ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่พาฟู่หลานเหิงและจินโหย่วเฉียนมาถึงเชิงเขา ทั้งสองคนมองไปยังเรือนที่ดูง่อนแง่นทำท่าจะพังทลายท่ามกลางหิมะต่างก็ตกตะลึง“เรือนนี้มันโทรมเกินไปแล้วนะ!”แค่ลมพัดมาก็ปลิวได้แล้ว“ตอนนี้กันลมกันฝนได้ไม่มีปัญหา อีกไม่กี่วันอิฐที่เผาเสร็จจะพอแล้ว ก็จะสร้างเรือนอิฐกระเบื้องได้แล้ว”กู้หว่านเยว่ได้เลือกที่ดินแล้ว อยู่ใกล้กับเรือนหลังโทรม ๆ นั่นเอง ด้านหน้าจะทำเป็นแปลงปลูกผัก ส่วนข้างประตูจะกั้นไว้สำหรับเลี้ยงไก่และเป็ด“หว่านเยว่ ถ้าไม่มีเงิน ก็บอกข้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”ฟู่หลานเหิงรีบกล่าวขึ้น ถ้ารู้ว่าที่อยู่ของกู้หว่านเยว่จะโทรมขนาดนี้ เขาควรจะจัดสรรเรือนใหม่ให้นางตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว“ขอบคุณมาก แต่ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่กลับไม่ได้พูดเพราะเกรงใจ แต่หากพูดถึงเรื่องเงิน ทั่วทั้งต้าฉีก็ไม่มีใครมีมากกว่านางล้อเล่นน่า นางเป็นผู้หญิงที่ครอบครองทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งในท้องพระคลังเชียวนะ“เช่นนั้นก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไร เจ้าต้องบอกตรง ๆ นะ” ฟู่หลานเหิงยังคงเป็นห่วงมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนักเมื่อเข้าไปข้างใน กลับพบว่าภายในนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงบนชายคาแขวนเนื
เดิมทีเมื่อได้เงินมาแล้ว เขาควรจะหนีไปเลย แต่เมื่อคิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องไปอยู่แล้ว ก่อนไปก็ควรจะลักพาตัวผู้หญิงไปด้วยสักคน จะได้มีเพื่อนร่วมทาง และคอยซักผ้าทำอาหารปรนนิบัติเขาคิดไปคิดมา เฉินต้าลี่ก็ตัดสินใจเลือกซูหรานหร่าน เขาเคยเห็นซูหรานหร่าน นางมีรูปร่างหน้าตางดงาม และที่สำคัญที่สุดคือยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เฉินต้าลี่ก็แอบย่องเข้าไปที่เรือนของซูหรานหร่านเวลานี้ ซูหรานหร่านเพิ่งจะเย็บรองเท้าและถุงเท้าของหวังปี้เสร็จหวังปี้พักที่เรือนของสกุลเซิ่งในตอนกลางคืน และจะมาช่วยนางซ่อมแซมหลังคาและรั้วในตอนกลางวันซูหรานหร่านรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เมื่อเห็นเขาลำบากจนนิ้วเท้าแทบจะโผล่ออกมา นางจึงแอบทำรองเท้าคู่ใหม่ให้เขาอย่างเงียบ ๆ และตั้งใจจะมอบให้เขาในวันพรุ่งนี้กำลังจะห่อรองเท้าด้วยผ้า จู่ ๆ ก็มีเงาดำพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่รอให้ซูหรานหร่านได้ตั้งตัว ก็คว้าไม้ที่มุมห้องตีเข้าที่หัวของนางซูหรานหร่านไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกเฉินต้าลี่ตีจนสลบแล้วแบกนางออกไป...กู้หว่านเยว่เพิ่งจะออกมาจากมิติ ในช่วงสองสามวันมานี้ ผลไม้ในมิติออกผลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะกิ
ฉู่เฟิงเดินเข้ามาพูดว่า “หีบบนรถม้าเต็มไปด้วยเงินทองและเครื่องประดับ และยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ข้างในด้วย”เฉินต้าลี่รีบเอ่ยขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ให้ข้า! ข้ายังไม่มีภรรยาเลย ข้าต้องมีทายาทสืบสกุล”“คนชั่วอย่างเจ้ายังอยากมีทายาทสืบสกุลอีกหรือ? จะให้กำเนิดคนเลวออกมาให้เปลืองอากาศหรือไร?” กู้หว่านเยว่พูดเยาะเย้ยเขาพลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถม้าเพื่อดูว่าผู้หญิงข้างในนั้นเป็นใครทันทีที่เข้าไปก็พบว่า ไอ้สารเลวนี่ถึงกับลักพาตัวซูหรานหร่านมาซูหรานหร่านครางออกมาสองเสียง กู้หว่านเยว่จึงรีบแก้มัดให้นางและดึงผ้าที่ปิดปากนางออก“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร แค่โดนเขาตีหัวไปทีหนึ่ง เขาอยากจะจับตัวข้าไป แล้ววางยาพิษชาวบ้านทั้งหมด จากนั้นไปใช้ชีวิตสำราญที่อื่น”ซูหรานหร่านช่างโชคร้ายจริง ๆ นางไปดึงดูดเฉินต้าลี่ตรงไหนกัน?โชคดีที่เฉินต้าลี่รีบขนสมบัติจึงไม่ได้แตะต้องนาง ไม่เช่นนั้นคราวนี้นางคงทำได้เพียงกระโดดบ่อน้ำตายแล้ว“เงินทองให้พวกท่าน แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องให้ข้า!”เฉินต้าลี่หน้าตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ ถูกซูจิ่งสิงเตะเข้าอีกทีหนึ่ง “หุบปาก!”กู้หว่า
“ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันให้หมด!” เถาเอ๋อร์ได้กลิ่นปัสสาวะเหม็นคลุ้งไปทั่วตัวก็รู้สึกสิ้นหวัง นางหวังว่ามู่หรงอวี้จะโกรธเกรี้ยวแทนนางเหมือนกับพระเอกในนิยายแต่น่าเสียดาย มู่หรงอวี้แค่ลูบหัวนางเบา ๆ “ข้าไม่สามารถทำให้สกุลเย่ว์ที่อยู่เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอคนนี้ขุ่นเคืองได้ พวกเขาขอโทษเจ้าแล้ว ก็ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”“ท่านอ๋อง?”เถาเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อ แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อสายตาของมู่หรงอวี้ เพราะตอนนี้นางไม่มีอำนาจใด ๆ โชคดีที่มู่หรงอวี้ยังเชื่อใจนางสองสามวันที่อยู่ในคุก นางคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ปัญหาต้องมาจากกู้หว่านเยว่อย่างแน่นอนนางอาจจะเป็นคนที่ข้ามเวลามาเหมือนกันก็ได้นางต้องหาโอกาสหยั่งเชิงกู้หว่านเยว่ เมื่อแน่ใจว่ากู้หว่านเยว่มาจากโลกเดียวกันกับนาง เช่นนั้นนางจะต้องฆ่ากู้หว่านเยว่ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม“ท่านอ๋อง เราไปที่เจดีย์หนิงกู่กันเถอะ”“ไปเจดีย์หนิงกู่ทำไมกัน?” มู่หรงอวี้ในใจรู้สึกลังเลเขาจากเมืองหลวงไปนานแล้ว ช่วงนี้เหล่าขุนนางในราชสำนักก็ไม่ได้ติดต่อเขาเลยเขาอยากกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อรวบรวมอำนาจ และเขาก็ได้ยินมาว่าเว่ยเฉิงสอบได้จอหงวน* แล้ว“แน่นอนว่า
ทำให้เขาพบโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เข้าแล้ว“คือว่า ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าเป็นผู้นำตระกูลของสกุลจิน สกุลจินของพวกเราก็ทำธุรกิจเผาอิฐเช่นกัน”กู้หว่านเยว่ซดโจ๊กไข่เยี่ยวม้าหมูชิ้นเข้าไปคำหนึ่ง “แล้วดังนั้น?”“ดังนั้น เรามาร่วมมือกันเถอะ ข้าจะออกเงินลงทุนสร้างโรงเผาอิฐและจ้างคนงาน ส่วนเจ้าก็เอาเทคโนโลยีออกมา? กำไรเราแบ่งกันหกต่อสี่ เป็นอย่างไร”“หกสี่?” กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างอันตราย“เช่นนั้นก็เจ็ดสาม ท่านเจ็ดข้าสาม นี่ข้าแสดงความจริงใจออกมาแล้วนะ!”จินโหย่วเฉียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยโรงเผาอิฐสกุลจินของพวกเขาขาดทุนมาหลายปีแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีไม่ดี แต่เขาเพิ่งเห็นว่าโรงเผาอิฐของกู้หว่านเยว่มีอัตราความสำเร็จที่น่าทึ่งเพียงแค่ได้ร่วมมือกับกู้หว่านเยว่ ต้องทำให้โรงเผาอิฐของพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน“สกุลจินของเรามีโรงเผาอิฐหลายแห่ง และสร้างเสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องไปสร้างใหม่อีก สะดวกกว่าเยอะเลย ข้ายังสามารถช่วยเจ้าจัดการคนงานในโรงเผาอิฐแห่งอื่น ๆ ได้ด้วย”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย“ข้าแปดท่านสอง คุณชายจินรับได้หรือไม่?”“สองหรือ ดูเหมือนจะน้อยไป
เมื่อได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของนางหยาง ทุกคนต่างตกตะลึงสิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ นางหยางกลับมาเป็นปกติแล้วจริง ๆ แม่ลูกสามคนกอดกันด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล แม้แต่เมี่ยชิงหว่านก็ยังรู้สึกยินดีกับพวกเขาจากใจจริง“พี่สะใภ้ ขอบคุณนะ ต้องขอบคุณท่าน ท่านแม่ถึงได้หายเป็นปกติ ท่านคือดาวนำโชคของครอบครัวเราจริง ๆ ...”ซูจื่อชิงขอบตาร้อนผ่าว มองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยความซาบซึ้ง“ใช่แล้ว หว่านเยว่ เจ้าคือผู้มีพระคุณของแม่ แม่ขอคารวะเจ้า” นางหยางตื่นเต้นจนลุกขึ้นจากเตียงแม่สามีคารวะลูกสะใภ้? เช่นนั้นนางจะไม่อายุสั้นหรอกหรือ!กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนางไว้ “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ” “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่แม่ก็หลง ๆ ลืม ๆ มาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้แม่มีแรงเหลือเฟือ อยากจะไปทำขนมแป้งทอดในครัวสักหน่อย”นางหยางยิ้มกว้างพลางจ้องมองไปที่ท้องของกู้หว่านเยว่“ตอนนี้แม่ไม่โง่แล้ว ต่อไปนี้ก็จะสามารถช่วยงานบ้านได้ ซักผ้า ทำอาหารให้เจ้าได้ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ แม่ก็จะได้ดูแลเจ้าและลูกได้...”แม่สามีดูเหมือนจะมีนิสัยชอบดูแลคนอื่นจังเลย กู้หว่านเยว่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ข้าทราบถึงความหวัง
ที่แท้ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระโอรสเพียงองค์เดียวคือองค์รัชทายาท ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระองค์เององค์รัชทายาททรงเฉลียวฉลาดและมีเมตตา ทรงศึกษาเล่าเรียนกับราชครูโจว ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างยอมรับในตัวพระองค์แต่ในระหว่างที่เสด็จเยือนทางใต้กลับถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ฮ่องเต้องค์ก่อนสูญเสียพระโอรสอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน จึงทรงประชวรอยู่บนพระแท่นฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ทันได้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ก็ถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้สารเลว ก่อนจะสวรรคต“ฮ่องเต้ลงมือกับเจ้า แน่นอนว่าเขาต้องพบอะไรบางอย่าง...”ซูจิ่งสิงเข้าใจแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังและอารมณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ เขาตบมือนางหยางเบา ๆ “ท่านดูแลสุขภาพให้ดี เรื่องพวกนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”นางหยางปาดน้ำตา “แม่เป็นคนที่มีความรู้น้อย ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก พระชายามีบุญคุณกับแม่ แม่ก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แม่ยินดีที่จะตายแทนลูกและหว่านเยว่ได้”นางหยางคิดถึงแต่เรื่องของทั้งสองคน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ นางจึงกล่า
“เพื่อเงินยี่สิบตำลึง พวกท่านถึงขั้นต้องขายข้าเลยหรือ?”ซูหรานหร่านตัวสั่นเทิ้ม“พวกท่านไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่ากันบ้างหรือ?”“เด็กบ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งบิดาเช่นนี้!” ซูหัวหยางยกมือตบหน้าอย่างแรง“การแต่งงานลิขิตโดยผู้เป็นบิดามารดา ชักจูงโดยแม่สื่อ เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ?”ซูหรานหร่านถูกตบหน้าจนวิงเวียนศีรษะตาพร่ามัว ยกมือเกาะขอบประตู ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง“หรานหร่าน” นางจินแทบอยากร้องไห้ เดิมทีคิดว่านางต้องออกหน้าให้ซูหรานหร่านอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่านางจะกล่าวว่า “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเจ้า เจ้าตอบตกลงไปเสียเถิด”เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซูและซูหัวหยางมาหานาง บอกว่าซูเช่อถึงวัยแต่งงานแล้ว จะไม่จับคู่ก็คงไม่ได้ตลอดเส้นทางของการโดนเนรเทศ เวลานี้เงินกระเป๋ายังสะอาดกว่าหน้าตาเสียอีกเว้นเสียแต่ว่าซูหรานหร่านจะแต่งงาน และรับสินสอดกลับมาไม่เพียงแต่จะจุนเจือครอบครัวแล้ว ยังใช้เงินไปสู่ขอภรรยาให้กับซูเช่อได้อีกด้วยนางจินรักบุตรสาว แต่ “พี่ชายของเจ้าอยากแต่งงานแล้ว แต่ครอบครัวเรายากจน .... เพื่อเงินก้อนนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเปล่า หรานหร่าน....”ซูหรานหร่านเข้าใจทันทีทั้งครอบครัว
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่