การซ่อมแซมเส้นเสียงนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมาก สิ่งที่ต้องตระเตรียมมีมากมาย กู้หว่านเยว่ยังไม่กล้าด่วนสรุปนางหยางรีบจับมือกู้หว่านเยว่ไว้ แต่กลับเช็ดน้ำตาพลางปลอบประโลมว่า “หว่านเยว่ พ่อของพวกเจ้าสามารถคลายจากพิษได้ แม่ก็พอใจแล้ว”นางรู้สึกสงสารกู้หว่านเยว่ที่ง่วนอยู่กับการล้างพิษตลอดสองวันที่ผ่านมา“ถ้าไม่มีความมั่นใจ ก็ไม่ต้องฝืน แม่ไม่อยากทำให้เจ้าต้องเหนื่อย”“ใช่แล้ว” ซูจิ่นเอ๋อร์มองกู้หว่านเยว่ด้วยความสงสาร “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านต้องนึกถึงการพักผ่อนด้วย ท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่”นางยังหวังว่าบิดาจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เพื่อรักษากล่องเสียงของเขา จะทำให้พี่สะใภ้ใหญ่เหน็ดเหนื่อย เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ซูจื่อชิงยังกล่าวอีกว่า “ความจริงพวกเราก็ไม่ได้สื่อสารกันลำบากถึงเพียงนั้น รอจนการได้ยินของท่านพ่อฟื้นฟู การสื่อสารจะสะดวกขึ้นแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”“หว่านเยว่ การดูแลสุขภาพของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ” ซูจิ่งสิงจับมือน้อยของกู้หว่านเยว่ไว้กู้หว่านเยว่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ“พวกท่านวางใจได้ ข้าจะทำตามกำลังตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ ข้าจะไม่ฝืนเด็ดขาด”เมื่อมีคำพูดนี้ของกู้ห
“วางเมล็ดพันธุ์และวัสดุไว้ภายในลาน ใช้หมดแล้วค่อยให้คนไปยกมา” ซูจิ่งสิงเอ่ยปากชี้แนะดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกายระยับ ความเห็นนี้ของซูจิ่งสิงไม่เลว ลดปัญหาได้มาก“เวลาไม่คอยท่า พวกเราไปเดี๋ยวนี้เลย”“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไปกับพวกท่านด้วย” ซูจิ่นเอ๋อร์ไล่ตามมา“ข้าจะเข้าเมืองไปซื้อผ้าสองพับมาตัดชุดใหม่ให้ท่านพ่อ”วันนี้นางถักเปียสองข้าง สวมเสื้อคลุมสีแดงผิวพรรณขาวเปล่งปลั่งเพราะได้รับการดูแลจากยาเสริมความงามของกู้หว่านเยว่ คอยาวระหงส์คล้ายหงส์ขาวเย่อหยิ่งตัวหนึ่ง“เจ้าตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นตั้งแต่ยามใด?”“เรียนจากหรานหร่านเจ้าค่ะ พัฒนาการของข้ายอดเยี่ยมมากนะ”“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่พวกท่านยังเหม่ออันใดอยู่อีก รีบมาเร็วเข้าเถอะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ปีนขึ้นรถม้าอย่างคล่องแคล่ว ร้องเรียกคนทั้งสอง ถือสายบังเหียนตั้งสมาธิขี่ม้ามาถึงเมืองตู้เปียนก็สายแล้ว กู้หว่านเยว่พาซูจิ่นเอ๋อร์ไปยังจวนฟู่หลานเหิง“เจ้าเข้าไปพบใต้เท้าฟู่ก่อน ข้าและพี่ใหญ่เจ้ามีธุระต้องจัดการ”ซูจิ่นเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “ข้าไม่มีวันไปพบเขา พี่สะใภ้ใหญ่ท่านพาข้าไปจวนจินเถอะ”อีกเดี๋ยวได้เจอตัวป่วนหยางหลิวอะไรนั่นอีก ก็กินอะไรไม่ลงแล้ว!
ฟู่หลานเหิงจับมือนางไว้อย่างแรง จุมพิตเร่าร้อนเจือกลิ่นอายสุราประกบกลีบปากนางฟู่หลานเหิงตระกองกอดซูจิ่นเอ๋อร์ บดเบียดกลีบปากแดงของนาง หางตากลับแดงก่ำ ภายใต้อาภรณ์สีครามคือความปรารถนาอันแรงกล้าซูจิ่นเอ๋อร์ลืมตาโตนี่ใต้เท้าฟู่กำลังจุมพิตนางหรือ?กลีบปากใต้เท้าฟู่เย็นมาก นุ่มมาก...ไม่ถูกๆ ซูจิ่นเอ๋อร์ นี่เจ้ากำลังคิดอันใด?หลังมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ซูจิ่นเอ๋อร์ใช้สองมือดิ้นหนีออกมา จากนั้นหยิบน้ำชาบนโต๊ะเสียงซ่าดังขึ้น สาดน้ำชาทั้งหมดใส่หน้าฟู่หลานเหิง“ใต้เท้าฟู่ ท่านตั้งสติหน่อย!” ซูจิ่นเอ๋อร์ร้องตะโกนอย่างมีโทสะฟู่หลานเหิงถูกน้ำชาสาดใส่จนได้สติ สายตาแจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย สีหน้าอับอายจนกลายเป็นโกรธของซูจิ่นเอ๋อร์สะท้อนอยู่ภายในแววตาเขารู้สึกผิดขึ้นมาในทันใด“แม่นางจิ่น ข้ามิได้...”“ท่านหุบปาก ข้าจะออกไปเรียกบ่าวรับใช้เดี๋ยวนี้เลย!”ซูจิ่นเอ๋อร์โยนถ้วยชาไปที่อีกฝั่ง รีบเปิดประตูออกไป ฝีเท้าสะเปะสะปะอยู่บ้างไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดบ่าวรับใช้จึงถูกคนเรียกไปในตอนนี้ ซูจิ่นเอ๋อร์ตะโกนอยู่หลายครั้งถึงมีคนมาเห็นสภาพของห้องอุ่นแล้ว ทันใดนั้นตกใจจนวิญญาณหลุดลอยรีบไปเตรียมน้ำเย็น
ซูจิ่งสิงจับจ้องคนชุดดำทั้งห้า ฝ่ามือกลายเป็นกรงเล็บคว้าคอคนอยู่ใกล้ที่สุดไว้แล้วคนชุดดำรีบดึงผ้าปิดหน้าลง “นายท่าน ข้าเอง! ข้าคือฮั่นจิ่ว”อีกสี่คนที่เหลือเองก็ดึงผ้าปิดหน้าลง คุกเข่าตรงหน้าซูจิ่งสิง“ฮั่นจิ่ว เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?” สายตาซูจิ่งสิงทอดมองอีกสี่คนทางด้านหลังห้าคนนี้ล้วนเคยติดตามอยู่ด้านหลังเขา ผู้อยู่ใต้อาณัติที่ซื่อสัตย์ภักดีประกอบด้วยฮั่นจิ่ว ลู่จิง เจียงเฟิ่ง ชิงเหลียน หงเจาก่อนซูจิ่งสิงกลับเมืองหลวงก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติของฮ่องเต้ชั่ว เพื่อป้องกันมิให้พวกเขาต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย มอบเงินก้อนหนึ่งให้พวกเขาที่ชายแดน ให้พวกเขาแยกย้ายจากไปฮั่นจิ่วและคนอื่นสบตากันแวบหนึ่ง รีบเอ่ยต่อ “หลังข้าและคนอื่นจากไปแล้วก็ได้ยินเรื่องนายท่านกลับเมืองหลวงและถูกฮ่องเต้ยึดทรัพย์เนรเทศ จึงออกตามหาจากเมืองหลวง จนมาถึงเมืองตู้เปียน”วันนี้พวกเขากำลังดื่มชาในร้านชา สืบเบาะแสของซูจิ่งสิง ปรากฏว่าบังเอิญเห็นซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เดินออกจากเรือนทั้งห้ารีบไล่ตามมา วางแผนปรากฏตัวในที่ห่างไกลแห่งหนึ่งคิดไม่ถึงซูจิ่งสิงวิชายุทธ์แข็งแกร่งเหนือชั้น ขณะพวกเขาไล่ตามก็สั
ทั้งสองคนไปตลาดหาซื้อของกินเล็กน้อย จากนั้นกลับไปยังจวนฟู่ปรากฏว่ายังไม่ผ่านเข้าประตูก็มองเห็นความชุลมุนวุ่นวายภายในจวนฟู่ เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังสนั่น ยังได้ยินเสียงร้องโอดครวญอีกด้วย“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”กู้หว่านเยว่กังวลความปลอดภัยของซูจิ่นเอ๋อร์ รีบตามบ่าวรับใช้เข้าประตู หลังเข้ามาแล้วถึงมองเห็นหยางหลิวถูกจับตัวไว้ในลานบ้าน ส่วนอาจารย์หูกำลังถูกตี“นี่โวยวายอันใดกันเล่า?”“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่!” ซูจิ่นเอ๋อร์ปรี่ถลาเข้ามา จับคนทั้งสองไว้สีหน้าหวาดกลัว“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” กู้หว่านเยว่เช็ดเหงื่อแทนซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์รีบเอ่ยตอบ “หยางหลิวคนนี้มิใช่คนดี นางถึงขั้นวางยาใต้เท้าฟู่! ยังดีข้ามาทันเวลา หาไม่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น!”ที่แท้หลังฟู่หลานเหิงเกิดความคิดส่งหยางหลิวจากไป หยางหลิวก็กระวนกระวายทุกคืนวัน สรุปว่าติดสินบนอาจารย์หู ทั้งสองคนร่วมมือกัน วางแผนวางยาฟู่หลานเหิงหุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก [1]คนภายในห้องหนังสือวันนี้ล้วนถูกอาจารย์หูเรียกตัวไปกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงฟังจบ ทั้งสองคนล้วนมองเห็นความตกตะลึงภายในสายตาของอีกฝ่ายก่อนนี้คิดว่าหยางหลิวเป็น
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หลานเหิงฟื้นคืนสติแล้ว สามารถจัดการงานราชการได้อย่างเป็นปกติกู้หว่านเยว่พูดเรื่องสร้างโรงเรือนปลูกผักภายในหมู่บ้านสือหาน ไปจนถึงแนวทางส่งเสริมหมู่บ้านแห่งอื่นฟู่หลานเหิงฟังจบแล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริด “เจดีย์หนิงกู่หนาวเย็นทุรกันดาร ต้นไม้ใบหญ้าล้วนตายทั้งสิ้น ผักที่เจ้าปลูกจะสามารถอยู่ได้หรือ?”ฟู่หลานเหิงมองกู้หว่านเยว่อย่างลังเล แม้พูดว่ากู้หว่านเยว่มีชีวิตลำเค็ญในจวนโหว แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นให้นางไปปลูกผักหรอกกระมัง นางรู้เรื่องปลูกผักด้วยรึ?“หว่านเยว่ เจ้าอย่าได้นึกคึกคะนองไปชั่วขณะ ต้องการหาประสบการณ์ของชาวนาเป็นอันขาด” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราษฎร์ ฟู่หลานเหิงไม่สามารถเมินข้ามไปได้ยิ่งไปกว่านั้นเขาสงสัยมากว่าตกลงกู้หว่านเยว่มีเงินมากเพียงนั้นหรือ จ้างคนงานต้องใช้เงินไม่น้อยกู้หว่านเยว่รู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อธิบายหลักการของโรงเรือนปลูกผักให้ฟู่หลานเหิงฟังหนึ่งรอบจากนั้นพูดอย่างสุขุม“อีกสองเดือน ท่านไปดูโรงเรือนปลูกผักของข้า ดูว่าข้ากำลังเล่นสร้างบ้านอยู่หรือไม่”วันนี้เพียงมาบอกกล่าวฟู่หลานเหิงเท่านั้น ตรงข้ามกันมิใช่จะรีบสร้างโรงเรือนบนพ
กู้หว่านเยว่กลับหยิบตั๋วเงินออกมาหนึ่งใบ “พวกเจ้าใช้เงินนี้ก่อน หากไม่พอก็มาขอรับจากข้าได้อีก”“นี่?” สองสามคนมองตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง เบิกตากว้างเหม่อลอย ฮูหยินร่ำรวยเหลือหลาย!“นี่เกรงใจแล้ว ฮูหยิน พวกเราไม่สามารถรับเงินนี้ได้”“ใช่แล้ว ท่านใช้ชีวิตในหมู่บ้านสือหานอย่างอย่างลำบาก จะต้องมีเรื่องให้ใช้เงินมากมาย พวกเราไม่สามารถรับเงิน...”เจียงเฟิ่งทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งอ้ากระเป๋าการกระทำนี้ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะออกมา ยัดตั๋วเงินเข้ากระเป๋าของเขาแล้ว เอ่ยปากยิ้มๆ“เก็บไว้เถอะ พวกเจ้าอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก เงินนี้มิได้ให้ไปโดยเสียเปล่า เห็นของในเรือนแล้วหรือไม่ ช่วยข้าดูแลสิ่งเหล่านี้ๆดี ภายภาคหน้ายังต้องให้พวกเจ้าช่วยขนของแทนข้า”พวกเขาสบตากันแวบหนึ่งหงเจาชะงักงันขณะเอ่ย “ฮูหยิน มิสู้ตบหน้าข้าสองทีเถอะ เงินนี้ได้มาง่ายดายเกินไปแล้ว ข้าเกรงใจ”“ใช่แล้วๆ มิสู้ท่านตีพวกเราสองคนเลยก็ย่อมได้ ละอายใจต่อเงินนี้ยิ่งนัก!”กู้หว่านเยว่ ‘ซูจิ่งสิงคนสำรวมตนคนนั้น เหตุใดมีผู้อยู่ใต้อาณัติไม่สำรวมตนเพียงนี้’“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านวางใจเถอะ พวกเราจะเฝ้าของเหล่านี้ดีๆ”เห็นว่าซูจ
“ได้ หัวหน้าหมู่บ้านเดินช้าๆ จิ่นเอ๋อร์ ไปหยิบไก่ย่างมาครึ่งตัว มอบให้หัวหน้าหมู่บ้านนำกลับไปด้วย”หัวหน้าหมู่บ้านโจวรีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ มิได้ทำความดีความชอบจะรับรางวัลได้อย่างไร ไฉนเลยจะกินของบ้านท่านได้”“หัวหน้าหมู่บ้านรับไว้เถอะ ภายภาคหน้าเรื่องโรงเรือนปลูกผักยังต้องรบกวนท่านอีกไม่น้อย”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางเดินไปส่งหัวหน้าหมู่บ้านโจวที่หน้าประตู ส่งไก่ย่างให้อีกฝ่ายมองส่งหัวหน้าหมู่บ้านโจวจากไป กู้หว่านเยว่ยุ่งเท้าไม่ติดพื้นตลอดทั้งวัน นับว่ามีเวลานอนพักผ่อนแล้วหมุนตัวอย่างเหนื่อยล้า ใครรู้เพียงหมุนตัวกลับก็มองเห็นหวังปี้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ“แม่นางกู้ เจ้าอยู่ก็ดีแล้ว รีบมาช่วยข้าช่วยชีวิตคนเถอะ”กู้หว่านเยว่ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกหวังปี้พาไปทางเรือนของซูหรานหร่านแล้ว“แม่ทัพหวัง ท่านต้องการช่วยใคร?”“เจ้าตามข้ามาดูเถอะ” หวังปี้เปิดประตู พากู้หว่านเยว่มาหยุดตรงหน้าผู้ได้รับบาดเจ็บหนักคนหนึ่งอีกฝ่ายเลือดออกทั้งตัว ลมหายใจรวยรินกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นี่อาการหนักเกินไปแล้ว หากมาช้าอีกเพียงเสี้ยววินาที ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไว้ไม่ได้“ท่านออกไปก่อน ห้ามเข้ามารบกวน
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่