ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่พาฟู่หลานเหิงและจินโหย่วเฉียนมาถึงเชิงเขา ทั้งสองคนมองไปยังเรือนที่ดูง่อนแง่นทำท่าจะพังทลายท่ามกลางหิมะต่างก็ตกตะลึง“เรือนนี้มันโทรมเกินไปแล้วนะ!”แค่ลมพัดมาก็ปลิวได้แล้ว“ตอนนี้กันลมกันฝนได้ไม่มีปัญหา อีกไม่กี่วันอิฐที่เผาเสร็จจะพอแล้ว ก็จะสร้างเรือนอิฐกระเบื้องได้แล้ว”กู้หว่านเยว่ได้เลือกที่ดินแล้ว อยู่ใกล้กับเรือนหลังโทรม ๆ นั่นเอง ด้านหน้าจะทำเป็นแปลงปลูกผัก ส่วนข้างประตูจะกั้นไว้สำหรับเลี้ยงไก่และเป็ด“หว่านเยว่ ถ้าไม่มีเงิน ก็บอกข้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”ฟู่หลานเหิงรีบกล่าวขึ้น ถ้ารู้ว่าที่อยู่ของกู้หว่านเยว่จะโทรมขนาดนี้ เขาควรจะจัดสรรเรือนใหม่ให้นางตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว“ขอบคุณมาก แต่ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่กลับไม่ได้พูดเพราะเกรงใจ แต่หากพูดถึงเรื่องเงิน ทั่วทั้งต้าฉีก็ไม่มีใครมีมากกว่านางล้อเล่นน่า นางเป็นผู้หญิงที่ครอบครองทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งในท้องพระคลังเชียวนะ“เช่นนั้นก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไร เจ้าต้องบอกตรง ๆ นะ” ฟู่หลานเหิงยังคงเป็นห่วงมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนักเมื่อเข้าไปข้างใน กลับพบว่าภายในนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงบนชายคาแขวนเนื
เดิมทีเมื่อได้เงินมาแล้ว เขาควรจะหนีไปเลย แต่เมื่อคิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องไปอยู่แล้ว ก่อนไปก็ควรจะลักพาตัวผู้หญิงไปด้วยสักคน จะได้มีเพื่อนร่วมทาง และคอยซักผ้าทำอาหารปรนนิบัติเขาคิดไปคิดมา เฉินต้าลี่ก็ตัดสินใจเลือกซูหรานหร่าน เขาเคยเห็นซูหรานหร่าน นางมีรูปร่างหน้าตางดงาม และที่สำคัญที่สุดคือยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เฉินต้าลี่ก็แอบย่องเข้าไปที่เรือนของซูหรานหร่านเวลานี้ ซูหรานหร่านเพิ่งจะเย็บรองเท้าและถุงเท้าของหวังปี้เสร็จหวังปี้พักที่เรือนของสกุลเซิ่งในตอนกลางคืน และจะมาช่วยนางซ่อมแซมหลังคาและรั้วในตอนกลางวันซูหรานหร่านรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เมื่อเห็นเขาลำบากจนนิ้วเท้าแทบจะโผล่ออกมา นางจึงแอบทำรองเท้าคู่ใหม่ให้เขาอย่างเงียบ ๆ และตั้งใจจะมอบให้เขาในวันพรุ่งนี้กำลังจะห่อรองเท้าด้วยผ้า จู่ ๆ ก็มีเงาดำพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่รอให้ซูหรานหร่านได้ตั้งตัว ก็คว้าไม้ที่มุมห้องตีเข้าที่หัวของนางซูหรานหร่านไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกเฉินต้าลี่ตีจนสลบแล้วแบกนางออกไป...กู้หว่านเยว่เพิ่งจะออกมาจากมิติ ในช่วงสองสามวันมานี้ ผลไม้ในมิติออกผลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะกิ
ฉู่เฟิงเดินเข้ามาพูดว่า “หีบบนรถม้าเต็มไปด้วยเงินทองและเครื่องประดับ และยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ข้างในด้วย”เฉินต้าลี่รีบเอ่ยขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ให้ข้า! ข้ายังไม่มีภรรยาเลย ข้าต้องมีทายาทสืบสกุล”“คนชั่วอย่างเจ้ายังอยากมีทายาทสืบสกุลอีกหรือ? จะให้กำเนิดคนเลวออกมาให้เปลืองอากาศหรือไร?” กู้หว่านเยว่พูดเยาะเย้ยเขาพลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถม้าเพื่อดูว่าผู้หญิงข้างในนั้นเป็นใครทันทีที่เข้าไปก็พบว่า ไอ้สารเลวนี่ถึงกับลักพาตัวซูหรานหร่านมาซูหรานหร่านครางออกมาสองเสียง กู้หว่านเยว่จึงรีบแก้มัดให้นางและดึงผ้าที่ปิดปากนางออก“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร แค่โดนเขาตีหัวไปทีหนึ่ง เขาอยากจะจับตัวข้าไป แล้ววางยาพิษชาวบ้านทั้งหมด จากนั้นไปใช้ชีวิตสำราญที่อื่น”ซูหรานหร่านช่างโชคร้ายจริง ๆ นางไปดึงดูดเฉินต้าลี่ตรงไหนกัน?โชคดีที่เฉินต้าลี่รีบขนสมบัติจึงไม่ได้แตะต้องนาง ไม่เช่นนั้นคราวนี้นางคงทำได้เพียงกระโดดบ่อน้ำตายแล้ว“เงินทองให้พวกท่าน แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องให้ข้า!”เฉินต้าลี่หน้าตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ ถูกซูจิ่งสิงเตะเข้าอีกทีหนึ่ง “หุบปาก!”กู้หว่า
“ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันให้หมด!” เถาเอ๋อร์ได้กลิ่นปัสสาวะเหม็นคลุ้งไปทั่วตัวก็รู้สึกสิ้นหวัง นางหวังว่ามู่หรงอวี้จะโกรธเกรี้ยวแทนนางเหมือนกับพระเอกในนิยายแต่น่าเสียดาย มู่หรงอวี้แค่ลูบหัวนางเบา ๆ “ข้าไม่สามารถทำให้สกุลเย่ว์ที่อยู่เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอคนนี้ขุ่นเคืองได้ พวกเขาขอโทษเจ้าแล้ว ก็ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”“ท่านอ๋อง?”เถาเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อ แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อสายตาของมู่หรงอวี้ เพราะตอนนี้นางไม่มีอำนาจใด ๆ โชคดีที่มู่หรงอวี้ยังเชื่อใจนางสองสามวันที่อยู่ในคุก นางคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ปัญหาต้องมาจากกู้หว่านเยว่อย่างแน่นอนนางอาจจะเป็นคนที่ข้ามเวลามาเหมือนกันก็ได้นางต้องหาโอกาสหยั่งเชิงกู้หว่านเยว่ เมื่อแน่ใจว่ากู้หว่านเยว่มาจากโลกเดียวกันกับนาง เช่นนั้นนางจะต้องฆ่ากู้หว่านเยว่ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม“ท่านอ๋อง เราไปที่เจดีย์หนิงกู่กันเถอะ”“ไปเจดีย์หนิงกู่ทำไมกัน?” มู่หรงอวี้ในใจรู้สึกลังเลเขาจากเมืองหลวงไปนานแล้ว ช่วงนี้เหล่าขุนนางในราชสำนักก็ไม่ได้ติดต่อเขาเลยเขาอยากกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อรวบรวมอำนาจ และเขาก็ได้ยินมาว่าเว่ยเฉิงสอบได้จอหงวน* แล้ว“แน่นอนว่า
ทำให้เขาพบโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เข้าแล้ว“คือว่า ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าเป็นผู้นำตระกูลของสกุลจิน สกุลจินของพวกเราก็ทำธุรกิจเผาอิฐเช่นกัน”กู้หว่านเยว่ซดโจ๊กไข่เยี่ยวม้าหมูชิ้นเข้าไปคำหนึ่ง “แล้วดังนั้น?”“ดังนั้น เรามาร่วมมือกันเถอะ ข้าจะออกเงินลงทุนสร้างโรงเผาอิฐและจ้างคนงาน ส่วนเจ้าก็เอาเทคโนโลยีออกมา? กำไรเราแบ่งกันหกต่อสี่ เป็นอย่างไร”“หกสี่?” กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างอันตราย“เช่นนั้นก็เจ็ดสาม ท่านเจ็ดข้าสาม นี่ข้าแสดงความจริงใจออกมาแล้วนะ!”จินโหย่วเฉียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยโรงเผาอิฐสกุลจินของพวกเขาขาดทุนมาหลายปีแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีไม่ดี แต่เขาเพิ่งเห็นว่าโรงเผาอิฐของกู้หว่านเยว่มีอัตราความสำเร็จที่น่าทึ่งเพียงแค่ได้ร่วมมือกับกู้หว่านเยว่ ต้องทำให้โรงเผาอิฐของพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน“สกุลจินของเรามีโรงเผาอิฐหลายแห่ง และสร้างเสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องไปสร้างใหม่อีก สะดวกกว่าเยอะเลย ข้ายังสามารถช่วยเจ้าจัดการคนงานในโรงเผาอิฐแห่งอื่น ๆ ได้ด้วย”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย“ข้าแปดท่านสอง คุณชายจินรับได้หรือไม่?”“สองหรือ ดูเหมือนจะน้อยไป
เมื่อได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของนางหยาง ทุกคนต่างตกตะลึงสิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ นางหยางกลับมาเป็นปกติแล้วจริง ๆ แม่ลูกสามคนกอดกันด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล แม้แต่เมี่ยชิงหว่านก็ยังรู้สึกยินดีกับพวกเขาจากใจจริง“พี่สะใภ้ ขอบคุณนะ ต้องขอบคุณท่าน ท่านแม่ถึงได้หายเป็นปกติ ท่านคือดาวนำโชคของครอบครัวเราจริง ๆ ...”ซูจื่อชิงขอบตาร้อนผ่าว มองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยความซาบซึ้ง“ใช่แล้ว หว่านเยว่ เจ้าคือผู้มีพระคุณของแม่ แม่ขอคารวะเจ้า” นางหยางตื่นเต้นจนลุกขึ้นจากเตียงแม่สามีคารวะลูกสะใภ้? เช่นนั้นนางจะไม่อายุสั้นหรอกหรือ!กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนางไว้ “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ” “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่แม่ก็หลง ๆ ลืม ๆ มาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้แม่มีแรงเหลือเฟือ อยากจะไปทำขนมแป้งทอดในครัวสักหน่อย”นางหยางยิ้มกว้างพลางจ้องมองไปที่ท้องของกู้หว่านเยว่“ตอนนี้แม่ไม่โง่แล้ว ต่อไปนี้ก็จะสามารถช่วยงานบ้านได้ ซักผ้า ทำอาหารให้เจ้าได้ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ แม่ก็จะได้ดูแลเจ้าและลูกได้...”แม่สามีดูเหมือนจะมีนิสัยชอบดูแลคนอื่นจังเลย กู้หว่านเยว่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ข้าทราบถึงความหวัง
ที่แท้ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระโอรสเพียงองค์เดียวคือองค์รัชทายาท ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระองค์เององค์รัชทายาททรงเฉลียวฉลาดและมีเมตตา ทรงศึกษาเล่าเรียนกับราชครูโจว ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างยอมรับในตัวพระองค์แต่ในระหว่างที่เสด็จเยือนทางใต้กลับถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ฮ่องเต้องค์ก่อนสูญเสียพระโอรสอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน จึงทรงประชวรอยู่บนพระแท่นฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ทันได้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ก็ถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้สารเลว ก่อนจะสวรรคต“ฮ่องเต้ลงมือกับเจ้า แน่นอนว่าเขาต้องพบอะไรบางอย่าง...”ซูจิ่งสิงเข้าใจแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังและอารมณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ เขาตบมือนางหยางเบา ๆ “ท่านดูแลสุขภาพให้ดี เรื่องพวกนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”นางหยางปาดน้ำตา “แม่เป็นคนที่มีความรู้น้อย ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก พระชายามีบุญคุณกับแม่ แม่ก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แม่ยินดีที่จะตายแทนลูกและหว่านเยว่ได้”นางหยางคิดถึงแต่เรื่องของทั้งสองคน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ นางจึงกล่า
“เพื่อเงินยี่สิบตำลึง พวกท่านถึงขั้นต้องขายข้าเลยหรือ?”ซูหรานหร่านตัวสั่นเทิ้ม“พวกท่านไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่ากันบ้างหรือ?”“เด็กบ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งบิดาเช่นนี้!” ซูหัวหยางยกมือตบหน้าอย่างแรง“การแต่งงานลิขิตโดยผู้เป็นบิดามารดา ชักจูงโดยแม่สื่อ เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ?”ซูหรานหร่านถูกตบหน้าจนวิงเวียนศีรษะตาพร่ามัว ยกมือเกาะขอบประตู ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง“หรานหร่าน” นางจินแทบอยากร้องไห้ เดิมทีคิดว่านางต้องออกหน้าให้ซูหรานหร่านอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่านางจะกล่าวว่า “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเจ้า เจ้าตอบตกลงไปเสียเถิด”เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซูและซูหัวหยางมาหานาง บอกว่าซูเช่อถึงวัยแต่งงานแล้ว จะไม่จับคู่ก็คงไม่ได้ตลอดเส้นทางของการโดนเนรเทศ เวลานี้เงินกระเป๋ายังสะอาดกว่าหน้าตาเสียอีกเว้นเสียแต่ว่าซูหรานหร่านจะแต่งงาน และรับสินสอดกลับมาไม่เพียงแต่จะจุนเจือครอบครัวแล้ว ยังใช้เงินไปสู่ขอภรรยาให้กับซูเช่อได้อีกด้วยนางจินรักบุตรสาว แต่ “พี่ชายของเจ้าอยากแต่งงานแล้ว แต่ครอบครัวเรายากจน .... เพื่อเงินก้อนนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเปล่า หรานหร่าน....”ซูหรานหร่านเข้าใจทันทีทั้งครอบครัว
นางอยากเปิดบาดแผลของฮั่วจี๋ให้พวกเขาดู แต่มือสองข้างถูกมัดไว้“คุณชายถูกยิงที่อก ลูกธนูยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ!”หนานหยางอ๋องเลื่อนคบเพลิงเข้าใกล้อกของฮั่วจี๋ได้เห็นลูกธนูที่บาดแผลบนอกของเขาไม่ผิดไปดังคาด ถูกเกราะบังไว้ เห็นได้ไม่ชัดนัก“พระชายา ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”หนานหยางอ๋องมองทางกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้พวกเขาออกมาเป็นหน่วยจู่โจมสายฟ้าแลบ ข้างกายมิได้พาหมอทหารมาด้วย“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่พกกระเป๋ายาติดมาด้วย ก็เพื่อรับมือในยามจำเป็นแผลถูกธนูยิงนี้สำหรับนางกลับเป็นเรื่องเล็ก“วางคนนอนราบก่อน ข้าจะดูอาการของเขา”หวังปี้รีบขยับขึ้นไป “ข้าเอง”เขามือเท้าคล่องแคล่วว่องไว แก้มัดเชือกบนตัวฮั่วจี๋ออก จากนั้นจับคนนอนราบ“เอาคบเพลิงมาอีกสองอัน ส่องสว่างให้ข้า”เพื่อป้องกันมิให้มีแสงไฟ ทำให้คนสังเกตเห็นเบาะแสดังนั้นภายในหน่วยจึงจุดคบเพลิงเพียงหนึ่งถึงสองอันหนานหยางอ๋องนำคบเพลิงสองอันมา สั่งให้คนย่อตัวถือคบเพลิงข้างกายกู้หว่านเยว่ ส่องแสงให้นางขั้นตอนการดึงธนูออกมีเลือดเล็กน้อยกู้หว่านเยว่สวมถุงมือ การกระทำเป็นขั้นเป็นตอน คีบลูกธนูที่หักออกมาก่อน ล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ โรยผงยาแก
หากชายคนนี้เป็นทหารเมืองเหยาจริง เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์เมืองเหยาได้ว่าตกลงเป็นเช่นไรกันแน่“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ พานางกลับไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วมุ่น หญิงคนนี้ปากแข็งมากต้องการถามอะไรจากปากนางให้ได้ในทันที เกรงว่าคงยากนักเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกหนานหยางอ๋องรอจนร้อนใจ มิสู้พาคนทั้งสองกลับไป จากนั้นค่อยถามอย่างละเอียด“ได้!”หวังปี้พยักหน้า หยิบเชือกป่านจากทางด้านหลัง ขยับขึ้นไปมัดทั้งสองคนไว้แล้ว“ปล่อย ปล่อยพวกเรานะ!”เพราะฝ่ายชายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป หวังปี้จึงมัดเขาได้อย่างง่ายดายส่วนเจียงม่าน นางไม่รู้วิทยายุทธ์ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังปี้“ปล่อยเขา”เจียงม่านดิ้น“ข้าจะให้เงินพวกเจ้า บนตัวข้ามีเครื่องประดับ”นางเป็นห่วงชายคนนี้มาก ไม่อาจหักใจให้เขาได้รับบาดเจ็บหวังปี้ชี้เข้าที่เกราะบนตัว “เจ้าดูข้าคล้ายคนมาปล้นเงินหรือ? ข้ามาออกรบ หุบปากก่อนเถอะ รอพบแม่ทัพผู้เฒ่าของข้าเจ้าค่อยพูด”พูดจบ หันหลังมองทางกู้หว่านเยว่อย่างเคารพนบอบ“พระชายา พวกเราไป?”“ไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กวาดตามองรอบด้าน ในละแวกนี้นอกจากสองคนนี้ ก็ไม่มีคนอื่น
หากเกิดอะไรขึ้นกับกู้หว่านเยว่ หลังกลับไปแล้วซูจิ่งสิงจะยังไม่แล่เนื้อเถือหนังเขาอีกหรือ?“ใช่ ข้าจะส่งคนสองสามคนไปดู”แม่ทัพหลี่เองก็ทำตามคำพูดของหนานหยางอ๋องกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ชอบรอคนอยู่ที่เดิม ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็แปลกใจมากว่า เหตุใดในป่าทึบถึงมีเสียงร้องไห้ดังออกมาได้?“หวังปี้ ท่านไปกับข้าเถอะ”กู้หว่านเยว่มองทางหวังปี้ สุ้มเสียงหนักแน่นคนอื่นเห็นสถานการณ์แล้วก็หันหน้าสบตากันแวบหนึ่ง พากันพยักหน้าอย่างจนใจ“ไป”หวังปี้พยักหน้า รีบตามหลังกู้หว่านเยว่ไปหนานหยางอ๋องกลับยกมือให้กองทัพใหญ่หยุดรอฟังคำสั่งอยู่กับที่ ดูว่าตกลงสถานการณ์ข้างหน้าเป็นเช่นไรกู้หว่านเยว่พาหวังปี้เดินผ่านป่าไป ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เสียงร้องไห้ดังขึ้นมา“ระบบเจ้าเองก็อย่าอยู่เฉย ช่วยข้าดูว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นเช่นไรกันแน่”กู้หว่านเยว่พูดกับระบบภายในมิติระบบอ้าปากหาว “สแกนพบว่าข้างหน้าคล้ายมีหญิงคนหนึ่งกำลังกอดชายคนหนึ่งร้องไห้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ถัดจากเสียงของระบบ ภาพด้านหน้าก็ปรากฏต่อหน้าทั้งคู่เป็นอย่างที่ระบบพูดไม่มีผิดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าแล้วเดินจากไปเปี๊ยะอัดแท่งนี้ พวกทหารที่ไม่เคยกินมาก่อน ได้กินแล้วก็รู้สึกเอร็ดอร่อย แต่กู้หว่านเยว่กลับกินไม่ลงนางหยิบช็อคโกแลตออกจากมิติใส่เข้าปากไปหนึ่งชิ้นเพื่อเพิ่มพลังงานอย่างไรเสียก็มืดแล้ว ไม่มีใครมองเห็นหลังกินช็อคโกแลตแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หาที่พักผ่อนแห่งหนึ่งย่อมไม่สามารถนอนหลับจนฟ้าสว่างได้กองทัพเร่งเดินทางโดยอาศัยความเร็ว หาไม่แล้วจะเรียกว่าโจมตีสายฟ้าแลบได้เยี่ยงไร?หลังพักผ่อนไปแล้วสองชั่วยาม เห็นแสงที่ขอบฟ้า กองทัพใหญ่ก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อป้องกันมิให้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ทุกคนจึงไม่กล้าจุดไฟระหว่างเดินทางทั้งหมดล้วนอาศัยไม้เท้าเดินขึ้นไปข้างหน้ากู้หว่านเยว่และหนานหยางอ๋องเดินอยู่ด้านหน้าสุด“ระบบ ช่วยข้าระวังด้วยว่าพุ่มไม้รอบข้างมีงูหรือไม่”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“หากมีงู จัดการในทันที”“นายหญิง ระบบก็ต้องพักผ่อนนะ”ระบบร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เหตุใดให้คนทำงานทั้งวันทั้งคืนกันเล่า?“ข้าผู้ซึ่งเป็นนายหญิงของเจ้ายังไม่ได้พักผ่อน เจ้าจะพักผ่อนอะไรกัน? เร็วๆ ลุกขึ้นมาทำงาน”กู้หว่านเยว่เร่ง ระบบซับน้ำตาให้ตนเอง เปิดเ
เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า รอบกายมืดมิดลมแรง บนพื้นเองก็มองได้ไม่ชัดเจนกู้หว่านเยว่มองเข้าไปในมิติแวบหนึ่ง บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว“หนานหยางอ๋อง ฟ้ามืดเกินไป เหล่าทหารเร่งเดินทางย่อมไม่สะดวกเจ้าค่ะ”เร่งเดินทางยามฟ้ามืดย่อมพลาดพลั้งได้อย่างง่ายดายในเวลานี้ ภายในป่าลึกยังมีอสรพิษมากมายนัก“มิสู้พวกเราหาที่แห่งหนึ่ง พักผ่อนสักสองชั่วยามเถอะ”รอพักผ่อนเอาแรงดีแล้วค่อยเดินทางต่อก็ไม่สายหนานหยางอ๋องพยักหน้าหลังกองทัพใหญ่ออกเดินทางจากแม่น้ำมู่ตานก็ไม่ได้พักผ่อนอีกเลยอาศัยช่วงฟ้ามืด พักผ่อนสองสามชั่วยามก็ไม่เป็นไร“ให้กองทัพใหญ่หยุด พักผ่อนอยู่กับที่ แจกจ่ายเสบียงอาหาร!”หนานหยางอ๋องออกคำสั่งกับขุนพลหลี่เหล่าหลี่ร้องตะโกนเสียงแหบ “ทหารทุกนายพักผ่อนอยู่กับที่ ดื่มน้ำ กินเสบียงอาหาร!”“ขอรับ!”ทุกคนทำตามคำสั่งของหนานหยางอ๋อง นั่งลงพักผ่อนเพื่อความสะดวก ทหารทุกคนล้วนพกอาหารแห้งและถุงน้ำแขวนไว้ข้างเอวหลังนั่งลงไปแล้ว ทุกคนก็หยิบอาหารแห้งออกจากใต้วงแขน เปิดถุงน้ำ เริ่มเพิ่มพลังงานทว่าอาหารแห้งที่พวกเขากิน มิใช่อาหารแห้งแข็งๆ อีกแต่เป็นเปี๊ยะอัดแท่งที่กู้ห
เดิมทีกองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็มีคนไม่มาก ตระหนักถึงปัจจัยรอบด้าน ซูจิ่งสิงจึงให้กองทัพใหญ่อยู่ที่สมรภูมิหลักหนานหยางอ๋องและกู้หว่านเยว่นำทหารชั้นยอดไปเพียงหนึ่งพันนายทหารชั้นยอดหนึ่งพันนายนี้ เป็นกองกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดนกับหนานหยางอ๋องในปีนั้นกู้หว่านเยว่เปลี่ยนชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด หอกดาบไม่ทะลุให้กับพวกเขา จับคู่กับหอกยาวที่แหลมคมที่สุดขี่ม้ากำยำแข็งแรงที่สุดของสกุลกงซุนคนกลุ่มนี้เน้นการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ วางแผนทำให้เมืองเหยาไม่ทันตั้งตัวหนานหยางอ๋องหยิบแผนที่ออกมา ชี้ไปยังคูเมืองสองสามแห่งข้างบน“พระชายา เจ้าดูนี่กึ่งกลางระหว่างพวกเราและเมืองเหยา ยังมีคูเมืองสองแห่งอยู่พวกเราสามารถอ้อมเข้าภูเขาเหยา โจมตีเมืองเหยาก่อนได้จากนั้นย้อนกลับมาโจมตีคูเมืองสองด้านพร้อมท่านอ๋อง”แท้จริงแล้ว ต่อให้ไม่ใช่เพื่อสกุลหลินไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาโจมตีเมืองเหยาแห่งนี้เมืองเหยาเป็นจุดยุทธศาสตร์ นับเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตงเป่ยและหัวเป่ย“หากโจมตีเมืองเหยา ข้ามด่านก็คือที่ราบกว้างใหญ่ของหัวเป่ยแล้ว”หาไม่แล้วเหตุใดกองโจรพเนจรกลุ่มนั้นถึงไม่โจมตีคูเมือง แต่ลงมือกับเม
“ไม่ได้”ซูจิ่งสิงคัดค้านในทันทีทันใด เขาส่งผู้นำที่เหมาะสมไปแล้ว“เจ้าจงอยู่กับข้าที่นี่”ในสนามรบดาบกระบี่ไม่มีตา ก่อนหน้านี้ไปตามหาองค์หญิงใหญ่ยังไม่เท่าไร แต่หากเป็นแนวหน้าก็อาจได้รับบาดเจ็บทุกเมื่อ“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถมาก แต่สถานการณ์ในสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ หลบเข้ามิติไม่ทัน”ซูจิ่งสิงไม่หวังให้กู้หว่านเยว่ได้รับบาดเจ็บ“ไม่เป็นไร ท่านยังไม่รู้ความสามารถของข้าอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่จับมือเขาไว้อย่างจริงจัง“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารับปากกท่านตาท่านยายแล้วว่าจะพาญาติผู้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยตอนพวกเราถูกเนรเทศ พวกเขาเคยยื่นมือเข้าช่วย มอบความช่วยเหลือยามทุกข์ยากข้าไม่อยากติดค้างพวกเขาเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรมากู้หว่านเยว่เป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทนหากนางติดตามไป ก็ย่อมมีความหวังในการตามหาหลินเพียวเพียวมากยิ่งขึ้นเห็นว่าซูจิ่งสิงยังคิดปฏิเสธ กู้หว่านเยว่จึงปรึกษากับเขาอีกครั้ง“ญาติผู้พี่กำลังตั้งครรภ์ ต่อให้ตามหาเบาะแสของนางพบ แต่การเดินทางลำบากมาก ยากจะรับรองได้ว่านางจะไม่เป็นไรหากข้าติดตามไปด้วย หลังพบนางแล้ว ข้าก็สามารถทำให้นางหมดสติแล
กู้หว่านเยว่เข้าใจในทันใด มิน่าเล่าคนเหล่านี้ท้องร้องโครกคราก ท่าทางอิดโรย ที่แท้ก็เกิดเรื่องกับสกุลหลินนี่เอง“สกุลหลินเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น ข้ากลับไม่รู้เรื่อง ต้องขออภัยด้วย”“เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ ฉูโจวและเจดีย์หนิงกู่อยู่ห่างกันมากเพียงนี้ จะส่งจดหมายมาก็เป็นเรื่องยาก”ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่เกิดเรื่องกับสกุลหลิน ยังไม่ใช่เพราะราชสำนักโง่เขลาไร้ขอบเขตอีกหรือ ต่อให้บอกกู้หว่านเยว่เรื่องนี้ ยังจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า?“กินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าสมควรเริ่มปลอบจากที่ใด ยังดีรับคนสกุลหลินมาแล้ว“ท่านตาท่านยาย แนวหน้าอันตราย รอพวกท่านพักผ่อนสักสองวันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกท่านไปส่งที่เมืองอวี้ไปถึงเมืองอวี้ย่อมมีคนจัดแจงที่พักให้พวกท่านส่วนทางฝั่งญาติผู้พี่ รอข้าได้รับข่าวของนางแล้ว ค่อยให้คนกลับไปแจ้งพวกท่าน”กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้คนเหล่านี้ฟังนายท่านผู้เฒ่าหลินในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ เอ่ยปากก่อนเป็นคนแรก “หว่านเยว่ ทั้งหมดล้วนฟังเจ้า ขอเพียงไม่สร้างปัญหาให้เจ้าก็พอ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าคนสกุลหลินล้วนคิดเพื่อหลานสาวอย่างนางคนนี้มาโดยตล
“ดูเจ้าสิ พูดเรื่องนี้กับหว่านเยว่เพื่ออะไร?”หลินรู่ไห่ดึงนางเก๋อไว้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่เขารู้ว่าการบอกเรื่องนี้กับกู้หว่านเยว่นั้นไม่มีประโยชน์เมืองเหยาอยู่ไกลจากที่นี่ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับฮ่องเต้ จะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาคนที่เมืองเหยา?พวกเขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่ต้องลำบากใจ“ท่านน้า ต้องขอบคุณน้าสะใภ้ที่บอกข้า เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ทำไมพวกท่านไม่พูดทันทีที่เข้ามา?”กู้หว่านเยว่ยังจำหลินเพียวเพียวได้ สาวน้อยที่สงบเสงี่ยมมาก เวลาพูดขึ้นมาก็ดูคงแก่เรียนเมื่อคนสกุลหลินไปที่โรงเตี๊ยมเตียงนอนรวมเพื่อส่งเงินให้นาง หลินเพียวเพียวก็มาด้วย แล้วยังปลอบประโลมนางอย่างนุ่มนวล“หว่านเยว่ พวกเราไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวล”ประเด็นคือพวกเขาไม่เคยคิดว่ากู้หว่านเยว่จะสามารถช่วยหลินเพียวเพียวกลับมาได้และพวกเขาก็เป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงจะรู้สึกว่าสกุลหลินของพวกเขาเป็นปัญหา ถึงตอนนั้นจะทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วยกู้หว่านเยว่จำพวกเขาได้ จึงขอให้ซูจิ่งสิงส่งคนไปรับพวกเขาที่ฉูโจว พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว จะเสนอเงื่อนไขอะไรได้อย่างไร?“พวกท่าน”กู้หว