“ได้ หัวหน้าหมู่บ้านเดินช้าๆ จิ่นเอ๋อร์ ไปหยิบไก่ย่างมาครึ่งตัว มอบให้หัวหน้าหมู่บ้านนำกลับไปด้วย”หัวหน้าหมู่บ้านโจวรีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ มิได้ทำความดีความชอบจะรับรางวัลได้อย่างไร ไฉนเลยจะกินของบ้านท่านได้”“หัวหน้าหมู่บ้านรับไว้เถอะ ภายภาคหน้าเรื่องโรงเรือนปลูกผักยังต้องรบกวนท่านอีกไม่น้อย”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางเดินไปส่งหัวหน้าหมู่บ้านโจวที่หน้าประตู ส่งไก่ย่างให้อีกฝ่ายมองส่งหัวหน้าหมู่บ้านโจวจากไป กู้หว่านเยว่ยุ่งเท้าไม่ติดพื้นตลอดทั้งวัน นับว่ามีเวลานอนพักผ่อนแล้วหมุนตัวอย่างเหนื่อยล้า ใครรู้เพียงหมุนตัวกลับก็มองเห็นหวังปี้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ“แม่นางกู้ เจ้าอยู่ก็ดีแล้ว รีบมาช่วยข้าช่วยชีวิตคนเถอะ”กู้หว่านเยว่ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกหวังปี้พาไปทางเรือนของซูหรานหร่านแล้ว“แม่ทัพหวัง ท่านต้องการช่วยใคร?”“เจ้าตามข้ามาดูเถอะ” หวังปี้เปิดประตู พากู้หว่านเยว่มาหยุดตรงหน้าผู้ได้รับบาดเจ็บหนักคนหนึ่งอีกฝ่ายเลือดออกทั้งตัว ลมหายใจรวยรินกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นี่อาการหนักเกินไปแล้ว หากมาช้าอีกเพียงเสี้ยววินาที ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไว้ไม่ได้“ท่านออกไปก่อน ห้ามเข้ามารบกวน
เมี่ยชิงหว่านมองทางเขาอย่างตกตะลึง ซูจื่อชิงหลบเลี่ยงสายตาอย่างว้าวุ่นใจ เอ่ยอธิบาย“อย่างไรเสียเจ้าก็เคยช่วยข้าไว้ ข้าไม่สามารถมองดูเจ้าไปส่งมอบความตายเพียงลำพังได้ ข้า ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้”ซูจื่อชิงเองก็ไม่รู้ตนเองเป็นอะไรไปแล้ว ได้ยินว่าเมี่ยชิงหว่านต้องการไปตามหาหนานหยางอ๋อง เกิดว้าวุ่นใจขึ้นมาในทันใด ร้อนใจต้องการไปด้วยกันกับนาง“เจ้าไม่สามารถไปกับข้าได้ เจ้าไม่มีวิชายุทธ์”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยปฏิเสธ ซูจื่อชิงไม่มีวิชายุทธ์ ตามไปด้วยก็อันตรายเกินไป“เหตุใดจะไม่ได้ เจ้ารังเกียจข้ารึ?” ซูจื่อชิงเสียใจอยู่บ้างทั้งสองคนทางฝั่งนี้กำลังเถียงกัน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับตกอยู่ในภวังค์ความคิดหากหวังปี้พูดเรื่องจริง นั่นหมายความว่าฮ่องเต้ชั่วเริ่มลงมือกับหนานหยางอ๋องอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ระหว่างหนานหยางอ๋องและฮ่องเต้ชั่ว ไม่มีทางให้หวนกลับมาคืนดีกันได้อีกศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของข้าหลักการนี้ หากสามารถดึงหนานหยางอ๋องแม่ทัพผู้เฒ่ามาเป็นพรรคพวกของพวกเขาได้ภายภาคหน้าล้มฮ่องเต้ชั่วก็เป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้นสองสามีภรรยาปรึกษากันอยู่นาน ลงท้ายตัดสินใจ ตามพวกเขาไปช่วยหนานหยางอ๋อง
เพื่อดูแลกู้หว่านเยว่ที่กำลังตั้งครรภ์ พวกเขาเตรียมรถม้าไว้หนึ่งคันก่อนจากมา กู้หว่านเยว่มอบคำแนะนำในการปลูกผักภายในโรงเรือนให้ซูหรานหร่านฟัง ให้นางและหลี่ฮูหยิน เหยียนฮูหยินรวมถึงคนอื่นพาชาวบ้านหมู่บ้านสือหานมาปลูกผักทุกคนเดินทางตามเส้นทางที่หวังปี้ชี้นำซูจิ่งสิงปูที่นอนหนาๆ ภายในรถม้าเพื่อป้องกันมิให้กู้หว่านเยว่ถูกกระแทกคนหนึ่งกลุ่มออกเดินทางช่วงกลางวัน กลางคืนพักผ่อนภายในโรงเตี๊ยม ใช้เวลาว่องไวที่สุดมายังลั่วอัน“ก่อนนี้เจ้าตามหาเบาะแสของจิ่นเอ๋อร์ได้ ครั้งนี้เจ้าสามารถตามหาหนานหยางอ๋องพบได้หรือไม่?” ซูจิ่งสิงเอ่ยถามอย่างกะทันหันหากกู้หว่านเยว่สามารถชี้ตำแหน่งของหนานหยางอ๋องได้ เช่นนั้นพวกเขาลงแรงเพียงครึ่งเดียวก็สามารถทำให้สำเร็จได้แล้วกู้หว่านเยว่ลองใช้ระบบตรวจค้น “ข้าเคยนำเส้นผมของหนานหยางอ๋องไปตรวจสอบที่หอแห่งโอสถ ดังนั้นระบบจึงมีบันทึกลมหายใจของเขา บัดนี้ทำได้เพียงชี้ตำแหน่งว่าเขาอยู่ที่ลั่วอัน แต่ไม่รู้ว่าที่ใด”“ดูท่าแล้วยังต้องไปค้นหาด้วยตนเอง”ซูจิ่งสิงกลับไม่ผิดหวัง ตรงข้ามกันพวกเขาล้วนมาแล้ว“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าบัดนี้หนานหยางอ๋องยังมีชีวิตอยู่หรือไม
“รอช้าไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันตอนนี้เลย”ทุกคนไปตามแผนที่ มาค้นหาที่หน้าผาก่อนหนึ่งรอบ มองลงไปที่ใต้หน้าผา สามารถรับรู้ได้ว่าหน้าผาสูงชันมากหากคนตกลงไป เดิมทีก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิตซูจิ่งสิงตรวจสอบทั่วสารทิศ มองรอบกายปราดหนึ่ง วิเคราะห์ออกมา“บนหน้าผามีรอยเท้ามากมาย เชื่อว่าเกาซิ่นพาคนมาหาทุกหนแห่งก่อนแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องหาที่นี่อีก มิสู้พวกเราไปดูใต้หน้าผาเถอะ”“ไป!”พวกเขาอ้อมมาที่ใต้หน้าผา ที่ใต้หน้าผานี้มีแม่น้ำเชี่ยวกรากหนึ่งสาย กู้หว่านเยว่ช้อนตาประเมินเล็กน้อย หากคนตกลงจากหน้าผา ก็ต้องร่วงลงแม่น้ำสายนี้ก่อนหันมองความลึกของแม่น้ำสายนี้ ยึดตามระดับความเชี่ยวของแม่น้ำ เป็นไปได้ว่าคนจะถูกกระแสน้ำพัดไป“พวกเราไปหาที่ปลายน้ำเถอะ”สายน้ำไหลไปด้านล่าง ริมแม่น้ำมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มิหนำซ้ำมองหมู่บ้านนี้ดูแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนในหมู่บ้านมาซักเสื้อผ้าในแม่น้ำสายนี้บ่อยๆ“ตอนนี้เป็นเช่นไร?”หวังปี้โคลงศีรษะ พวกเขาไม่สามารถเข้าไปถามโดยตรงเลยได้ว่าเคยพบหนานหยางอ๋องหรือไม่ หากชาวบ้านเหล่านี้ถูกราชสำนักซื้อไว้ นั่นก็เท่ากับเปิดเผยตัวตนออกมา“พวกเราปลอมตัวเป็นคาราวานพ่อค้ามาเ
“ต้าชาน ไร้มารยาท!”ท่านป้าจ้องมองลูกชายตาเขม็ง จากนั้นก็จัดเตียงให้กู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะนำบะหมี่มาให้อีกหลายชาม“เดินทางกันมาหลายวันคงหิวกันมากแล้ว ทว่าที่บ้านยากจน ไม่ค่อยมีอะไรนัก กินบะหมี่กันไปก่อนแล้วกันนะ”สีหน้าของต้าซานยิ่งแย่ลงไปอีก พึมพำคำไม่น่าฟังออกมา กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาจากหางตา แล้วยิ้มให้ท่านป้าตรงหน้า“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ พวกข้าจะจ่ายค่าที่พักให้นะเจ้าคะ”พวกนางไม่คิดจะมาอยู่เปล่ากินเปล่าอยู่แล้ว“ไม่เป็นไรหรอก จากบ้านมาด้านนอก ใครบ้างที่ไม่มีเรื่องไม่สบายใจ? ช่วยได้ก็ช่วยกันไปลูกชายของข้าไม่ใช่คนใจร้ายหรอก เพียงทว่าปากเปราะไปสักหน่อย”ท่านป้าเอาน้ำร้อนมาให้ อธิบายด้วยรอยยิ้มเสร็จแล้วก็ปิดประตูเดินออกไปซูจิ่งสิงจ้องมองไปที่ต้าซาน ลูบปลายนิ้วเล็กน้อย “ต้าซานคนนั้นผิดปกติ”“ท่านก็รู้สึกเหมือนกันหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่เลย”หลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในหมู่บ้าน นางรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนทุกครอบครัวจะซ่อนความลับบางอย่างไว้“คืนนี้ข้าจะรอดูหน่อย”ซูจิ่งสิงส่งซูจื่อชิงและเมี่ยชิงหว่านไป
ต้าซานกล่าวเสริมว่า “หากพวกเขาปล่อยข่าวเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้เฒ่าไปเล่า? ท่านอ๋องผู้เฒ่าต้องเป็นอันตรายแน่”ท่านป้ามยังคงกังวลเล็กน้อย “แต่ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่าทำร้ายชีวิตพวกเขาเลยนะ!”“ท่านแม่ ท่านเห็นข้าเป็นคนเช่นไรไปแล้ว? ข้าเพียงวางยาสลบพวกเขาไป พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”ต้าซานสีหน้าไร้เดียงสา แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านคอยดูพวกเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอาอาหารไปให้ท่านอ๋องกับคนอื่นๆ”กู้หว่านเยว่เกือบจะขยับอยู่แล้ว แต่นางก็ต้องตกใจแน่นิ่งไปเสียก่อน หนานหยางอ๋องซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งหมู่บ้านจะระวังตัวแจเช่นนั้น ราวกับว่าพวกเขากำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว เสียงฝีเท้าในหูของนางค่อยๆ หายไป ท่านป้ากระซิบขอโทษพวกเขา หันหลังกลับ แล้วปิดประตูออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาอีก กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว“ตามเขาไป!” ทั้งสองพูดพร้อมกัน!โชคดีที่ต้าซานไม่ได้เดินเร็วนัก ทั้งยังแบกอาหารไว้บนหลัง หลังจากที่ทั้งสองออกจากบ้าน พวกเขาก็เดินตามต้าซานอยู่ไกลๆ มองเห็นชาวบ้านที่อายุน้อยและแข็งแกร่งอีกหลายคนเ
มองคนไม่อาจมองจากภายนอก กู้หว่านเยว่ที่คิดว่าต้าซานอาจไม่ได้มีนิสัยดีนัก ยามนี้ไม่คิดว่าเขาจะใจดีขนาดนี้กู้หว่านเยว่อดคิดไม่ได้ว่า สาเหตุที่ชาวบ้านพวกนี้เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา เพราะหนานหยางอ๋องรักประชาดุจบุตรตนจริงๆ“สหายต้าซาน ไม่ได้เด็ดขาด!” แม่ทัพหลี่รีบห้ามเขา “ถ้าท่านอ๋องผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องไม่ใช้ยาพวกนั้นแน่”หนานหยางอ๋องเป็นคนเที่ยงธรรม ไหนเลยจะยอมให้คนอื่นเสียสละตัวเองเพื่อเขาได้อย่างไร?“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้ท่านอ๋องรู้สิ” ดวงตาของต้าซานฉายแววแน่วแน่ มองไปรอบๆ มองหาสถานที่ทำร้ายตัวเองกู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกวัดพังๆ เมื่อเห็นเข้าก็รู้ว่าถึงเวลาที่พวกตนควรปรากฏตัวแล้ว นางรีบดึงซูจิ่งสิงออกมา แล้วเดินเข้าประตูไป“ช้าก่อน”เมื่อชาวบ้านเห็นทั้งสองคนก็สะดุ้งทันที มองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงดังสนั่น คล้ายขึ้นมาค้างเติ่งอยู่ในลำคอต้าซานกระโดดออกมาด้วยความตกใจ “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ข้าไม่ได้วางยาสลบพวกเจ้าไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”เมื่อดูการปรากฏตัวของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พวกเขาก็ตกใจแทบตายเขาสอดธูปสลบเข้าไปแน่แล้
กู้หว่านเยว่จุดไฟแล้วเดินไปดูบาดแผล จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น“อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่ง่ายแค่การตกหน้าผา”ตกหน้าผาแบบปกติ ไม่มีทางติดเชื้อได้ขนาดนี้แน่!“แม่นางน้อยกู้หลักแหลม ท่านอ๋องกับข้าตกลงมาจากหน้าผาด้วยกัน ด้านล่างมีแม่น้ำรองรับ จริงอยู่ที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรนัก แต่ที่สำคัญคือบาดแผลบนไหล่ของท่านอ๋อง เกิดจากศรธนูเปื้อนอุจจาระ...”ศรที่เปื้อนอุจจาระ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นี่เป็นวิธีการต่อสู้ทั่วไปในสนามรบแม่ทัพหลี่กัดฟัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งท่านอ๋องผู้เฒ่าจะหลงกลอุบายของตนเองกู้หว่านเยว่เก็บเลือดมาหยดหนึ่งแล้วรีบโยนเข้าไปในหอแห่งโอสถเพื่อตรวจสอบจากนั้นก็สวมถุงมือ ตรวจดูทุกส่วนของร่างกายของหนานหยางอ๋อง ดูว่ามีการแตกหักหรือบอบช้ำตรงที่ใดหรือไม่ก่อนจะพบว่าหนานหยางอ๋องมีอาการกระดูกไหปลาร้าและซี่โครงหักอย่างรุนแรง ต้องรับการผ่าตัดทันที“แม่ทัพหลี่อย่าตกใจไป ตอนนี้ท่านอ๋องผู้เฒ่าอาการสาหัส ข้าต้องรีบช่วยเหลือเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่พร้อมจะช่วยชีวิตคน แต่นางก็ต้องทำให้กฎที่มีชัดเจนขึ้นมาก่อน“ท่านพาคนถอยออกไปนอกวัด ระหว่างที่ข้ารักษา ไม่อนุญาตให้ใค
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ
“คุณหนู ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”เสี่ยวเหมยโค้งคำนับต่อเซี่ยเหอ แล้วสารภาพความจริงออกมา“คุณหนูของเราไม่เคยมีอะไรกับคุณชายเฉิงเจ้าค่ะ วันนั้น ข้ากับคุณหนูช่วยกันถอดเสื้อผ้าของคุณชายเฉิง แกล้งทำเป็นว่าคุณหนูถูกเขารังแกเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอหน้าซีดเผือด “เหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล!”เฉิงเซวียนแทบไม่อยากจะเชื่อ “ดังนั้น ทั้งหมดเป็นแผนที่พวกเจ้าวางไว้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย?”เสี่ยวเหมยพยักหน้าเฉิงเซวียนทั้งตกใจทั้งดีใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความโกรธ“เซี่ยเหอ ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย”ตลอดทางที่ไปเขาอินซาน ทุกคนต่างกีดกันเซี่ยเหอ มีเพียงเขาที่ไม่เคยรังเกียจนางเลย“เหตุใดเจ้าจึงวางแผนหลอกลวงข้าเช่นนี้?” นี่มันทำคุณบูชาโทษมิใช่หรือ?“พี่ใหญ่เฉิง ข้าแค่ชอบท่านมากเกินไป”เซี่ยเหอจับชายเสื้อของเขาไว้ สายตาที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยความเสน่หาคู่นั้นทำให้เฉิงเซวียนรู้สึกคลื่นไส้เขาสะบัดมือเซี่ยเหอออก “อย่าแตะต้องข้า ข้ารู้สึกขยะแขยง”ผู้หญิงคนนี้ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่มีคำพูดไหนจริงใจเลยสักคำ หลอกเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่งม“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน”เฉิงเซวียนเอ่ยข
“พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย ท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า”“เซี่ยเหอ เจ้าหลอกข้าจริง ๆ หรือ?”จู่ ๆ เฉิงเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ข้าตั้งครรภ์จริง ๆ หากข้าไม่ได้ตั้งครรภ์ เมื่อครู่ตอนที่ข้าแท้งลูก เหตุใดถึงได้เสียเลือดมากมายเช่นนั้น? เลือดที่ถูกยกออกไป ท่านก็เห็นเช่นกัน” นางพยายามอธิบายอย่างเต็มที่เมื่อนางพูดเช่นนี้ เฉิงเซวียนก็เกิดลังเลขึ้นมาจริง ๆ ถูกต้อง หากมิใช่ตั้งครรภ์แล้วแท้ง เลือดเหล่านั้นจะมาจากที่ใดเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่หมอเองก็บอกว่านางแท้งลูกแล้วกู้หว่านเยว่เห็นเฉิงเซวียนเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเขาจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้ชักจูง จึงเอ่ยเตือนด้วยความเอือมระอา“แก้ตัวที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หมอที่จับชีพจรให้เจ้าเมื่อครู่ อยู่ข้างนอกมิใช่หรือ ลากเขาเข้ามาสอบสวนให้ดี ๆ ก็จะรู้ความจริงเอง”ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ สีหน้าของเซี่ยเหอก็เปลี่ยนไปในทันทีเฉิงเซวียนราวกับตื่นจากความฝัน รีบออกจากห้องไปคว้าตัวหมอคนเมื่อครู่เข้ามาสิ่งที่บังเอิญก็คือ เมื่อครู่หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะแอบหนีไปเฉิ
เนี่ยชิงหลานโมโหแทบแย่ นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงกลายเป็นว่าเซี่ยเหอใจกว้าง ยกโทษให้นางแล้วเล่า?“ไปก็ไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว!”นางหันหลังกลับด้วยความโมโห ทว่ากู้หว่านเยว่เรียกนางไว้“เดี๋ยวก่อน ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองตรวจดูอาการของเซี่ยเหอ บางทีอาจจะช่วยบำรุงร่างกายให้เจ้าได้”สายตาของนางจับจ้องไปที่เซี่ยเหอ ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาตื่นตระหนกจากในดวงตาของเซี่ยเหอ“ไม่ต้องหรอก พระชายาเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ จะมาตรวจดูอาการให้คนอย่างข้าได้อย่างไร”เซี่ยเหอปากก็ปฏิเสธ แล้วส่งสายตาให้หมอตำแยหมอตำแยรีบเดินเข้ามาทันที “พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยตรวจดูอาการให้นางแล้ว และจ่ายยาให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะถึงอย่างไร คุณหนูก็อายุน้อย แค่พักฟื้นสักระยะก็จะหายดี”“ต่างเป็นหมอด้วยกัน ข้าดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นการส่งสายตาของทั้งสองคน ยิ่งมั่นใจว่า เซี่ยเหอต้องปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่ ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์โดยไร้สาเหตุตอนนี้ก็แท้งลูกอีก หึ ๆ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?“หรือว่า เ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงมือเนี่ยชิงหลานเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คนข้างหลังกัดริมฝีปาก“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากเข้าไปดูนาง” แท้จริงแล้วไม่อยากเห็นทั้งสองคนรักกันหวานชื่นต่างหาก“ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง” กู้หว่านเยว่เตือนขึ้นมาประโยคหนึ่งนางเชื่อว่าเนี่ยชิงหลานไม่ได้ผลักเซี่ยเหอ แต่ถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อไปถ้าเซี่ยเหอพูดถึงเรื่องลูกอีก ก็จะต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเนี่ยชิงหลานที่ทำให้นางแท้งลูก นานวันเข้าหลักฐานก็จะหายไป“พระชายาพูดถูก”เนี่ยเติ้งพยักหน้าเห็นด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งคนไปตามกู้หว่านเยว่ที่จวนกู้ เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความรู้ทางการแพทย์“ก็ได้”เนี่ยชิงหลานเดินตามทุกคนเข้าไป แต่พอเข้าไปก็เห็นเซี่ยเหอกำลังซบลงบนไหล่ของเฉิงเซวียนร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด“คุณหนูเนี่ย ข้าคิดว่าข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้?” เซี่ยเหอพอเห็นเนี่ยชิงหลานก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที“ข้าแท้งลูกไปแล้ว คุณหนูเนี่ย ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่ เจ้าแท้งลูกแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เนี่ยชิงหลานก็เป