เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัวซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่ เดินรอบคฤหาสน์หนึ่งรอบจนกระทั่งรู้สึกเมื่อยขาแล้ว ทั้งสองคนถึงจูงมือกันออกจากคฤหาสน์ กู้หว่านเยว่เพลิดเพลินจนลืมทางกลับบ้าน คฤหาสน์หลังนี้ถูกใจนางทั้งหมด เดาได้ไม่ยากว่าซูจิ่งสิงใส่ใจมากน้อยเพียงใดกู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า จุมพิตมุมปากของซูจิ่งสิงทีหนึ่ง “ท่านพี่ ข้าชอบคฤหาสน์หลังนี้มาก ไม่มีของขวัญใดดีไปยิ่งกว่าสิ่งนี้แล้ว!”ซูจิ่งสิงใส่ใจมาก ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ก็เพื่อเอาใจกู้หว่านเยว่บัดนี้แลกมากับรอยยิ้มพิมพ์ใจ สายตาเขาลึกล้ำ กระหายความอบอุ่นที่มุมปาก จับหลังคอของกู้หว่านเยว่ กลีบปากเยียบเย็นประทับลงบนกลีบปากแดง จูบนี้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธจูบของเขา หลับตาพริ้ม เพลิดเพลินกับท่วงท่าเกี่ยวกระหวัดชวนเศร้าของทั้งคู่เงียบๆจนกระทั่งเสียงมาอย่างไม่ถูกเวลาดังขึ้นจากภายนอกรถม้า ขัดการกระทำของพวกเขา“เรื่องใด?”สีหน้าซูจิ่งสิงรำคาญอยู่บ้าง งอขาทั้งสองข้างเล็กน้อย กลัวถูกกู้หว่านเยว่สังเกตเห็นบางอย่างฉู่เฟิงพูดผ่านประตูรถม้ากั้น “นายท่าน คนจากบ้านสามสกุลหลี่มาแล้ว พูดว่าขอเชิญ
“แม่นางกู้ หากเจ้ายินดีไปรักษาลูกสาวที่จวนข้า ภายภาคหน้าข้าจะตกรางวัลเจ้าอย่างงาม”ผู้อาวุโสลำดับสามครุ่นคิดภายในใจ บางเรื่องเขาอดทนได้ก็ต้องอดทนขอเพียงกู้หว่านเยว่ไม่ทำเลยเถิดเกินไปนัก ภายภาคหน้าก็ไม่เป็นปรปักษ์กับกู้หว่านเยว่อีกแล้วกู้หว่านเยว่ได้พบบ่าวรับใช้สกุลหลี่ ก็เพราะผู้อาวุโสลำดับสามดูเบา จึงไม่ยินดีช่วยเหลือบัดนี้ผู้อาวุโสลำดับสามมาเชิญด้วยตนเองแล้ว นางย่อมไม่ปฏิเสธ ยกมุมปากยิ้มทีหนึ่ง“รบกวนผู้อาวุโสลำดับสามรอสักครู่ ข้าจะไปหยิบกล่องยาของข้า”พูดไป หมุนตัวไปหยิบกล่องยา พูดเสียงเรียบ “ไปเถอะ”“น้องหญิง ข้าไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงรีบตามติดข้างกายกู้หว่านเยว่ กลัวกู้หว่านเยว่ออกไปแล้วถูกรังแกผู้อาวุโสลำดับสามผินมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง ใคร่ครวญภายในใจ ดีร้ายอย่างไรเจิ้นเป่ยอ๋องก็เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เหตุใดเป็นทาสเมียเช่นนี้?ทว่าเขาคล้ายไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ เพราะเขาเองก็เป็นทาสเมียคนหนึ่งเฉกเช่นเดียวกัน“ไป”สองสามคนขึ้นรถม้า กู้หว่านเยว่ยังนั่งรถม้าของตน ผู้อาวุโสลำดับสามนำทางอยู่ข้างหน้าระหว่างทาง ผู้อาวุโสลำดับสามเร่งความเร็วอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากังวลอยู่บ้าง
ผู้อาวุโสลำดับสามสงสัยวิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ขึ้นมาในทันใด หาไม่แล้วก็เป็นนางยังแค้นใจ ตั้งใจหลอกพวกเขากู้หว่านเยว่เดาะลิ้น เอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเดินทางมาเพื่อหลอกท่านกระนั้นรึ?”“แม่นางกู้ พวกเรามิได้หมายความเช่นนี้”ฮูหยินสามนี่ถึงมองเห็นว่ากู้หว่านเยว่กำลังตั้งครรภ์ ไฉนเลยจะมีหญิงตั้งครรภ์มาหลอกคนได้เล่า? กู้หว่านเยว่ยอมช่วยเหลือก็คือไว้หน้าพวกเขาแล้ว พวกเขาจะเสียมารยาทไม่ได้เป็นอันขาด“ท่านหุบปาก ดีร้ายอย่างไรลูกสาวก็กำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ท่านอย่าได้สร้างความวุ่นวายเป็นอันขาด”“ข้า...” ผู้อาวุโสลำดับสามอึดอัดใจ นี่เขากำลังสร้างความวุ่นวายอะไร กำลังร้อนใจจนไม่รู้สมควรทำเยี่ยงไรต่างหาก“แม่นางกู้ เจ้าอย่าขุ่นเคืองไปเลย ข้าเชื่อเจ้า ในเมื่อเจ้าพูดว่าชิวเตี๋ยมิได้ป่วย เช่นนั้นตกลงนางเป็นอะไรกันแน่?”ฮูหยินสามถามต่อ บัดนี้นางกังวลลูกสาวที่ยังนอนหมดสติอยู่ตลอดของตนที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ล้มเลิกการแกล้งปิดเงียบไว้ พูดตามสัตย์จริง“ทังฮูหยินนี่คือป่วยใจ เรื่องของทังต่าทำร้ายนางหนักมากเกินไป นางไม่ยินดีฟื้นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง ดังนั้นจึงเลือกใช้วิธีนี้หลบหนี ทำใ
มิสู้ให้คนอยู่ต่อที่จวน หากหลี่ชิวเตี๋ยมีอาการอะไร จะได้เรียกคนมาได้ทันท่วงทีซูจิ่งสิงเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ภรรยาข้ามิใช่หมอประจำจวนของพวกท่าน”สามารถมาได้ก็นับว่าไว้หน้ามากแล้ว พูดว่าอยู่ต่อก็อยู่ต่อคือสถานการณ์อะไรกัน?ฮูหยินสามรีบพูดว่า “นายท่านซู ข้าจะดูแลแม่นางกู้อย่างดีแน่นอน หากท่านไม่วางใจ สามารถอยู่ต่อด้วยกันที่นี่ได้”นางไฉนเลยจะกล้าล่วงเกินกู้หว่านเยว่ หากกู้หว่านเยว่ยินดีอยู่ต่อจริงๆ ย่อมต้องได้รับการปรนนิบัติเป็นแขกทรงเกียรติก็มิปานซูจิ่งสิงเพียงกังวลสกุลหลี่จะทำให้กู้หว่านเยว่ลำบากจึงเอ่ยปากเตือนแต่ลงท้ายคนตัดสินใจย่อมต้องเป็นกู้หว่านเยว่“น้องหญิง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“อยู่ก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญดูแล้ว อยู่ต่อก็สะดวกต่อการตรวจอาการหลี่ชิวเตี๋ยจริงนั่นล่ะยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็อยากเห็นว่าตกลงเกิดอันใดขึ้นกับบ้านสามนี้ ภายภาคหน้าจะสร้างปัญหาให้ตนหรือไม่ หากยังแยกแยะได้ไม่ชัดเจน นางก็ยินดีอยู่ในเมืองอวี้มากอีกสองสามวัน กำจัดบ้านสามทิ้งไปเสียเลย“ข้าจะไปจัดแจงเดี๋ยวนี้เลย”ฮูหยินสามรีบส่งแม่นมข้างกายตนออกไป พากู้หว่านเยว่ไปที่พักด้วยตนเอง“ต้องกระตือ
ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่เพิ่งตื่นนอนบังเอิญพบซูจิ่งสิงที่ออกไปสืบสถานการณ์ยามราตรีกลับมาพอดี“เป็นเช่นไร?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างอดใจรอแทบไม่ไหว เป้าหมายในการมาของนางในครั้งนี้ ก็คือต้องการยืนยันว่าบ้านสามสกุลหลี่มีเจตนาร้ายหรือไม่“บ้านสามสะอาดมาก ภายในจวนไม่มีของได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ผู้อาวุโสลำดับสามและฮูหยินสามสกุลอวี้รักกันมานานหลายปี เงินภายในคลังล้วนมีไว้ให้หลี่ชิวเตี๋ย”ซูจิ่งสิงลดผ้าปิดหน้าลง สืบมาตลอดทั้งคืน เขามีสีหน้าอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด“ลำบากท่านพี่แล้ว” กู้หว่านเยว่รีบยกนมร้อนๆ หนึ่งแก้วออกจากมิติ เร่งให้ซูจิ่งสิงนอนพักผ่อนในเมื่อผู้อาวุโสลำดับสามนับว่าประพฤติดี นางก็วางใจแล้ว ส่วนที่เหลือมากที่สุดคือผู้อาวุโสลำดับสามไม่ยอมแพ้ตนเองและซูจิ่งสิงก็เท่านั้น ภายภาคหน้ากู้หว่านเยว่ย่อมหาทางเปลี่ยนความคิดของเขาผู้อาวุโสลำดับสามเคยนำสกุลหลี่ไปขับไล่ศัตรูจากต่างแดน ชื่อเสียงน่าเกรงขาม สำหรับเขาผู้นี้หากไม่หาเรื่องได้ย่อมดีที่สุดหลังพักผ่อนกับซูจิ่งสิงดีแล้ว บังเอิญฮูหยินสามก็มาหาพูดว่าหลี่ชิวเตี๋ยฟื้นแล้วกู้หว่านเยว่รีบกินมื้อเช้าให้เสร็จ ถือเข็มเงินไปยังเรือนด้าน
“หากฮูหยินจดจำบุญคุณของข้าไว้จริง มิสู้พบผู้อาวุโสลำดับสามและพูดดีๆ”เรื่องกู้หว่านเยว่เรียกผู้ว่าการอำเภอสองสามท่านไปที่จวนโหว ฮูหยินสามเองก็ได้ยินแล้ว นางได้ยินผู้อาวุโสลำดับสามสบถด่าอยู่ภายในบ้านนานทีเดียวเพียงกู้หว่านเยว่เอ่ยปาก นางก็เข้าใจความนัยแล้ว รับคำเสียงเข้ม“แม่นางกู้วางใจได้ ข้ามีแผนแล้ว”พูดจบ นางลอบมองซูจิ่งสิงทางด้านข้างแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าซูจิ่งสิงเป็นปกติ ลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“เช่นนั้นข้าขอลาแล้ว ฮูหยินสาม ไว้พบกันใหม่”เป้าหมายสำเร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ไม่มีเหตุผลให้อยู่ต่อ พยักหน้าบอกลา“อืม”ฮูหยินสามมองเงาคนทั้งสองพลางถอนหายใจ นึกบางอย่างขึ้นได้ รีบหมุนตัวไปพบผู้อาวุโสลำดับสาม“เกิดเป็นคนต้องฉลาด เมื่อแรกชิวเตี๋ยจะแต่งงานกับทังต่าให้ได้ ข้าคิดว่าทังต่ามิใช่คนดี ความจริงพิสูจน์แล้ว เป็นเช่นนั้นดังคาด บัดนี้ข้าคิดว่าแม่นางกู้และซูจิ่งสิงมิใช่คนรังแกง่าย หวังว่านายท่านจำไม่เป็นปรปักษ์กับพวกเขาอีก หาไม่แล้วเป็นไปได้มากว่าคนบาดเจ็บก็คือตนเอง”ฮูหยินสามพร่ำบ่นไปแล้วหนึ่งยก หลี่เฉิงเต๋อกลับไม่เก็บมาใส่ใจ เบ้ปากพูดอย่างโอหัง“เจดีย์หนิงกู่เป็นของสกุลหลี่ พวกเขาย
นางเพียงกวาดทรัพย์สินคลังส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ มิได้แตะต้องท้องพระคลังหลวงเลยแม้แต่น้อย เหตุใดราชสำนักไม่บรรเทาทุกข์เล่า?หรือว่าฮ่องเต้ชั่วนำเงินจากท้องพระคลังหลวงออกมาเสพสุขแล้ว?นึกถึงจุดจบของคนสกุลจี้ ทันใดนั้นนางคิดว่านี่เป็นไปไม่ได้สายตาซูจิ่งสิงดำทะมึน เอ่ยเสียงเรียบ “หากฮ่องเต้ชั่วโง่เขลาเบาปัญญาเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องประทับบนบัลลังก์มังกรอีกต่อไปแล้ว”เขาเสี่ยงอันตรายเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบปกป้องบ้านเมือง มิใช่เพื่อให้ฮ่องเต้ชั่วทำลายเช่นนี้“ต้องเร่งมือสร้างเจดีย์หนิงกู่เสียแล้ว”กู้หว่านเยว่ถูปลายนิ้วเล็กน้อย รอสร้างเสร็จแล้ว ก็สามารถมอบดินแดนในอุดมคติแห่งหนึ่งให้ผู้ลี้ภัยได้ขณะเดียวกัน ก็สามารถรับสมัครทหารซื้อม้าได้อย่างอิสระ นางหวังอย่างยิ่งให้ถึงวันนี้“เอาล่ะ เหลืออีกเพียงครั้งเดียวแล้วเจ้าค่ะ”การฝังเข็มจบลงโดยไม่รู้ตัวกู้หว่านเยว่เก็บเข็มเงิน พูดยิ้มๆ“หลังฝังเข็มครั้งสุดท้าย นายท่านผู้เฒ่าก็สามารถหลุดพ้นจากผงพระจันทร์เสี้ยวได้แล้ว นับแต่นี้ไปก็ไม่ต้องถูกคนบังคับอีก”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นรู้ว่าพิษภายในร่างกายตนใกล้ถูกถอนออกตั้งนานแล้ว แต่ได้ยินกู้หว่
ชิงเหลียนดื่มน้ำอุ่น ถอนหายใจเสียงแผ่ว “ฮูหยินช่างเป็นคนใจดีมีเมตตาโดยแท้ ดีต่อผู้อยู่ใต้อาณัติอย่างพวกเราเพียงนี้ เพราะเหตุนี้นายท่านถึงชอบฮูหยิน พวกเขาก็คือคู่รักสวรรค์สร้าง”หงเจากัดเกี๊ยวหนึ่งคำ “ภายภาคหน้าพวกเราต้องปรนนิบัติฮูหยินดีๆ”“เจ้าพูดถูก ภายภาคหน้าพวกเราต้องปรนนิบัติฮูหยินดีๆ”ทั้งสองกินอาหารเสร็จ รีบพิงรถม้าพักผ่อนเติมพลังภายในรถม้า กู้หว่านเยว่เข้าระบบอ่านตำราวิธีเก็บน้ำมันก๊าด รอจนกระทั่งร่างกายรู้สึกง่วงขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงออกมานอนหลับวันต่อมา ฟ้าสว่าง รถม้าออกเดินทางไปยังหมู่บ้านสือหานต่อก่อนฟ้ามืด รถม้าก็นับว่ามาถึงภายนอกหมู่บ้านสือหานแล้วทว่าขบวนคนกลับถูกฉู่เฟิงขวางไว้ก่อนเข้าหมู่บ้านสือหาน“นายท่าน มู่หรงอวี้ลอบพาเถาเอ๋อร์เข้าหมู่บ้านสือหานแล้ว”กู้หว่านเยว่ได้ยินก็เลิกคิ้ว นางรู้มู่หรงอวี้ต้องไม่ยอมอยู่เฉย วางแผนชั่วอยู่ภายใจอย่างแน่นอนนางเดาได้ถูกต้องดังคาด นี่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เขาก็มิอาจอดทนไหวมายังหมู่บ้านสือหานแล้ว“รู้ว่าเขาต้องการทำอันใดหรือไม่?”“มองดูแล้วคือกำลังวางแผนอะไร” ฉู่เฟิงพูดอย่างกังวล “เถาเอ๋อร์คล้ายมอบอาวุธร้ายกาจมากบางอย
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่