เมื่อมองดูใบหน้าของทั้งสองคน หวังซานก็นึกถึงสิ่งที่ป้าเก่อพูดขึ้นมาทันที ก่อนจะคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างคลุมเครือ“ดีเลย ข้าไม่เจอปัญหาให้แก้มานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะมาพร้อมกันตั้งสองคน”หวังซานขยับข้อต่อ แต่ทันทีที่ได้สบตา ซูจิ่งสิงก็ล้มเขาลงกับพื้นคนอื่นๆ อยากจะวิ่งหนี แต่เนี่ยชิงหลานก็รีบกระโดดออกไปจัดการกับพวกเขา“มัดพวกมันไว้”พวกเขามัดทุกคนเอาไว้แล้วโยนทั้งหมดไปที่กลางลานกู้หว่านเยว่นำเก้าอี้มา ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง“กล้าลักพาตัวข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร กล้าหาญนักนะ!”เนี่ยชิงหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบวิ่งไปเตะต่อยหวังซาน ไม่อาจไม่พูด ผู้หญิงคนนี้ อารมณ์รุนแรงไม่น้อยแต่สิ่งนี้ก็โทษนางไม่ได้ นางอัดอั้นมานาน สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าทุกวันนี้ ในที่แห่งนี้นางใช้ชีวิตแบบใด“ยังคิดจะแต่งข้าเป็นภรรยาอีก อยากเข้าหอกับข้า ตอนนี้ฉันจะตัดรากเหง้าเจ้าทิ้งเสีย แล้วจะรอดูว่าเจ้าจะเข้าหออย่างไร?!”เนี่ยชิงหลานก่นด่าเสียงดังหวังซาน ชายแก่นิสัยเสีย เห็นคนงามก็เกิดละโมบ เกิดความคิดอันคดเคี้ยว คิดจะกักขังนางไว้ที่นี่“แม่นางไว้ชีวิตด้วย แต่ข้าก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้านี่นา? ดูสิ
จากการตัดสินของเนี่ยชิงหลาน นางรู้สึกว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่ใช่คนไม่ดีจึงบอกทุกสิ่งที่รู้มาแก่ทั้งสองไป“ฮูหยิน ท่านอาจจะไม่รู้อะไร ครึ่งเดือนก่อน ข้าช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ตามที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า สามีและพ่อตาของนางมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ถูกลักพาตัวไป”ที่แท้ ที่แห่งนี้ก็คือเหมืองแร่ ใต้เหมืองมีคนงานจำนวนนับไม่ถ้วน หวังซานเชี่ยวชาญด้านการจับคนที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะโยนพวกเขาเข้าไปในเหมืองเพื่อทำงาน“เหลวไหล อย่ามาใส่ร้ายข้านะ!” หวังซานโต้เถียง แต่ดวงตาที่แวววาวของเขากลับทรยศเขาเขาเปิดปากพูดโกหก เพื่อพยายามปกปิดข้อเท็จจริง“ผู้หญิงบ้าคนนี้เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าซื้อมา สมองไม่ค่อยดีนัก”หวังซานเทน้ำสกปรกใส่เนี่ยชิงหลาน โดยไม่ลืมที่จะทำความสะอาดตัวเอง“พวกเราทุกคนเป็นเพียงชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีเจตนาชั่วร้ายอย่างแน่นอน”“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นชาวบ้านที่ซื่อสัตย์...”คนที่อยู่ริมขอบก็คร่ำครวญเช่นกัน“ยังแก้ตัวอยู่อีก!” เนี่ยชิงหลานโกรธมากนางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเตะหวังซานอีกสองสามครั้ง “บอกข้ามาว่าทางเข้าเหมืองอยู่ที่ไหน”ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าเหมืองอยู่
แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนรอบข้างจะใจง่าย ทรยศเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ“ไอ้สารเลว ข้าเคยทำผิดต่อเจ้าหรือไร?”เจ้าสี่หวาดกลัวและพูดว่า “พี่สามอย่าโทษข้าเลย ข้ากลัวจริงๆ ถ้าสิ่งนั้นถูกสาดใส่ข้า เช่นนั้นข้าคงต้องพิการแน่ ข้าจำเป็นต้องพูด”เขาแค่อยากปกป้องตัวเอง เขาทำอะไรผิด?“ข้าถามเจ้า เหมืองอยู่ที่ไหน?”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินสิ่งนี้ นางก็เข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แล้วที่นี่คือเหมืองของมู่หรงอวี้ แต่เขายุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ ไม่ค่อยมาตรวจสอบลูกน้องเขาขโมยเงิน หลอกผู้คนไปทำเหมืองดูเหมือนว่า ขอเพียงแค่พบเหมืองที่พวกเขากำลังพูดถึง ก็จะสามารถเข้าไปในเหมืองของมู่หรงอวี้ได้“ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ขอรับ” เจ้าสี่ร้องไห้ และเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว เขาก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“ฮูหยินไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆทุกครั้งที่ข้าไปเหมือง จะมีพี่สามนำทาง ส่วนข้าเข็นเกวียนอยู่ด้านหลัง ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น พวกเราเลยไม่รู้ทางขอรับ”“เจ้าสี่ เจ้าสมควรตาย!”เมื่อเห็นว่าคนของตนกำลังชี้ทางให้ศัตรู หวังซานก็โกรธมาก ดวงตาของซูจิ่งสิงที่มองมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทามากยิ่งขึ
ทั้งสองร่ำลากันอยู่นาน ก่อนจะเดินตามหวังซานไปที่หน้าถ้ำเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรอบแล้ว ถ้ำนี้น่าจะเปิดได้วันมะรืนนี้“เหมืองอยู่ตรงนี้ขอรับ” หวังซานกลอกตาเขาชี้ไปที่หน้าถ้ำ “พวกท่านเข้าไปทางนี้ ก็จะสามารถไปจนสุดก้นเหมืองได้”“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หยิบคบเพลิงออกมา แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวังทว่า ทันทีที่เดินเข้าไป หวังซานก็แสดงสีหน้าน่ากลัว และทันใดนั้นก็เหยียบกลไกที่ทางเข้าถ้ำ“ไปลงนรกซะเถอะ!”หวังซานตะโกนหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากด้านบน ท่าทางของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที หากนางถูกหินก้อนนี้หล่นทับ คงกลายเป็นเนื้อบดแน่นางโบกมือโดยไม่ต้องคิด เก็บหินลงไปในมิติอย่างรวดเร็วหวังซานหัวเราะเสียงดัง เฝ้ารอให้คนทั้งสองตายโหงไปต่อหน้าทว่าหินที่หายไปจากอากาศ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อ“ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่? ว่าอย่าตุกติก” กู้หว่านเยว่หันหลังกลับไปมองอย่างไม่พอใจ หยิบปืนออกมาจากมิติหวังซานกลัวมากจนเสียสติ “ไว้ชีวิตด้วย…”ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกกู้หว่านเยว่ยิงเสียชีวิตไปแล้วหลังจากจัดการกับหวังซานแล้ว ทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปในเหม
แต่เส้นทางนี้กลับดูแน่นขนัดมาก หากคนกลุ่มนี้เบียดเสียดกันออกมา อาจจะเกิดเหตุการณ์เหยียบกันก็ได้“พวกเจ้าทุกคนจงฟังข้า วันนี้ข้ามาช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องรับปากข้าว่าจะเข้าแถวทยอยกันออกไปจากที่นี่”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หลังประตูคุกบานนี้มีคนที่เข้าใจสถานการณ์อยู่ไม่น้อย จึงตระหนักได้ถึงสิ่งที่กู้หว่านเยว่กำลังเป็นกังวล ก่อนจะรีบพยักหน้า“ท่านทั้งสองโปรดวางใจ ตราบใดที่ปล่อยพวกข้าออกไป พวกข้าจะยอมทำทุกอย่าง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง จากนั้นก็หันกลับไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้นหากมีคนตาย นางจะนำร่างไร้ลมหายใจของพวกเขาวางไว้ด้านข้าง หากมีคนรอดชีวิต นางจะให้คนที่มีพละกำลังแบกพวกเขาออกไปก่อน เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ทุกคนจึงรีบหันไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะแบกร่างของคนที่รอดชีวิตออกไปตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ เมื่อเห็นทุกคนต่างเข้าแถว กู้หว่านเยว่ก็กล่าวกับซูจิ่งสิงว่า“ท่านพี่ ท่านเปิดประตูคุกให้ทุกคนออกไปเถิด”“อื้อ”ซูจิ่งสิงชักดาบออกมา จากนั้นก็ทำการตัดกลอนกุญแจออกเป็นสองส่วน
เสียงที่เอิกเกริกดังขยายมาจากด้านหลัง สร้างความตกใจให้กับนกที่อยู่ในป่าไม่น้อย“พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”เนี่ยชิงหลานพากลุ่มคนเดินเข้ามา โดยมีทหารที่ไม่รู้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่เดินล้อมรอบ ทันใดนั้นผู้ว่าการอำเภอก็วิ่งเข้ามา“คารวะท่านหญิง ท่านหญิงไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ทันทีที่เอ่ยออกไป ทุกคนก็เบิกตากว้าง มองเนี่ยชิงหลานอย่างไม่อยากเชื่อ“จบเห่แล้ว.....” ผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังซานพากันหน้าถอดสีพวกเขาลักพาตัวท่านหญิงไป ไม่มีใครรู้ว่าอ๋องจินมีน้องสาวหนึ่งคน นี่ถือว่าเป็นการยั่วยุคนที่ไม่สมควรยั่วยุเข้าแล้วกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อยทั้งสองคนไม่ได้กลัวสถานะของเนี่ยชิงหลาน เพียงแต่คาดไม่ถึงว่านางจะเป็นน้องสาวของอ๋องจิน“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกสถานะของข้ากับพวกเจ้า”เนี่ยชิงหลานแลบลิ้นอย่างรู้สึกผิด นางกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะห่างเหินนางเพราะเรื่องนี้“ข้าไม่อยากอยู่บ้าน จึงมักจะติดตามพี่ชายออกไปเที่ยวเตร่ที่เจียงหู”เนี่ยชิงหลานมีความฝันอยากเป็นวีรสตรีตั้งแต่เด็ก หลังจากออกจากจวน ก็มักจะปล้นคนรวยช่วยคนจนครั้งนี้เมื่อรู้ว่าที่นี่มีคนหายตัวไปอยู่บ่อย
นางลูบใบหน้ารูปไข่ของเอ้อร์หู่ก่อนจะกล่าวว่า “ลูกรัก เจ้าผอมไปแล้วนะ อยู่ที่นั่นเจ้าคงลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหม แต่ขอแค่ให้เจ้ามีชีวิตรอดก็พอ”ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เคยเห็นสีหน้าที่ดูประหลาดใจของป้าเก๋อ ที่แท้อีกฝ่ายก็ถูกบีบบังคับนี่เองเรื่องนี้คงอธิบายได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใดป้าเก๋อถึงไม่สบอารมณ์ในตอนที่พวกเขาสองคนขอเข้าไปพักค้างอ้างแรมเนี่ยชิงหลานเองก็คิดไม่ถึงว่าป้าเก๋อจะถูกหวังซานบีบบังคับเช่นนี้เมื่อเห็นสองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้ ในใจก็อดสงสารสองแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้แต่ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ หลายชีวิตที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในเหมืองแห่งนั้นจนต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ“ผู้ว่าการอำเภอหลิน ช่วยลงโทษป้าเก๋อสถานเบาเถิด”เนี่ยชิงหลานเป็นคนชอบใจอ่อน สุดท้ายนางให้อภัยป้าเก๋อ“ขอรับ”ผู้ว่าการอำเภอรีบพยักหน้า แต่เรื่องที่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายคือ จากอายุที่ค่อนข้างมากของป้าเก๋อ แม้ว่าในคุกนั้นจะเป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงทนไม่ไหวเนี่ยชิงหลานหันไปมองคนที่อยู่เบื้องล่างด้วยสายตาโหดร้ายอีกครั้ง“คนพวกนี้และหวังซานเป็นพวกเดียวกัน ไม่ต้องออมแรง ควรลงโทษอย่างไรก็ลงโ
เนี่ยชิงหลานเป็นคนจิตใจดี แต่พอถูกเขาเป่าหูเพียงไม่กี่ประโยคก็ถึงกันร้อนใจไม่น้อย“ในเมื่อด้านล่างยังมีคนอยู่ เหตุใดพวกเจ้ายังยืนอึ้งอยู่อีก รีบลงไปค้นหาสิ”“ไม่ใช่ข้าไม่อยากไป” ผู้ว่าการอำเภอหลินปาดเหงื่อเขาชี้ไปยังปากถ้ำที่เต็มไปด้วยฝุ่นตลบอบอวล “ถ้ำแห่งนี้อาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ นักการก็มีชีวิตเช่นกัน”จะว่าไปแล้วที่เขากล่าวก็ถูกต้องเนี่ยชิงหลานไม่ได้สังเกตตอนนี้เองบุรุษผู้หนึ่งในกลุ่มคนงานเหมืองก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ข้างล่างนั้นไม่มีคนรอดชีวิตแล้ว”เขาชี้ไปทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง “ในตอนที่สองสามีภรรยาคู่นี้และนายท่านลงไปช่วยพวกเรา พวกเขาสั่งให้เราแบกคนที่รอดชีวิตขึ้นมากันหมดแล้ว”ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พบว่าคนงานเหมืองที่วิ่งขึ้นมาจากด้านล่างแทบทุกคนต้องแบกใครสักคนออกมาด้วย เมื่อถึงที่ปลอดภัยทุกคนจึงพากันทรุดนั่งไปบนพื้น “ขอบคุณฟ้าดิน” เนี่ยชิงหลานไม่เคยใส่ใจสองคนนี้เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือคารวะ “ข้าเนี่ยชิงหลาน ขอบคุณในความกรุณาของพวกท่านทั้งสอง ที่ช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ออกมาได้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองมีนามว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”“ข้
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง
เนื่องจากมีทหารลาดตระเวนอยู่ข้างนอกเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสามคนจึงรีบกลับไปที่ห้อง“กลางคืนเจ้านอนคนเดียว คงไม่กลัวหรอกนะ?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เสี่ยวถ่านหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น“ไม่ต้องห่วง ขะ ข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าไม่กลัวหรอก”“ถ้าเจ้าไม่กลัวก็ดีแล้ว กลางคืนเจ้านอนห้องข้าง ๆ พรุ่งนี้เช้าตอนเราออกเดินทาง ก็จะไปปลุกเจ้า”อาจเป็นเพราะถูกชะตากัน กู้หว่านเยว่มักจะมีความอดทนกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ“ทะ ท่านจะปลุกข้าจริง ๆ หรือ?”ดวงตาของเขาใสซื่อ มองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อยดูเหมือนเด็กคนนี้จะยังคงกังวลว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไป“ก็ไม่แน่ บางทีตอนดึกข้าอาจจะปลุกเจ้าก็ได้”คืนนี้ นางมีเรื่องใหญ่ที่ต้องลงมือทำ“เช่นนั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว” เสี่ยวถ่านเชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะไม่หลอกเขาหลังจากมองเสี่ยวถ่านเข้าไปในห้องแล้ว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ทั้งสองคนหลับตาทำเป็นงีบหลับ แต่จริง ๆ แล้วกำลังรอให้ฟ้ามืดเมื่อยามค่ำคืนมาเยือน ข้างนอกก็เริ่มเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม“ใครก็ได้
เหยลวี่หมิงหัวเราะเสียงดังลั่น กู้หว่านเยว่หน้ามืด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องของตัวเองดังขึ้น จึงรีบพาซูจิ่งสิงกลับไปที่ห้องพัก ทั้งสองคนออกมาจากมิติ ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวถ่านดังมาจากข้างนอก“พี่หญิงกู้ ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว”ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวถ่านอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงมาหาพวกเขากู้หว่านเยว่เปิดประตู สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ เสี่ยวถ่านที่อาบน้ำเสร็จแล้ว กลับดูหน้าตาสะอาดสะอ้านและงดงามเกินคาด“เจ้าดูเหมือนเด็กผู้หญิงนะ”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้นมาลอย ๆ สีหน้าของเสี่ยวถ่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าตัวเอง “จริงหรือ?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยความประหม่า “พี่หญิงกู้ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ต่อไปข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านอย่างแน่นอน”“เจ้าโตก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าในตอนนี้ แค่ชายร่างกำยำต่อยหมัดเดียว เจ้าก็ตายได้แล้ว”กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะ เด็กคนนี้รู้จักตอบแทนบุญคุณจริง ๆ เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถึงเวลาอาหารเย็น กู้หว่านเยว่จึงลากเสี่ยวถ่านไปกินข้าวข้างล่างข้างล่างมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองสือโม่ ก็
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ทำให้ท่านเจ้าเมืองสะดุ้งตกใจ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรีบร้อน แล้วจากไปพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวเห็นได้ชัดว่า เขาหวาดกลัวเหยลวี่หมิงมากและความหวาดกลัวเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเห็นแก่เหยลวี่เจิง“คุณชาย กระดูกมือของท่านต่อเรียบร้อยแล้วขอรับ”เหยลวี่หมิงลองขยับแขนอีกครั้ง ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง เจ็บเสียจนเขาต้องกัดฟันกรอด“คุณชาย ถึงแม้ว่ากระดูกแขนของท่านจะต่อติดกันแล้ว แต่ภายในครึ่งเดือนห้ามขยับตัวมากเกินไป ต้องรอจนกว่าเฝือกจะเข้าที่เรียบร้อยแล้วจึงจะถอดออกได้”หมอต่อกระดูกเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เขาสาบานว่านี่เป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเคยรับมาทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เขาก็รู้สึกเจ็บคอขึ้นมาทันที ตามมาด้วยเลือดจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาจนบดบังดวงตาของเขาเหยลวี่หมิงฆ่าเขาโดยตรง!ไม่ใช่แค่หมอต่อกระดูกที่ล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกโพลงแม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่อยู่ในมิติก็ยังไม่ทันตั้งตัว“บ้าเอ๊ย เหยลวี่หมิงผู้นี้ไม่เห็นค่าของชีวิตคนเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่อดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลง เมื่อครู่นี้นางและซูจิ่งสิงซ่อนตัวอยู่ในมิติ เห็น
ปรากฏว่าทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเหยลวี่หมิงดังขยายออกมาจากในห้องทั้งสองคน ‘ยิ่งเกลียดยิ่งเจอจริง ๆ สินะ’ครั้นเสี่ยวเอ้อร์เห็นสองคนมีท่าทีแข็งทื่อ ก็รีบกล่าวขึ้นมา “มิต้องแปลกใจขอรับ คนที่อยู่ห้องตรงข้ามกำลังจัดกระดูก อาจารย์ด้านกระดูกกำลังจัดกระดูกให้เขา เสียงร้องจึงดังไปสักหน่อย หากท่านทั้งสองไม่สบายใจ ข้าเปลี่ยนห้องให้พวกท่านได้ขอรับ”“ไม่ต้อง”อยู่ในโรงเตี๊ยมเดียวกับเหยลวี่หมิง นับว่าโชคร้ายไปสักหน่อยแต่ครั้นกู้หว่านเยว่ได้คิดไตร่ตรองแล้ว พวกเขาสามารถเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเหยลวี่หมิงได้ตลอดเวลา หากมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะได้ไหวตัวทันในทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกอย่างไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะได้ยินข่าวคราวของซูจิ่นเอ๋อร์จากปากของเหยลวี่หมิงก็ได้“ไม่ต้องวุ่นวาย เราพักในห้องนี้ได้”สองสามีภรรยาส่งสายตากันและกันจนเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย ซูจิ่งสิงโบกมือเล็กน้อยส่งให้เด็กในโรงเตี๊ยมออกไปหลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในห้องก็ทำการสำรวจหนึ่งรอบ จึงได้เห็นเสี่ยวถ่านที่เดินตามเข้ามา“ข้าเปิดไว้สองห้อง เจ้าไปพักห้องที่อยู่ถัดไป
“ไม่ต้องร้อนใจ เรายังต้องพักในเมืองชิงซานหนึ่งคืน ยังมีเวลา”หลังจากที่ทหารที่ด้านนอกทยอยกันจากไป กู้หว่านเยว่ก็พาซูจิ่งสิงออกจากห้วงมิติทั้งสองคนลอยตัวไปยังร้านขายเสื้อผ้า เวลานี้เสี่ยวถ่านกำลังเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่พอดี เขารอกู้หว่านเยว่มาจ่ายเงินอย่างกระวนกระวายใจเขากลัวว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ แล้วจากไปเพราะความกังวลมากเกินไป แม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ปลอมตัวเดินมาถึงหน้าเขา ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง“นี่!”กู้หว่านเยว่ตบศีรษะของเสี่ยวถ่าน “มัวอึ้งอะไร ยังเลือกเสื้อผ้าไม่ได้หรือ?”“พี่หญิงกู้?”เสี่ยวถ่านจำเสียงของนางได้ ครั้นเห็นทั้งสองคนแต่งกายต่างจากก่อนหน้านั้น แม้แต่ใบหน้าก็เปลี่ยนไป จึงอดตื่นตกใจไม่ได้“พวก...พวกท่าน?”“เราสองคนเจอกับปัญหาเล็กน้อย จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ปิดบัง ต่อไปเสี่ยวถ่านต้องติดตามพวกเขาไป บอกเขาไว้จะสะดวกมากกว่าในขณะเดียวกัน นางก็แอบตัดสินใจอยู่เงียบ ๆ หากเสี่ยวถ่านกล้าหักหลังนาง นางสามารถโยนเขากลับเข้าไปในกลุ่มทาสอีกครั้งได้อย่างไม่ปรานี“เช่นนั้นเรารีบออกไปจากตลาดกันเถอะ”เสี่ยวถ่านไม่ได้มีความค
“อ๊าก เจ็บ เจ็บยิ่งนัก”เหยลวี่หมิงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาคล้ายกับหมูโดนเชือด สีหน้าบิดเบี้ยวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในขณะเดียวกันนัยน์ตาก็ได้ฉายแววตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เขาคาดไม่ถึงว่าบุรุษหน้าตาขี้เหร่ผู้นี้จะมีวิทยายุทธ์ อีกทั้งวิทยายุทธ์ยังสูงมากอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนพี่ใหญ่ แต่ก็เหนือชั้นกว่าคนทั่วไป“พวกเจ้ามัวอึ้งทำไม? รีบเข้ามาช่วยข้าสิ”เหยลวี่หมิงช่างไร้ยางอายยิ่งนัก หลังจากพบว่าตัวเองสู้บุรุษผู้นั้นไม่ได้ จึงรีบออกคำสั่งขอกำลังเสริมทันทีครั้นเห็นทหารม้าทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน กลุ่มคนที่มุงดูเรื่องชาวบ้านก็พากันถอยออก และล้อมเอาไว้เป็นวงกว้าง คอยมุงดูอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้“เจ้ากล้าลงมือกับข้า ตายเสียเถอะ”นัยน์ตาของเหยลวี่หมิงฉายแววโหดร้าย พี่ใหญ่ปวดใจกับเขามาโดยตลอด คนรับใช้ข้างกายของเขาก็คือองครักษ์ลับข้างกายพี่ใหญ่คนเหล่านี้ต่างก็มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร โดยปกติแล้วจะไม่ลงมือง่าย ๆ หากลงมือแล้วพวกเขาจะเล่นกันถึงตายบุรุษผู้นี้จะต้องตายสถานเดียว!นัยน์ตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม วินาทีต่อมาก็ต้องตกตะลึงอย่างมากคนรับใช้เหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้
“พวกเจ้าว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใครกัน?”“ไม่รู้สิ”ทุกคนพากันรวมตัว ทยอยกันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ส่วนใหญ่ล้วนแต่ฟังมาจากข่าวลือที่ไม่มีมูลในเวลานี้ เสียงอันภาคภูมิใจเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น“ข้ารู้ว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใคร ชายหญิงคู่นั้นคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ย”ทุกคนมองไปตามเสียง กระทั่งเห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายใต้การรายล้อมของคนรับใช้ครั้นเห็นเสื้อผ้าอันหรูหราของอีกฝ่าย คนในฝูงชนก็ตอบสนองในทันที“นี่คงไม่ใช่น้องชายของท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง เหยลวี่หมิงหรอกนะ? คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเจอเขาที่นี่ ว่าแต่เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยที่เขาเอ่ยถึงเป็นใครกันแน่?”เสียงกระซิบกระซาบในกลุ่มดังขึ้น เนื่องจากเหยลวี่เจิงนั้นมีอำนาจเหนือกว่าทูเจวี๋ย ดังนั้นในตอนที่ทุกคนเห็นเหยลวี่หมิง ทุกคนก็อดแสดงสีหน้าหวาดกลัวไม่ได้“เหอะ ๆ ก็แค่คนน่ารังเกียจสองคนเท่านั้น”สีหน้าของเหยลวี่หมิงฉายแววโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่อย่างมากไม่แปลกใจเลย เขาเป็นน้องชายของเหยลวี่เจิง จะชอบซูจิ่งสิงได้อย่างไร?“แต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าสองคนนั้นคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้น
“คนในครอบครัวของเจ้าตายกันหมดแล้วหรือ?”กู้หว่านเยว่ปวดใจกับเด็กคนนี้มาก จึงยื่นขนมอีกชิ้นให้เขา“ทุกคนตายหมดแล้วขอรับ เหลือเพียงข้าผู้เดียว”ครั้นนึกถึงเรื่องเสียใจ เสี่ยวถ่านก็มักจะก้มหน้าลง จากนั้นหยดน้ำตาก็ได้หลั่งรินออกมาจากดวงตาของเขาเขาคิดถึงท่านแม่“เอาละ หยุดร้องได้แล้ว แม้ว่าคนในครอบครัวของเจ้าจะตายกันหมดแล้ว แต่เจ้าก็ต้องใช้ชีวิตให้ดี”กู้หว่านเยว่ตักน้ำแกงไก่ให้เขา นางมักจะรู้สึกว่าสถานะของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดากิริยามารยาของเขาดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา จู่ ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว“ประตูเมืองเปิดแล้ว!”ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทันใดนั้นเสียงตะโกนระลอกหนึ่งก็ดังมาจากด้านนอก จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นขึ้นในฝูงชนที่ล้อมรอบ ทุกคนต่างทยอยกันเข้ามารวมตัวกันหน้าประตูเมือง“น้องหญิง เราเองก็เข้าเมืองกันเถอะ”ซูจิ่งสิงเปิดผ้าม่าน ก่อนจะกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ไหน ๆก็จะเข้าเมืองแล้ว พวกเขาคงนั่งอยู่บนรถม้าไม่ได้อีก ต้องลงจากรถม้ามาตรวจสอบถึงจะถูก “เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่คว้ามือของเสี่ยวถ่านลงมาจากรถม้า และเดินมาต่อแถวอยู่ด้านหลังของกล