ปรมาจารย์แพทย์ถูมือ“เจ้ามีต้นเทียนหมาให้ข้ายืมสักหน่อยได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่ไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ในห้วงมิติยังมีวัตถุดิบอีกมากมาย นางจึงทำการตรวจสอบว่าต้นเทียนหมาในห้วงมิติหรือไม่ไม่นาน ความสนใจของนางได้ไปหยุดอยู่ที่ต้นเทียนหมาที่อยู่ในมุมของห้วงมิติดูเหมือนจะเป็นต้นเทียนหมาที่มาจากสถาบันแพทย์หลวง“ข้าจะให้เสี่ยวอันไปหยิบมาให้จากห้องปรุงยา”“เจ้า เจ้ามีจริง ๆ หรือ?”ปรมาจารย์แพทย์แค่ลองหยั่งเชิงถาม คาดไม่ถึงว่าจะได้สิ่งนั้นจริง ๆ เขาจึงตื่นตกใจไม่น้อย“ไม่เพียงแค่มีเท่านั้น เจ้ายังยกให้ข้าด้วย?”“อื้อ ก็แค่ต้นเทียนหมา ไม่ได้มีค่าอะไร”ไม่มีค่า แต่เขามีความแค้น! ปรมาจารย์แพทย์ยังคิดอยู่เลยว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นแน่“ข้าบอกแล้ว ว่าแม่นางกู้ให้เจ้า” หวงเหล่าที่กำลังแทะขาจิ้งจอกได้กล่าวออกมาดั่งที่คาดการณ์ไว้แล้วปรมาจารย์แพทย์รู้สึกลำบากใจ เขาต้องสะดุ้งตื่นเพราะตบตัวเองถึงสองครั้งก่อนหน้านั้นทำไมเขาถึงเชื่อฟังคำกล่าวของมู่หรงอวี้ คิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยม?เด็กคนนี้เดินทางสายกลางด้วยซ้ำ!“เด็กดี รอให้ข้าปรุงยาเสร็จ ข้าจะให้เจ้าหนึ่งเม็ด”
กู้หว่านเยว่ไม่มีอะไรทำ จึงหาข้ออ้างกลับห้อง และกลับเข้าไปในห้วงมิตินางไม่ได้เข้ามาในนี้สองวันแล้ว ภายในห้วงมิติไม่ว่าจะเป็นทุ่งสมุนไพร ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งฟาร์มล้วนแต่มีแนวโน้มค่อย ๆ เติบโตขึ้น“แย่แล้ว ประมาณการบริโภคน้อยกว่าความเร็วในการเติบโต”จู่ ๆ ระบบก็กล่าวเตือนด้วยความหวังดี “นายท่านสามารถใช้เครื่องควบคุมได้ เก็บผลของต้นแล้วนำมาสกัดเป็นแยมผลไม้และผลไม้ตากแห้งได้”“ไม่ต้องลงมือทำเองหรือ?” นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เปล่งประกาย จากนั้นก็รีบเปิดแผงควบคุมส่วนกลางทันทีหลังจากงมอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดนางสามารถเก็บผลไม้จากต้นทั้งหมดได้เพียงคลิกเดียว ทั้งยังทำแยมผลไม้ได้ภายในคลิกเดียว สถานที่สำหรับตากแห้งก็มีปุ่มให้กดเช่นกันนางคลิกเปิดแผงควบคุมการทำงานของฟาร์ม กระทั่งพบว่ามีปุ่มสำหรับฆ่า ปุ่มสำหรับตากเนื้อ และปุ่มสำหรับความเย็นอยู่บนนั้น“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าในห้วงมิติจะสะดวกเช่นนี้”กู้หว่านเยว่ดีใจมาก ดูท่าทางทักษะด้านเทคนิคในห้วงมิติยังมีให้นางศึกษาอีกมาก ไว้นางค่อย ๆ ขุดคุ้ยแล้วกันกู้หว่านเยว่ลองกดทำแยมผลไม้สตอว์เบอร์รี่ ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นแยมผลไม้จริง ๆ เพียงแต่พริบตาเดียว
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านแม่ไปกับเรา”กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ เพื่อความสะดวกในการจับจ่าย หลังจากที่ทั้งสามคนออกจากบ้านได้ไม่นาน ระหว่างทางพวกเขาก็บังเอิญเจอกับโจวลิ่วหลางโดยบังเอิญ“กำลังรอพวกเจ้าอยู่พอดี”โจวลิ่วหลางห่อตัวมิดชิดคล้ายกับบ๊ะจ่าง จมูกแดงก่ำ “ภรรยาของข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าจะไปหมู่บ้านชาวประมง นางเป็นห่วงกลัวว่าพวกเจ้าจะโดนหลอก ก็เลยให้ข้าพาพวกเจ้าไป”มือมีดแห่งอาหารทะเล เชี่ยวชาญการเชือดคนต่างถิ่นในชีวิตที่แล้วกู้หว่านเยว่เคยถูกหลอกในตอนที่นางไปเดินเล่นริมชายหาดแม้จะบอกว่าตอนนี้นางไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่อยากเสียเงินเปล่า ๆ โดยใช่เหตุอีกเมื่อได้ยินว่าโจวลิ่วหลางจะนำทางให้นาง กู้หว่านเยว่ก็คลี่ยิ้มกว้างทันที จากนั้นก็ผายมือให้โจวลิ่วหลางนำหน้า“แม่นางสกุลโจวใจดียิ่งนัก จริงสิ นางกินยาเข้าไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”“นางกินตามที่เจ้าสั่ง กินตลอด ไม่กล้าขาดเลยสักวัน”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วนับวันครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าหยุด กินอีกสักครึ่งเดือน เตรียมฟังข่าวดีได้เลย”“ข่าวดี?”โจวลิ่วหลางเกิดความสับสนพร้อมกับมือสั่นระริ
“อื้อ” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นางดูออกว่าบ้านหลังนี้ไม่ค่อยรักษาความสะอาด“ของทะเลส่วนใหญ่อยู่ตรงนี่ ฮูหยินเชิญเลือกตามสบายเจ้าค่ะ” ป้าสวี่พาพวกเขามาถึงลานกว้างด้านหลัง จากนั้นก็ตะโกนเรียกบุตรสาวทั้งสองคนอย่างสุดเสียง“ซิ่งเอ๋อร์ อวี๋เอ๋อร์ มีลูกค้าออกมาช่วยหน่อยเร็ว”เด็กสาวร่างกายซูบผอมทั้งสองคนรีบวิ่งออกมาจากในห้อง ดูท่าทางพวกนางน่าจะกำลังผ่าท้องปลา เพราะยังมีกรรไกรถือคาอยู่ในมือเมื่อทั้งสองคนเห็นกู้หว่านเยว่ที่แต่งตัวงดงาม จึงรีบเช็ดมือทันทีกระทั่งเห็นซูจิ่งสิงที่มีรูปโฉมงดงาม พวกนางถึงกับตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ารูปไข่ของเขาแดงก่ำ“ท่านแม่ พวกเขาคือ....” บุตรสาวคนโตซิ่งเอ๋อร์กระซิบถามเบา ๆ “แขกที่มาซื้อปลา!” ป้าสวี่ตั้งใจกัดฟันเน้นคำว่าแขกซิ่งเอ๋อร์และอวี๋เอ๋อร์มองตากัน จากนั้นก็ปรี่เข้าไปช่วยป้าสวี่เปิดฝาพลางชำเลืองมองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเปล่งประกายในใจของกู้หว่านเยว่นึกถึงแต่หอยนางรม จึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกนางเมื่อฝาไม้ถูกเปิดออก ก็เจอกับของทะเลจำนวนมากอยู่รวมกันในบ่อแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกุ้งและปลา หอยนางรมก็มีแต่น้อยมากกู้หว่านเยว่ชี้ไปยังหอยน
ประเด็นหลักเป็นเพราะไม่ชอบถูกใครสัมผัส อาซานจึงผลักนางหยางออกไปนางหยางล้มลงกับพื้น เจ็บปวดปานจะขาดใจ “พี่ซาน ข้าชื่อเหลียนหรง ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”ว่าแล้วนางก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับแหวกคอเสื้อออก หยิบป้ายไม้แผ่นหนึ่งออกมาจากซอกคอ“ป้ายไม้คู่นี้ท่านแกะสลักเองกับมือ ท่านยังจำตัวอักษรบนนั้นได้หรือไม่?เหลียนหรง คือชื่อของข้า ข้าเป็นเมียท่าน...”หลังจากอาซานเห็นป้ายไม้ม่านตาก็หดตัวลง เหลือบมองนางหยางอย่างไม่เชื่อสายตานางหยางน้ำตาอาบแก้ม จิตใต้สำนึกของอาซานอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นางแต่ทันทีที่เขาเห็นนิ้วมือที่ขาดหายไปของตัวเอง ก็ถอยกรูดออกไปสองก้าวเหมือนถูกไฟดูด ก่อนจะปิดหน้าจากไปอย่างรวดเร็ว“พี่ซาน พี่ซาน!”นางหยางไล่ตามไปอย่างไร้สติ แต่แล้วก็ล้มลงบนชายหาดเพราะรีบร้อนเกินไปในเวลานี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งได้สติกลับมา รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงนางหยางให้ลุกขึ้นทั้งคู่ได้ยินสิ่งที่นางหยางพูด“ท่านแม่ แน่ใจนะว่าท่านไม่ได้จำผิดคน?”ซูจิ่งสิงไม่อยากจะเชื่อ ก็ซูเหล่าซานตายไปสิบกว่าปีแล้วนี่แม้ว่าหลายวันก่อนนางหยางจะบอกอยู่เสมอว่าซูเหล่าซานยังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่
“ท่านแม่ พวกท่านรออยู่ในถ้ำก่อน ข้าจะออกไปค้นหาบริเวณรอบ ๆ นี้”กู้หว่านเยว่รีบบอก “ข้าจะไปกับท่านด้วย”นางไม่วางใจให้ซูจิ่งสิงทำอะไรตามลำพัง“หว่านเยว่ เจ้าตั้งท้องอยู่”สายตาของซูจิ่งสิงมีแววไม่เห็นด้วย แต่ก็ถูกกู้หว่านเยว่ลงคะแนนคัดค้าน“ข้าบอกแล้วว่าจะไปกับท่าน ก็ต้องไปกับท่าน ข้าไม่วางใจให้ท่านอยู่คนเดียว”ถ้าซูเหล่าซานจำพวกเขาไม่ได้ ก็ต้องมีความในใจที่ยากจะปริปากได้ นางเป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงอาจจะตกอยู่ในอันตรายในที่สุดซูจิ่งสิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา แล้วมองไปยังโจวลิ่วหลาง “แม่ของข้าขอไหว้วานให้ท่านช่วยดูแลนางก่อน”“วางใจเถอะ”โจวลิ่วหลางรีบพยักหน้า ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่เหาะเหินออกไปทั้งสองค้นหาข้างนอกจนรอบแล้วแต่ไม่พบ กู้หว่านเยว่จึงเปิดระบบระบุพิกัดเสียเลย แต่สุดท้ายระบบได้พาพวกเขามาถึงหน้าบ่อน้ำแห้งขอดแห่งหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”ทั้งสองเงี่ยหูตั้งใจฟัง ซูจิ่งสิงชี้ไปที่บ่อน้ำแห้งขอด “ดูเหมือนว่าจะมาจากก้นบ่อน้ำ”ทั้งสองรีบหมอบลงบนฝาปิดบ่อน้ำ ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากก้นบ่อน้ำแห้งขอดตามคาด มันเหมือนกับเสียงของคนหรือไม่ก็เสียงของหมาป่ากู้หว่าน
เมื่อคืนกู้หว่านเยว่เปิดอ่านตำราเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าในมิติตลอดคืน ได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปจากมิติทันทีพอเห็นซูจิ่งสิงก็สะดุ้งโหยงเป็นอย่างแรก“ท่านพี่ ทำไมหิมะเต็มตัวท่านไปหมด?”บนเส้นผมและขนคิ้วของซูจิ่งสิงหิมะขาวโพลนจับตัวเป็นชั้นหนาเหมือนชายที่แก่ก่อนวัยอันควร“เมื่อคืนหิมะตกเล็กน้อย ข้าเป็นห่วงอาการของท่านพ่อ ก็เลยไม่ได้ไปไหนเลย”ซูจิ่งสิงอธิบาย พลางยิ้มดีใจในความโชคดี“โชคดีที่บอกให้เจ้าเข้าไปในมิติก่อน”ถ้าความเย็นทำร้ายกู้หว่านเยว่เข้า เขาต้องเสียใจแน่กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความเสียใจ “ทำไมท่านไม่ให้ข้าเอาเครื่องทำความร้อนออกมาล่ะ”“ข้ามีกำลังภายในปกป้องตัวเอง ไม่เป็นไร” ซูจิ่งสิงหัวเราะเจื่อน ๆ รีบบอกว่า “ท่านพ่อดูเหมือนจะหมดสติไป เราลงไปดูกันเถอะ”“อืม”ความลับของกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงนั้นรู้ดี แต่นางยังไม่พร้อมที่จะให้อีกฝ่ายเข้าไปในมิติซูจิ่งสิงง้างฝาบ่อขึ้น ซูเหล่าซานนอนอยู่ที่ก้นบ่อ ดวงตาทั้งสองหลับสนิท หมดสติไปแล้วผนังบ่อน้ำเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ทิ้งไว้จากความบ้าคลั่งของเขาเมื่อคืนนี้ เลือดบางส่วนแห้งกรังไปแล้วไม่ยากที่จะจินตนาการ ว่าเมื่อคืนซูเหล่าซา
สองสาวพี่น้องดวงตาแดงก่ำจากการถูกปฏิเสธ แววตาผิดหวัง“คุณชายโจว พวกเราไปกันเถอะ” ซูจิ่งสิงรีบร้อนพาซูเหล่าซานกลับโจวลิ่วหลางพยักหน้า แล้วรีบขี่รถม้าออกไปป้าสวี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งกลุ้มใจ คุณชายโจวยังเร่งรถม้าให้พวกเขา นางพลาดชิ้นปลามันไปแล้วจริง ๆ!“พวกเจ้าสองคนไม่ไขว่คว้าเลย เลี้ยงพวกเจ้าเสียข้าวสุก!”ป้าสวี่ด่าลูกสาวทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์ จนซิ่งเอ๋อร์ตาแดง“ฮูหยินนั่นก็ไม่ได้หน้าตาสะสวยสักเท่าใด แค่แต่งตัวดี เสื้อผ้าของนางถ้าพวกข้าเอามาใส่ ยังดูดีกว่านางเสียอีก”“เจ้าแน่ใจนะ?”อวี๋เอ๋อร์นึกถึงใบหน้าที่สดใสขาวบริสุทธิ์ของกู้หว่านเยว่ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าที่ถูกลมทะเลพัดจนแห้งเหี่ยวหยาบกร้านของซิ่งเอ๋อร์ พูดอะไรที่ขัดกับความรู้สึกไม่ได้นางหยางกอดซูจิ้งไว้ แล้วถามกู้หว่านเยว่อย่างไม่สบายใจ“หว่านเยว่ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตพ่อของเจ้าไว้ ให้เงินก้อนเดียวพอหรือ?”กู้หว่านเยว่ชี้ไปที่เสื้อผ้าเนื้อหยาบขาดวิ่นบนตัวซูจิ้ง“ท่านแม่ เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี เขาให้ครอบครัวของป้าสวี่ไปเก็บเปลือกหอยที่ชายหาดโดยไม่คิดเงิน สกุลสวี่แค่จัดหาอาหารให้เข
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ
“คุณหนู ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”เสี่ยวเหมยโค้งคำนับต่อเซี่ยเหอ แล้วสารภาพความจริงออกมา“คุณหนูของเราไม่เคยมีอะไรกับคุณชายเฉิงเจ้าค่ะ วันนั้น ข้ากับคุณหนูช่วยกันถอดเสื้อผ้าของคุณชายเฉิง แกล้งทำเป็นว่าคุณหนูถูกเขารังแกเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอหน้าซีดเผือด “เหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล!”เฉิงเซวียนแทบไม่อยากจะเชื่อ “ดังนั้น ทั้งหมดเป็นแผนที่พวกเจ้าวางไว้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย?”เสี่ยวเหมยพยักหน้าเฉิงเซวียนทั้งตกใจทั้งดีใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความโกรธ“เซี่ยเหอ ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย”ตลอดทางที่ไปเขาอินซาน ทุกคนต่างกีดกันเซี่ยเหอ มีเพียงเขาที่ไม่เคยรังเกียจนางเลย“เหตุใดเจ้าจึงวางแผนหลอกลวงข้าเช่นนี้?” นี่มันทำคุณบูชาโทษมิใช่หรือ?“พี่ใหญ่เฉิง ข้าแค่ชอบท่านมากเกินไป”เซี่ยเหอจับชายเสื้อของเขาไว้ สายตาที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยความเสน่หาคู่นั้นทำให้เฉิงเซวียนรู้สึกคลื่นไส้เขาสะบัดมือเซี่ยเหอออก “อย่าแตะต้องข้า ข้ารู้สึกขยะแขยง”ผู้หญิงคนนี้ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่มีคำพูดไหนจริงใจเลยสักคำ หลอกเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่งม“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน”เฉิงเซวียนเอ่ยข
“พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย ท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า”“เซี่ยเหอ เจ้าหลอกข้าจริง ๆ หรือ?”จู่ ๆ เฉิงเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ข้าตั้งครรภ์จริง ๆ หากข้าไม่ได้ตั้งครรภ์ เมื่อครู่ตอนที่ข้าแท้งลูก เหตุใดถึงได้เสียเลือดมากมายเช่นนั้น? เลือดที่ถูกยกออกไป ท่านก็เห็นเช่นกัน” นางพยายามอธิบายอย่างเต็มที่เมื่อนางพูดเช่นนี้ เฉิงเซวียนก็เกิดลังเลขึ้นมาจริง ๆ ถูกต้อง หากมิใช่ตั้งครรภ์แล้วแท้ง เลือดเหล่านั้นจะมาจากที่ใดเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่หมอเองก็บอกว่านางแท้งลูกแล้วกู้หว่านเยว่เห็นเฉิงเซวียนเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเขาจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้ชักจูง จึงเอ่ยเตือนด้วยความเอือมระอา“แก้ตัวที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หมอที่จับชีพจรให้เจ้าเมื่อครู่ อยู่ข้างนอกมิใช่หรือ ลากเขาเข้ามาสอบสวนให้ดี ๆ ก็จะรู้ความจริงเอง”ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ สีหน้าของเซี่ยเหอก็เปลี่ยนไปในทันทีเฉิงเซวียนราวกับตื่นจากความฝัน รีบออกจากห้องไปคว้าตัวหมอคนเมื่อครู่เข้ามาสิ่งที่บังเอิญก็คือ เมื่อครู่หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะแอบหนีไปเฉิ
เนี่ยชิงหลานโมโหแทบแย่ นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงกลายเป็นว่าเซี่ยเหอใจกว้าง ยกโทษให้นางแล้วเล่า?“ไปก็ไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว!”นางหันหลังกลับด้วยความโมโห ทว่ากู้หว่านเยว่เรียกนางไว้“เดี๋ยวก่อน ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองตรวจดูอาการของเซี่ยเหอ บางทีอาจจะช่วยบำรุงร่างกายให้เจ้าได้”สายตาของนางจับจ้องไปที่เซี่ยเหอ ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาตื่นตระหนกจากในดวงตาของเซี่ยเหอ“ไม่ต้องหรอก พระชายาเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ จะมาตรวจดูอาการให้คนอย่างข้าได้อย่างไร”เซี่ยเหอปากก็ปฏิเสธ แล้วส่งสายตาให้หมอตำแยหมอตำแยรีบเดินเข้ามาทันที “พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยตรวจดูอาการให้นางแล้ว และจ่ายยาให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะถึงอย่างไร คุณหนูก็อายุน้อย แค่พักฟื้นสักระยะก็จะหายดี”“ต่างเป็นหมอด้วยกัน ข้าดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นการส่งสายตาของทั้งสองคน ยิ่งมั่นใจว่า เซี่ยเหอต้องปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่ ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์โดยไร้สาเหตุตอนนี้ก็แท้งลูกอีก หึ ๆ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?“หรือว่า เ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงมือเนี่ยชิงหลานเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คนข้างหลังกัดริมฝีปาก“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากเข้าไปดูนาง” แท้จริงแล้วไม่อยากเห็นทั้งสองคนรักกันหวานชื่นต่างหาก“ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง” กู้หว่านเยว่เตือนขึ้นมาประโยคหนึ่งนางเชื่อว่าเนี่ยชิงหลานไม่ได้ผลักเซี่ยเหอ แต่ถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อไปถ้าเซี่ยเหอพูดถึงเรื่องลูกอีก ก็จะต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเนี่ยชิงหลานที่ทำให้นางแท้งลูก นานวันเข้าหลักฐานก็จะหายไป“พระชายาพูดถูก”เนี่ยเติ้งพยักหน้าเห็นด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งคนไปตามกู้หว่านเยว่ที่จวนกู้ เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความรู้ทางการแพทย์“ก็ได้”เนี่ยชิงหลานเดินตามทุกคนเข้าไป แต่พอเข้าไปก็เห็นเซี่ยเหอกำลังซบลงบนไหล่ของเฉิงเซวียนร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด“คุณหนูเนี่ย ข้าคิดว่าข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้?” เซี่ยเหอพอเห็นเนี่ยชิงหลานก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที“ข้าแท้งลูกไปแล้ว คุณหนูเนี่ย ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่ เจ้าแท้งลูกแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เนี่ยชิงหลานก็เป