ทั้งสองคนไปตลาดหาซื้อของกินเล็กน้อย จากนั้นกลับไปยังจวนฟู่ปรากฏว่ายังไม่ผ่านเข้าประตูก็มองเห็นความชุลมุนวุ่นวายภายในจวนฟู่ เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังสนั่น ยังได้ยินเสียงร้องโอดครวญอีกด้วย“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”กู้หว่านเยว่กังวลความปลอดภัยของซูจิ่นเอ๋อร์ รีบตามบ่าวรับใช้เข้าประตู หลังเข้ามาแล้วถึงมองเห็นหยางหลิวถูกจับตัวไว้ในลานบ้าน ส่วนอาจารย์หูกำลังถูกตี“นี่โวยวายอันใดกันเล่า?”“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่!” ซูจิ่นเอ๋อร์ปรี่ถลาเข้ามา จับคนทั้งสองไว้สีหน้าหวาดกลัว“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” กู้หว่านเยว่เช็ดเหงื่อแทนซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์รีบเอ่ยตอบ “หยางหลิวคนนี้มิใช่คนดี นางถึงขั้นวางยาใต้เท้าฟู่! ยังดีข้ามาทันเวลา หาไม่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น!”ที่แท้หลังฟู่หลานเหิงเกิดความคิดส่งหยางหลิวจากไป หยางหลิวก็กระวนกระวายทุกคืนวัน สรุปว่าติดสินบนอาจารย์หู ทั้งสองคนร่วมมือกัน วางแผนวางยาฟู่หลานเหิงหุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก [1]คนภายในห้องหนังสือวันนี้ล้วนถูกอาจารย์หูเรียกตัวไปกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงฟังจบ ทั้งสองคนล้วนมองเห็นความตกตะลึงภายในสายตาของอีกฝ่ายก่อนนี้คิดว่าหยางหลิวเป็น
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หลานเหิงฟื้นคืนสติแล้ว สามารถจัดการงานราชการได้อย่างเป็นปกติกู้หว่านเยว่พูดเรื่องสร้างโรงเรือนปลูกผักภายในหมู่บ้านสือหาน ไปจนถึงแนวทางส่งเสริมหมู่บ้านแห่งอื่นฟู่หลานเหิงฟังจบแล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริด “เจดีย์หนิงกู่หนาวเย็นทุรกันดาร ต้นไม้ใบหญ้าล้วนตายทั้งสิ้น ผักที่เจ้าปลูกจะสามารถอยู่ได้หรือ?”ฟู่หลานเหิงมองกู้หว่านเยว่อย่างลังเล แม้พูดว่ากู้หว่านเยว่มีชีวิตลำเค็ญในจวนโหว แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นให้นางไปปลูกผักหรอกกระมัง นางรู้เรื่องปลูกผักด้วยรึ?“หว่านเยว่ เจ้าอย่าได้นึกคึกคะนองไปชั่วขณะ ต้องการหาประสบการณ์ของชาวนาเป็นอันขาด” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราษฎร์ ฟู่หลานเหิงไม่สามารถเมินข้ามไปได้ยิ่งไปกว่านั้นเขาสงสัยมากว่าตกลงกู้หว่านเยว่มีเงินมากเพียงนั้นหรือ จ้างคนงานต้องใช้เงินไม่น้อยกู้หว่านเยว่รู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อธิบายหลักการของโรงเรือนปลูกผักให้ฟู่หลานเหิงฟังหนึ่งรอบจากนั้นพูดอย่างสุขุม“อีกสองเดือน ท่านไปดูโรงเรือนปลูกผักของข้า ดูว่าข้ากำลังเล่นสร้างบ้านอยู่หรือไม่”วันนี้เพียงมาบอกกล่าวฟู่หลานเหิงเท่านั้น ตรงข้ามกันมิใช่จะรีบสร้างโรงเรือนบนพ
กู้หว่านเยว่กลับหยิบตั๋วเงินออกมาหนึ่งใบ “พวกเจ้าใช้เงินนี้ก่อน หากไม่พอก็มาขอรับจากข้าได้อีก”“นี่?” สองสามคนมองตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง เบิกตากว้างเหม่อลอย ฮูหยินร่ำรวยเหลือหลาย!“นี่เกรงใจแล้ว ฮูหยิน พวกเราไม่สามารถรับเงินนี้ได้”“ใช่แล้ว ท่านใช้ชีวิตในหมู่บ้านสือหานอย่างอย่างลำบาก จะต้องมีเรื่องให้ใช้เงินมากมาย พวกเราไม่สามารถรับเงิน...”เจียงเฟิ่งทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งอ้ากระเป๋าการกระทำนี้ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะออกมา ยัดตั๋วเงินเข้ากระเป๋าของเขาแล้ว เอ่ยปากยิ้มๆ“เก็บไว้เถอะ พวกเจ้าอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก เงินนี้มิได้ให้ไปโดยเสียเปล่า เห็นของในเรือนแล้วหรือไม่ ช่วยข้าดูแลสิ่งเหล่านี้ๆดี ภายภาคหน้ายังต้องให้พวกเจ้าช่วยขนของแทนข้า”พวกเขาสบตากันแวบหนึ่งหงเจาชะงักงันขณะเอ่ย “ฮูหยิน มิสู้ตบหน้าข้าสองทีเถอะ เงินนี้ได้มาง่ายดายเกินไปแล้ว ข้าเกรงใจ”“ใช่แล้วๆ มิสู้ท่านตีพวกเราสองคนเลยก็ย่อมได้ ละอายใจต่อเงินนี้ยิ่งนัก!”กู้หว่านเยว่ ‘ซูจิ่งสิงคนสำรวมตนคนนั้น เหตุใดมีผู้อยู่ใต้อาณัติไม่สำรวมตนเพียงนี้’“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านวางใจเถอะ พวกเราจะเฝ้าของเหล่านี้ดีๆ”เห็นว่าซูจ
“ได้ หัวหน้าหมู่บ้านเดินช้าๆ จิ่นเอ๋อร์ ไปหยิบไก่ย่างมาครึ่งตัว มอบให้หัวหน้าหมู่บ้านนำกลับไปด้วย”หัวหน้าหมู่บ้านโจวรีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ มิได้ทำความดีความชอบจะรับรางวัลได้อย่างไร ไฉนเลยจะกินของบ้านท่านได้”“หัวหน้าหมู่บ้านรับไว้เถอะ ภายภาคหน้าเรื่องโรงเรือนปลูกผักยังต้องรบกวนท่านอีกไม่น้อย”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางเดินไปส่งหัวหน้าหมู่บ้านโจวที่หน้าประตู ส่งไก่ย่างให้อีกฝ่ายมองส่งหัวหน้าหมู่บ้านโจวจากไป กู้หว่านเยว่ยุ่งเท้าไม่ติดพื้นตลอดทั้งวัน นับว่ามีเวลานอนพักผ่อนแล้วหมุนตัวอย่างเหนื่อยล้า ใครรู้เพียงหมุนตัวกลับก็มองเห็นหวังปี้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ“แม่นางกู้ เจ้าอยู่ก็ดีแล้ว รีบมาช่วยข้าช่วยชีวิตคนเถอะ”กู้หว่านเยว่ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกหวังปี้พาไปทางเรือนของซูหรานหร่านแล้ว“แม่ทัพหวัง ท่านต้องการช่วยใคร?”“เจ้าตามข้ามาดูเถอะ” หวังปี้เปิดประตู พากู้หว่านเยว่มาหยุดตรงหน้าผู้ได้รับบาดเจ็บหนักคนหนึ่งอีกฝ่ายเลือดออกทั้งตัว ลมหายใจรวยรินกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นี่อาการหนักเกินไปแล้ว หากมาช้าอีกเพียงเสี้ยววินาที ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไว้ไม่ได้“ท่านออกไปก่อน ห้ามเข้ามารบกวน
เมี่ยชิงหว่านมองทางเขาอย่างตกตะลึง ซูจื่อชิงหลบเลี่ยงสายตาอย่างว้าวุ่นใจ เอ่ยอธิบาย“อย่างไรเสียเจ้าก็เคยช่วยข้าไว้ ข้าไม่สามารถมองดูเจ้าไปส่งมอบความตายเพียงลำพังได้ ข้า ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้”ซูจื่อชิงเองก็ไม่รู้ตนเองเป็นอะไรไปแล้ว ได้ยินว่าเมี่ยชิงหว่านต้องการไปตามหาหนานหยางอ๋อง เกิดว้าวุ่นใจขึ้นมาในทันใด ร้อนใจต้องการไปด้วยกันกับนาง“เจ้าไม่สามารถไปกับข้าได้ เจ้าไม่มีวิชายุทธ์”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยปฏิเสธ ซูจื่อชิงไม่มีวิชายุทธ์ ตามไปด้วยก็อันตรายเกินไป“เหตุใดจะไม่ได้ เจ้ารังเกียจข้ารึ?” ซูจื่อชิงเสียใจอยู่บ้างทั้งสองคนทางฝั่งนี้กำลังเถียงกัน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับตกอยู่ในภวังค์ความคิดหากหวังปี้พูดเรื่องจริง นั่นหมายความว่าฮ่องเต้ชั่วเริ่มลงมือกับหนานหยางอ๋องอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ระหว่างหนานหยางอ๋องและฮ่องเต้ชั่ว ไม่มีทางให้หวนกลับมาคืนดีกันได้อีกศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของข้าหลักการนี้ หากสามารถดึงหนานหยางอ๋องแม่ทัพผู้เฒ่ามาเป็นพรรคพวกของพวกเขาได้ภายภาคหน้าล้มฮ่องเต้ชั่วก็เป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้นสองสามีภรรยาปรึกษากันอยู่นาน ลงท้ายตัดสินใจ ตามพวกเขาไปช่วยหนานหยางอ๋อง
เพื่อดูแลกู้หว่านเยว่ที่กำลังตั้งครรภ์ พวกเขาเตรียมรถม้าไว้หนึ่งคันก่อนจากมา กู้หว่านเยว่มอบคำแนะนำในการปลูกผักภายในโรงเรือนให้ซูหรานหร่านฟัง ให้นางและหลี่ฮูหยิน เหยียนฮูหยินรวมถึงคนอื่นพาชาวบ้านหมู่บ้านสือหานมาปลูกผักทุกคนเดินทางตามเส้นทางที่หวังปี้ชี้นำซูจิ่งสิงปูที่นอนหนาๆ ภายในรถม้าเพื่อป้องกันมิให้กู้หว่านเยว่ถูกกระแทกคนหนึ่งกลุ่มออกเดินทางช่วงกลางวัน กลางคืนพักผ่อนภายในโรงเตี๊ยม ใช้เวลาว่องไวที่สุดมายังลั่วอัน“ก่อนนี้เจ้าตามหาเบาะแสของจิ่นเอ๋อร์ได้ ครั้งนี้เจ้าสามารถตามหาหนานหยางอ๋องพบได้หรือไม่?” ซูจิ่งสิงเอ่ยถามอย่างกะทันหันหากกู้หว่านเยว่สามารถชี้ตำแหน่งของหนานหยางอ๋องได้ เช่นนั้นพวกเขาลงแรงเพียงครึ่งเดียวก็สามารถทำให้สำเร็จได้แล้วกู้หว่านเยว่ลองใช้ระบบตรวจค้น “ข้าเคยนำเส้นผมของหนานหยางอ๋องไปตรวจสอบที่หอแห่งโอสถ ดังนั้นระบบจึงมีบันทึกลมหายใจของเขา บัดนี้ทำได้เพียงชี้ตำแหน่งว่าเขาอยู่ที่ลั่วอัน แต่ไม่รู้ว่าที่ใด”“ดูท่าแล้วยังต้องไปค้นหาด้วยตนเอง”ซูจิ่งสิงกลับไม่ผิดหวัง ตรงข้ามกันพวกเขาล้วนมาแล้ว“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าบัดนี้หนานหยางอ๋องยังมีชีวิตอยู่หรือไม
“รอช้าไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันตอนนี้เลย”ทุกคนไปตามแผนที่ มาค้นหาที่หน้าผาก่อนหนึ่งรอบ มองลงไปที่ใต้หน้าผา สามารถรับรู้ได้ว่าหน้าผาสูงชันมากหากคนตกลงไป เดิมทีก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิตซูจิ่งสิงตรวจสอบทั่วสารทิศ มองรอบกายปราดหนึ่ง วิเคราะห์ออกมา“บนหน้าผามีรอยเท้ามากมาย เชื่อว่าเกาซิ่นพาคนมาหาทุกหนแห่งก่อนแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องหาที่นี่อีก มิสู้พวกเราไปดูใต้หน้าผาเถอะ”“ไป!”พวกเขาอ้อมมาที่ใต้หน้าผา ที่ใต้หน้าผานี้มีแม่น้ำเชี่ยวกรากหนึ่งสาย กู้หว่านเยว่ช้อนตาประเมินเล็กน้อย หากคนตกลงจากหน้าผา ก็ต้องร่วงลงแม่น้ำสายนี้ก่อนหันมองความลึกของแม่น้ำสายนี้ ยึดตามระดับความเชี่ยวของแม่น้ำ เป็นไปได้ว่าคนจะถูกกระแสน้ำพัดไป“พวกเราไปหาที่ปลายน้ำเถอะ”สายน้ำไหลไปด้านล่าง ริมแม่น้ำมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มิหนำซ้ำมองหมู่บ้านนี้ดูแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนในหมู่บ้านมาซักเสื้อผ้าในแม่น้ำสายนี้บ่อยๆ“ตอนนี้เป็นเช่นไร?”หวังปี้โคลงศีรษะ พวกเขาไม่สามารถเข้าไปถามโดยตรงเลยได้ว่าเคยพบหนานหยางอ๋องหรือไม่ หากชาวบ้านเหล่านี้ถูกราชสำนักซื้อไว้ นั่นก็เท่ากับเปิดเผยตัวตนออกมา“พวกเราปลอมตัวเป็นคาราวานพ่อค้ามาเ
“ต้าชาน ไร้มารยาท!”ท่านป้าจ้องมองลูกชายตาเขม็ง จากนั้นก็จัดเตียงให้กู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะนำบะหมี่มาให้อีกหลายชาม“เดินทางกันมาหลายวันคงหิวกันมากแล้ว ทว่าที่บ้านยากจน ไม่ค่อยมีอะไรนัก กินบะหมี่กันไปก่อนแล้วกันนะ”สีหน้าของต้าซานยิ่งแย่ลงไปอีก พึมพำคำไม่น่าฟังออกมา กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาจากหางตา แล้วยิ้มให้ท่านป้าตรงหน้า“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ พวกข้าจะจ่ายค่าที่พักให้นะเจ้าคะ”พวกนางไม่คิดจะมาอยู่เปล่ากินเปล่าอยู่แล้ว“ไม่เป็นไรหรอก จากบ้านมาด้านนอก ใครบ้างที่ไม่มีเรื่องไม่สบายใจ? ช่วยได้ก็ช่วยกันไปลูกชายของข้าไม่ใช่คนใจร้ายหรอก เพียงทว่าปากเปราะไปสักหน่อย”ท่านป้าเอาน้ำร้อนมาให้ อธิบายด้วยรอยยิ้มเสร็จแล้วก็ปิดประตูเดินออกไปซูจิ่งสิงจ้องมองไปที่ต้าซาน ลูบปลายนิ้วเล็กน้อย “ต้าซานคนนั้นผิดปกติ”“ท่านก็รู้สึกเหมือนกันหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่เลย”หลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในหมู่บ้าน นางรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนทุกครอบครัวจะซ่อนความลับบางอย่างไว้“คืนนี้ข้าจะรอดูหน่อย”ซูจิ่งสิงส่งซูจื่อชิงและเมี่ยชิงหว่านไป
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะสั่งอาหารตามรายการเมนู ปรากฏว่าครู่ต่อมา เจียงหรงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”นางทำความเคารพทั้งสองคนกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเราสองคนแต่งกายปลอมตัวมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?”นางประคองเจียงหรงให้รีบลุกขึ้น เจียงหรงยิ้มอย่างขัดเขิน “เสี่ยวเอ้อร์ที่รับรองพวกท่านเข้ามารายงาน บอกว่ามีแขกสองท่านที่ท่าทางไม่ธรรมดามาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงลองซักถามไปสองสามคำ ก็เดาได้ว่าเป็นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”“ฉลาดจริง ๆ ”กู้หว่านเยว่กล่าวชื่นชมสมแล้วที่เป็นยอดภรรยาผู้มากความสามารถของท่านราชเลขาธิการ“ข้าและฝ่าบาทแต่งกายปลอมตัวออกมา ได้ยินว่าเจ้าเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง จึงตั้งใจมาลองชิมดูว่ารสชาติอาหารเสฉวนของที่นี่เป็นต้นตำรับหรือไม่ ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าให้ฐานะของพวกเรารั่วไหลออกไป ปฏิบัติต่อเราเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”เจียงหรงพยักหน้า “นายท่าน ฮูหยิน วางใจเถิดเพคะ”นางสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน “หากนายท่านและฮูหยินต้องการจะลองอาหารเสฉวน ลองชิมสักสองสามอย่างนี้ดูเพคะ ต้มเลือดเป็ดผ้าขี้ริ้ว ไก่ทอดผัดพริกเสฉวน
ตอนนั้นเถ้าแก่ให้นางพักอยู่ในคอกม้า ลูกของนางยังตัวร้อนเป็นไข้สูงกู้หว่านเยว่จำได้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางดูไม่เหมือนชาวต้าฉีหญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?“หงเจา” หากเป็นพวกต้มตุ๋นหากินทั่วไป กู้หว่านเยว่ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แต่ยังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุดใหญ่ แต่เวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว โบกมือเรียกหงเจาให้เข้ามา“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”หงเจาถึงกับถกแขนเสื้อขึ้นแล้ว ตั้งใจจะไปโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้นกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หยิบเศษเงินมาสักก้อน แล้วยื่นให้หญิงสาวผู้นั้น”“ฮูหยินเจ้าคะ?”“เร็วเข้า ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ปล่อยม่านรถม้าลง ไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นหน้าตาของนางแต่หญิงสาวผู้นั้นคงจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงยังคงหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสอดส่ายไปยังบนรถม้า“เฮ้อ ฮูหยินช่างใจบุญเสียจริง”หงเจาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงทำเช่นนี้ แต่คำสั่งของฮูหยิน นางย่อมต้องฟัง ดังนั้นจึงหยุดโต้เถียงในทันที รีบล้วงหยิบเศษเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วโยนให้หญิงสาวผู้นั้น“เร็วเข้า ๆ ๆ เงินนี่ให้เจ้าแล้ว เอ
อวิ๋นมู่รับยาน้ำมาด้วยสองมือเขาร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ร่างกายจึงเปราะบางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป เคยมีหมอวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้าปีภายใต้การดูแลรักษาของกู้หว่านเยว่ สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด“ฮองเฮา ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”สายตาของอวิ๋นมู่ฉายแววซาบซึ้งกู้หว่านเยว่มิใช่เป็นเพียงคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเทพธิดาที่เขาเทิดทูนบูชาอยู่ในใจเขาคือสาวกผู้ภักดีของนาง“เรื่องดินปืน เจ้าจงฟังคำสั่งจากเกาเจี้ยน แม่ทัพใหญ่ในการโจมตีหนานเจียงครั้งนี้คือเขา”“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นมู่พยักหน้า เขากับเกาเจี้ยนสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการสื่อสารย่อมไม่มีอุปสรรคหลังจากปรึกษาหารือเรื่องดินปืนเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากสกุลอวิ๋น ขึ้นรถม้าไปยังร้านอาหารที่เจียงหรงเปิดเพื่อรับประทานอาหาร“ปึง!”ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกดังมาจากด้านหน้ารถม้ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็พากันสะดุ้งตกใจกับเสียงนี้“นายท่าน ชนคนเข้าแล้วเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตื่นตระหนกของหงเจาดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิด
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ใหญ่ ขอบพระทัยพี่สะใภ้ใหญ่ กระหม่อมจะรีบนำข่าวดีไปบอกชิงหว่านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจื่อชิงดีใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะไปยังทั้งสองคนเสียงดังตุบ ๆ จากนั้นก็ทำราวกับเด็กหนุ่มใจร้อนคนหนึ่ง วิ่งออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้เรื่อง”ซูจิ่งสิงทนมองไม่ได้กู้หว่านเยว่กล่าวหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าน้องชายของตนเองเสียอีก”“นั่นไม่ได้เรียกว่าไม่ได้เรื่อง นั่นเรียกว่าต่อหน้าน้องหญิง ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา”ซูจิ่งสิงท่าทางดูจริงจังทั้งสองคนปรึกษาหารือเรื่องของซูจื่อชิงเสร็จแล้ว ก็หันมาปรึกษาหารือเรื่องการยกทัพไปปราบปรามหนานเจียงต่อ ในที่สุดสามีภรรยาทั้งสองคนก็ตัดสินใจตรงกันว่า การปราบปรามหนานเจียงนั้นต้องรวดเร็วและตัดสินผลแพ้ชนะให้เด็ดขาด“ส่งสาส์นประกาศศึกก่อน จากนั้นค่อยใช้ปืนใหญ่ ยิงถล่มหนานเจียงโดยตรง”ซูจิ่งสิงยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างเงียบ ๆ “น้องหญิง วิธีการของเจ้าช่างหยาบและง่ายดายจริง ๆ ”“ก็ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดสิ ข้าไม่อยากจะไปพัวพันกับชาวหนานเจียงนานเกินไป”กู้หว่านเยว่หันไปใส่ใจอีกเรื่องหนึ่ง“จริงสิ ทางด้านเฟิ่งอู๋ชีมีท่าทีอย่างไ