“ต้าชาน ไร้มารยาท!”ท่านป้าจ้องมองลูกชายตาเขม็ง จากนั้นก็จัดเตียงให้กู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะนำบะหมี่มาให้อีกหลายชาม“เดินทางกันมาหลายวันคงหิวกันมากแล้ว ทว่าที่บ้านยากจน ไม่ค่อยมีอะไรนัก กินบะหมี่กันไปก่อนแล้วกันนะ”สีหน้าของต้าซานยิ่งแย่ลงไปอีก พึมพำคำไม่น่าฟังออกมา กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาจากหางตา แล้วยิ้มให้ท่านป้าตรงหน้า“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ พวกข้าจะจ่ายค่าที่พักให้นะเจ้าคะ”พวกนางไม่คิดจะมาอยู่เปล่ากินเปล่าอยู่แล้ว“ไม่เป็นไรหรอก จากบ้านมาด้านนอก ใครบ้างที่ไม่มีเรื่องไม่สบายใจ? ช่วยได้ก็ช่วยกันไปลูกชายของข้าไม่ใช่คนใจร้ายหรอก เพียงทว่าปากเปราะไปสักหน่อย”ท่านป้าเอาน้ำร้อนมาให้ อธิบายด้วยรอยยิ้มเสร็จแล้วก็ปิดประตูเดินออกไปซูจิ่งสิงจ้องมองไปที่ต้าซาน ลูบปลายนิ้วเล็กน้อย “ต้าซานคนนั้นผิดปกติ”“ท่านก็รู้สึกเหมือนกันหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่เลย”หลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในหมู่บ้าน นางรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนทุกครอบครัวจะซ่อนความลับบางอย่างไว้“คืนนี้ข้าจะรอดูหน่อย”ซูจิ่งสิงส่งซูจื่อชิงและเมี่ยชิงหว่านไป
ต้าซานกล่าวเสริมว่า “หากพวกเขาปล่อยข่าวเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้เฒ่าไปเล่า? ท่านอ๋องผู้เฒ่าต้องเป็นอันตรายแน่”ท่านป้ามยังคงกังวลเล็กน้อย “แต่ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่าทำร้ายชีวิตพวกเขาเลยนะ!”“ท่านแม่ ท่านเห็นข้าเป็นคนเช่นไรไปแล้ว? ข้าเพียงวางยาสลบพวกเขาไป พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”ต้าซานสีหน้าไร้เดียงสา แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านคอยดูพวกเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอาอาหารไปให้ท่านอ๋องกับคนอื่นๆ”กู้หว่านเยว่เกือบจะขยับอยู่แล้ว แต่นางก็ต้องตกใจแน่นิ่งไปเสียก่อน หนานหยางอ๋องซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งหมู่บ้านจะระวังตัวแจเช่นนั้น ราวกับว่าพวกเขากำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว เสียงฝีเท้าในหูของนางค่อยๆ หายไป ท่านป้ากระซิบขอโทษพวกเขา หันหลังกลับ แล้วปิดประตูออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาอีก กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว“ตามเขาไป!” ทั้งสองพูดพร้อมกัน!โชคดีที่ต้าซานไม่ได้เดินเร็วนัก ทั้งยังแบกอาหารไว้บนหลัง หลังจากที่ทั้งสองออกจากบ้าน พวกเขาก็เดินตามต้าซานอยู่ไกลๆ มองเห็นชาวบ้านที่อายุน้อยและแข็งแกร่งอีกหลายคนเ
มองคนไม่อาจมองจากภายนอก กู้หว่านเยว่ที่คิดว่าต้าซานอาจไม่ได้มีนิสัยดีนัก ยามนี้ไม่คิดว่าเขาจะใจดีขนาดนี้กู้หว่านเยว่อดคิดไม่ได้ว่า สาเหตุที่ชาวบ้านพวกนี้เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา เพราะหนานหยางอ๋องรักประชาดุจบุตรตนจริงๆ“สหายต้าซาน ไม่ได้เด็ดขาด!” แม่ทัพหลี่รีบห้ามเขา “ถ้าท่านอ๋องผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องไม่ใช้ยาพวกนั้นแน่”หนานหยางอ๋องเป็นคนเที่ยงธรรม ไหนเลยจะยอมให้คนอื่นเสียสละตัวเองเพื่อเขาได้อย่างไร?“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้ท่านอ๋องรู้สิ” ดวงตาของต้าซานฉายแววแน่วแน่ มองไปรอบๆ มองหาสถานที่ทำร้ายตัวเองกู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกวัดพังๆ เมื่อเห็นเข้าก็รู้ว่าถึงเวลาที่พวกตนควรปรากฏตัวแล้ว นางรีบดึงซูจิ่งสิงออกมา แล้วเดินเข้าประตูไป“ช้าก่อน”เมื่อชาวบ้านเห็นทั้งสองคนก็สะดุ้งทันที มองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงดังสนั่น คล้ายขึ้นมาค้างเติ่งอยู่ในลำคอต้าซานกระโดดออกมาด้วยความตกใจ “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ข้าไม่ได้วางยาสลบพวกเจ้าไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”เมื่อดูการปรากฏตัวของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พวกเขาก็ตกใจแทบตายเขาสอดธูปสลบเข้าไปแน่แล้
กู้หว่านเยว่จุดไฟแล้วเดินไปดูบาดแผล จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น“อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่ง่ายแค่การตกหน้าผา”ตกหน้าผาแบบปกติ ไม่มีทางติดเชื้อได้ขนาดนี้แน่!“แม่นางน้อยกู้หลักแหลม ท่านอ๋องกับข้าตกลงมาจากหน้าผาด้วยกัน ด้านล่างมีแม่น้ำรองรับ จริงอยู่ที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรนัก แต่ที่สำคัญคือบาดแผลบนไหล่ของท่านอ๋อง เกิดจากศรธนูเปื้อนอุจจาระ...”ศรที่เปื้อนอุจจาระ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นี่เป็นวิธีการต่อสู้ทั่วไปในสนามรบแม่ทัพหลี่กัดฟัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งท่านอ๋องผู้เฒ่าจะหลงกลอุบายของตนเองกู้หว่านเยว่เก็บเลือดมาหยดหนึ่งแล้วรีบโยนเข้าไปในหอแห่งโอสถเพื่อตรวจสอบจากนั้นก็สวมถุงมือ ตรวจดูทุกส่วนของร่างกายของหนานหยางอ๋อง ดูว่ามีการแตกหักหรือบอบช้ำตรงที่ใดหรือไม่ก่อนจะพบว่าหนานหยางอ๋องมีอาการกระดูกไหปลาร้าและซี่โครงหักอย่างรุนแรง ต้องรับการผ่าตัดทันที“แม่ทัพหลี่อย่าตกใจไป ตอนนี้ท่านอ๋องผู้เฒ่าอาการสาหัส ข้าต้องรีบช่วยเหลือเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่พร้อมจะช่วยชีวิตคน แต่นางก็ต้องทำให้กฎที่มีชัดเจนขึ้นมาก่อน“ท่านพาคนถอยออกไปนอกวัด ระหว่างที่ข้ารักษา ไม่อนุญาตให้ใค
กู้หว่านเยว่เตือนด้วยน้ำใจว่า “แม่ทัพหลี่ ท่านเองก็บาดเจ็บ ต้องระวังสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ”แม่ทัพหลี่มองดูขาที่หักของตนอย่างไม่แยแส โบกมือว่า “ขอบคุณแม่นางน้อยกู้ที่ที่ห่วงใย แต่บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไร ขอแค่ท่านอ๋องฟื้นตัว ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!”“แม่ทัพหลี่ ข้าพูดจากใจจริง ถ้าท่านไม่พักขาให้ดี ขาของท่านจะขาดเอาได้จริงๆ”กู้หว่านเยว่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง เพราะนางเกลียดคนไข้ที่ไม่ฟังคำแนะนำของหมอ“เมื่อครู่ข้าลองมองดู ขาของท่านตอนนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ แต่ถ้าปล่อยไว้นาน อาจจะไม่สามารถเชื่อมกลับมาได้อีก” แม่ทัพหลี่กังวลเรื่องหนานหยางอ๋องอยู่เต็มอีก เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่ดุก็เริ่มรู้สึกตัว“ขาของข้ายังรักษาได้หรือ?”แม่ทัพหลี่ย่อมไม่อยากกลายเป็นคนพิการ โดยเฉพาะเมื่อที่ตนมีฐานะเป็นแม่ทัพเช่นนี้“แน่นอนเจ้าค่ะ หากท่านใส่ใจมันมากกว่านี้”กู่หว่านเยว่จึงให้แม่ทัพหลี่หาที่นั่ง ไม่เดินไปมาอีกนางหยิบไม้สองสามอันมาดามขาเขาให้แน่น ก่อนจะเอายาบรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบออกมาให้เขา“ท่านกินด้วยกันกับท่านอ๋องผู้เฒ่า วิธีการใช้ยาข้าเขียนใส่ไว้ในห่อยาแล้ว”แม่ทัพหลี่รับไปดู
เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่แลดูเหนื่อย ท่านป้าจึงพูดอย่างใส่ใจ“ดึกมากแล้ว แม่นางน้อยคงเหนื่อยมาก ไม่สู้กลับไปพักผ่อนกันก่อนเล่า?”กู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธ นางเหนื่อยมากจริงๆ“ขอบคุณท่านป้า เช่นนั้นข้าไปพักก่อนนะเจ้าคะ หากมีเรื่องอะไร พรุ่งนี้เช้าค่อยมาคุยกัน”ซูจิ่งสิงประคองกู้หว่านเยว่เข้าไปในห้อง“เจ้าพักผ่อนไปก่อน ข้าจะออกไปดูด้านนอกสักหน่อย”กู้หว่านเยว่พยักหน้า หันกลับมาแล้วเข้าไปในมิติ หาผลไม้มากินเติมพลังงาน และอาบน้ำอุ่นให้สบายตัว จึงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากซูจิ่งสิงเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน“ข้าไปหาจื่อชิงและคนอื่นๆ มา วางใจเถอะ แม้ว่าพวกเขาจะถูกวางยา แต่ตอนนี้ต่างก็สบายดี”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ดวงตาตกลงไปที่มือของซูจิ่งสิง“ท่านได้บะหมี่มาจากไหนกัน?”“ท่านป้าทำมาให้ กลัวว่าพวกเราจะหิว”“ท่านป้าช่างเป็นคนดีนัก” กู้หว่านเยว่แอบทิ้งเศษเงินไว้ใต้หมอนหลังจากกินบะหมี่แล้ว กู้หว่านเยว่ก็ปีนขึ้นไปบนเตียง หลับใหลไปทันทีส่วนต้าซานกำลังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องอยู่ในห้องครัว เล่าให้ท่านป้าฟังเกี่ยวกับการช่วยเหลือหนานหยางอ๋องของกู้หว่านเยว่“แม่นางน้อย
หนานหยางอ๋องฟื้นแล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาคล้ายว่าแก่กว่าเดิมไปเป็นสิด้วยเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัด ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ หนานหยางอ๋องจึงนั่งประสานมือให้กู้หว่านเยว่ ขอบคุณนาง“ขอบคุณฮูหยินกู้และคุณชายซูมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้ น้ำใจครั้งนี้ ชีวิตนี้ยากจะตอบแทน”แตกต่างจากการถอนพิษครั้งล่าสุด หนานหยางอ๋องรู้สึกว่าพวกเขาอย่างไรก็ต้องการความคุ้มครองอยู่บ้าง จึงหวังเพียงว่าความขุ่นเคืองจะได้รับการให้อภัยแต่คราวนี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่จำเป็นต้องช่วยเขาทำเรื่องลวกๆ ให้พ้นผ่านเป็นเรื่องง่าย แต่การให้ความช่วยเหลือเมื่อถึงเวลานั้นเป็นเรื่องยาก!กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงครั้งนี้ เรียกได้ว่าส่งถ่านกลางหิมะกู้หว่านเยว่เดินไปหาหนานหยางอ๋องและพูดว่า “ท่านอ๋องผู้เฒ่าไม่ต้องเกรงใจไป พบเห็นคนใกล้ตาย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย”ความจริง นางยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว ทนไม่ได้ที่จะมองดูเมี่ยชิงหว่านต้องลงเอยอย่างน่าเศร้าเหมือนในต้นฉบับหวังปี้รีบพูด “เสี่ยวสวี่ไปหาข้าที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้มาพร้อมกับพวกเราด้วย”หนานหยางอ๋องรีบถาม “เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ท่า
หนานหยางอ๋องมองตาม พลันตกตะลึงทันที“ปานดอกท้อ เป็นปานดอกท้อจริงๆ หรือ?!”เมื่อเห็นว่าหนานหยางอ๋องตกใจ กู้หว่านเยว่จึงเริ่มกล่าวว่า “ครั้งก่อนเพราะท่านอ๋องผู้เฒ่าเชื่อคนง่ายจึงมีภัยถึงตัว ครั้งนี้ เพราะความปลอดภัย ข้าสามารถทดสอบทั้งสองด้วยผงสายสัมพันธ์ได้”“เหมือน เหมือนกันเหลือเกิน ทั้งยังมีปานนี้อีก...” หนานหยางอ๋องพึมพำกับตัวเองความจริงแล้ว เขาแทบไม่ต้องทดสอบอะไรพวกนั้นเลย อาศัยเพียงสองสิ่งนี้ เขาก็เกือบจะแน่ใจแล้วว่าเมี่ยชิงหว่านเป็นลูกของตนแม่ทัพหลี่นึกขึ้นมาได้ พูดว่า “แม่นางน้อยกู้ นี่ไม่ใช่สหายของท่านหรอกหรือ? ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนเคยเจอนางที่โรงเตี๊ยมมาก่อน”ในเวลานั้น แม่ทัพหลี่ก็ยังนึกแปลกใจ เมี่ยชิงหว่านเหมือนฮูหยินผู้ล่วงลับไปอย่างยิ่งเพียงแต่เขาไม่ทันนึกให้ดี ทั้งยังไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือด เพียงแค่คร่ำครวญว่าบนโลกนี้มีคนสองคนที่คล้ายกันมากเช่นนี้อยู่ด้วยกู้หว่านเยว่พยักหน้าและอธิบายว่า “ความจริงแล้ว ตอนนั้น ข้าเองก็เริ่มสงสัยว่าเมี่ยชิงหว่านเป็นลูกสาวท่านหายตัวไปของท่านอ๋องเพียงแต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็ได้พบกับคุณหนูรองตัวปลอม ข้าจึงไม่ได้บอกเรื่องนี
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก