เมื่อได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของนางหยาง ทุกคนต่างตกตะลึงสิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ นางหยางกลับมาเป็นปกติแล้วจริง ๆ แม่ลูกสามคนกอดกันด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล แม้แต่เมี่ยชิงหว่านก็ยังรู้สึกยินดีกับพวกเขาจากใจจริง“พี่สะใภ้ ขอบคุณนะ ต้องขอบคุณท่าน ท่านแม่ถึงได้หายเป็นปกติ ท่านคือดาวนำโชคของครอบครัวเราจริง ๆ ...”ซูจื่อชิงขอบตาร้อนผ่าว มองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยความซาบซึ้ง“ใช่แล้ว หว่านเยว่ เจ้าคือผู้มีพระคุณของแม่ แม่ขอคารวะเจ้า” นางหยางตื่นเต้นจนลุกขึ้นจากเตียงแม่สามีคารวะลูกสะใภ้? เช่นนั้นนางจะไม่อายุสั้นหรอกหรือ!กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนางไว้ “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ” “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่แม่ก็หลง ๆ ลืม ๆ มาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้แม่มีแรงเหลือเฟือ อยากจะไปทำขนมแป้งทอดในครัวสักหน่อย”นางหยางยิ้มกว้างพลางจ้องมองไปที่ท้องของกู้หว่านเยว่“ตอนนี้แม่ไม่โง่แล้ว ต่อไปนี้ก็จะสามารถช่วยงานบ้านได้ ซักผ้า ทำอาหารให้เจ้าได้ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ แม่ก็จะได้ดูแลเจ้าและลูกได้...”แม่สามีดูเหมือนจะมีนิสัยชอบดูแลคนอื่นจังเลย กู้หว่านเยว่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ข้าทราบถึงความหวัง
ที่แท้ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระโอรสเพียงองค์เดียวคือองค์รัชทายาท ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระองค์เององค์รัชทายาททรงเฉลียวฉลาดและมีเมตตา ทรงศึกษาเล่าเรียนกับราชครูโจว ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างยอมรับในตัวพระองค์แต่ในระหว่างที่เสด็จเยือนทางใต้กลับถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ฮ่องเต้องค์ก่อนสูญเสียพระโอรสอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน จึงทรงประชวรอยู่บนพระแท่นฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ทันได้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ก็ถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้สารเลว ก่อนจะสวรรคต“ฮ่องเต้ลงมือกับเจ้า แน่นอนว่าเขาต้องพบอะไรบางอย่าง...”ซูจิ่งสิงเข้าใจแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังและอารมณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ เขาตบมือนางหยางเบา ๆ “ท่านดูแลสุขภาพให้ดี เรื่องพวกนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”นางหยางปาดน้ำตา “แม่เป็นคนที่มีความรู้น้อย ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก พระชายามีบุญคุณกับแม่ แม่ก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แม่ยินดีที่จะตายแทนลูกและหว่านเยว่ได้”นางหยางคิดถึงแต่เรื่องของทั้งสองคน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ นางจึงกล่า
“เพื่อเงินยี่สิบตำลึง พวกท่านถึงขั้นต้องขายข้าเลยหรือ?”ซูหรานหร่านตัวสั่นเทิ้ม“พวกท่านไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่ากันบ้างหรือ?”“เด็กบ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งบิดาเช่นนี้!” ซูหัวหยางยกมือตบหน้าอย่างแรง“การแต่งงานลิขิตโดยผู้เป็นบิดามารดา ชักจูงโดยแม่สื่อ เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ?”ซูหรานหร่านถูกตบหน้าจนวิงเวียนศีรษะตาพร่ามัว ยกมือเกาะขอบประตู ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง“หรานหร่าน” นางจินแทบอยากร้องไห้ เดิมทีคิดว่านางต้องออกหน้าให้ซูหรานหร่านอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่านางจะกล่าวว่า “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเจ้า เจ้าตอบตกลงไปเสียเถิด”เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซูและซูหัวหยางมาหานาง บอกว่าซูเช่อถึงวัยแต่งงานแล้ว จะไม่จับคู่ก็คงไม่ได้ตลอดเส้นทางของการโดนเนรเทศ เวลานี้เงินกระเป๋ายังสะอาดกว่าหน้าตาเสียอีกเว้นเสียแต่ว่าซูหรานหร่านจะแต่งงาน และรับสินสอดกลับมาไม่เพียงแต่จะจุนเจือครอบครัวแล้ว ยังใช้เงินไปสู่ขอภรรยาให้กับซูเช่อได้อีกด้วยนางจินรักบุตรสาว แต่ “พี่ชายของเจ้าอยากแต่งงานแล้ว แต่ครอบครัวเรายากจน .... เพื่อเงินก้อนนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเปล่า หรานหร่าน....”ซูหรานหร่านเข้าใจทันทีทั้งครอบครัว
กู้หว่านเยว่ลากตัวหวังปี้มาด้านหลัง“ท่านแม่ทัพหวัง ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่าน”“แม่นางกู้ มีสิ่งใดชี้แนะหรือ?”กู้หว่านเยว่กล่าว “ท่านแม่ทัพหวัง ข้ามีวิธีช่วยแม่นางซูให้รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ และยังช่วยนางไม่ให้โดนสกุลซูก่อกวนอีกด้วย แต่วิธีนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการออกเรือนในอนาคตของแม่นางซู ข้าอยากถามท่านว่าท่านคิดเห็นอย่างไร?”ในตอนที่หวังปี้มาถึง ก็คิดว่ากู้หว่านเยว่จะต้องหาวิธีช่วยซูหรานหร่านได้อย่างแน่นอนเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาก็เข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันทีหวังปี้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือคารวะอย่างจริงจัง “แม่นางกู้ ข้ายอมแต่งงานกับแม่นางซู และดูแลนางไปตลอดชีวิต”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มออกมา นางรอให้หวังปี้พูดเช่นนี้ออกมา“เพียงแต่...” หวังปี้ยังรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย “ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนที่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ข้ากังวลว่าแม่นางซูจะถือสาเรื่องนี้”“ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ข้าถามหรานหร่านให้”หวังปี้มองกู้หว่านเยว่ที่ลากตัวซูหรานหร่านเข้ามาอย่างลำบากใจ หลังจากอธิบายเพียงไม่กี่ประโยค ซูหรานหร่านก็อึ้งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะแบมือออก“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเชื่อท
ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นตระหนกตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เจ้า เจ้าอย่าเข้ามา ออกไปไกล ๆ ข้าเดี๋ยวนี้”นัยน์ตาของซูหรานหร่านฉายแววผิดหวัง แต่ก็ยังยืนกรานจะเดินเข้าไปหาพวกเขา“พวกท่านอยากพาตัวข้าไปส่งให้สกุลเฉียนไม่ใช่หรือ ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลข้าสิ ข้าติดโรคเรื้อนเช่นนี้จะไปสกุลเฉียนได้อย่างไร พวกท่านต้องรักษาโรคเรื้อนให้ข้า”ก่อนจะหันไปหาพ่อบ้านเฉียน “พวกท่านจะพาข้าไปหาหมอใช่หรือไม่?”“ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?” พ่อบ้านเฉียนสบถคำหยาบคายออกมาทันที “นายท่านของเราอายุมากก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เว้นเสียสกุลเฉียนจะบ้าอนุญาตให้เจ้าเข้าไป”เมื่อเห็นใบหน้าของซูหรานหร่านที่เต็มไปด้วยผืนแดงขนาดใหญ่ ดูน่าเกลียดและน่ารังเกียจที่สุดพ่อบ้านเฉียนจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต“พ่อบ้านเฉียน เจ้ากล้าผิดสัญญาได้อย่างไร?”ซูหัวหยางรีบเข้ามาคว้าตัวเขา แต่กลับถูกพ่อบ้านผลักออก “ก่อนหน้านั้นเจ้าไม่เคยบอกว่าบุตรสาวของเจ้าเป็นโรคเรื้อน ข้ายังไม่คิดบัญชีเรื่องที่เจ้าโกหกข้าเลยนะ”ซูหัวหยางบ่นอย่างรู้สึกผิด “นางไม่เคยเป็นมาก่อน”“เมื่อก่อนจะเป็นยังไงข้าไม่สน แต่ตอนนี้นางเป็นโรคนี้แล้ว สกุลเฉียนไม่รับนางเป็
“หนังสือตัดสายเลือด พอใจแล้วใช่หรือไม่ เราไปกันเถิด!”ซูหรานหร่านรีบคลี่อ่านทันที เมื่อมั่นใจว่าเป็นหนังสือตัดสายเลือดจริง ๆ นางก็โล่งใจ จากนั้นก็เงยหน้าส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับกู้หว่านเยว่แต่เมื่อซูหัวหยางเห็นท่าทางของพวกนางสองคน เขาก็รู้ทันทีว่าตัวเองนั้นติดกับเข้าแล้วเพียงแต่ไม่รอให้เขาคิดมาก ฮูหยินผู้เฒ่าซูผู้ไม่ชอบความโชคร้าย รีบเข้ามาลากเขาออกไป“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเป็นอิสระแล้ว”ซูหรานหร่านดีใจจนน้ำตาไหลหวังปี้กระชากตัวนาง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ!”“ท่านแม่ทัพหวัง....”ยังไม่ทันที่ซูหรานหร่านจะตอบตกลง นางก็ถูกเขาลากออกไป นางรีบห้ามเขา “ไม่ต้องไปหาหมอหรอก เปลืองเงินเสียเปล่า ๆ”“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ข้าจะหาวิธีเอง โรคเรื้อนสามารถรักษาให้หายได้ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”สายตาของหวังปี้ฉายแววร้อนใจจริง ๆ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้ซูหรานหร่านดู“ท่านแม่ทัพหวัง โรคเรื้อนสามารถติดต่อกันได้ ท่านไม่กลัวหรือ?”กู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะ นางตั้งใจลองเชิงเขา“มีอะไรต้องกลัวเล่า ไปหาหมอสำคัญที่สุด อีกอย่างข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะสู่ขอหรานหร่านมาเป็นภรรยาของข้
“ไกลหรือไม่?”“ไม่ไกล ห่างจากเราแค่ห้าลี้”กู้หว่านเยว่รู้สึกตื่นเต้น สิ่งที่นางคิดคือหลังจากมาถึงหมู่บ้านสือหานแล้ว นางยังไม่ได้สำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านอย่างละเอียดในเมื่อหมู่บ้านชาวประมงอยู่ไม่ไกล ไม่สู้พรุ่งนี้นางเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวประมง แล้วถือโอกาสหาอาหารทะเลที่นั่นกินเลย“ท่านพี่ พรุ่งนี้เราไปหมู่บ้านชาวประมงกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ขยับเข้าใกล้ซูจิ่งสิง ความตื่นเต้นของนางมากมายจนไม่อาจปฏิเสธได้ ซูจิ่งสิงจึงพยักหน้าตอบตกลงอย่างอ่อนโยน“ได้สิ แล้วแต่เจ้า”“คุณชายโจว อาหารทะเลสองตะกร้านี้ราคาเท่าไหร่ ข้าเหมาหมดเลย”นางจะพลาดอาหารทะเลเหล่านี้ไปไม่ได้“เจ้าจะเหมาหมดเลยหรือ?”โจวลิ่วหลางตื่นตกใจก่อน จากนั้นก็รีบกล่าวอธิบาย“กุ้งหนอนเป็นกุ้งเปลือกแข็งเนื้อน้อย ไม่คุ้มเสีย พวกชาวประมงให้ข้ามา ว่าแต่เจ้าอยากดูปลากะพงหรือไม่?”ปลากะพงในถังเป็นตัวที่เขาเพิ่งซื้อมาอีกทั้งเดิมทีเขาตั้งใจจะให้ปลากะพงกับกู้หว่านเยว่ด้วย“กุ้งหนอนหรือ?”กู้หว่านเยว่ดีใจ ที่แท้คนโบราณก็เรียกกั้งว่ากุ้งหนอนนี่เอง“ข้าไม่อยากได้ปลากะพง ข้าอยากได้กุ้งหนอน เจ้าช่วยคิดให้ข้าหน่อยว่าเท่าไหร่ ข้าเหมาสองถัง
เมื่อได้ยินว่ากู้หว่านเยว่เป็นคนซื้อมา ทุกคนก็พากันปิดปากเงียบ แล้วก็คลี่ยิ้ม“พี่สะใภ้ใหญ่ซื้อก็ถูกแล้ว”“นั่นนะสิ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่หลอกพวกเราหรอก”ซูจิ่งสิง ‘….เขาดูเป็นส่วนเกินอยู่ไม่น้อย’ ซูจิ่นเอ๋อร์ยกมือทาบอกเบา ๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจัดการกุ้งหนอนกองนี้เถิด .... ข้า ข้าจะรับผิดชอบย่างเนื้อจิ้งจอกเอง!”เด็กคนนี้แสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดกู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “วางใจเถอะ ถึงเจ้าจะอยากทำข้าก็ไม่ให้เจ้าทำ”นางรอกินอาหารชั้นเลิศด้วย เวลานี้จึงสั่งให้ซูจิ่งสิงขนอาหารทะเลเหล่านี้เข้าไปในห้องครัวกู้หว่านเยว่ปิดประตูห้องครัว แล้ววุ่นวายอยู่ในนั้นก่อนอื่นนางต้องนำกั้งทั้งหมดชั่งน้ำหนักใหม่อีกครั้ง ซึ่งได้ประมาณสิบจินกุ้งมังกรหนึ่งถังที่เหลือ ทุกตัวจะมีก้ามขนาดใหญ่ ชั่งออกมาได้ที่สิบจินเช่นกันกู้หว่านเยว่โยนมันทั้งหมดเข้าไปในห้วงมิติ จากนั้นก็เริ่มรังสรรค์อาหารอยู่ในห้องครัว“กั้งผัดพริกเกลือห้าจิน กั้งต้มห้าจิน กุ้งมังกรผัดกระเทียม!”นางโยนวัตถุดิบเข้าไป ส่วนซูจิ่งสิงนั้นช่วยปิดบังซ่อนเร้นให้นางนอกห้องครัว ซูจิ่นเอ๋อร์กำลังโรยเครื่องปรุงลงบนตัวของจิ้งจอกย่างพลางขบคิด