กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนว่า “ข้าพวกเจ้าสารภาพออกมาตอนนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องลำบากมากนัก”“พวกเราสารภาพๆ หัวหน้าหมู่บ้านเฉินสั่งให้พวกเราลงมือเมื่อคืนนี้”“หัวหน้าหมู่บ้านเฉินและใต้เท้าสวีสมรู้ร่วมคิดกัน”“พวกเราเองก็เคยจัดการกับคนที่ไม่เชื่อฟังในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ด้วย”“สวรรค์เอ๋ย ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าที่ฆ่าลูกชายของข้า!”หญิงชราคนหนึ่งกระโดดออกมา จับโจรไปทุบตีอย่างแรง กัดทึ้งเขาไม่ปล่อยในอดีต ลูกชายของนางไม่ชอบท่าทางของหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน มักจะต่อต้านเขาอยู่เสมอต่อมา ครอบครัวนี้ก็ถูกโจรโจมตีอย่างไร้เหตุผล ลูกชายของนางที่ยังไม่ถึงยี่สิบหนาวถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหญิงชราคิดเสมอว่านี่เป็นฟ้าดินลงโทษ ที่ไหนได้ เป็นฝีมือมนุษย์นางร้องไห้หัวใจแตกสลาย ดวงตาแดงก่ำด้วยความเกลียดชัง“ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน ต้องให้เขาอธิบายให้พวกเราฟัง!”ทุกคนจับกลุ่มกัน มัดสมาชิกตระกูลเฉินทุกคนที่ต้องการหลบหนี ล้อมรอบทั้งตระกูลเฉินด้วยท่าทางดุดันหัวหน้าหมู่บ้านเฉินเพิ่งได้ยินข่าว กำลังเตรียมตัวหนีชาวบ้านจึงบุกเข้ามาตรึงเขาไว้กับพื้น“ปล่อยข้า ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนะ!”“ถ้าพวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้ ระว
นางเถียนรีบหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาและพูดว่า “รายงานใต้เท้า ความผิดที่หัวหน้าหมู่บ้านเฉินก่อขึ้นทั้งหมดอยู่ในสมุดบัญชีเล่มนี้ ขอใต้เท้าตรวจสอบ!”“ไม่ได้ รีบคืนสมุดบัญชีมาให้ข้าเสีย!”ดวงตาของหัวหน้าหมู่บ้านเฉินตื่นตระหนก พลางรีบวิ่งไปข้างหน้า คว้ามันกลับไปไม่มีใครคาดคิดว่านางเถียนจะเป็นทรยศเขาแม้แต่กู้หว่านเยว่ก็ตกใจ แต่เช่นนี้ก็ดี การลงโทษหัวหน้าหมู่บ้านเฉินจะได้ง่ายขึ้นนางเถียนหลบหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน แล้วรีบส่งสมุดบัญชีให้กับผู้พิพากษาหลิว“เฉินฉือ การลงโทษของเจ้า ใกล้จะมาถึงแล้ว”“เจ้าหญิงแพศยา หญิงสารเลว เหตุใดเจ้าต้องการทำร้ายข้าด้วย?”ขาของหัวหน้าหมู่บ้านเฉินอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าผู้พิพากษาหลิวเปิดสมุดบัญชีแล้ว เขาก็ค่อยๆ คุกเข่าลงบนพื้น“ใต้เท้า……”“หุบปาก!”ผู้พิพากษาหลิวยิ่งอ่านยิ่งตกใจ ก่อนจะยื่นสมุดบัญชีให้กับฟู่หลานเหิง“ใต้เท้า ท่านก็ลองอ่านดูเถอะ”ฟู่หลานเหิงรู้เกี่ยวกับความผิดที่หัวหน้าหมู่บ้านเฉินอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เปิดดูสมุดบัญชีก็ยังอดตกใจไม่ได้ในนี้มีบันทึกโดยละเอียดว่า หัวหน้าหมู่บ้านเฉินสังหารครอบครัวใดไปเมื่อใดและที่ไหน และใช้เงินไปเท่าไรบางที หัวหน้า
คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เรื่องราวในตอนนั้นปะทุขึ้นมา“พ่อกับแม่ของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็จริง ข้าจะรื้อคดีของพ่อกับแม่เจ้า นำศพของพวกเขาขุดออกมาจากป่าช้า ประกอบพิธีฝังศพให้ดี ให้พวกเขาได้หลับอย่างสบาย”นางเถียนน้ำตาไหลอาบแก้ม ยืนตัวโงนเงน “ขอบคุณใต้เท้ามาก!”“นางแพศยา เจ้ามันนางแพศยา ข้าเอ็นดูเจ้ามานานปลายปีขนาดนี้!” หัวหน้าหมู่บ้านเฉินด่าทออย่างบ้าคลั่งนางเถียนหันหลังกลับมาทันที“เฉินสือ ท่านรู้หรือไม่ว่าสมุดบัญชีในมือของข้ามีที่มาที่ไปอย่างไรหรือไม่?”เฉินต้าลี่ที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาทันที“แม่นางน้อย อย่าพูด...”หัวหน้าหมู่บ้านเฉินหันหน้ากลับมา จ้องมองแววตาที่ไม่ปกติของลูกชาย จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีเขางอกออกจากหัว“เจ้า พวกเจ้า...”“เป็นลูกชายสุดที่รักของท่านมอบให้ข้า ฮ่า ๆ ๆ ภายนอกเขากตัญญูเชื่อฟังเจ้า แต่หลับหลังท่านตอนที่ขึ้นเตียงกับข้า กลับด่าว่าเหตุใด ไอ้แก่เช่นท่านถึงไม่รีบตาย แล้วมอบตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านให้กับเขา...”“หญิงร้ายชายเลว!”หัวหน้าหมู่บ้านเฉินอาเจียนออกมาเป็นเลือด สายตาดุร้าย ตบหน้าลูกชายฉาดหนึ่งเฉินต้าลี่รีบคุกเข่าลงบนพื้น “ท่านพ
“เยี่ยม เยี่ยมมาก ผู้ว่าการอำเภอหลิวเจ้าไม่เข้มงวดเรื่องการปกครอง ทำให้ต้องสูญเสียไปอีกหนึ่งชีวิต!”สายตาที่อันตรายนั่นของฟู่หลานเหิง ทำให้ผู้ว่าการอำเภอหลิวตกใจจนรีบคุกเข่าลงไปกับพื้น“ตะ ใต้เท้า เรื่องพวกนั้นที่หัวหน้าหมู่บ้านเฉินทำ ข้าน้อยไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิดขอรับ...”“ไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด?”ฟู่หลานเหิงยิ้มเย็นชาด้วยความโมโห “หมู่บ้านที่เจ้าปกครองเกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น เจ้ากลับพูดว่าไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด?”“คือ...” ผู้ว่าการอำเภอหลิวฝืนยิ้มเจื่อน ๆ ออกมาฟู่หลานเหิงนำป้ายประกาศความผิดโยนใส่หัวเขาอย่างอารมณ์เสียทันที “หลิวปี่หวายเจ้าปกครองอย่างไม่เข้มงวด ปล่อยให้ขุนนางใต้บังคับบัญชาทำเรื่องเลวร้ายพวกนี้ขึ้น!”“ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้ตายด้วยน้ำมือเจ้า แต่เจ้ายากที่จะหลีกหนีความผิดเช่นกัน”“ใต้เท้า ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว” ผู้ว่าการอำเภอหลิวตกใจจนรีบกอดขาของฟู่หลานเหิงเอาไว้ เมื่อฟู่หลานเหิงเห็นเขาก็เกิดความโมโหขึ้นมาแต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายที่จำเป็นต้องให้เขาจัดการ ก็โบกมืออย่างไม่เต็มใจ“หักเงินเดือนเจ้าเป็นเวลาสามปี ประกอบ
ซูจิ่งสิงจำได้ว่าครั้งก่อนที่ซูจิ่นเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไป กู้หว่านเยว่ก็สามารถระบุตำแหน่งของนางได้“พอรู้ทิศทางคร่าว ๆ พวกเราไปกันเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงท่าทางว่องไวมาก พากู้หว่านเยว่หายตัวเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง“ใช้เทเลพอร์ต”วิชาตัวเบาของเขาเทียบไม่ได้กับเทเลพอร์ตของกู้หว่านเยว่ ในเวลาแบบนี้ ทุกนาทีก็คือชีวิตจิตสำนึกของกู้หว่านเยว่เข้าสู่ระบบ นำแผนที่ของเมืองตู้เปียนออกมา ก็เห็นจุดสีแดงจุดหนึ่งที่บนแผนที่จากนั้นก็ดึงมือของซูจิ่งสิง ใช้พลังพิเศษของเทเลพอร์ตที่ใกล้กับจุดสีแดง“ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นจวน?”เมื่อเห็นเจ้าของจวนที่ค่อนข้างมีเงิน กู้หว่านเยว่ลากมือของซูจิ่งสิง รีบทะลุเจ้าไปในจวนสาวใช้และเด็กรับใช้ในจวนไม่นับว่ามากมาย ทั้งสองคนจึงหลบเลี่ยงได้อย่างปลอดภัย จนมาถึงที่เรือนด้านหลัง“ทางด้านนี้เหมือนว่าจะเป็นที่อาศัยของเจ้าของเรือน”กู้หว่านเยว่กลุ้มใจทันที“หรือว่า โจรเด็ดดอกไม้นี่จะเป็นคนรวยที่มีความชอบที่วิปริตคนนั้น?”ไม่น่าใช้ ดูจวนที่เหลืองอร่ามหลังนี้ แม้แต่ซุ้มประตูหินก็ยังทำด้วยหยกชอบผู้หญิง เหตุใดจึงไม่ใช้เงินซื้อ กลับมาทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี
โจรเด็ดดอกไม้กุมแขนที่เลือดไหลเอาไว้ ยังคิดว่าซูจิ่นเอ๋อร์เป็นเพียงแม่นางธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าที่แท้ในแขนเสื้อของนางจะซ่อนอาวุธลับเอาไว้ จึงด่าทอออกมาทันที“นังแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”“ช่วยจิ่นเอ๋อร์”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงทะลุลงมาจากหลังคาพร้อมกัน คนหนึ่งอุ้มซูจิ่นเอ๋อร์ออกไป อีกคนเตะโจรเด็ดดอกไม้จนล้มไปกองกับพื้น“พี่สะใภ้?” ซูจิ่นเอ๋อร์กลืนน้ำลาย มือทั้งสองข้างสั่นระริก “ข้า ทำได้แล้ว...”นางไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่เห็นหมูป่าก็ขาอ่อนอีกต่อไปแล้ว“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าเยี่ยมมาก!” กู้หว่านเยว่ลูบหัวของซูจิ่นเอ๋อร์ จากนั้นเอี้ยวตัวไปด้านข้าง อยากจะเตะโจรเด็ดดอกไม้ที่ซุ่มโจมตีให้กระเด็นออกไป“โจรเด็ดดอกไม้ วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว”“w(゚Д゚)w!” จินโหย่วเฉียนสีหน้าตกตะลึง ฮูหยินผู้งดงามมีวรยุทธ์แข็งแกร่งเช่นนี้เชียวหรือ?!“นังแพศยา ข้าค่อยมาเล่นกับพวกเจ้าวันหลัง!”เมื่อโจรเด็ดดอกไม้เห็นว่าสู้ไม่ได้ จึงโยนระเบิดควันสีขาวลูกหนึ่งออกมา แล้วกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง“คิดจะหนี?”ซูจิ่งสิงแววตาดำมืด เตะเขาจนลอยกระเด็นกลับเข้ามาในห้องทันที“พรวด!” โจรเด็ดดอกไม้อาเจียนออกมาเป็
จินโหย่วเฉียนดึงพ่อบ้านมาอีกข้างแล้วด่าอย่างเจ็บแสบฟู่หลานเหิงรีบเดินมาที่ตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ แต่สายตากลับมองไปทางซูจิ่นเอ๋อร์ “นังหนูจิ่น เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับฟู่หลานเหิง หลังจากรอดชีวิตจากหายนะ ได้เห็นเขาก็นับว่าดีใจ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างหยางหลิวแสร้งกล่าวอย่างเป็นห่วง “แม่นางซูช่างน่าสงสารจริง ๆ ได้ยินมาว่าถูกโจรเด็ดดอกไม้นั่นข่มขืนและชิงทรัพย์ ความบริสุทธิ์ของเจ้า...”พลังรบของซูจิ่นเอ๋อร์เคยได้รับการฝึกฝนจากคนในตระกูลซู ก็โมโหทันที“ความบริสุทธิ์ของข้าอะไร ท่านพูดให้ชัดเจนหน่อย ไม่พูดใช้ชัดเจนเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฉีกปากของเจ้า?!”หยางหลิวหลับไปอยู่ด้านหลังของฟู่หลานเหิง “แม่นางซู เจ้าดุขนาดนี้ทำไม ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น”ซูจิ่นเอ๋อร์เดินเข้าไปคว้าเสื้อของนาง “เจ้ายังจะพูดอีก!”“ช่วยด้วย แม่นางซูจะฆ่าข้า~”หยางหลิวน้ำตาไหลพราก ฟู่หลานเหิงรีบขวางระหว่างกลางของสองคนพูดไกล่เกลี่ย“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าใจเย็น ๆ หน่อย”“ท่านให้ข้าใจเย็น?”ซูจิ่นเอ๋อร์โมโหจนสำลัก กระทืบเท้าทันที ทันทีที่อารมณ์ก็ชี้หน้าด่าหยางหลิว“เจ้ามันตอแหล คร
ซูจิ่นเอ๋อร์ส่งเสียงเยาะเย้ยทันที “อย่ามาบ้านเราเลย คนที่แยกแยะดีชั่วไม่ได้แบบนี้ ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเขา”ซูจื่อชิงหน้าถอดสี “น้องสาว ตอนนี้เจ้าดูเหมือนแม่เสือดุไปได้อย่างไรกัน?”“ท่านก็อยากโดนข้าฉีกปากหรือ?!”ทั้งสองคนเล่นหยอกล้อกันแล้วขึ้นไปบนรถม้าของสกุลโจว กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว“รีบกลับบ้านเถอะ”ทันใดนั้น นางก็รู้สึกปวดท้องหน่วงๆ เล็กน้อย ลางสังหรณ์ไม่ดีแวบเข้ามาในใจ“หว่านเยว่ เจ้าเป็นอะไรไป?” ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หัวใจของเขาก็พลันตื่นตระหนก“ไม่ค่อยสบาย”กู้หว่านเยว่พอจะเดาได้แล้ว นางอยากจะจับชีพจรตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้จับชีพจร ทั้งคนก็หมดสติไปเสียก่อนซูจิ่งสิงรู้สึกตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรถม้าวิ่งควบไปตลอดทาง เมื่อมาถึงหมู่บ้านสือหาน เขาก็รีบอุ้มกู้หว่านเยว่ลงจากรถม้าอย่างร้อนรน“ปรมาจารย์แพทย์ล่ะ ปรมาจารย์แพทย์อยู่ที่ไหน?”ปลายนิ้วของเขาค่อย ๆ กำแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลเขาวางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นริมฝีปากของกู้หว่านเยว่ซีดเซียว หางตาของซูจิ่งสิงก็ค่อย ๆ แดงก่ำ ภาพตรงหน้าราวกับเต็มไปด้วยเลือด เจตนาส
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะสั่งอาหารตามรายการเมนู ปรากฏว่าครู่ต่อมา เจียงหรงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”นางทำความเคารพทั้งสองคนกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเราสองคนแต่งกายปลอมตัวมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?”นางประคองเจียงหรงให้รีบลุกขึ้น เจียงหรงยิ้มอย่างขัดเขิน “เสี่ยวเอ้อร์ที่รับรองพวกท่านเข้ามารายงาน บอกว่ามีแขกสองท่านที่ท่าทางไม่ธรรมดามาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงลองซักถามไปสองสามคำ ก็เดาได้ว่าเป็นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”“ฉลาดจริง ๆ ”กู้หว่านเยว่กล่าวชื่นชมสมแล้วที่เป็นยอดภรรยาผู้มากความสามารถของท่านราชเลขาธิการ“ข้าและฝ่าบาทแต่งกายปลอมตัวออกมา ได้ยินว่าเจ้าเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง จึงตั้งใจมาลองชิมดูว่ารสชาติอาหารเสฉวนของที่นี่เป็นต้นตำรับหรือไม่ ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าให้ฐานะของพวกเรารั่วไหลออกไป ปฏิบัติต่อเราเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”เจียงหรงพยักหน้า “นายท่าน ฮูหยิน วางใจเถิดเพคะ”นางสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน “หากนายท่านและฮูหยินต้องการจะลองอาหารเสฉวน ลองชิมสักสองสามอย่างนี้ดูเพคะ ต้มเลือดเป็ดผ้าขี้ริ้ว ไก่ทอดผัดพริกเสฉวน
ตอนนั้นเถ้าแก่ให้นางพักอยู่ในคอกม้า ลูกของนางยังตัวร้อนเป็นไข้สูงกู้หว่านเยว่จำได้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางดูไม่เหมือนชาวต้าฉีหญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?“หงเจา” หากเป็นพวกต้มตุ๋นหากินทั่วไป กู้หว่านเยว่ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แต่ยังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุดใหญ่ แต่เวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว โบกมือเรียกหงเจาให้เข้ามา“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”หงเจาถึงกับถกแขนเสื้อขึ้นแล้ว ตั้งใจจะไปโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้นกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หยิบเศษเงินมาสักก้อน แล้วยื่นให้หญิงสาวผู้นั้น”“ฮูหยินเจ้าคะ?”“เร็วเข้า ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ปล่อยม่านรถม้าลง ไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นหน้าตาของนางแต่หญิงสาวผู้นั้นคงจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงยังคงหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสอดส่ายไปยังบนรถม้า“เฮ้อ ฮูหยินช่างใจบุญเสียจริง”หงเจาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงทำเช่นนี้ แต่คำสั่งของฮูหยิน นางย่อมต้องฟัง ดังนั้นจึงหยุดโต้เถียงในทันที รีบล้วงหยิบเศษเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วโยนให้หญิงสาวผู้นั้น“เร็วเข้า ๆ ๆ เงินนี่ให้เจ้าแล้ว เอ
อวิ๋นมู่รับยาน้ำมาด้วยสองมือเขาร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ร่างกายจึงเปราะบางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป เคยมีหมอวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้าปีภายใต้การดูแลรักษาของกู้หว่านเยว่ สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด“ฮองเฮา ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”สายตาของอวิ๋นมู่ฉายแววซาบซึ้งกู้หว่านเยว่มิใช่เป็นเพียงคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเทพธิดาที่เขาเทิดทูนบูชาอยู่ในใจเขาคือสาวกผู้ภักดีของนาง“เรื่องดินปืน เจ้าจงฟังคำสั่งจากเกาเจี้ยน แม่ทัพใหญ่ในการโจมตีหนานเจียงครั้งนี้คือเขา”“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นมู่พยักหน้า เขากับเกาเจี้ยนสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการสื่อสารย่อมไม่มีอุปสรรคหลังจากปรึกษาหารือเรื่องดินปืนเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากสกุลอวิ๋น ขึ้นรถม้าไปยังร้านอาหารที่เจียงหรงเปิดเพื่อรับประทานอาหาร“ปึง!”ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกดังมาจากด้านหน้ารถม้ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็พากันสะดุ้งตกใจกับเสียงนี้“นายท่าน ชนคนเข้าแล้วเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตื่นตระหนกของหงเจาดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิด
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ใหญ่ ขอบพระทัยพี่สะใภ้ใหญ่ กระหม่อมจะรีบนำข่าวดีไปบอกชิงหว่านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจื่อชิงดีใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะไปยังทั้งสองคนเสียงดังตุบ ๆ จากนั้นก็ทำราวกับเด็กหนุ่มใจร้อนคนหนึ่ง วิ่งออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้เรื่อง”ซูจิ่งสิงทนมองไม่ได้กู้หว่านเยว่กล่าวหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าน้องชายของตนเองเสียอีก”“นั่นไม่ได้เรียกว่าไม่ได้เรื่อง นั่นเรียกว่าต่อหน้าน้องหญิง ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา”ซูจิ่งสิงท่าทางดูจริงจังทั้งสองคนปรึกษาหารือเรื่องของซูจื่อชิงเสร็จแล้ว ก็หันมาปรึกษาหารือเรื่องการยกทัพไปปราบปรามหนานเจียงต่อ ในที่สุดสามีภรรยาทั้งสองคนก็ตัดสินใจตรงกันว่า การปราบปรามหนานเจียงนั้นต้องรวดเร็วและตัดสินผลแพ้ชนะให้เด็ดขาด“ส่งสาส์นประกาศศึกก่อน จากนั้นค่อยใช้ปืนใหญ่ ยิงถล่มหนานเจียงโดยตรง”ซูจิ่งสิงยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างเงียบ ๆ “น้องหญิง วิธีการของเจ้าช่างหยาบและง่ายดายจริง ๆ ”“ก็ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดสิ ข้าไม่อยากจะไปพัวพันกับชาวหนานเจียงนานเกินไป”กู้หว่านเยว่หันไปใส่ใจอีกเรื่องหนึ่ง“จริงสิ ทางด้านเฟิ่งอู๋ชีมีท่าทีอย่างไ