“ต้าชาน ไร้มารยาท!”ท่านป้าจ้องมองลูกชายตาเขม็ง จากนั้นก็จัดเตียงให้กู้หว่านเยว่และคนอื่นๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะนำบะหมี่มาให้อีกหลายชาม“เดินทางกันมาหลายวันคงหิวกันมากแล้ว ทว่าที่บ้านยากจน ไม่ค่อยมีอะไรนัก กินบะหมี่กันไปก่อนแล้วกันนะ”สีหน้าของต้าซานยิ่งแย่ลงไปอีก พึมพำคำไม่น่าฟังออกมา กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาจากหางตา แล้วยิ้มให้ท่านป้าตรงหน้า“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ พวกข้าจะจ่ายค่าที่พักให้นะเจ้าคะ”พวกนางไม่คิดจะมาอยู่เปล่ากินเปล่าอยู่แล้ว“ไม่เป็นไรหรอก จากบ้านมาด้านนอก ใครบ้างที่ไม่มีเรื่องไม่สบายใจ? ช่วยได้ก็ช่วยกันไปลูกชายของข้าไม่ใช่คนใจร้ายหรอก เพียงทว่าปากเปราะไปสักหน่อย”ท่านป้าเอาน้ำร้อนมาให้ อธิบายด้วยรอยยิ้มเสร็จแล้วก็ปิดประตูเดินออกไปซูจิ่งสิงจ้องมองไปที่ต้าซาน ลูบปลายนิ้วเล็กน้อย “ต้าซานคนนั้นผิดปกติ”“ท่านก็รู้สึกเหมือนกันหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่เลย”หลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในหมู่บ้าน นางรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนทุกครอบครัวจะซ่อนความลับบางอย่างไว้“คืนนี้ข้าจะรอดูหน่อย”ซูจิ่งสิงส่งซูจื่อชิงและเมี่ยชิงหว่านไป
ต้าซานกล่าวเสริมว่า “หากพวกเขาปล่อยข่าวเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้เฒ่าไปเล่า? ท่านอ๋องผู้เฒ่าต้องเป็นอันตรายแน่”ท่านป้ามยังคงกังวลเล็กน้อย “แต่ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่าทำร้ายชีวิตพวกเขาเลยนะ!”“ท่านแม่ ท่านเห็นข้าเป็นคนเช่นไรไปแล้ว? ข้าเพียงวางยาสลบพวกเขาไป พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”ต้าซานสีหน้าไร้เดียงสา แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านคอยดูพวกเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอาอาหารไปให้ท่านอ๋องกับคนอื่นๆ”กู้หว่านเยว่เกือบจะขยับอยู่แล้ว แต่นางก็ต้องตกใจแน่นิ่งไปเสียก่อน หนานหยางอ๋องซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งหมู่บ้านจะระวังตัวแจเช่นนั้น ราวกับว่าพวกเขากำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว เสียงฝีเท้าในหูของนางค่อยๆ หายไป ท่านป้ากระซิบขอโทษพวกเขา หันหลังกลับ แล้วปิดประตูออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาอีก กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว“ตามเขาไป!” ทั้งสองพูดพร้อมกัน!โชคดีที่ต้าซานไม่ได้เดินเร็วนัก ทั้งยังแบกอาหารไว้บนหลัง หลังจากที่ทั้งสองออกจากบ้าน พวกเขาก็เดินตามต้าซานอยู่ไกลๆ มองเห็นชาวบ้านที่อายุน้อยและแข็งแกร่งอีกหลายคนเ
มองคนไม่อาจมองจากภายนอก กู้หว่านเยว่ที่คิดว่าต้าซานอาจไม่ได้มีนิสัยดีนัก ยามนี้ไม่คิดว่าเขาจะใจดีขนาดนี้กู้หว่านเยว่อดคิดไม่ได้ว่า สาเหตุที่ชาวบ้านพวกนี้เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา เพราะหนานหยางอ๋องรักประชาดุจบุตรตนจริงๆ“สหายต้าซาน ไม่ได้เด็ดขาด!” แม่ทัพหลี่รีบห้ามเขา “ถ้าท่านอ๋องผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องไม่ใช้ยาพวกนั้นแน่”หนานหยางอ๋องเป็นคนเที่ยงธรรม ไหนเลยจะยอมให้คนอื่นเสียสละตัวเองเพื่อเขาได้อย่างไร?“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าให้ท่านอ๋องรู้สิ” ดวงตาของต้าซานฉายแววแน่วแน่ มองไปรอบๆ มองหาสถานที่ทำร้ายตัวเองกู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกวัดพังๆ เมื่อเห็นเข้าก็รู้ว่าถึงเวลาที่พวกตนควรปรากฏตัวแล้ว นางรีบดึงซูจิ่งสิงออกมา แล้วเดินเข้าประตูไป“ช้าก่อน”เมื่อชาวบ้านเห็นทั้งสองคนก็สะดุ้งทันที มองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงดังสนั่น คล้ายขึ้นมาค้างเติ่งอยู่ในลำคอต้าซานกระโดดออกมาด้วยความตกใจ “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ข้าไม่ได้วางยาสลบพวกเจ้าไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”เมื่อดูการปรากฏตัวของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พวกเขาก็ตกใจแทบตายเขาสอดธูปสลบเข้าไปแน่แล้
กู้หว่านเยว่จุดไฟแล้วเดินไปดูบาดแผล จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น“อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่ง่ายแค่การตกหน้าผา”ตกหน้าผาแบบปกติ ไม่มีทางติดเชื้อได้ขนาดนี้แน่!“แม่นางน้อยกู้หลักแหลม ท่านอ๋องกับข้าตกลงมาจากหน้าผาด้วยกัน ด้านล่างมีแม่น้ำรองรับ จริงอยู่ที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรนัก แต่ที่สำคัญคือบาดแผลบนไหล่ของท่านอ๋อง เกิดจากศรธนูเปื้อนอุจจาระ...”ศรที่เปื้อนอุจจาระ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นี่เป็นวิธีการต่อสู้ทั่วไปในสนามรบแม่ทัพหลี่กัดฟัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งท่านอ๋องผู้เฒ่าจะหลงกลอุบายของตนเองกู้หว่านเยว่เก็บเลือดมาหยดหนึ่งแล้วรีบโยนเข้าไปในหอแห่งโอสถเพื่อตรวจสอบจากนั้นก็สวมถุงมือ ตรวจดูทุกส่วนของร่างกายของหนานหยางอ๋อง ดูว่ามีการแตกหักหรือบอบช้ำตรงที่ใดหรือไม่ก่อนจะพบว่าหนานหยางอ๋องมีอาการกระดูกไหปลาร้าและซี่โครงหักอย่างรุนแรง ต้องรับการผ่าตัดทันที“แม่ทัพหลี่อย่าตกใจไป ตอนนี้ท่านอ๋องผู้เฒ่าอาการสาหัส ข้าต้องรีบช่วยเหลือเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่พร้อมจะช่วยชีวิตคน แต่นางก็ต้องทำให้กฎที่มีชัดเจนขึ้นมาก่อน“ท่านพาคนถอยออกไปนอกวัด ระหว่างที่ข้ารักษา ไม่อนุญาตให้ใค
กู้หว่านเยว่เตือนด้วยน้ำใจว่า “แม่ทัพหลี่ ท่านเองก็บาดเจ็บ ต้องระวังสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ”แม่ทัพหลี่มองดูขาที่หักของตนอย่างไม่แยแส โบกมือว่า “ขอบคุณแม่นางน้อยกู้ที่ที่ห่วงใย แต่บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไร ขอแค่ท่านอ๋องฟื้นตัว ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!”“แม่ทัพหลี่ ข้าพูดจากใจจริง ถ้าท่านไม่พักขาให้ดี ขาของท่านจะขาดเอาได้จริงๆ”กู้หว่านเยว่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง เพราะนางเกลียดคนไข้ที่ไม่ฟังคำแนะนำของหมอ“เมื่อครู่ข้าลองมองดู ขาของท่านตอนนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ แต่ถ้าปล่อยไว้นาน อาจจะไม่สามารถเชื่อมกลับมาได้อีก” แม่ทัพหลี่กังวลเรื่องหนานหยางอ๋องอยู่เต็มอีก เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่ดุก็เริ่มรู้สึกตัว“ขาของข้ายังรักษาได้หรือ?”แม่ทัพหลี่ย่อมไม่อยากกลายเป็นคนพิการ โดยเฉพาะเมื่อที่ตนมีฐานะเป็นแม่ทัพเช่นนี้“แน่นอนเจ้าค่ะ หากท่านใส่ใจมันมากกว่านี้”กู่หว่านเยว่จึงให้แม่ทัพหลี่หาที่นั่ง ไม่เดินไปมาอีกนางหยิบไม้สองสามอันมาดามขาเขาให้แน่น ก่อนจะเอายาบรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบออกมาให้เขา“ท่านกินด้วยกันกับท่านอ๋องผู้เฒ่า วิธีการใช้ยาข้าเขียนใส่ไว้ในห่อยาแล้ว”แม่ทัพหลี่รับไปดู
เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่แลดูเหนื่อย ท่านป้าจึงพูดอย่างใส่ใจ“ดึกมากแล้ว แม่นางน้อยคงเหนื่อยมาก ไม่สู้กลับไปพักผ่อนกันก่อนเล่า?”กู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธ นางเหนื่อยมากจริงๆ“ขอบคุณท่านป้า เช่นนั้นข้าไปพักก่อนนะเจ้าคะ หากมีเรื่องอะไร พรุ่งนี้เช้าค่อยมาคุยกัน”ซูจิ่งสิงประคองกู้หว่านเยว่เข้าไปในห้อง“เจ้าพักผ่อนไปก่อน ข้าจะออกไปดูด้านนอกสักหน่อย”กู้หว่านเยว่พยักหน้า หันกลับมาแล้วเข้าไปในมิติ หาผลไม้มากินเติมพลังงาน และอาบน้ำอุ่นให้สบายตัว จึงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากซูจิ่งสิงเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน“ข้าไปหาจื่อชิงและคนอื่นๆ มา วางใจเถอะ แม้ว่าพวกเขาจะถูกวางยา แต่ตอนนี้ต่างก็สบายดี”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ดวงตาตกลงไปที่มือของซูจิ่งสิง“ท่านได้บะหมี่มาจากไหนกัน?”“ท่านป้าทำมาให้ กลัวว่าพวกเราจะหิว”“ท่านป้าช่างเป็นคนดีนัก” กู้หว่านเยว่แอบทิ้งเศษเงินไว้ใต้หมอนหลังจากกินบะหมี่แล้ว กู้หว่านเยว่ก็ปีนขึ้นไปบนเตียง หลับใหลไปทันทีส่วนต้าซานกำลังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องอยู่ในห้องครัว เล่าให้ท่านป้าฟังเกี่ยวกับการช่วยเหลือหนานหยางอ๋องของกู้หว่านเยว่“แม่นางน้อย
หนานหยางอ๋องฟื้นแล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาคล้ายว่าแก่กว่าเดิมไปเป็นสิด้วยเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัด ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ หนานหยางอ๋องจึงนั่งประสานมือให้กู้หว่านเยว่ ขอบคุณนาง“ขอบคุณฮูหยินกู้และคุณชายซูมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้ น้ำใจครั้งนี้ ชีวิตนี้ยากจะตอบแทน”แตกต่างจากการถอนพิษครั้งล่าสุด หนานหยางอ๋องรู้สึกว่าพวกเขาอย่างไรก็ต้องการความคุ้มครองอยู่บ้าง จึงหวังเพียงว่าความขุ่นเคืองจะได้รับการให้อภัยแต่คราวนี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่จำเป็นต้องช่วยเขาทำเรื่องลวกๆ ให้พ้นผ่านเป็นเรื่องง่าย แต่การให้ความช่วยเหลือเมื่อถึงเวลานั้นเป็นเรื่องยาก!กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงครั้งนี้ เรียกได้ว่าส่งถ่านกลางหิมะกู้หว่านเยว่เดินไปหาหนานหยางอ๋องและพูดว่า “ท่านอ๋องผู้เฒ่าไม่ต้องเกรงใจไป พบเห็นคนใกล้ตาย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย”ความจริง นางยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว ทนไม่ได้ที่จะมองดูเมี่ยชิงหว่านต้องลงเอยอย่างน่าเศร้าเหมือนในต้นฉบับหวังปี้รีบพูด “เสี่ยวสวี่ไปหาข้าที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้มาพร้อมกับพวกเราด้วย”หนานหยางอ๋องรีบถาม “เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ท่า
หนานหยางอ๋องมองตาม พลันตกตะลึงทันที“ปานดอกท้อ เป็นปานดอกท้อจริงๆ หรือ?!”เมื่อเห็นว่าหนานหยางอ๋องตกใจ กู้หว่านเยว่จึงเริ่มกล่าวว่า “ครั้งก่อนเพราะท่านอ๋องผู้เฒ่าเชื่อคนง่ายจึงมีภัยถึงตัว ครั้งนี้ เพราะความปลอดภัย ข้าสามารถทดสอบทั้งสองด้วยผงสายสัมพันธ์ได้”“เหมือน เหมือนกันเหลือเกิน ทั้งยังมีปานนี้อีก...” หนานหยางอ๋องพึมพำกับตัวเองความจริงแล้ว เขาแทบไม่ต้องทดสอบอะไรพวกนั้นเลย อาศัยเพียงสองสิ่งนี้ เขาก็เกือบจะแน่ใจแล้วว่าเมี่ยชิงหว่านเป็นลูกของตนแม่ทัพหลี่นึกขึ้นมาได้ พูดว่า “แม่นางน้อยกู้ นี่ไม่ใช่สหายของท่านหรอกหรือ? ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนเคยเจอนางที่โรงเตี๊ยมมาก่อน”ในเวลานั้น แม่ทัพหลี่ก็ยังนึกแปลกใจ เมี่ยชิงหว่านเหมือนฮูหยินผู้ล่วงลับไปอย่างยิ่งเพียงแต่เขาไม่ทันนึกให้ดี ทั้งยังไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือด เพียงแค่คร่ำครวญว่าบนโลกนี้มีคนสองคนที่คล้ายกันมากเช่นนี้อยู่ด้วยกู้หว่านเยว่พยักหน้าและอธิบายว่า “ความจริงแล้ว ตอนนั้น ข้าเองก็เริ่มสงสัยว่าเมี่ยชิงหว่านเป็นลูกสาวท่านหายตัวไปของท่านอ๋องเพียงแต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็ได้พบกับคุณหนูรองตัวปลอม ข้าจึงไม่ได้บอกเรื่องนี
“ผู้อาวุโสรอง น่าจะเป็นชาวทูเจวี๋ย”ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว พลางขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นเมื่อครู่เขามองจากคานเรือนอย่างถี่ถ้วน หน้าตาของผู้อาวุโสรองมีแนวโน้มไปทางคนทูเจวี๋ยมาก“บ้าเอ๊ย เขาเป็นสายลับ!”กู้หว่านเยว่สบถคำหยาบออกมา “ไม่ได้การ ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว เราไปสั่งสอนบทเรียนให้เขากันเถอะ”ซูจิ่งสิงมองภรรยาที่กำลังแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เผลอย่นจมูกหัวเราะ “เจ้าอยากสั่งสอนบทเรียนอะไรให้พวกเขา?”“ก็ต้องกวาดข้าวของของพวกเขาให้เกลี้ยงอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่ควักผงพิษออกมาจากมิติ แล้วโรยไว้ในห้อง จากนั้นก็ดึงซูจิ่งสิงวิ่งไปที่ห้องเก็บของของพวกเขาช่วยไม่ได้ ผู้อาวุโสรองคนนี้ละโมบและมักมากนักในห้องเก็บของไม่เพียงแต่มีเงินทองและอัญมณีมากมายเท่านั้น แต่ในเรือนยังมีหญิงงามอีกหลายคนกู้หว่านเยว่โบกมือน้อย ๆ กวาดเอาเงินทองและอัญมณีไปทั้งหมดส่วนหญิงงามเหล่านี้ นางยังมีประโยชน์ใช้สอยต่อมาก็ไปที่ห้องเก็บของของสวีซวี่รื่อ กวาดเอาตั๋วเงินและค่าภาษีที่นาทั้งหมดที่เขาสะสมมาหลายปีไปพร้อมกัน เหมือนกับโจรปล้นไม่มีผิด ไม่เหลืออะไรให้พวกเขาสักนิดจนกระทั่งทั้งสองกวาดของในเรือนจนสะอาดหมดจด นางถึงปรบม
“ระบบ ส่งแผนที่มาให้ข้า” กู้หว่านเยว่ใช้จิตใต้สำนึกสั่งการระบบในเมื่อทางเดินลับนี้มีกลไกมากมาย พวกเขาหายตัวออกไปโดยตรงเลยจะดีกว่า“รับทราบ นายหญิงกรุณารับแผนที่ของสำนักเทียนจี”เสียงของระบบดังขึ้น จากนั้นแผนที่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ากู้หว่านเยว่นางหยิบแผนที่ที่ไป๋หลี่ชิงซีมอบให้พวกเขาออกมา ค้นหาตำแหน่งของกลไกศูนย์กลาง“ไป เราหายตัวไปยังสถานที่ที่ไร้ผู้คนก่อน”กู้หว่านเยว่โบกมือน้อย ๆ ซูจิ่งสิงรู้สึกฟ้าหมุน เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ออกจากอุโมงค์มายืนอยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่งแล้วมองออกว่าที่นี่น่าจะเป็นสวนด้านหลังของสำนักเทียนจี“น้องหญิง เราจะไปหาศูนย์กลางกลไกกันไม่ใช่หรือ มาที่นี่เพื่ออะไร?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามเสียงเบา กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ไหน ๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่ไปดูสักหน่อยล่ะว่าสวีซวี่รื่อกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่”ที่แท้ที่นี่คือชานเรือนของสวีซวี่รื่อซูจิ่งสิงส่ายหัวอย่างจนปัญญา ขัดใจใครก็ได้ แต่จะขัดใจภรรยาของเขาไม่ได้ตกลงไหม!“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ทำสัญลักษณ์มือ ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งสองรีบซ่อนตัวบนชายคาเห็นเพียงสวีซวี่รื่อและชายชราเคราขาวเดินเข้ามาจา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมท่านไม่ให้ข้าอธิบายให้พวกเขาเข้าใจล่ะ?”“พวกเขาไม่มีทางเชื่อหรอก”ไป๋หลี่ชิงซีส่ายหัว หลี่เหมียนหยางพูดไม่ออก “ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อ ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขากักขังเราไว้แบบนี้ได้ตามใจ”“เหมียนหยาง หยุดพูดก่อนเถอะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสำนักก็ได้”หลี่เหมียนจงเอ่ยประโยคหนึ่ง เขายังถือว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่งหากไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต่อให้พวกเขาต้องการกำจัดไป๋หลี่ชิงซี แต่จะไม่สนใจพวกเขาสองคนไม่ได้ ต้องรู้ว่าเขาและหลี่เหมียนหยางเป็นหลานชายและหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่“สำนักเทียนจี อาจถูกผู้อาวุโสรองยึดครองไปแล้ว”สีหน้าของไป๋หลี่ชิงซีหนักอึ้ง“อะไรนะ เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เหมียนหยางก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน ลูกตาหดตัว “อย่าบอกนะว่า เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสำนักแล้ว?”นี่คือสิ่งที่ไป๋หลี่ชิงซีกังวลมากที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาร้องร่ำรำพัน จำเป็นต้องคิดแผนรับมือโดยเร็ว“จิ่งสิง เรื่องนี้ต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน”ไป๋หลี่ชิงซีมองไปที่ซูจิ่งสิงและภรรยา ตอนนี้เคลื่อนไหวไม่สะดวก คนที่เขาไว้ใจได้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น“ท่านว่ามาเลย”ในเม
คนเหล่านี้แน่ชัดว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี เมื่อเห็นไป๋หลี่ชิงซีและหลี่เหมียนหยาง ก็ไม่ได้ดีใจที่ได้เห็นศิษย์ร่วมสำนักเลยสักนิด กลับดูระวังภัยและตื่นตัวเสียด้วยซ้ำไป“มีกลิ่นแปลก ๆ จริง”ทันทีที่เสียงของซูจิ่งสิงเงียบลง คนเหล่านั้นก็เข้ามารายล้อมกันหมดแล้ว“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”หลี่เหมียนจงมีสีหน้าสับสนต่อให้ศิษย์พี่ไป๋หลี่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลาสองปี พวกเขาจะตาบอดจำไม่ได้ แต่คงไม่มีทางจำเขาไม่ได้กระมัง?แต่เขาเพิ่งจากสำนักเทียนจีไปเมื่อสองวันก่อนนี้เองเมื่อเห็นศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชักธนูออกมา หลี่เหมียนจงก็กระทืบเท้าอย่างร้อนรน แล้วมองไปทางคนกลาง“ศิษย์น้องถังหวย เจ้าจำพวกเราไม่ได้หรือ เหตุใดถึงปล่อยให้ลูกศิษย์ชี้อาวุธมาทางพวกเรา?”ถังหวยประสานมือ “ศิษย์พี่เหมียนจง สำนักเทียนจีได้รับรายงานลับว่า ศิษย์พี่ไป๋หลี่คลอดศพทารกบุรุษให้กำเนิดบุตร ฟ้าดินไม่ยอมรับผู้อาวุโสรองได้ออกคำสั่งให้ทำความสะอาดสำนักหากพบเห็นศิษย์พี่ไป๋หลี่ ให้สังหารทันที”เขาหลบเลี่ยงสายตา ไม่กล้าสบตากับไป๋หลี่ชิงซีโดยตรงไป๋หลี่ชิงซีเคยมีบุญคุณต่อเขา แต่เขาไม่สามารถทรยศต่ออาจารย์ได้“
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ