ฉู่เฟิงเดินเข้ามาพูดว่า “หีบบนรถม้าเต็มไปด้วยเงินทองและเครื่องประดับ และยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ข้างในด้วย”เฉินต้าลี่รีบเอ่ยขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ให้ข้า! ข้ายังไม่มีภรรยาเลย ข้าต้องมีทายาทสืบสกุล”“คนชั่วอย่างเจ้ายังอยากมีทายาทสืบสกุลอีกหรือ? จะให้กำเนิดคนเลวออกมาให้เปลืองอากาศหรือไร?” กู้หว่านเยว่พูดเยาะเย้ยเขาพลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถม้าเพื่อดูว่าผู้หญิงข้างในนั้นเป็นใครทันทีที่เข้าไปก็พบว่า ไอ้สารเลวนี่ถึงกับลักพาตัวซูหรานหร่านมาซูหรานหร่านครางออกมาสองเสียง กู้หว่านเยว่จึงรีบแก้มัดให้นางและดึงผ้าที่ปิดปากนางออก“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร แค่โดนเขาตีหัวไปทีหนึ่ง เขาอยากจะจับตัวข้าไป แล้ววางยาพิษชาวบ้านทั้งหมด จากนั้นไปใช้ชีวิตสำราญที่อื่น”ซูหรานหร่านช่างโชคร้ายจริง ๆ นางไปดึงดูดเฉินต้าลี่ตรงไหนกัน?โชคดีที่เฉินต้าลี่รีบขนสมบัติจึงไม่ได้แตะต้องนาง ไม่เช่นนั้นคราวนี้นางคงทำได้เพียงกระโดดบ่อน้ำตายแล้ว“เงินทองให้พวกท่าน แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องให้ข้า!”เฉินต้าลี่หน้าตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ ถูกซูจิ่งสิงเตะเข้าอีกทีหนึ่ง “หุบปาก!”กู้หว่า
“ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันให้หมด!” เถาเอ๋อร์ได้กลิ่นปัสสาวะเหม็นคลุ้งไปทั่วตัวก็รู้สึกสิ้นหวัง นางหวังว่ามู่หรงอวี้จะโกรธเกรี้ยวแทนนางเหมือนกับพระเอกในนิยายแต่น่าเสียดาย มู่หรงอวี้แค่ลูบหัวนางเบา ๆ “ข้าไม่สามารถทำให้สกุลเย่ว์ที่อยู่เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอคนนี้ขุ่นเคืองได้ พวกเขาขอโทษเจ้าแล้ว ก็ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”“ท่านอ๋อง?”เถาเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อ แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อสายตาของมู่หรงอวี้ เพราะตอนนี้นางไม่มีอำนาจใด ๆ โชคดีที่มู่หรงอวี้ยังเชื่อใจนางสองสามวันที่อยู่ในคุก นางคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ปัญหาต้องมาจากกู้หว่านเยว่อย่างแน่นอนนางอาจจะเป็นคนที่ข้ามเวลามาเหมือนกันก็ได้นางต้องหาโอกาสหยั่งเชิงกู้หว่านเยว่ เมื่อแน่ใจว่ากู้หว่านเยว่มาจากโลกเดียวกันกับนาง เช่นนั้นนางจะต้องฆ่ากู้หว่านเยว่ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม“ท่านอ๋อง เราไปที่เจดีย์หนิงกู่กันเถอะ”“ไปเจดีย์หนิงกู่ทำไมกัน?” มู่หรงอวี้ในใจรู้สึกลังเลเขาจากเมืองหลวงไปนานแล้ว ช่วงนี้เหล่าขุนนางในราชสำนักก็ไม่ได้ติดต่อเขาเลยเขาอยากกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อรวบรวมอำนาจ และเขาก็ได้ยินมาว่าเว่ยเฉิงสอบได้จอหงวน* แล้ว“แน่นอนว่า
ทำให้เขาพบโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เข้าแล้ว“คือว่า ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าเป็นผู้นำตระกูลของสกุลจิน สกุลจินของพวกเราก็ทำธุรกิจเผาอิฐเช่นกัน”กู้หว่านเยว่ซดโจ๊กไข่เยี่ยวม้าหมูชิ้นเข้าไปคำหนึ่ง “แล้วดังนั้น?”“ดังนั้น เรามาร่วมมือกันเถอะ ข้าจะออกเงินลงทุนสร้างโรงเผาอิฐและจ้างคนงาน ส่วนเจ้าก็เอาเทคโนโลยีออกมา? กำไรเราแบ่งกันหกต่อสี่ เป็นอย่างไร”“หกสี่?” กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างอันตราย“เช่นนั้นก็เจ็ดสาม ท่านเจ็ดข้าสาม นี่ข้าแสดงความจริงใจออกมาแล้วนะ!”จินโหย่วเฉียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยโรงเผาอิฐสกุลจินของพวกเขาขาดทุนมาหลายปีแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีไม่ดี แต่เขาเพิ่งเห็นว่าโรงเผาอิฐของกู้หว่านเยว่มีอัตราความสำเร็จที่น่าทึ่งเพียงแค่ได้ร่วมมือกับกู้หว่านเยว่ ต้องทำให้โรงเผาอิฐของพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน“สกุลจินของเรามีโรงเผาอิฐหลายแห่ง และสร้างเสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องไปสร้างใหม่อีก สะดวกกว่าเยอะเลย ข้ายังสามารถช่วยเจ้าจัดการคนงานในโรงเผาอิฐแห่งอื่น ๆ ได้ด้วย”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย“ข้าแปดท่านสอง คุณชายจินรับได้หรือไม่?”“สองหรือ ดูเหมือนจะน้อยไป
เมื่อได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของนางหยาง ทุกคนต่างตกตะลึงสิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ นางหยางกลับมาเป็นปกติแล้วจริง ๆ แม่ลูกสามคนกอดกันด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล แม้แต่เมี่ยชิงหว่านก็ยังรู้สึกยินดีกับพวกเขาจากใจจริง“พี่สะใภ้ ขอบคุณนะ ต้องขอบคุณท่าน ท่านแม่ถึงได้หายเป็นปกติ ท่านคือดาวนำโชคของครอบครัวเราจริง ๆ ...”ซูจื่อชิงขอบตาร้อนผ่าว มองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยความซาบซึ้ง“ใช่แล้ว หว่านเยว่ เจ้าคือผู้มีพระคุณของแม่ แม่ขอคารวะเจ้า” นางหยางตื่นเต้นจนลุกขึ้นจากเตียงแม่สามีคารวะลูกสะใภ้? เช่นนั้นนางจะไม่อายุสั้นหรอกหรือ!กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนางไว้ “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ” “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่แม่ก็หลง ๆ ลืม ๆ มาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้แม่มีแรงเหลือเฟือ อยากจะไปทำขนมแป้งทอดในครัวสักหน่อย”นางหยางยิ้มกว้างพลางจ้องมองไปที่ท้องของกู้หว่านเยว่“ตอนนี้แม่ไม่โง่แล้ว ต่อไปนี้ก็จะสามารถช่วยงานบ้านได้ ซักผ้า ทำอาหารให้เจ้าได้ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ แม่ก็จะได้ดูแลเจ้าและลูกได้...”แม่สามีดูเหมือนจะมีนิสัยชอบดูแลคนอื่นจังเลย กู้หว่านเยว่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ข้าทราบถึงความหวัง
ที่แท้ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระโอรสเพียงองค์เดียวคือองค์รัชทายาท ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระองค์เององค์รัชทายาททรงเฉลียวฉลาดและมีเมตตา ทรงศึกษาเล่าเรียนกับราชครูโจว ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างยอมรับในตัวพระองค์แต่ในระหว่างที่เสด็จเยือนทางใต้กลับถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ฮ่องเต้องค์ก่อนสูญเสียพระโอรสอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน จึงทรงประชวรอยู่บนพระแท่นฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ทันได้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ก็ถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้สารเลว ก่อนจะสวรรคต“ฮ่องเต้ลงมือกับเจ้า แน่นอนว่าเขาต้องพบอะไรบางอย่าง...”ซูจิ่งสิงเข้าใจแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังและอารมณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ เขาตบมือนางหยางเบา ๆ “ท่านดูแลสุขภาพให้ดี เรื่องพวกนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”นางหยางปาดน้ำตา “แม่เป็นคนที่มีความรู้น้อย ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก พระชายามีบุญคุณกับแม่ แม่ก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แม่ยินดีที่จะตายแทนลูกและหว่านเยว่ได้”นางหยางคิดถึงแต่เรื่องของทั้งสองคน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ นางจึงกล่า
“เพื่อเงินยี่สิบตำลึง พวกท่านถึงขั้นต้องขายข้าเลยหรือ?”ซูหรานหร่านตัวสั่นเทิ้ม“พวกท่านไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่ากันบ้างหรือ?”“เด็กบ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งบิดาเช่นนี้!” ซูหัวหยางยกมือตบหน้าอย่างแรง“การแต่งงานลิขิตโดยผู้เป็นบิดามารดา ชักจูงโดยแม่สื่อ เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ?”ซูหรานหร่านถูกตบหน้าจนวิงเวียนศีรษะตาพร่ามัว ยกมือเกาะขอบประตู ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง“หรานหร่าน” นางจินแทบอยากร้องไห้ เดิมทีคิดว่านางต้องออกหน้าให้ซูหรานหร่านอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่านางจะกล่าวว่า “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเจ้า เจ้าตอบตกลงไปเสียเถิด”เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซูและซูหัวหยางมาหานาง บอกว่าซูเช่อถึงวัยแต่งงานแล้ว จะไม่จับคู่ก็คงไม่ได้ตลอดเส้นทางของการโดนเนรเทศ เวลานี้เงินกระเป๋ายังสะอาดกว่าหน้าตาเสียอีกเว้นเสียแต่ว่าซูหรานหร่านจะแต่งงาน และรับสินสอดกลับมาไม่เพียงแต่จะจุนเจือครอบครัวแล้ว ยังใช้เงินไปสู่ขอภรรยาให้กับซูเช่อได้อีกด้วยนางจินรักบุตรสาว แต่ “พี่ชายของเจ้าอยากแต่งงานแล้ว แต่ครอบครัวเรายากจน .... เพื่อเงินก้อนนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเปล่า หรานหร่าน....”ซูหรานหร่านเข้าใจทันทีทั้งครอบครัว
กู้หว่านเยว่ลากตัวหวังปี้มาด้านหลัง“ท่านแม่ทัพหวัง ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่าน”“แม่นางกู้ มีสิ่งใดชี้แนะหรือ?”กู้หว่านเยว่กล่าว “ท่านแม่ทัพหวัง ข้ามีวิธีช่วยแม่นางซูให้รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ และยังช่วยนางไม่ให้โดนสกุลซูก่อกวนอีกด้วย แต่วิธีนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการออกเรือนในอนาคตของแม่นางซู ข้าอยากถามท่านว่าท่านคิดเห็นอย่างไร?”ในตอนที่หวังปี้มาถึง ก็คิดว่ากู้หว่านเยว่จะต้องหาวิธีช่วยซูหรานหร่านได้อย่างแน่นอนเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาก็เข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันทีหวังปี้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือคารวะอย่างจริงจัง “แม่นางกู้ ข้ายอมแต่งงานกับแม่นางซู และดูแลนางไปตลอดชีวิต”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มออกมา นางรอให้หวังปี้พูดเช่นนี้ออกมา“เพียงแต่...” หวังปี้ยังรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย “ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนที่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ข้ากังวลว่าแม่นางซูจะถือสาเรื่องนี้”“ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ข้าถามหรานหร่านให้”หวังปี้มองกู้หว่านเยว่ที่ลากตัวซูหรานหร่านเข้ามาอย่างลำบากใจ หลังจากอธิบายเพียงไม่กี่ประโยค ซูหรานหร่านก็อึ้งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะแบมือออก“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเชื่อท
ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นตระหนกตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เจ้า เจ้าอย่าเข้ามา ออกไปไกล ๆ ข้าเดี๋ยวนี้”นัยน์ตาของซูหรานหร่านฉายแววผิดหวัง แต่ก็ยังยืนกรานจะเดินเข้าไปหาพวกเขา“พวกท่านอยากพาตัวข้าไปส่งให้สกุลเฉียนไม่ใช่หรือ ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลข้าสิ ข้าติดโรคเรื้อนเช่นนี้จะไปสกุลเฉียนได้อย่างไร พวกท่านต้องรักษาโรคเรื้อนให้ข้า”ก่อนจะหันไปหาพ่อบ้านเฉียน “พวกท่านจะพาข้าไปหาหมอใช่หรือไม่?”“ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?” พ่อบ้านเฉียนสบถคำหยาบคายออกมาทันที “นายท่านของเราอายุมากก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เว้นเสียสกุลเฉียนจะบ้าอนุญาตให้เจ้าเข้าไป”เมื่อเห็นใบหน้าของซูหรานหร่านที่เต็มไปด้วยผืนแดงขนาดใหญ่ ดูน่าเกลียดและน่ารังเกียจที่สุดพ่อบ้านเฉียนจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต“พ่อบ้านเฉียน เจ้ากล้าผิดสัญญาได้อย่างไร?”ซูหัวหยางรีบเข้ามาคว้าตัวเขา แต่กลับถูกพ่อบ้านผลักออก “ก่อนหน้านั้นเจ้าไม่เคยบอกว่าบุตรสาวของเจ้าเป็นโรคเรื้อน ข้ายังไม่คิดบัญชีเรื่องที่เจ้าโกหกข้าเลยนะ”ซูหัวหยางบ่นอย่างรู้สึกผิด “นางไม่เคยเป็นมาก่อน”“เมื่อก่อนจะเป็นยังไงข้าไม่สน แต่ตอนนี้นางเป็นโรคนี้แล้ว สกุลเฉียนไม่รับนางเป็