชีวิตข้าแน่”“น้องหญิง เจ้านอนพักก่อนเถอะ”หลี่จินรีบเข้าไปประคองนางหลินให้นอนลงแม้ว่าแม่หลี่จะมีฝีปากร้ายกาจ แต่ก็มักจะโกรธง่ายหายเร็วหลังจากได้ระบายออกมาทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ“ในตอนที่ข้ามาถึง ได้ยินเยว่เอ๋อร์บอกว่า เจ้าต้องพักฟื้นอีกหลายวัน หลายวันนี้เรื่องภายในบ้านก็ยกให้เป็นหน้าที่ของข้าแล้วกัน เจ้ารักษาเนื้อรักษาตัวอยู่ในโรงหมอนี้อย่างสงบเถิด”คำกล่าวของแม่หลี่ทำให้นางหลินน้ำตาเ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันนั้น เสียงปริศนาเสียงหนึ่งก็ตะโกนดังมาจากด้านล่างที่แท้ก็เป็นน้องสาวจากตระกูลหลี่จินที่มาหาเขานี่เอง บอกว่าท่านแม่หลี่ก็มาเยี่ยมด้วย“พวกเจ้านะพวกเจ้า ชักจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ยังไม่บอกข้า”ทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างก็ได้ยินเสียงที่ดุดันของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านใน“หากไม่ใช่เพราะข้ากลับมาจากทุ่งนา แล้วได้ยินป้าหวังข้างบ้านบอก ข้าก็คงไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาโรงหมอ”หญิงวัยกลางคนด่ากราดเสียงดัง มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าดูไม่สบอารมณ์หลี่จินค่อนข้างลำบากใจ“เสียมารยาทยิ่งนัก แม่ของข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ ชอบเอะอะโวยวาย”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วสูง มั่นใจว่าสตรีผู้นี้จะต้องเป็นแม่สามีขี้หงุดหงิดอย่างแน่นอนมิน่าล่ะก่อนหน้านั้นนางหลินถึงได้มีท่าทีหวาดกลัว ไม่กล้าให้หมอผู้ชายตรวจร่างกาย เพราะกลัวว่าหากถูกแม่หลี่รู้เข้า จะถูกไล่ออกจากบ้านอย่างแน่นอนในขณะที่กู้หว่านเยว่กำลังจะกลับนั้น นางได้เข้าไปจับชีพจรให้นางหลินอีกครั้ง“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังท่าน”นางหลินยังนอนอยู่บนเตียง ตอนนี้ไม่สามารถลุกขึ้นได้นางมีสีหน้าลำบากใจ หดคอเหมือน
หลังจากลองกดหน้าท้องแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ยิ่งมั่นใจว่าอาการบาดเจ็บของนางหลินจะต้องเกิดจากรังไข่ที่ฉีกขาดอย่างแน่นอน“มีเลือดออกเป็นจำนวนมาก แถมภรรยาของเจ้าก็ยังหน้าซีดราวกับกระดาษ ปวดท้องตลอดเวลาแบบนี้ อาจจะทำให้ช็อกได้ทุกเมื่อ ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน”กู้หว่านเยว่ดึงมือกลับ นางหลินยังคงนอนอยู่บนเตียง เหงื่อไหลพรากราวกับสายฝน นางยังคงสะลึมสะลือหลี่จินจึงกล่าวถามว่า “ผ่าตัดหรือ? อะไรคือผ่าตัด?”“คือการกรีดเปิดหน้าท้องของภรรยาเจ้า จากนั้นก็ซ่อมแซมบาดแผลภายในร่างกาย ห้ามเลือดให้นาง ไม่ให้เลือดไหลออกมาจากบาดแผลของนางอีก”อีกฝ่ายไม่เคยเจอวิธีการนี้ในตำรามาก่อน กู้หว่านเยว่พยายามใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายอธิบายให้เขาฟังหลี่จินเข้าใจแล้ว แต่กลับตกใจไปชั่วขณะ“ต้องกรีดหน้าท้อง? เช่นนั้นภรรยาของข้าก็ยิ่งทรมานนะสิ”เขามีสีหน้าเป็นกังวล แต่เขากลับเป็นคนซื่อตรง ไม่ได้ซักถามกู้หว่านเยว่ต่อเพียงแต่เป็นห่วงกลัวนางหลินจะทนไม่ไหว เจ็บจนปางตาย“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามียาระงับความเจ็บปวด หากภรรยาของเจ้ากินยานี้แล้ว จะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”กู้หว่านเยว่มองไปยังอีกฝ่ายจะผ่าตัดได้หรือไม
“ท่านผู้นี้คือ?”เมื่อหลี่จินได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่ ก็รีบหันไปมองนางทันทีแต่กู้หว่านเยว่ใส่หมวกม่านอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงมองไม่เห็นโฉมหน้าของนาง“อย่าเปิดเผยสถานะของข้า”กู้หว่านเยว่กระซิบบอกข้างหูของเจ้าของร้านเบา ๆ เจ้าของร้านจึงรีบพยักหน้า เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีทักษะการแพทย์ จึงหาข้ออ้างไปเรื่อย “นี่คือหมอหญิงในร้านขายยาของเรา ในเมื่อภรรยาของเจ้าไม่ยอมให้หมอผู้ชายตรวจร่างกาย มิสู้ให้หมอหญิงท่านนี้ตรวจร่างกายให้ภรรยาของเจ้าล่ะ?”เขาลองหยั่งเชิง“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะยอมหรือไม่”สาเหตุที่นางหลินไม่ยอมให้หมออาวุโสผู้นั้นตรวจร่างกายของนาง เพราะเหตุผลที่ว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิด นางทนต่อคำครหาเหล่านั้นไม่ได้ ทั้งยังกังวลว่าหลังจากที่เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะถูกผู้อื่นตำหนินางไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ บัดนี้ไหน ๆ ก็มีหมอหญิงแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธ จึงรีบพยักหน้า“หากหมอหญิงผู้นี้สามารถตรวจร่างกายให้ข้าได้ เช่นนั้นก็ดี”นัยน์ตาของหลี่จินเปล่งประกาย“ได้โปรดท่านหมอช่วยตรวจร่างกายให้ภรรยาของข้าด้วยเถิด”กู้หว่านเยว่เดินเข้ามา เจ้าของร้านรีบยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้นา
“หากเจ้าไม่สบายตรงไหน อย่าฝืนทนเด็ดขาด ต้องตรวจให้แน่ใจ”สายตาของบุรุษฉายแววร้อนใจ มีท่าทีเป็นห่วงอย่างชัดเจนหมอที่อยู่ด้านหลังเห็นทั้งสองคนลังเล จึงอดกล่าวเตือนไม่ได้“หากท่านทั้งสองคนไม่อยากตรวจ ก็ขยับไปด้านข้างก่อนเถิด อย่าทำให้คนที่มาต่อแถวรอตรวจต้องเสียเวลา”“ไปกันเถอะ”สตรีผู้นั้นพยายามลากบุรุษข้างกายออกไป ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บด้านหลังจึงรีบรุดขึ้นหน้าทันที เพียงแต่ทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าออกไป ภาพตรงหน้าของสตรีผู้นี้ก็ดับวูบ เป็นลมล้มลงไปกองกับพื้น“น้องหญิง ๆ เจ้าเป็นอะไรไป?”หลี่จินกอดนางหลินไว้ จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังอย่างร้อนใจ“ใครก็ได้มาช่วยดูอาการให้น้องหญิงของข้าหน่อย?”คนที่อยู่โดยรอบรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว กู้หว่านเยว่จึงมองไปทางเจ้าของร้านเจ้าของร้านกลับไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้มีชาวบ้านมาหาหมอเป็นจำนวนมาก บางครั้งก็มีชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นลมหมดสติอย่างฉับพลันทันทีที่มาถึงหน้าโรงหมอเขาออกคำสั่งอย่างเป็นระบบระเบียบ“ขอผู้ช่วยสองคน ยกแม่นางผู้นี้ขึ้นเปล แล้วหามเข้าไปตรวจภายในห้อง”ผู้ช่วยที่รอคำสั่งอยู่ด้านหลังก็ร
จากเนื้อหาที่ซูจิ่งสิงเขียนไว้ในจดหมาย บอกไว้ว่ากองทัพของเจดีย์หนิงกู่ได้ข้ามแม่น้ำมู่ตันโดยสมบูรณ์แล้ว บัดนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งของกองทัพจากราชสำนักที่อยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำมู่ตันกองทัพของทั้งสองฝ่ายต่างก็ร่วมบรรเลงเพลงรบด้วยกัน เพราะฝั่งของเรามีดินปืน ทำให้ศัตรูพ่ายแพ้สงครามถึงสองครั้งสงครามยืดเยื้ออย่างน้อยครึ่งเดือน ในที่สุดกองทัพที่มีทหารนับแสนคนของราชสำนักก็ได้ต้องถอยทัพออกจากแม่น้ำมู่ตันหลังจากที่กู้หว่านเยว่อ่านจบแล้ว มุมปากก็ได้กระตุกยิ้มอย่างชื่นชมนางรายงานสถานการณ์ของเมืองเหยาให้ซูจิ่งสิงรับรู้แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องการบอกอีกฝ่ายว่าตอนนี้ตัวเองปลอดภัยดี เขาไม่ต้องเป็นห่วง รับมือกับศึกอย่างสบายใจได้เลยเมืองเหยาเกิดหายนะอย่างรุนแรง นางต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกระยะหนึ่ง เพื่อช่วยฟื้นฟูเหตุการณ์หลังสงครามหลังจากเขียนจดหมายเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็นำม้วนกระดาษผูกติดกับขาของนกพิราบทองคำ“ไปเถอะ ไปหาเจ้าของของเจ้า”นกพิราบทองคำกางปีกโผบินออกไป“ฮูหยินคิดถึงท่านอ๋องใช่หรือไม่เจ้าคะ?”ชิงเหลียนเห็นกู้หว่านเยว่ที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วปิดปากแอบหัวเราะกู้