“ตามที่พวกเราได้หารือกันก่อนหน้านี้ ข้าได้สั่งให้คนของสกุลอวิ๋นเข้าไปในเขาหูหลางเงียบ ๆ เพื่อขุดเหมืองน้ำมันก๊าด ตอนนี้น้ำมันก๊าดจำนวนมากได้ถูกสกัดออกมา กำลังถูกขนส่งไปที่เจดีย์หนิงกู่อย่างลับ ๆ ในนั้นบางส่วนได้มาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้ว”ต้องขอบคุณเส้นทางการค้าที่ครอบคลุมและแหล่งเงินทุนที่เพียบพร้อมของสกุลอวิ๋น หากเป็นคนอื่นต้องการขนส่งน้ำมันก๊าดไปยังหเจดีย์หนิงกู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนี้กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ท่านช่วยข้าขนน้ำมันก๊าดทั้งหมดไปที่ภูเขาหลังหมู่บ้านสือหานที”นางวางแผนที่จะหากลุ่มคนที่เชื่อถือได้มาผลิตดินปืนในภูเขา ทันทีที่มีดินปืน เจดีย์หนิงกู่ของพวกเขาจะเทียบเท่ากับถังเหล็กหนึ่งใบ เป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาโจมตีอวิ๋นมู่รีบพยักหน้า “ได้ ข้าบังเอิญได้รู้จักถนนเส้นหนึ่ง สามารถแอบขนน้ำมันก๊าดเข้ามาได้อย่างเป็นความลับ ท่านไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ข้าต้องจัดการได้เป็นอย่างดีแน่นอน”ในเมื่อกู้หว่านเยว่ช่วยคลายพิษให้นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมู่ เช่นนั้นเรื่องที่นางชี้แจง เขาย่อมได้รับหัวใจเต็มร้อย“มอบให้ท่านจัดการแล้ว ข้าก็วางใจ”หลังจากหารือกั
เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัวซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่ เดินรอบคฤหาสน์หนึ่งรอบจนกระทั่งรู้สึกเมื่อยขาแล้ว ทั้งสองคนถึงจูงมือกันออกจากคฤหาสน์ กู้หว่านเยว่เพลิดเพลินจนลืมทางกลับบ้าน คฤหาสน์หลังนี้ถูกใจนางทั้งหมด เดาได้ไม่ยากว่าซูจิ่งสิงใส่ใจมากน้อยเพียงใดกู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า จุมพิตมุมปากของซูจิ่งสิงทีหนึ่ง “ท่านพี่ ข้าชอบคฤหาสน์หลังนี้มาก ไม่มีของขวัญใดดีไปยิ่งกว่าสิ่งนี้แล้ว!”ซูจิ่งสิงใส่ใจมาก ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ก็เพื่อเอาใจกู้หว่านเยว่บัดนี้แลกมากับรอยยิ้มพิมพ์ใจ สายตาเขาลึกล้ำ กระหายความอบอุ่นที่มุมปาก จับหลังคอของกู้หว่านเยว่ กลีบปากเยียบเย็นประทับลงบนกลีบปากแดง จูบนี้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธจูบของเขา หลับตาพริ้ม เพลิดเพลินกับท่วงท่าเกี่ยวกระหวัดชวนเศร้าของทั้งคู่เงียบๆจนกระทั่งเสียงมาอย่างไม่ถูกเวลาดังขึ้นจากภายนอกรถม้า ขัดการกระทำของพวกเขา“เรื่องใด?”สีหน้าซูจิ่งสิงรำคาญอยู่บ้าง งอขาทั้งสองข้างเล็กน้อย กลัวถูกกู้หว่านเยว่สังเกตเห็นบางอย่างฉู่เฟิงพูดผ่านประตูรถม้ากั้น “นายท่าน คนจากบ้านสามสกุลหลี่มาแล้ว พูดว่าขอเชิญ
“แม่นางกู้ หากเจ้ายินดีไปรักษาลูกสาวที่จวนข้า ภายภาคหน้าข้าจะตกรางวัลเจ้าอย่างงาม”ผู้อาวุโสลำดับสามครุ่นคิดภายในใจ บางเรื่องเขาอดทนได้ก็ต้องอดทนขอเพียงกู้หว่านเยว่ไม่ทำเลยเถิดเกินไปนัก ภายภาคหน้าก็ไม่เป็นปรปักษ์กับกู้หว่านเยว่อีกแล้วกู้หว่านเยว่ได้พบบ่าวรับใช้สกุลหลี่ ก็เพราะผู้อาวุโสลำดับสามดูเบา จึงไม่ยินดีช่วยเหลือบัดนี้ผู้อาวุโสลำดับสามมาเชิญด้วยตนเองแล้ว นางย่อมไม่ปฏิเสธ ยกมุมปากยิ้มทีหนึ่ง“รบกวนผู้อาวุโสลำดับสามรอสักครู่ ข้าจะไปหยิบกล่องยาของข้า”พูดไป หมุนตัวไปหยิบกล่องยา พูดเสียงเรียบ “ไปเถอะ”“น้องหญิง ข้าไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงรีบตามติดข้างกายกู้หว่านเยว่ กลัวกู้หว่านเยว่ออกไปแล้วถูกรังแกผู้อาวุโสลำดับสามผินมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง ใคร่ครวญภายในใจ ดีร้ายอย่างไรเจิ้นเป่ยอ๋องก็เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เหตุใดเป็นทาสเมียเช่นนี้?ทว่าเขาคล้ายไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ เพราะเขาเองก็เป็นทาสเมียคนหนึ่งเฉกเช่นเดียวกัน“ไป”สองสามคนขึ้นรถม้า กู้หว่านเยว่ยังนั่งรถม้าของตน ผู้อาวุโสลำดับสามนำทางอยู่ข้างหน้าระหว่างทาง ผู้อาวุโสลำดับสามเร่งความเร็วอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากังวลอยู่บ้าง
ผู้อาวุโสลำดับสามสงสัยวิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ขึ้นมาในทันใด หาไม่แล้วก็เป็นนางยังแค้นใจ ตั้งใจหลอกพวกเขากู้หว่านเยว่เดาะลิ้น เอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเดินทางมาเพื่อหลอกท่านกระนั้นรึ?”“แม่นางกู้ พวกเรามิได้หมายความเช่นนี้”ฮูหยินสามนี่ถึงมองเห็นว่ากู้หว่านเยว่กำลังตั้งครรภ์ ไฉนเลยจะมีหญิงตั้งครรภ์มาหลอกคนได้เล่า? กู้หว่านเยว่ยอมช่วยเหลือก็คือไว้หน้าพวกเขาแล้ว พวกเขาจะเสียมารยาทไม่ได้เป็นอันขาด“ท่านหุบปาก ดีร้ายอย่างไรลูกสาวก็กำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ท่านอย่าได้สร้างความวุ่นวายเป็นอันขาด”“ข้า...” ผู้อาวุโสลำดับสามอึดอัดใจ นี่เขากำลังสร้างความวุ่นวายอะไร กำลังร้อนใจจนไม่รู้สมควรทำเยี่ยงไรต่างหาก“แม่นางกู้ เจ้าอย่าขุ่นเคืองไปเลย ข้าเชื่อเจ้า ในเมื่อเจ้าพูดว่าชิวเตี๋ยมิได้ป่วย เช่นนั้นตกลงนางเป็นอะไรกันแน่?”ฮูหยินสามถามต่อ บัดนี้นางกังวลลูกสาวที่ยังนอนหมดสติอยู่ตลอดของตนที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ล้มเลิกการแกล้งปิดเงียบไว้ พูดตามสัตย์จริง“ทังฮูหยินนี่คือป่วยใจ เรื่องของทังต่าทำร้ายนางหนักมากเกินไป นางไม่ยินดีฟื้นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง ดังนั้นจึงเลือกใช้วิธีนี้หลบหนี ทำใ
มิสู้ให้คนอยู่ต่อที่จวน หากหลี่ชิวเตี๋ยมีอาการอะไร จะได้เรียกคนมาได้ทันท่วงทีซูจิ่งสิงเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ภรรยาข้ามิใช่หมอประจำจวนของพวกท่าน”สามารถมาได้ก็นับว่าไว้หน้ามากแล้ว พูดว่าอยู่ต่อก็อยู่ต่อคือสถานการณ์อะไรกัน?ฮูหยินสามรีบพูดว่า “นายท่านซู ข้าจะดูแลแม่นางกู้อย่างดีแน่นอน หากท่านไม่วางใจ สามารถอยู่ต่อด้วยกันที่นี่ได้”นางไฉนเลยจะกล้าล่วงเกินกู้หว่านเยว่ หากกู้หว่านเยว่ยินดีอยู่ต่อจริงๆ ย่อมต้องได้รับการปรนนิบัติเป็นแขกทรงเกียรติก็มิปานซูจิ่งสิงเพียงกังวลสกุลหลี่จะทำให้กู้หว่านเยว่ลำบากจึงเอ่ยปากเตือนแต่ลงท้ายคนตัดสินใจย่อมต้องเป็นกู้หว่านเยว่“น้องหญิง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“อยู่ก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญดูแล้ว อยู่ต่อก็สะดวกต่อการตรวจอาการหลี่ชิวเตี๋ยจริงนั่นล่ะยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็อยากเห็นว่าตกลงเกิดอันใดขึ้นกับบ้านสามนี้ ภายภาคหน้าจะสร้างปัญหาให้ตนหรือไม่ หากยังแยกแยะได้ไม่ชัดเจน นางก็ยินดีอยู่ในเมืองอวี้มากอีกสองสามวัน กำจัดบ้านสามทิ้งไปเสียเลย“ข้าจะไปจัดแจงเดี๋ยวนี้เลย”ฮูหยินสามรีบส่งแม่นมข้างกายตนออกไป พากู้หว่านเยว่ไปที่พักด้วยตนเอง“ต้องกระตือ
ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่เพิ่งตื่นนอนบังเอิญพบซูจิ่งสิงที่ออกไปสืบสถานการณ์ยามราตรีกลับมาพอดี“เป็นเช่นไร?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างอดใจรอแทบไม่ไหว เป้าหมายในการมาของนางในครั้งนี้ ก็คือต้องการยืนยันว่าบ้านสามสกุลหลี่มีเจตนาร้ายหรือไม่“บ้านสามสะอาดมาก ภายในจวนไม่มีของได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ผู้อาวุโสลำดับสามและฮูหยินสามสกุลอวี้รักกันมานานหลายปี เงินภายในคลังล้วนมีไว้ให้หลี่ชิวเตี๋ย”ซูจิ่งสิงลดผ้าปิดหน้าลง สืบมาตลอดทั้งคืน เขามีสีหน้าอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด“ลำบากท่านพี่แล้ว” กู้หว่านเยว่รีบยกนมร้อนๆ หนึ่งแก้วออกจากมิติ เร่งให้ซูจิ่งสิงนอนพักผ่อนในเมื่อผู้อาวุโสลำดับสามนับว่าประพฤติดี นางก็วางใจแล้ว ส่วนที่เหลือมากที่สุดคือผู้อาวุโสลำดับสามไม่ยอมแพ้ตนเองและซูจิ่งสิงก็เท่านั้น ภายภาคหน้ากู้หว่านเยว่ย่อมหาทางเปลี่ยนความคิดของเขาผู้อาวุโสลำดับสามเคยนำสกุลหลี่ไปขับไล่ศัตรูจากต่างแดน ชื่อเสียงน่าเกรงขาม สำหรับเขาผู้นี้หากไม่หาเรื่องได้ย่อมดีที่สุดหลังพักผ่อนกับซูจิ่งสิงดีแล้ว บังเอิญฮูหยินสามก็มาหาพูดว่าหลี่ชิวเตี๋ยฟื้นแล้วกู้หว่านเยว่รีบกินมื้อเช้าให้เสร็จ ถือเข็มเงินไปยังเรือนด้าน
“หากฮูหยินจดจำบุญคุณของข้าไว้จริง มิสู้พบผู้อาวุโสลำดับสามและพูดดีๆ”เรื่องกู้หว่านเยว่เรียกผู้ว่าการอำเภอสองสามท่านไปที่จวนโหว ฮูหยินสามเองก็ได้ยินแล้ว นางได้ยินผู้อาวุโสลำดับสามสบถด่าอยู่ภายในบ้านนานทีเดียวเพียงกู้หว่านเยว่เอ่ยปาก นางก็เข้าใจความนัยแล้ว รับคำเสียงเข้ม“แม่นางกู้วางใจได้ ข้ามีแผนแล้ว”พูดจบ นางลอบมองซูจิ่งสิงทางด้านข้างแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าซูจิ่งสิงเป็นปกติ ลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“เช่นนั้นข้าขอลาแล้ว ฮูหยินสาม ไว้พบกันใหม่”เป้าหมายสำเร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ไม่มีเหตุผลให้อยู่ต่อ พยักหน้าบอกลา“อืม”ฮูหยินสามมองเงาคนทั้งสองพลางถอนหายใจ นึกบางอย่างขึ้นได้ รีบหมุนตัวไปพบผู้อาวุโสลำดับสาม“เกิดเป็นคนต้องฉลาด เมื่อแรกชิวเตี๋ยจะแต่งงานกับทังต่าให้ได้ ข้าคิดว่าทังต่ามิใช่คนดี ความจริงพิสูจน์แล้ว เป็นเช่นนั้นดังคาด บัดนี้ข้าคิดว่าแม่นางกู้และซูจิ่งสิงมิใช่คนรังแกง่าย หวังว่านายท่านจำไม่เป็นปรปักษ์กับพวกเขาอีก หาไม่แล้วเป็นไปได้มากว่าคนบาดเจ็บก็คือตนเอง”ฮูหยินสามพร่ำบ่นไปแล้วหนึ่งยก หลี่เฉิงเต๋อกลับไม่เก็บมาใส่ใจ เบ้ปากพูดอย่างโอหัง“เจดีย์หนิงกู่เป็นของสกุลหลี่ พวกเขาย
นางเพียงกวาดทรัพย์สินคลังส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ มิได้แตะต้องท้องพระคลังหลวงเลยแม้แต่น้อย เหตุใดราชสำนักไม่บรรเทาทุกข์เล่า?หรือว่าฮ่องเต้ชั่วนำเงินจากท้องพระคลังหลวงออกมาเสพสุขแล้ว?นึกถึงจุดจบของคนสกุลจี้ ทันใดนั้นนางคิดว่านี่เป็นไปไม่ได้สายตาซูจิ่งสิงดำทะมึน เอ่ยเสียงเรียบ “หากฮ่องเต้ชั่วโง่เขลาเบาปัญญาเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องประทับบนบัลลังก์มังกรอีกต่อไปแล้ว”เขาเสี่ยงอันตรายเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบปกป้องบ้านเมือง มิใช่เพื่อให้ฮ่องเต้ชั่วทำลายเช่นนี้“ต้องเร่งมือสร้างเจดีย์หนิงกู่เสียแล้ว”กู้หว่านเยว่ถูปลายนิ้วเล็กน้อย รอสร้างเสร็จแล้ว ก็สามารถมอบดินแดนในอุดมคติแห่งหนึ่งให้ผู้ลี้ภัยได้ขณะเดียวกัน ก็สามารถรับสมัครทหารซื้อม้าได้อย่างอิสระ นางหวังอย่างยิ่งให้ถึงวันนี้“เอาล่ะ เหลืออีกเพียงครั้งเดียวแล้วเจ้าค่ะ”การฝังเข็มจบลงโดยไม่รู้ตัวกู้หว่านเยว่เก็บเข็มเงิน พูดยิ้มๆ“หลังฝังเข็มครั้งสุดท้าย นายท่านผู้เฒ่าก็สามารถหลุดพ้นจากผงพระจันทร์เสี้ยวได้แล้ว นับแต่นี้ไปก็ไม่ต้องถูกคนบังคับอีก”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นรู้ว่าพิษภายในร่างกายตนใกล้ถูกถอนออกตั้งนานแล้ว แต่ได้ยินกู้หว่
“กว่าจะมาถึงที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เราคงจะกลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ ข้าตั้งใจจะไปคูเมืองของเมืองสือโม่ แล้วกวาดเอาคลังสินค้าของพวกเขากลับไปด้วย”ในใจของกู้หว่านเยว่รู้สึกดีไม่น้อย ทำเรื่องใหญ่ทั้งที นางจะหยุดแค่นี้ไม่ได้สิ่งที่ซูจิ่งสิงคิดไว้ก็คือ หลังจากระเบิดประตูเมืองแล้วพวกเขาสามารถรอดพ้นจากการไล่ล่าได้ แต่ทหารทูเจวี๋ยที่เหลือคงจะรวมตัวและไล่ล่าทาสเหล่านั้นมีเพียงพวกเขาที่สามารถสร้างหายนะให้เมืองสือโม่ต่อไปได้ ทหารทูเจวี๋ยคงจะพุ่งความสนใจไปที่พวกเขา ชาวบ้านในต้าฉีจะได้มีโอกาสหนีออกไป“ก็ดี เช่นนั้นเราไปกวาดคลังสินค้าของพวกเขากันเถอะ”หากพูดถึงความเคร่งครัด นี่ไม่ได้เรียกว่าการปล้นถึงอย่างไรดินแดนของคนทูเจวี๋ยก็แห้งแล้งและไม่มีเสบียงมากนักในเมืองสือโม่มีการกักตุนเสบียงอาหารและเงินทอง โดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งของที่พวกเขาน่าจะปล้นชิงมาจากชาวบ้านที่อยู่ชายแดนดังนั้นตอนนี้ยิ่งพูดได้เต็มปากว่าเป็นเจ้าของเสบียงอาหาร พวกเขาแค่ต้องนำเสบียงที่เดิมทีเป็นของชาวบ้านชายแดนเหล่านั้นกลับมาก็เท่านั้น“ไป!”กู้หว่านเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาถึงคลังสินค้าในเมืองสือโม่เป็นอย่างที
จากนั้นนางก็ขี่จูเชวี่ยขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของกู้หว่านเยว่ค่อนข้างเอิกเกริก ไม่นานนักก็ดึงดูดความสนใจของทหารลาดตระเวน“พวกเจ้าดูนั้น มันคือสิ่งใดกัน?”“ดูเหมือนจะเป็นนกตัวหนึ่ง”“ไม่สิ ๆ ดูเหมือนว่ามีคนนั่งอยู่บนนกตัวนั้นด้วย!”ทหารทูเจวี๋ยพยายามเบิกตากว้าง จนกระทั่งมองเห็นได้ชัดว่าบนนกหงส์เพลิงหลากสีตัวนั้นมีสตรีสวมชุดสีเขียวนางหนึ่งนั่งอยู่ด้วย และกำลังบินถลาตรงมายังหอสังเกตการณ์คนทั่วไปมักจะเข้าออกทางประตูเมืองไหนเลยจะบินเข้าไปโดยตรง?ทหารทูเจวี๋ยตื่นตกใจ กระทั่งสบถคำหยาบคายออกมาจากปาก“รนหาที่ตายชัด ๆ แม่นาง รีบลงมาจากหอสังเกตการณ์เดี๋ยวนี้!”“หากยังไม่ลงมา เราจะเป็นฝ่ายไปหาเจ้าเอง!”“วันนี้ข้าจะไม่ลงไป เพราะข้าต้องการทำลายเมืองสือโม่ให้ราบเป็นหน้ากลอง”เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของกู้หว่านเยว่ดังออกมาจากฟากฟ้า นางตบศีรษะของจูเชวี่ยเบา ๆ จากนั้นจูเชวี่ยก็รีบผงกหัวขึ้น เปลวเพลิงขนาดใหญ่ถูกพ่นออกมาจากปากของมัน กวาดทำลายล้างหอสังเกตการณ์ เผาหอสังเกตการณ์จนวอดวายในเสี้ยววินาทีเปลวเพลิงขนาดใหญ่พุ่งจากหอสังเกตการณ์ทะยานสู่ท้องฟ้า ทหารทูเจวี๋ยต่างตื่
ถูกต้อง น้องหญิงไม่เคยพูดจาคุยโวกู้หว่านเยว่กะพริบตา “พวกเราเข้าเมืองก่อน”ทั้งสองเร่งเดินทางมาตลอด ในไม่ช้าก็มาถึงเมืองโม่สือเนื่องจากพวกเขาทำตัวเป็นสามีภรรยาชาวทูเจวี๋ยทั่วไปแต่แรก หนำซ้ำภาษาทูเจวี๋ยของซูจิ่งสิงก็คล่องแคล่วมากดังนั้นทั้งสองคนจึงผ่านด่านเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย เข้ามาในเมืองสือโม่อย่างราบรื่นเมื่อเข้ามา กู้หว่านเยว่เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมซูจิ่งสิงถึงเรียกที่นี่ว่านรกบนดินสองข้างทางภายในเมืองเต็มไปด้วยชาวต้าฉี ยามนี้กลายเป็นทาส กำลังก่อสร้างหอคอยเมืองพวกเขาเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่าทางเชื่องช้า หากชักช้าแม้แต่นิดเดียว แส้ในมือทหารทูเจวี๋ยจะฟาดลงบนตัวพวกเขาทันที แส้พวกนั้นกระทั่งมีหนาม สามารถครูดจนเนื้อหนังหลุดเป็นชั้น มีหลายคนที่ถูกฟาดจนบนตัวไม่มีเนื้อดีแม้แต่นิดเดียวส่วนภายในเมืองน่ากลัวยิ่งกว่า มองเห็นหญิงสาวชาวต้าฉีถูกชายทูเจวี๋ยใช้กำลังบังคับขืนใจได้ตามตรอกทั่วไป บนถนนเต็มไปด้วยเสียงร้องระงม“น้องหญิง อย่าวู่วาม”ซูจิ่งสิงกดมือกู้หว่านเยว่เอาไว้ แม้เขาเองก็โกรธแค้นมาก แต่ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการลงมือ“พวกเราไปหาโรงเตี๊ยมเข้าพักกันก่อน”“ได้”กู้หว่านเยว
แม่ทัพผู้เฒ่าเกาเอ่ยเสียงเข้มพร้อมทำความเคารพ“พบกันใหม่” ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่จากไป“ท่านพี่ เส้นทางที่พวกเราวาดเมื่อคืน วันนี้นำออกมาใช้ได้แล้วสิ?”หลังจากทั้งสองคนออกจากด่านซานไห่ กู้หว่านเยว่นำแผนที่ซึ่งวาดเส้นทางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานออกมา“ถูกต้อง”ซูจิ่งสิงพยักหน้า แล้วเอ่ยชมเต็มที่ “น้องหญิงช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล”“แผนที่นี้ท่านเป็นคนวาดนะ”กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ เมื่อวานซูจิ่งสิงบอกนาง รอบด้านทูเจวี๋ยเต็มไปด้วยหมาป่า หากอยากไปให้ถึงเมืองอูถ่าน ทางที่ดีต้องเดินทางผ่านตัวเมืองไปตลอดทางในเมื่อต้องเดินทางผ่านเมือง เช่นนั้นคงปล่อยให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าพวกนางคือชาวต้าฉีกู้หว่านเยว่รีบซื้อเสื้อผ้าของชาวทูเจวี๋ยจากแพลตฟอร์มซื้อขายทันที จากนั้นนำอุปกรณ์แปลงโฉมออกมาเนื่องจากคนของเหยลวี่เจิงเคยเห็นเพียงซูจิ่งสิง ไม่เคยเห็นรูปโฉมกู้หว่านเยว่ดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงแปลงโฉมให้ซูจิ่งสิงคนเดียว เมื่อถึงตานาง นางเพียงกลบเกลื่อนเอกลักษณ์ความเป็นต้าฉีเล็กน้อยเท่านั้น แต่งกายให้ตัวเองใกล้เคียงคนทูเจวี๋ยที่สุดเพียงไม่นาน สองสามีภรรยาชาวทูเจวี๋ยแบบดั้งเดิมเดินออกมาจากในป่ากู้หว่า
เนื้อหาบนจดหมายเรียบง่ายมาก แรกเริ่มแจ้งให้รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์อยู่ในมือพวกเขา ต่อมาบอกว่าหากซูจิ่งสิงอยากช่วยน้องสาวกลับไป ให้มาที่เมืองอูถ่านเพียงลำพังสองคนใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือเหยลวี่เจิง นึกไม่ถึงว่าเขาจะต่ำทรามเพียงนี้ คนในครอบครัวไม่เกี่ยวข้อง แต่เขากลับลงมือกับคนสกุลซูหลายครั้ง “ท่านคิดจะทำอย่างไร?”กู้หว่านเยว่หันมองซูจิ่งสิง ความจริงพอเดาได้ว่าในใจเขาคิดอย่างไร เป็นไปตามคาดหลังจากซูจิ่งสิงเงียบไปสักพัก เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น“ข้าเป็นพี่ใหญ่ ไม่อาจปล่อยจิ่นเอ๋อร์ให้อยู่ในอันตรายโดยไม่สนใจ ในเมื่อจิ่นเอ๋อร์กับฟู่หลานเหิงอยู่ในมือพวกเขา เช่นนั้นข้าจะเดินทางไปเมืองอูถ่าน ช่วยพวกเขากลับมา”ซูจิ่งสิงจับไหล่ทั้งสองข้างของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่ เจ้ารอข้าอยู่ที่ด่านซานไห่นะ”สิ่งที่เขาคิดคือ การไปเมืองอูถ่านครั้งนี้อันตรายมากในเมื่อเหยลวี่เจิงส่งจดหมายมา แสดงว่าเขาวางกับดักไว้ทั่วเมืองอูถ่านแล้ว เพื่อรอให้เขาไปติดกับเองการไปครั้งนี้ เขาอาจไม่ได้กลับมาดังนั้นเขาไม่อยากทำให้กู้หว่านเยว่ลำบาก จึงคิดจะให้นางรออยู่ที่ด่านซานไห่หากเขาโชคดีได้กล
“ลำบากเยว่จีแล้ว หากไม่มีเจ้า คงไม่มีทางหลอกให้ซูจิ่นเอ๋อร์ถ่อมาถึงทูเจวี๋ย”ชายที่เอนกายอยู่บนหนังเสือ ก็คือเหยลวี่เจิงที่หนีรอดมาจากมือซูจิ่งสิงเมื่อคราวที่แล้วส่วนหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง คือเยว่จีเจ้าสำนักหอร้อยบุปผา นางคือผู้นำของหอร้อยบุปผา นอกจากเหยลวี่เจิง หญิงสาวในหอร้อยบุปผาล้วนฟังคำสั่งนางดวงตาเยว่จีเย้ายวน รูปโฉมของนางถือเป็นอันดับหนึ่งในหอร้อยบุปผา“ท่านแม่ทัพชมเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่านพบว่าน้องสาวของซูจิ่งสิงกำลังค้นหาดอกน้ำแข็งนิล เยว่จีก็ไม่สามารถใช้ความร้อนใจที่เป็นห่วงสามีของนาง หลอกนางมาถึงนี่”เยว่จีมองร่างกายกำยำของเหยลวี่เจิงอย่างลุ่มหลง ร่างกายนี้เคยพรากพรหมจรรย์ของนางไป ทำให้นางทุรนทุราย นางอยากลองอีกสักครั้ง...“ท่านแม่ทัพ นี่ก็ดึกแล้ว ให้เยว่จีปรนนิบัติท่านเถอะ” เยว่จีจ้องไปที่เข็มขัดของเขา แววตาเหยลวี่เจิงกลับมีความเกลียดชัง แล้วสะบัดมือนางทิ้ง“ไม่ต้อง คืนนี้ข้ายังต้องไปที่อื่น ที่มาครั้งนี้เพื่อแจ้งเจ้า ให้ส่งจดหมายไปหาซูจิ่ง
ซูจิ่งสิงอาบน้ำอยู่ด้านใน กู้หว่านเย่วอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้อยู่เฉย นางให้ระบบมอบแผนที่แคว้นทูเจวี๋ยนางหนึ่งชุดจากสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ช้าหรือเร็วพวกนางก็ต้องเดินทางไปทูเจวี๋ยกู้หว่านเยว่ใช้ปากกาขีดๆ เขียนๆ บนแผนที่ เพียงไม่นานซูจิ่งสิงเองก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จบนตัวมีกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำติดตัวกลิ่นของทั้งสองหลอมรวมกัน ทำให้บรรยากาศเกิดความละมุนละไมทันที“อาบเสร็จเร็วขนาดนี้เชียว?”กู้หว่านเยว่หันมอง สายตาอยู่บนร่างกายซูจิ่งสิง วินาทีต่อมาถึงกับตาค้างอย่างตะลึงเขาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หล่อเกินไปแล้ว!“ท่าน ท่านหล่อเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่หน้าแดงพร้อมพูดออกไปหนึ่งคำ นางไม่ค่อยมีแรงต้านทานต่อหนุ่มหล่อ โดยเฉพาะสามีของนางที่หล่อจนแทบอยากตาย อยากลูบกล้ามหน้าท้องจังเลย“ขอบคุณที่ชม”ซูจิ่งสิงถูกนางชมจนหน้าเริ่มแดง สายตาที่จ้องเขม็งยิ่งทำให้เขาหูแดงเถือก แม้จะกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่นไปหมด“เจ้าทำสิ่งใดอยู่?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หากถูกสายตาราวกับเสือจ้องขย้ำของน้องหญิงมองต่อไป เขาอาจควบคุมตัวเองไม่อยู่กู้หว่านเยว่รีบกางแผนที่วางไว้บน
ทำให้ซวนลู่ดีใจ “พูดเช่นนี้เจ้ายังชอบข้าอยู่หรือ?”“ก็เปล่านะ”เกาเจี้ยนส่ายหน้า ตลอดทาง ซวนลู่หยั่งเชิงเขาทั้งทางอ้อมและทางตรงหลายครั้ง“อีกเดี๋ยว ข้าจะส่งเจ้ากลับไปสกุลซวน แล้วคุยกับท่านลุงซวนให้ชัดเจน ให้ท่านถอนหมั้นพวกเราสองคนซะ”เกาเจี้ยนพูดจบ สีหน้าเผยความสบายใจออกมาความจริงตั้งแต่ตอนอยู่เจดีย์หนิงกู่ เขาก็คิดเอาไว้แล้วเขากับซวนลู่ไม่เหมาะสมกัน ในเมื่อซวนลู่ไม่ชอบเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องบังคับใคร“เจ้าจะถอนหมั้นกับข้าหรือ?”ซวนลู่ชะงักไปเล็กน้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางอยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ทำไมยามนี้เมื่อกลายเป็นจริงแล้ว ในใจจึงรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีสิ่งของที่เป็นของนาง กำลังค่อย ๆ จากไป“เจ้าพูดจริงหรือ?”เนื่องจากไม่กล้าเชื่อ ซวนลู่จึงย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่สิ่งที่ได้คือคำตอบที่มั่นใจของเกาเจี้ยน“ใช่”“เพราะอะไร?” ซวนลู่กำหมัดแน่น “เจ้ารังเกียจข้า เจ้ารู้ว่าข้าเสียตัวแล้ว ดังนั้นจึงถอนหมั้นหรือ!”เกาเจี้ยนรู้สึกว่าเหลวไหล“อาลู่ เป็นเพราะเจ้าไม่เคยรักข้าเลย”“เข้าเปล่านะ ข้า” “ตอนนี้เจ้าไม่อยากถอนหมั้น เป็นเพราะเจ้ารู้สึกว่า คนที่เมื่อก่อนเคยเดินตามหล
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่ทัพผู้เฒ่า”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า ก่อนเขาจะจากชายแดนกลับไปรับคำสั่งที่เมืองหลวง ได้สั่งการพวกแม่ทัพเกาเอาไว้ไม่ว่าในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องใดขึ้น ห้ามพวกเขากระทำการบุ่มบ่ามเด็ดขาด ทางที่ดีให้รักษาตัวรอดที่ด่านซานไห่“ตอนนี้ข้าเองก็ปลอดภัยดี อีกอย่าง น้ำใจของแม่ทัพผู้เฒ่าข้าเข้าใจดี”แม่ทัพผู้เฒ่าเกาพยักหน้า สายตาหันไปมองกู้หว่านเยว่“ท่านนี้คงเป็นพระชายาสินะ”“คารวะแม่ทัพผู้เฒ่าเกา” กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้แม่ทัพผู้เฒ่าเกาพยักหน้า “พระชายาไม่ใช่หญิงสาวทั่วไป ใจกว้างเปิดเผย!”เกาเจี้ยนที่อยู่ข้างกันประหลาดใจ ต้องรู้ว่าปากของพ่อเขานั้น อยู่ในค่ายมีชื่อด้านปากเสียยิ่งนัก คำพูดสิบประโยคมีสิบเอ็ดประโยคไม่น่าฟังยามนี้เขาเพิ่งเห็นกู้หว่านเยว่เป็นครั้งแรก ก็ประเมินค่าสูงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพผู้เฒ่าเกาชอบกู้หว่านเยว่จริง ๆทว่า ลองคิดดูก็เป็นเรื่องปกติพระชายาเก่งกล้าสามารถ แม้แต่เขายังยอมแพ้บนโลกนี้ ใครบ้างจะไม่ชอบพระชายา“ท่านพ่อ พวกเราเร่งเดินทางมาตลอดทาง ไม่ได้หยุดพักระหว่างทางเลยอย่ามัวแต่ยืนคุยกันข้างนอก ให้ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าไปพักผ่อ