ปรมาจารย์แพทย์ถูมือ“เจ้ามีต้นเทียนหมาให้ข้ายืมสักหน่อยได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่ไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ในห้วงมิติยังมีวัตถุดิบอีกมากมาย นางจึงทำการตรวจสอบว่าต้นเทียนหมาในห้วงมิติหรือไม่ไม่นาน ความสนใจของนางได้ไปหยุดอยู่ที่ต้นเทียนหมาที่อยู่ในมุมของห้วงมิติดูเหมือนจะเป็นต้นเทียนหมาที่มาจากสถาบันแพทย์หลวง“ข้าจะให้เสี่ยวอันไปหยิบมาให้จากห้องปรุงยา”“เจ้า เจ้ามีจริง ๆ หรือ?”ปรมาจารย์แพทย์แค่ลองหยั่งเชิงถาม คาดไม่ถึงว่าจะได้สิ่งนั้นจริง ๆ เขาจึงตื่นตกใจไม่น้อย“ไม่เพียงแค่มีเท่านั้น เจ้ายังยกให้ข้าด้วย?”“อื้อ ก็แค่ต้นเทียนหมา ไม่ได้มีค่าอะไร”ไม่มีค่า แต่เขามีความแค้น! ปรมาจารย์แพทย์ยังคิดอยู่เลยว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นแน่“ข้าบอกแล้ว ว่าแม่นางกู้ให้เจ้า” หวงเหล่าที่กำลังแทะขาจิ้งจอกได้กล่าวออกมาดั่งที่คาดการณ์ไว้แล้วปรมาจารย์แพทย์รู้สึกลำบากใจ เขาต้องสะดุ้งตื่นเพราะตบตัวเองถึงสองครั้งก่อนหน้านั้นทำไมเขาถึงเชื่อฟังคำกล่าวของมู่หรงอวี้ คิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยม?เด็กคนนี้เดินทางสายกลางด้วยซ้ำ!“เด็กดี รอให้ข้าปรุงยาเสร็จ ข้าจะให้เจ้าหนึ่งเม็ด”
กู้หว่านเยว่ไม่มีอะไรทำ จึงหาข้ออ้างกลับห้อง และกลับเข้าไปในห้วงมิตินางไม่ได้เข้ามาในนี้สองวันแล้ว ภายในห้วงมิติไม่ว่าจะเป็นทุ่งสมุนไพร ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งฟาร์มล้วนแต่มีแนวโน้มค่อย ๆ เติบโตขึ้น“แย่แล้ว ประมาณการบริโภคน้อยกว่าความเร็วในการเติบโต”จู่ ๆ ระบบก็กล่าวเตือนด้วยความหวังดี “นายท่านสามารถใช้เครื่องควบคุมได้ เก็บผลของต้นแล้วนำมาสกัดเป็นแยมผลไม้และผลไม้ตากแห้งได้”“ไม่ต้องลงมือทำเองหรือ?” นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เปล่งประกาย จากนั้นก็รีบเปิดแผงควบคุมส่วนกลางทันทีหลังจากงมอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดนางสามารถเก็บผลไม้จากต้นทั้งหมดได้เพียงคลิกเดียว ทั้งยังทำแยมผลไม้ได้ภายในคลิกเดียว สถานที่สำหรับตากแห้งก็มีปุ่มให้กดเช่นกันนางคลิกเปิดแผงควบคุมการทำงานของฟาร์ม กระทั่งพบว่ามีปุ่มสำหรับฆ่า ปุ่มสำหรับตากเนื้อ และปุ่มสำหรับความเย็นอยู่บนนั้น“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าในห้วงมิติจะสะดวกเช่นนี้”กู้หว่านเยว่ดีใจมาก ดูท่าทางทักษะด้านเทคนิคในห้วงมิติยังมีให้นางศึกษาอีกมาก ไว้นางค่อย ๆ ขุดคุ้ยแล้วกันกู้หว่านเยว่ลองกดทำแยมผลไม้สตอว์เบอร์รี่ ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นแยมผลไม้จริง ๆ เพียงแต่พริบตาเดียว
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านแม่ไปกับเรา”กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ เพื่อความสะดวกในการจับจ่าย หลังจากที่ทั้งสามคนออกจากบ้านได้ไม่นาน ระหว่างทางพวกเขาก็บังเอิญเจอกับโจวลิ่วหลางโดยบังเอิญ“กำลังรอพวกเจ้าอยู่พอดี”โจวลิ่วหลางห่อตัวมิดชิดคล้ายกับบ๊ะจ่าง จมูกแดงก่ำ “ภรรยาของข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าจะไปหมู่บ้านชาวประมง นางเป็นห่วงกลัวว่าพวกเจ้าจะโดนหลอก ก็เลยให้ข้าพาพวกเจ้าไป”มือมีดแห่งอาหารทะเล เชี่ยวชาญการเชือดคนต่างถิ่นในชีวิตที่แล้วกู้หว่านเยว่เคยถูกหลอกในตอนที่นางไปเดินเล่นริมชายหาดแม้จะบอกว่าตอนนี้นางไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่อยากเสียเงินเปล่า ๆ โดยใช่เหตุอีกเมื่อได้ยินว่าโจวลิ่วหลางจะนำทางให้นาง กู้หว่านเยว่ก็คลี่ยิ้มกว้างทันที จากนั้นก็ผายมือให้โจวลิ่วหลางนำหน้า“แม่นางสกุลโจวใจดียิ่งนัก จริงสิ นางกินยาเข้าไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”“นางกินตามที่เจ้าสั่ง กินตลอด ไม่กล้าขาดเลยสักวัน”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วนับวันครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าหยุด กินอีกสักครึ่งเดือน เตรียมฟังข่าวดีได้เลย”“ข่าวดี?”โจวลิ่วหลางเกิดความสับสนพร้อมกับมือสั่นระริ
“อื้อ” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นางดูออกว่าบ้านหลังนี้ไม่ค่อยรักษาความสะอาด“ของทะเลส่วนใหญ่อยู่ตรงนี่ ฮูหยินเชิญเลือกตามสบายเจ้าค่ะ” ป้าสวี่พาพวกเขามาถึงลานกว้างด้านหลัง จากนั้นก็ตะโกนเรียกบุตรสาวทั้งสองคนอย่างสุดเสียง“ซิ่งเอ๋อร์ อวี๋เอ๋อร์ มีลูกค้าออกมาช่วยหน่อยเร็ว”เด็กสาวร่างกายซูบผอมทั้งสองคนรีบวิ่งออกมาจากในห้อง ดูท่าทางพวกนางน่าจะกำลังผ่าท้องปลา เพราะยังมีกรรไกรถือคาอยู่ในมือเมื่อทั้งสองคนเห็นกู้หว่านเยว่ที่แต่งตัวงดงาม จึงรีบเช็ดมือทันทีกระทั่งเห็นซูจิ่งสิงที่มีรูปโฉมงดงาม พวกนางถึงกับตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ารูปไข่ของเขาแดงก่ำ“ท่านแม่ พวกเขาคือ....” บุตรสาวคนโตซิ่งเอ๋อร์กระซิบถามเบา ๆ “แขกที่มาซื้อปลา!” ป้าสวี่ตั้งใจกัดฟันเน้นคำว่าแขกซิ่งเอ๋อร์และอวี๋เอ๋อร์มองตากัน จากนั้นก็ปรี่เข้าไปช่วยป้าสวี่เปิดฝาพลางชำเลืองมองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเปล่งประกายในใจของกู้หว่านเยว่นึกถึงแต่หอยนางรม จึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกนางเมื่อฝาไม้ถูกเปิดออก ก็เจอกับของทะเลจำนวนมากอยู่รวมกันในบ่อแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกุ้งและปลา หอยนางรมก็มีแต่น้อยมากกู้หว่านเยว่ชี้ไปยังหอยน
ประเด็นหลักเป็นเพราะไม่ชอบถูกใครสัมผัส อาซานจึงผลักนางหยางออกไปนางหยางล้มลงกับพื้น เจ็บปวดปานจะขาดใจ “พี่ซาน ข้าชื่อเหลียนหรง ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”ว่าแล้วนางก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับแหวกคอเสื้อออก หยิบป้ายไม้แผ่นหนึ่งออกมาจากซอกคอ“ป้ายไม้คู่นี้ท่านแกะสลักเองกับมือ ท่านยังจำตัวอักษรบนนั้นได้หรือไม่?เหลียนหรง คือชื่อของข้า ข้าเป็นเมียท่าน...”หลังจากอาซานเห็นป้ายไม้ม่านตาก็หดตัวลง เหลือบมองนางหยางอย่างไม่เชื่อสายตานางหยางน้ำตาอาบแก้ม จิตใต้สำนึกของอาซานอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นางแต่ทันทีที่เขาเห็นนิ้วมือที่ขาดหายไปของตัวเอง ก็ถอยกรูดออกไปสองก้าวเหมือนถูกไฟดูด ก่อนจะปิดหน้าจากไปอย่างรวดเร็ว“พี่ซาน พี่ซาน!”นางหยางไล่ตามไปอย่างไร้สติ แต่แล้วก็ล้มลงบนชายหาดเพราะรีบร้อนเกินไปในเวลานี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งได้สติกลับมา รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงนางหยางให้ลุกขึ้นทั้งคู่ได้ยินสิ่งที่นางหยางพูด“ท่านแม่ แน่ใจนะว่าท่านไม่ได้จำผิดคน?”ซูจิ่งสิงไม่อยากจะเชื่อ ก็ซูเหล่าซานตายไปสิบกว่าปีแล้วนี่แม้ว่าหลายวันก่อนนางหยางจะบอกอยู่เสมอว่าซูเหล่าซานยังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่
“ท่านแม่ พวกท่านรออยู่ในถ้ำก่อน ข้าจะออกไปค้นหาบริเวณรอบ ๆ นี้”กู้หว่านเยว่รีบบอก “ข้าจะไปกับท่านด้วย”นางไม่วางใจให้ซูจิ่งสิงทำอะไรตามลำพัง“หว่านเยว่ เจ้าตั้งท้องอยู่”สายตาของซูจิ่งสิงมีแววไม่เห็นด้วย แต่ก็ถูกกู้หว่านเยว่ลงคะแนนคัดค้าน“ข้าบอกแล้วว่าจะไปกับท่าน ก็ต้องไปกับท่าน ข้าไม่วางใจให้ท่านอยู่คนเดียว”ถ้าซูเหล่าซานจำพวกเขาไม่ได้ ก็ต้องมีความในใจที่ยากจะปริปากได้ นางเป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงอาจจะตกอยู่ในอันตรายในที่สุดซูจิ่งสิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา แล้วมองไปยังโจวลิ่วหลาง “แม่ของข้าขอไหว้วานให้ท่านช่วยดูแลนางก่อน”“วางใจเถอะ”โจวลิ่วหลางรีบพยักหน้า ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่เหาะเหินออกไปทั้งสองค้นหาข้างนอกจนรอบแล้วแต่ไม่พบ กู้หว่านเยว่จึงเปิดระบบระบุพิกัดเสียเลย แต่สุดท้ายระบบได้พาพวกเขามาถึงหน้าบ่อน้ำแห้งขอดแห่งหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”ทั้งสองเงี่ยหูตั้งใจฟัง ซูจิ่งสิงชี้ไปที่บ่อน้ำแห้งขอด “ดูเหมือนว่าจะมาจากก้นบ่อน้ำ”ทั้งสองรีบหมอบลงบนฝาปิดบ่อน้ำ ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากก้นบ่อน้ำแห้งขอดตามคาด มันเหมือนกับเสียงของคนหรือไม่ก็เสียงของหมาป่ากู้หว่าน
เมื่อคืนกู้หว่านเยว่เปิดอ่านตำราเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าในมิติตลอดคืน ได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปจากมิติทันทีพอเห็นซูจิ่งสิงก็สะดุ้งโหยงเป็นอย่างแรก“ท่านพี่ ทำไมหิมะเต็มตัวท่านไปหมด?”บนเส้นผมและขนคิ้วของซูจิ่งสิงหิมะขาวโพลนจับตัวเป็นชั้นหนาเหมือนชายที่แก่ก่อนวัยอันควร“เมื่อคืนหิมะตกเล็กน้อย ข้าเป็นห่วงอาการของท่านพ่อ ก็เลยไม่ได้ไปไหนเลย”ซูจิ่งสิงอธิบาย พลางยิ้มดีใจในความโชคดี“โชคดีที่บอกให้เจ้าเข้าไปในมิติก่อน”ถ้าความเย็นทำร้ายกู้หว่านเยว่เข้า เขาต้องเสียใจแน่กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความเสียใจ “ทำไมท่านไม่ให้ข้าเอาเครื่องทำความร้อนออกมาล่ะ”“ข้ามีกำลังภายในปกป้องตัวเอง ไม่เป็นไร” ซูจิ่งสิงหัวเราะเจื่อน ๆ รีบบอกว่า “ท่านพ่อดูเหมือนจะหมดสติไป เราลงไปดูกันเถอะ”“อืม”ความลับของกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงนั้นรู้ดี แต่นางยังไม่พร้อมที่จะให้อีกฝ่ายเข้าไปในมิติซูจิ่งสิงง้างฝาบ่อขึ้น ซูเหล่าซานนอนอยู่ที่ก้นบ่อ ดวงตาทั้งสองหลับสนิท หมดสติไปแล้วผนังบ่อน้ำเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ทิ้งไว้จากความบ้าคลั่งของเขาเมื่อคืนนี้ เลือดบางส่วนแห้งกรังไปแล้วไม่ยากที่จะจินตนาการ ว่าเมื่อคืนซูเหล่าซา
สองสาวพี่น้องดวงตาแดงก่ำจากการถูกปฏิเสธ แววตาผิดหวัง“คุณชายโจว พวกเราไปกันเถอะ” ซูจิ่งสิงรีบร้อนพาซูเหล่าซานกลับโจวลิ่วหลางพยักหน้า แล้วรีบขี่รถม้าออกไปป้าสวี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งกลุ้มใจ คุณชายโจวยังเร่งรถม้าให้พวกเขา นางพลาดชิ้นปลามันไปแล้วจริง ๆ!“พวกเจ้าสองคนไม่ไขว่คว้าเลย เลี้ยงพวกเจ้าเสียข้าวสุก!”ป้าสวี่ด่าลูกสาวทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์ จนซิ่งเอ๋อร์ตาแดง“ฮูหยินนั่นก็ไม่ได้หน้าตาสะสวยสักเท่าใด แค่แต่งตัวดี เสื้อผ้าของนางถ้าพวกข้าเอามาใส่ ยังดูดีกว่านางเสียอีก”“เจ้าแน่ใจนะ?”อวี๋เอ๋อร์นึกถึงใบหน้าที่สดใสขาวบริสุทธิ์ของกู้หว่านเยว่ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าที่ถูกลมทะเลพัดจนแห้งเหี่ยวหยาบกร้านของซิ่งเอ๋อร์ พูดอะไรที่ขัดกับความรู้สึกไม่ได้นางหยางกอดซูจิ้งไว้ แล้วถามกู้หว่านเยว่อย่างไม่สบายใจ“หว่านเยว่ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตพ่อของเจ้าไว้ ให้เงินก้อนเดียวพอหรือ?”กู้หว่านเยว่ชี้ไปที่เสื้อผ้าเนื้อหยาบขาดวิ่นบนตัวซูจิ้ง“ท่านแม่ เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี เขาให้ครอบครัวของป้าสวี่ไปเก็บเปลือกหอยที่ชายหาดโดยไม่คิดเงิน สกุลสวี่แค่จัดหาอาหารให้เข