เมื่อได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของนางหยาง ทุกคนต่างตกตะลึงสิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ นางหยางกลับมาเป็นปกติแล้วจริง ๆ แม่ลูกสามคนกอดกันด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล แม้แต่เมี่ยชิงหว่านก็ยังรู้สึกยินดีกับพวกเขาจากใจจริง“พี่สะใภ้ ขอบคุณนะ ต้องขอบคุณท่าน ท่านแม่ถึงได้หายเป็นปกติ ท่านคือดาวนำโชคของครอบครัวเราจริง ๆ ...”ซูจื่อชิงขอบตาร้อนผ่าว มองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยความซาบซึ้ง“ใช่แล้ว หว่านเยว่ เจ้าคือผู้มีพระคุณของแม่ แม่ขอคารวะเจ้า” นางหยางตื่นเต้นจนลุกขึ้นจากเตียงแม่สามีคารวะลูกสะใภ้? เช่นนั้นนางจะไม่อายุสั้นหรอกหรือ!กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนางไว้ “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ” “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่แม่ก็หลง ๆ ลืม ๆ มาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้แม่มีแรงเหลือเฟือ อยากจะไปทำขนมแป้งทอดในครัวสักหน่อย”นางหยางยิ้มกว้างพลางจ้องมองไปที่ท้องของกู้หว่านเยว่“ตอนนี้แม่ไม่โง่แล้ว ต่อไปนี้ก็จะสามารถช่วยงานบ้านได้ ซักผ้า ทำอาหารให้เจ้าได้ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ แม่ก็จะได้ดูแลเจ้าและลูกได้...”แม่สามีดูเหมือนจะมีนิสัยชอบดูแลคนอื่นจังเลย กู้หว่านเยว่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ข้าทราบถึงความหวัง
ที่แท้ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระโอรสเพียงองค์เดียวคือองค์รัชทายาท ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระองค์เององค์รัชทายาททรงเฉลียวฉลาดและมีเมตตา ทรงศึกษาเล่าเรียนกับราชครูโจว ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างยอมรับในตัวพระองค์แต่ในระหว่างที่เสด็จเยือนทางใต้กลับถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ฮ่องเต้องค์ก่อนสูญเสียพระโอรสอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน จึงทรงประชวรอยู่บนพระแท่นฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ทันได้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ก็ถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้สารเลว ก่อนจะสวรรคต“ฮ่องเต้ลงมือกับเจ้า แน่นอนว่าเขาต้องพบอะไรบางอย่าง...”ซูจิ่งสิงเข้าใจแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังและอารมณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ เขาตบมือนางหยางเบา ๆ “ท่านดูแลสุขภาพให้ดี เรื่องพวกนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”นางหยางปาดน้ำตา “แม่เป็นคนที่มีความรู้น้อย ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก พระชายามีบุญคุณกับแม่ แม่ก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แม่ยินดีที่จะตายแทนลูกและหว่านเยว่ได้”นางหยางคิดถึงแต่เรื่องของทั้งสองคน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ นางจึงกล่า
“เพื่อเงินยี่สิบตำลึง พวกท่านถึงขั้นต้องขายข้าเลยหรือ?”ซูหรานหร่านตัวสั่นเทิ้ม“พวกท่านไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่ากันบ้างหรือ?”“เด็กบ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งบิดาเช่นนี้!” ซูหัวหยางยกมือตบหน้าอย่างแรง“การแต่งงานลิขิตโดยผู้เป็นบิดามารดา ชักจูงโดยแม่สื่อ เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ?”ซูหรานหร่านถูกตบหน้าจนวิงเวียนศีรษะตาพร่ามัว ยกมือเกาะขอบประตู ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง“หรานหร่าน” นางจินแทบอยากร้องไห้ เดิมทีคิดว่านางต้องออกหน้าให้ซูหรานหร่านอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่านางจะกล่าวว่า “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเจ้า เจ้าตอบตกลงไปเสียเถิด”เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซูและซูหัวหยางมาหานาง บอกว่าซูเช่อถึงวัยแต่งงานแล้ว จะไม่จับคู่ก็คงไม่ได้ตลอดเส้นทางของการโดนเนรเทศ เวลานี้เงินกระเป๋ายังสะอาดกว่าหน้าตาเสียอีกเว้นเสียแต่ว่าซูหรานหร่านจะแต่งงาน และรับสินสอดกลับมาไม่เพียงแต่จะจุนเจือครอบครัวแล้ว ยังใช้เงินไปสู่ขอภรรยาให้กับซูเช่อได้อีกด้วยนางจินรักบุตรสาว แต่ “พี่ชายของเจ้าอยากแต่งงานแล้ว แต่ครอบครัวเรายากจน .... เพื่อเงินก้อนนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเปล่า หรานหร่าน....”ซูหรานหร่านเข้าใจทันทีทั้งครอบครัว
กู้หว่านเยว่ลากตัวหวังปี้มาด้านหลัง“ท่านแม่ทัพหวัง ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่าน”“แม่นางกู้ มีสิ่งใดชี้แนะหรือ?”กู้หว่านเยว่กล่าว “ท่านแม่ทัพหวัง ข้ามีวิธีช่วยแม่นางซูให้รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ และยังช่วยนางไม่ให้โดนสกุลซูก่อกวนอีกด้วย แต่วิธีนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการออกเรือนในอนาคตของแม่นางซู ข้าอยากถามท่านว่าท่านคิดเห็นอย่างไร?”ในตอนที่หวังปี้มาถึง ก็คิดว่ากู้หว่านเยว่จะต้องหาวิธีช่วยซูหรานหร่านได้อย่างแน่นอนเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาก็เข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันทีหวังปี้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือคารวะอย่างจริงจัง “แม่นางกู้ ข้ายอมแต่งงานกับแม่นางซู และดูแลนางไปตลอดชีวิต”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มออกมา นางรอให้หวังปี้พูดเช่นนี้ออกมา“เพียงแต่...” หวังปี้ยังรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย “ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนที่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ข้ากังวลว่าแม่นางซูจะถือสาเรื่องนี้”“ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ข้าถามหรานหร่านให้”หวังปี้มองกู้หว่านเยว่ที่ลากตัวซูหรานหร่านเข้ามาอย่างลำบากใจ หลังจากอธิบายเพียงไม่กี่ประโยค ซูหรานหร่านก็อึ้งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะแบมือออก“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเชื่อท
ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นตระหนกตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เจ้า เจ้าอย่าเข้ามา ออกไปไกล ๆ ข้าเดี๋ยวนี้”นัยน์ตาของซูหรานหร่านฉายแววผิดหวัง แต่ก็ยังยืนกรานจะเดินเข้าไปหาพวกเขา“พวกท่านอยากพาตัวข้าไปส่งให้สกุลเฉียนไม่ใช่หรือ ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลข้าสิ ข้าติดโรคเรื้อนเช่นนี้จะไปสกุลเฉียนได้อย่างไร พวกท่านต้องรักษาโรคเรื้อนให้ข้า”ก่อนจะหันไปหาพ่อบ้านเฉียน “พวกท่านจะพาข้าไปหาหมอใช่หรือไม่?”“ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?” พ่อบ้านเฉียนสบถคำหยาบคายออกมาทันที “นายท่านของเราอายุมากก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เว้นเสียสกุลเฉียนจะบ้าอนุญาตให้เจ้าเข้าไป”เมื่อเห็นใบหน้าของซูหรานหร่านที่เต็มไปด้วยผืนแดงขนาดใหญ่ ดูน่าเกลียดและน่ารังเกียจที่สุดพ่อบ้านเฉียนจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต“พ่อบ้านเฉียน เจ้ากล้าผิดสัญญาได้อย่างไร?”ซูหัวหยางรีบเข้ามาคว้าตัวเขา แต่กลับถูกพ่อบ้านผลักออก “ก่อนหน้านั้นเจ้าไม่เคยบอกว่าบุตรสาวของเจ้าเป็นโรคเรื้อน ข้ายังไม่คิดบัญชีเรื่องที่เจ้าโกหกข้าเลยนะ”ซูหัวหยางบ่นอย่างรู้สึกผิด “นางไม่เคยเป็นมาก่อน”“เมื่อก่อนจะเป็นยังไงข้าไม่สน แต่ตอนนี้นางเป็นโรคนี้แล้ว สกุลเฉียนไม่รับนางเป็
“หนังสือตัดสายเลือด พอใจแล้วใช่หรือไม่ เราไปกันเถิด!”ซูหรานหร่านรีบคลี่อ่านทันที เมื่อมั่นใจว่าเป็นหนังสือตัดสายเลือดจริง ๆ นางก็โล่งใจ จากนั้นก็เงยหน้าส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับกู้หว่านเยว่แต่เมื่อซูหัวหยางเห็นท่าทางของพวกนางสองคน เขาก็รู้ทันทีว่าตัวเองนั้นติดกับเข้าแล้วเพียงแต่ไม่รอให้เขาคิดมาก ฮูหยินผู้เฒ่าซูผู้ไม่ชอบความโชคร้าย รีบเข้ามาลากเขาออกไป“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเป็นอิสระแล้ว”ซูหรานหร่านดีใจจนน้ำตาไหลหวังปี้กระชากตัวนาง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ!”“ท่านแม่ทัพหวัง....”ยังไม่ทันที่ซูหรานหร่านจะตอบตกลง นางก็ถูกเขาลากออกไป นางรีบห้ามเขา “ไม่ต้องไปหาหมอหรอก เปลืองเงินเสียเปล่า ๆ”“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ข้าจะหาวิธีเอง โรคเรื้อนสามารถรักษาให้หายได้ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”สายตาของหวังปี้ฉายแววร้อนใจจริง ๆ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้ซูหรานหร่านดู“ท่านแม่ทัพหวัง โรคเรื้อนสามารถติดต่อกันได้ ท่านไม่กลัวหรือ?”กู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะ นางตั้งใจลองเชิงเขา“มีอะไรต้องกลัวเล่า ไปหาหมอสำคัญที่สุด อีกอย่างข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะสู่ขอหรานหร่านมาเป็นภรรยาของข้
“ไกลหรือไม่?”“ไม่ไกล ห่างจากเราแค่ห้าลี้”กู้หว่านเยว่รู้สึกตื่นเต้น สิ่งที่นางคิดคือหลังจากมาถึงหมู่บ้านสือหานแล้ว นางยังไม่ได้สำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านอย่างละเอียดในเมื่อหมู่บ้านชาวประมงอยู่ไม่ไกล ไม่สู้พรุ่งนี้นางเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวประมง แล้วถือโอกาสหาอาหารทะเลที่นั่นกินเลย“ท่านพี่ พรุ่งนี้เราไปหมู่บ้านชาวประมงกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ขยับเข้าใกล้ซูจิ่งสิง ความตื่นเต้นของนางมากมายจนไม่อาจปฏิเสธได้ ซูจิ่งสิงจึงพยักหน้าตอบตกลงอย่างอ่อนโยน“ได้สิ แล้วแต่เจ้า”“คุณชายโจว อาหารทะเลสองตะกร้านี้ราคาเท่าไหร่ ข้าเหมาหมดเลย”นางจะพลาดอาหารทะเลเหล่านี้ไปไม่ได้“เจ้าจะเหมาหมดเลยหรือ?”โจวลิ่วหลางตื่นตกใจก่อน จากนั้นก็รีบกล่าวอธิบาย“กุ้งหนอนเป็นกุ้งเปลือกแข็งเนื้อน้อย ไม่คุ้มเสีย พวกชาวประมงให้ข้ามา ว่าแต่เจ้าอยากดูปลากะพงหรือไม่?”ปลากะพงในถังเป็นตัวที่เขาเพิ่งซื้อมาอีกทั้งเดิมทีเขาตั้งใจจะให้ปลากะพงกับกู้หว่านเยว่ด้วย“กุ้งหนอนหรือ?”กู้หว่านเยว่ดีใจ ที่แท้คนโบราณก็เรียกกั้งว่ากุ้งหนอนนี่เอง“ข้าไม่อยากได้ปลากะพง ข้าอยากได้กุ้งหนอน เจ้าช่วยคิดให้ข้าหน่อยว่าเท่าไหร่ ข้าเหมาสองถัง
เมื่อได้ยินว่ากู้หว่านเยว่เป็นคนซื้อมา ทุกคนก็พากันปิดปากเงียบ แล้วก็คลี่ยิ้ม“พี่สะใภ้ใหญ่ซื้อก็ถูกแล้ว”“นั่นนะสิ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่หลอกพวกเราหรอก”ซูจิ่งสิง ‘….เขาดูเป็นส่วนเกินอยู่ไม่น้อย’ ซูจิ่นเอ๋อร์ยกมือทาบอกเบา ๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจัดการกุ้งหนอนกองนี้เถิด .... ข้า ข้าจะรับผิดชอบย่างเนื้อจิ้งจอกเอง!”เด็กคนนี้แสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดกู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “วางใจเถอะ ถึงเจ้าจะอยากทำข้าก็ไม่ให้เจ้าทำ”นางรอกินอาหารชั้นเลิศด้วย เวลานี้จึงสั่งให้ซูจิ่งสิงขนอาหารทะเลเหล่านี้เข้าไปในห้องครัวกู้หว่านเยว่ปิดประตูห้องครัว แล้ววุ่นวายอยู่ในนั้นก่อนอื่นนางต้องนำกั้งทั้งหมดชั่งน้ำหนักใหม่อีกครั้ง ซึ่งได้ประมาณสิบจินกุ้งมังกรหนึ่งถังที่เหลือ ทุกตัวจะมีก้ามขนาดใหญ่ ชั่งออกมาได้ที่สิบจินเช่นกันกู้หว่านเยว่โยนมันทั้งหมดเข้าไปในห้วงมิติ จากนั้นก็เริ่มรังสรรค์อาหารอยู่ในห้องครัว“กั้งผัดพริกเกลือห้าจิน กั้งต้มห้าจิน กุ้งมังกรผัดกระเทียม!”นางโยนวัตถุดิบเข้าไป ส่วนซูจิ่งสิงนั้นช่วยปิดบังซ่อนเร้นให้นางนอกห้องครัว ซูจิ่นเอ๋อร์กำลังโรยเครื่องปรุงลงบนตัวของจิ้งจอกย่างพลางขบคิด
นางอยากเปิดบาดแผลของฮั่วจี๋ให้พวกเขาดู แต่มือสองข้างถูกมัดไว้“คุณชายถูกยิงที่อก ลูกธนูยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ!”หนานหยางอ๋องเลื่อนคบเพลิงเข้าใกล้อกของฮั่วจี๋ได้เห็นลูกธนูที่บาดแผลบนอกของเขาไม่ผิดไปดังคาด ถูกเกราะบังไว้ เห็นได้ไม่ชัดนัก“พระชายา ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”หนานหยางอ๋องมองทางกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้พวกเขาออกมาเป็นหน่วยจู่โจมสายฟ้าแลบ ข้างกายมิได้พาหมอทหารมาด้วย“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่พกกระเป๋ายาติดมาด้วย ก็เพื่อรับมือในยามจำเป็นแผลถูกธนูยิงนี้สำหรับนางกลับเป็นเรื่องเล็ก“วางคนนอนราบก่อน ข้าจะดูอาการของเขา”หวังปี้รีบขยับขึ้นไป “ข้าเอง”เขามือเท้าคล่องแคล่วว่องไว แก้มัดเชือกบนตัวฮั่วจี๋ออก จากนั้นจับคนนอนราบ“เอาคบเพลิงมาอีกสองอัน ส่องสว่างให้ข้า”เพื่อป้องกันมิให้มีแสงไฟ ทำให้คนสังเกตเห็นเบาะแสดังนั้นภายในหน่วยจึงจุดคบเพลิงเพียงหนึ่งถึงสองอันหนานหยางอ๋องนำคบเพลิงสองอันมา สั่งให้คนย่อตัวถือคบเพลิงข้างกายกู้หว่านเยว่ ส่องแสงให้นางขั้นตอนการดึงธนูออกมีเลือดเล็กน้อยกู้หว่านเยว่สวมถุงมือ การกระทำเป็นขั้นเป็นตอน คีบลูกธนูที่หักออกมาก่อน ล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ โรยผงยาแก
หากชายคนนี้เป็นทหารเมืองเหยาจริง เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์เมืองเหยาได้ว่าตกลงเป็นเช่นไรกันแน่“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ พานางกลับไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วมุ่น หญิงคนนี้ปากแข็งมากต้องการถามอะไรจากปากนางให้ได้ในทันที เกรงว่าคงยากนักเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกหนานหยางอ๋องรอจนร้อนใจ มิสู้พาคนทั้งสองกลับไป จากนั้นค่อยถามอย่างละเอียด“ได้!”หวังปี้พยักหน้า หยิบเชือกป่านจากทางด้านหลัง ขยับขึ้นไปมัดทั้งสองคนไว้แล้ว“ปล่อย ปล่อยพวกเรานะ!”เพราะฝ่ายชายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป หวังปี้จึงมัดเขาได้อย่างง่ายดายส่วนเจียงม่าน นางไม่รู้วิทยายุทธ์ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังปี้“ปล่อยเขา”เจียงม่านดิ้น“ข้าจะให้เงินพวกเจ้า บนตัวข้ามีเครื่องประดับ”นางเป็นห่วงชายคนนี้มาก ไม่อาจหักใจให้เขาได้รับบาดเจ็บหวังปี้ชี้เข้าที่เกราะบนตัว “เจ้าดูข้าคล้ายคนมาปล้นเงินหรือ? ข้ามาออกรบ หุบปากก่อนเถอะ รอพบแม่ทัพผู้เฒ่าของข้าเจ้าค่อยพูด”พูดจบ หันหลังมองทางกู้หว่านเยว่อย่างเคารพนบอบ“พระชายา พวกเราไป?”“ไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กวาดตามองรอบด้าน ในละแวกนี้นอกจากสองคนนี้ ก็ไม่มีคนอื่น
หากเกิดอะไรขึ้นกับกู้หว่านเยว่ หลังกลับไปแล้วซูจิ่งสิงจะยังไม่แล่เนื้อเถือหนังเขาอีกหรือ?“ใช่ ข้าจะส่งคนสองสามคนไปดู”แม่ทัพหลี่เองก็ทำตามคำพูดของหนานหยางอ๋องกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ชอบรอคนอยู่ที่เดิม ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็แปลกใจมากว่า เหตุใดในป่าทึบถึงมีเสียงร้องไห้ดังออกมาได้?“หวังปี้ ท่านไปกับข้าเถอะ”กู้หว่านเยว่มองทางหวังปี้ สุ้มเสียงหนักแน่นคนอื่นเห็นสถานการณ์แล้วก็หันหน้าสบตากันแวบหนึ่ง พากันพยักหน้าอย่างจนใจ“ไป”หวังปี้พยักหน้า รีบตามหลังกู้หว่านเยว่ไปหนานหยางอ๋องกลับยกมือให้กองทัพใหญ่หยุดรอฟังคำสั่งอยู่กับที่ ดูว่าตกลงสถานการณ์ข้างหน้าเป็นเช่นไรกู้หว่านเยว่พาหวังปี้เดินผ่านป่าไป ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เสียงร้องไห้ดังขึ้นมา“ระบบเจ้าเองก็อย่าอยู่เฉย ช่วยข้าดูว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นเช่นไรกันแน่”กู้หว่านเยว่พูดกับระบบภายในมิติระบบอ้าปากหาว “สแกนพบว่าข้างหน้าคล้ายมีหญิงคนหนึ่งกำลังกอดชายคนหนึ่งร้องไห้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ถัดจากเสียงของระบบ ภาพด้านหน้าก็ปรากฏต่อหน้าทั้งคู่เป็นอย่างที่ระบบพูดไม่มีผิดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าแล้วเดินจากไปเปี๊ยะอัดแท่งนี้ พวกทหารที่ไม่เคยกินมาก่อน ได้กินแล้วก็รู้สึกเอร็ดอร่อย แต่กู้หว่านเยว่กลับกินไม่ลงนางหยิบช็อคโกแลตออกจากมิติใส่เข้าปากไปหนึ่งชิ้นเพื่อเพิ่มพลังงานอย่างไรเสียก็มืดแล้ว ไม่มีใครมองเห็นหลังกินช็อคโกแลตแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หาที่พักผ่อนแห่งหนึ่งย่อมไม่สามารถนอนหลับจนฟ้าสว่างได้กองทัพเร่งเดินทางโดยอาศัยความเร็ว หาไม่แล้วจะเรียกว่าโจมตีสายฟ้าแลบได้เยี่ยงไร?หลังพักผ่อนไปแล้วสองชั่วยาม เห็นแสงที่ขอบฟ้า กองทัพใหญ่ก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อป้องกันมิให้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ทุกคนจึงไม่กล้าจุดไฟระหว่างเดินทางทั้งหมดล้วนอาศัยไม้เท้าเดินขึ้นไปข้างหน้ากู้หว่านเยว่และหนานหยางอ๋องเดินอยู่ด้านหน้าสุด“ระบบ ช่วยข้าระวังด้วยว่าพุ่มไม้รอบข้างมีงูหรือไม่”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“หากมีงู จัดการในทันที”“นายหญิง ระบบก็ต้องพักผ่อนนะ”ระบบร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เหตุใดให้คนทำงานทั้งวันทั้งคืนกันเล่า?“ข้าผู้ซึ่งเป็นนายหญิงของเจ้ายังไม่ได้พักผ่อน เจ้าจะพักผ่อนอะไรกัน? เร็วๆ ลุกขึ้นมาทำงาน”กู้หว่านเยว่เร่ง ระบบซับน้ำตาให้ตนเอง เปิดเ
เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า รอบกายมืดมิดลมแรง บนพื้นเองก็มองได้ไม่ชัดเจนกู้หว่านเยว่มองเข้าไปในมิติแวบหนึ่ง บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว“หนานหยางอ๋อง ฟ้ามืดเกินไป เหล่าทหารเร่งเดินทางย่อมไม่สะดวกเจ้าค่ะ”เร่งเดินทางยามฟ้ามืดย่อมพลาดพลั้งได้อย่างง่ายดายในเวลานี้ ภายในป่าลึกยังมีอสรพิษมากมายนัก“มิสู้พวกเราหาที่แห่งหนึ่ง พักผ่อนสักสองชั่วยามเถอะ”รอพักผ่อนเอาแรงดีแล้วค่อยเดินทางต่อก็ไม่สายหนานหยางอ๋องพยักหน้าหลังกองทัพใหญ่ออกเดินทางจากแม่น้ำมู่ตานก็ไม่ได้พักผ่อนอีกเลยอาศัยช่วงฟ้ามืด พักผ่อนสองสามชั่วยามก็ไม่เป็นไร“ให้กองทัพใหญ่หยุด พักผ่อนอยู่กับที่ แจกจ่ายเสบียงอาหาร!”หนานหยางอ๋องออกคำสั่งกับขุนพลหลี่เหล่าหลี่ร้องตะโกนเสียงแหบ “ทหารทุกนายพักผ่อนอยู่กับที่ ดื่มน้ำ กินเสบียงอาหาร!”“ขอรับ!”ทุกคนทำตามคำสั่งของหนานหยางอ๋อง นั่งลงพักผ่อนเพื่อความสะดวก ทหารทุกคนล้วนพกอาหารแห้งและถุงน้ำแขวนไว้ข้างเอวหลังนั่งลงไปแล้ว ทุกคนก็หยิบอาหารแห้งออกจากใต้วงแขน เปิดถุงน้ำ เริ่มเพิ่มพลังงานทว่าอาหารแห้งที่พวกเขากิน มิใช่อาหารแห้งแข็งๆ อีกแต่เป็นเปี๊ยะอัดแท่งที่กู้ห
เดิมทีกองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็มีคนไม่มาก ตระหนักถึงปัจจัยรอบด้าน ซูจิ่งสิงจึงให้กองทัพใหญ่อยู่ที่สมรภูมิหลักหนานหยางอ๋องและกู้หว่านเยว่นำทหารชั้นยอดไปเพียงหนึ่งพันนายทหารชั้นยอดหนึ่งพันนายนี้ เป็นกองกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดนกับหนานหยางอ๋องในปีนั้นกู้หว่านเยว่เปลี่ยนชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด หอกดาบไม่ทะลุให้กับพวกเขา จับคู่กับหอกยาวที่แหลมคมที่สุดขี่ม้ากำยำแข็งแรงที่สุดของสกุลกงซุนคนกลุ่มนี้เน้นการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ วางแผนทำให้เมืองเหยาไม่ทันตั้งตัวหนานหยางอ๋องหยิบแผนที่ออกมา ชี้ไปยังคูเมืองสองสามแห่งข้างบน“พระชายา เจ้าดูนี่กึ่งกลางระหว่างพวกเราและเมืองเหยา ยังมีคูเมืองสองแห่งอยู่พวกเราสามารถอ้อมเข้าภูเขาเหยา โจมตีเมืองเหยาก่อนได้จากนั้นย้อนกลับมาโจมตีคูเมืองสองด้านพร้อมท่านอ๋อง”แท้จริงแล้ว ต่อให้ไม่ใช่เพื่อสกุลหลินไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาโจมตีเมืองเหยาแห่งนี้เมืองเหยาเป็นจุดยุทธศาสตร์ นับเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตงเป่ยและหัวเป่ย“หากโจมตีเมืองเหยา ข้ามด่านก็คือที่ราบกว้างใหญ่ของหัวเป่ยแล้ว”หาไม่แล้วเหตุใดกองโจรพเนจรกลุ่มนั้นถึงไม่โจมตีคูเมือง แต่ลงมือกับเม
“ไม่ได้”ซูจิ่งสิงคัดค้านในทันทีทันใด เขาส่งผู้นำที่เหมาะสมไปแล้ว“เจ้าจงอยู่กับข้าที่นี่”ในสนามรบดาบกระบี่ไม่มีตา ก่อนหน้านี้ไปตามหาองค์หญิงใหญ่ยังไม่เท่าไร แต่หากเป็นแนวหน้าก็อาจได้รับบาดเจ็บทุกเมื่อ“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถมาก แต่สถานการณ์ในสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ หลบเข้ามิติไม่ทัน”ซูจิ่งสิงไม่หวังให้กู้หว่านเยว่ได้รับบาดเจ็บ“ไม่เป็นไร ท่านยังไม่รู้ความสามารถของข้าอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่จับมือเขาไว้อย่างจริงจัง“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารับปากกท่านตาท่านยายแล้วว่าจะพาญาติผู้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยตอนพวกเราถูกเนรเทศ พวกเขาเคยยื่นมือเข้าช่วย มอบความช่วยเหลือยามทุกข์ยากข้าไม่อยากติดค้างพวกเขาเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรมากู้หว่านเยว่เป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทนหากนางติดตามไป ก็ย่อมมีความหวังในการตามหาหลินเพียวเพียวมากยิ่งขึ้นเห็นว่าซูจิ่งสิงยังคิดปฏิเสธ กู้หว่านเยว่จึงปรึกษากับเขาอีกครั้ง“ญาติผู้พี่กำลังตั้งครรภ์ ต่อให้ตามหาเบาะแสของนางพบ แต่การเดินทางลำบากมาก ยากจะรับรองได้ว่านางจะไม่เป็นไรหากข้าติดตามไปด้วย หลังพบนางแล้ว ข้าก็สามารถทำให้นางหมดสติแล
กู้หว่านเยว่เข้าใจในทันใด มิน่าเล่าคนเหล่านี้ท้องร้องโครกคราก ท่าทางอิดโรย ที่แท้ก็เกิดเรื่องกับสกุลหลินนี่เอง“สกุลหลินเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น ข้ากลับไม่รู้เรื่อง ต้องขออภัยด้วย”“เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ ฉูโจวและเจดีย์หนิงกู่อยู่ห่างกันมากเพียงนี้ จะส่งจดหมายมาก็เป็นเรื่องยาก”ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่เกิดเรื่องกับสกุลหลิน ยังไม่ใช่เพราะราชสำนักโง่เขลาไร้ขอบเขตอีกหรือ ต่อให้บอกกู้หว่านเยว่เรื่องนี้ ยังจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า?“กินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าสมควรเริ่มปลอบจากที่ใด ยังดีรับคนสกุลหลินมาแล้ว“ท่านตาท่านยาย แนวหน้าอันตราย รอพวกท่านพักผ่อนสักสองวันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกท่านไปส่งที่เมืองอวี้ไปถึงเมืองอวี้ย่อมมีคนจัดแจงที่พักให้พวกท่านส่วนทางฝั่งญาติผู้พี่ รอข้าได้รับข่าวของนางแล้ว ค่อยให้คนกลับไปแจ้งพวกท่าน”กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้คนเหล่านี้ฟังนายท่านผู้เฒ่าหลินในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ เอ่ยปากก่อนเป็นคนแรก “หว่านเยว่ ทั้งหมดล้วนฟังเจ้า ขอเพียงไม่สร้างปัญหาให้เจ้าก็พอ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าคนสกุลหลินล้วนคิดเพื่อหลานสาวอย่างนางคนนี้มาโดยตล
“ดูเจ้าสิ พูดเรื่องนี้กับหว่านเยว่เพื่ออะไร?”หลินรู่ไห่ดึงนางเก๋อไว้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่เขารู้ว่าการบอกเรื่องนี้กับกู้หว่านเยว่นั้นไม่มีประโยชน์เมืองเหยาอยู่ไกลจากที่นี่ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับฮ่องเต้ จะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาคนที่เมืองเหยา?พวกเขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่ต้องลำบากใจ“ท่านน้า ต้องขอบคุณน้าสะใภ้ที่บอกข้า เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ทำไมพวกท่านไม่พูดทันทีที่เข้ามา?”กู้หว่านเยว่ยังจำหลินเพียวเพียวได้ สาวน้อยที่สงบเสงี่ยมมาก เวลาพูดขึ้นมาก็ดูคงแก่เรียนเมื่อคนสกุลหลินไปที่โรงเตี๊ยมเตียงนอนรวมเพื่อส่งเงินให้นาง หลินเพียวเพียวก็มาด้วย แล้วยังปลอบประโลมนางอย่างนุ่มนวล“หว่านเยว่ พวกเราไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวล”ประเด็นคือพวกเขาไม่เคยคิดว่ากู้หว่านเยว่จะสามารถช่วยหลินเพียวเพียวกลับมาได้และพวกเขาก็เป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงจะรู้สึกว่าสกุลหลินของพวกเขาเป็นปัญหา ถึงตอนนั้นจะทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วยกู้หว่านเยว่จำพวกเขาได้ จึงขอให้ซูจิ่งสิงส่งคนไปรับพวกเขาที่ฉูโจว พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว จะเสนอเงื่อนไขอะไรได้อย่างไร?“พวกท่าน”กู้หว