โจรเด็ดดอกไม้กุมแขนที่เลือดไหลเอาไว้ ยังคิดว่าซูจิ่นเอ๋อร์เป็นเพียงแม่นางธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าที่แท้ในแขนเสื้อของนางจะซ่อนอาวุธลับเอาไว้ จึงด่าทอออกมาทันที“นังแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”“ช่วยจิ่นเอ๋อร์”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงทะลุลงมาจากหลังคาพร้อมกัน คนหนึ่งอุ้มซูจิ่นเอ๋อร์ออกไป อีกคนเตะโจรเด็ดดอกไม้จนล้มไปกองกับพื้น“พี่สะใภ้?” ซูจิ่นเอ๋อร์กลืนน้ำลาย มือทั้งสองข้างสั่นระริก “ข้า ทำได้แล้ว...”นางไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่เห็นหมูป่าก็ขาอ่อนอีกต่อไปแล้ว“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าเยี่ยมมาก!” กู้หว่านเยว่ลูบหัวของซูจิ่นเอ๋อร์ จากนั้นเอี้ยวตัวไปด้านข้าง อยากจะเตะโจรเด็ดดอกไม้ที่ซุ่มโจมตีให้กระเด็นออกไป“โจรเด็ดดอกไม้ วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว”“w(゚Д゚)w!” จินโหย่วเฉียนสีหน้าตกตะลึง ฮูหยินผู้งดงามมีวรยุทธ์แข็งแกร่งเช่นนี้เชียวหรือ?!“นังแพศยา ข้าค่อยมาเล่นกับพวกเจ้าวันหลัง!”เมื่อโจรเด็ดดอกไม้เห็นว่าสู้ไม่ได้ จึงโยนระเบิดควันสีขาวลูกหนึ่งออกมา แล้วกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง“คิดจะหนี?”ซูจิ่งสิงแววตาดำมืด เตะเขาจนลอยกระเด็นกลับเข้ามาในห้องทันที“พรวด!” โจรเด็ดดอกไม้อาเจียนออกมาเป็
จินโหย่วเฉียนดึงพ่อบ้านมาอีกข้างแล้วด่าอย่างเจ็บแสบฟู่หลานเหิงรีบเดินมาที่ตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ แต่สายตากลับมองไปทางซูจิ่นเอ๋อร์ “นังหนูจิ่น เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับฟู่หลานเหิง หลังจากรอดชีวิตจากหายนะ ได้เห็นเขาก็นับว่าดีใจ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างหยางหลิวแสร้งกล่าวอย่างเป็นห่วง “แม่นางซูช่างน่าสงสารจริง ๆ ได้ยินมาว่าถูกโจรเด็ดดอกไม้นั่นข่มขืนและชิงทรัพย์ ความบริสุทธิ์ของเจ้า...”พลังรบของซูจิ่นเอ๋อร์เคยได้รับการฝึกฝนจากคนในตระกูลซู ก็โมโหทันที“ความบริสุทธิ์ของข้าอะไร ท่านพูดให้ชัดเจนหน่อย ไม่พูดใช้ชัดเจนเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฉีกปากของเจ้า?!”หยางหลิวหลับไปอยู่ด้านหลังของฟู่หลานเหิง “แม่นางซู เจ้าดุขนาดนี้ทำไม ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น”ซูจิ่นเอ๋อร์เดินเข้าไปคว้าเสื้อของนาง “เจ้ายังจะพูดอีก!”“ช่วยด้วย แม่นางซูจะฆ่าข้า~”หยางหลิวน้ำตาไหลพราก ฟู่หลานเหิงรีบขวางระหว่างกลางของสองคนพูดไกล่เกลี่ย“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าใจเย็น ๆ หน่อย”“ท่านให้ข้าใจเย็น?”ซูจิ่นเอ๋อร์โมโหจนสำลัก กระทืบเท้าทันที ทันทีที่อารมณ์ก็ชี้หน้าด่าหยางหลิว“เจ้ามันตอแหล คร
ซูจิ่นเอ๋อร์ส่งเสียงเยาะเย้ยทันที “อย่ามาบ้านเราเลย คนที่แยกแยะดีชั่วไม่ได้แบบนี้ ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเขา”ซูจื่อชิงหน้าถอดสี “น้องสาว ตอนนี้เจ้าดูเหมือนแม่เสือดุไปได้อย่างไรกัน?”“ท่านก็อยากโดนข้าฉีกปากหรือ?!”ทั้งสองคนเล่นหยอกล้อกันแล้วขึ้นไปบนรถม้าของสกุลโจว กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว“รีบกลับบ้านเถอะ”ทันใดนั้น นางก็รู้สึกปวดท้องหน่วงๆ เล็กน้อย ลางสังหรณ์ไม่ดีแวบเข้ามาในใจ“หว่านเยว่ เจ้าเป็นอะไรไป?” ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หัวใจของเขาก็พลันตื่นตระหนก“ไม่ค่อยสบาย”กู้หว่านเยว่พอจะเดาได้แล้ว นางอยากจะจับชีพจรตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้จับชีพจร ทั้งคนก็หมดสติไปเสียก่อนซูจิ่งสิงรู้สึกตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรถม้าวิ่งควบไปตลอดทาง เมื่อมาถึงหมู่บ้านสือหาน เขาก็รีบอุ้มกู้หว่านเยว่ลงจากรถม้าอย่างร้อนรน“ปรมาจารย์แพทย์ล่ะ ปรมาจารย์แพทย์อยู่ที่ไหน?”ปลายนิ้วของเขาค่อย ๆ กำแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลเขาวางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นริมฝีปากของกู้หว่านเยว่ซีดเซียว หางตาของซูจิ่งสิงก็ค่อย ๆ แดงก่ำ ภาพตรงหน้าราวกับเต็มไปด้วยเลือด เจตนาส
ปรมาจารย์แพทย์ทนกับท่าทางแบบนี้ของเขาไม่ไหวหวงเหล่าชี้ไปที่ใต้เท้า “เห็นพื้นตรงนี้หรือไม่ ที่นี่คือที่สถิตของมังกร”กู้หว่านเยว่รู้สึกเพียงภาพตรงหน้าดับวูบ จากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว เมื่อนางตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองอยู่ในมิติระบบส่งเสียงพูดเจื้อยแจ้วต่อนาง “นายหญิง ท่านประมาทเกินไปแล้ว ท่านตั้งครรภ์แล้วทำไมไม่พักผ่อนดี ๆ เกือบจะรักษาลูกน้อยไว้ไม่ได้แล้ว โชคดีที่ข้าเพิ่งส่งพลังพิเศษไปช่วยเขา”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง “ข้าท้องจริง ๆ หรือ?”อันที่จริงช่วงนี้นางก็รู้สึกได้ แต่กลัวว่าจะดีใจเก้อ จึงไม่กล้าจับชีพจรตัวเอง“นายหญิง ท่านต้องดูแลลูกน้อยให้ดี ๆ นะ เด็กน้อยคนนี้สำคัญและเก่งกาจมาก...” ระบบพึมพำเบา ๆ กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง “ลูกของข้า ข้าย่อมดูแลเขาเป็นอย่างดี”“อืม ๆ นายหญิงรู้ก็ดีแล้ว ลูกน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”เวลานี้ กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่าในอนาคตนางจะให้กำเนิดบุตรชายที่ยอดเยี่ยม ผู้รวบรวมชะตาแห่งสวรรค์และโลกไว้ในตนเอง บุตรชายคนนี้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาจากสวรรค์ และถูกกำหนดให้เหนือกว่าคนทั่วไปเด็ดองุ่นและสตรอว์เบอร์รีใส่ปาก กู้หว่านเยว่รู้สึกว่าร่างกายไม่ได้เป็นอะ
ฟู่หลานเหิงได้ยินจากปากซูจื่อชิงว่ากู้หว่านเยว่ตั้งครรภ์แล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อจนกระทั่งคู่สามีภรรยาเดินจับมือกันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรัก เขาถึงได้สติกลับคืนมา“หว่านเยว่ ได้ยินว่าเจ้าท้องแล้วหรือ?”“ขอบคุณใต้เท้าฟู่ที่แสดงความยินดี”ซูจิ่งสิงมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เคยเป็นศัตรูหัวใจกันมาก่อน“ฮ่า ๆ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น” ฟู่หลานเหิงส่ายหัวพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ เรื่องราวในอดีตเขาปล่อยวางไปนานแล้วเพียงแต่คาดไม่ถึงว่ากู้หว่านเยว่จะตั้งครรภ์เร็วขนาดนี้ จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เขาต้องกลับไปคิดว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญแก่ลูกของทั้งสองคนเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟู่หลานเหิงก็ได้สติกลับมา รีบพูดถึงเรื่องสำคัญ“จริงสิ วันนี้ข้าเชิญพวกเจ้าทั้งสองคนมา เพราะมีเรื่องจะถาม”“หัวหน้าหมู่บ้านเฉินเสียชีวิตแล้ว หมู่บ้านสือหานต้องมีหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ขึ้นมาแทน ข้าอยากจะถามความเห็นของพวกเจ้า”ชาวบ้านของหมู่บ้านสือหานคุกเข่าอยู่โดยรอบฟู่หลานเหิงมองไปรอบ ๆ ก็ไม่รู้จักใครเลยการจะเลือกหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ นี่มืด
ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่พาฟู่หลานเหิงและจินโหย่วเฉียนมาถึงเชิงเขา ทั้งสองคนมองไปยังเรือนที่ดูง่อนแง่นทำท่าจะพังทลายท่ามกลางหิมะต่างก็ตกตะลึง“เรือนนี้มันโทรมเกินไปแล้วนะ!”แค่ลมพัดมาก็ปลิวได้แล้ว“ตอนนี้กันลมกันฝนได้ไม่มีปัญหา อีกไม่กี่วันอิฐที่เผาเสร็จจะพอแล้ว ก็จะสร้างเรือนอิฐกระเบื้องได้แล้ว”กู้หว่านเยว่ได้เลือกที่ดินแล้ว อยู่ใกล้กับเรือนหลังโทรม ๆ นั่นเอง ด้านหน้าจะทำเป็นแปลงปลูกผัก ส่วนข้างประตูจะกั้นไว้สำหรับเลี้ยงไก่และเป็ด“หว่านเยว่ ถ้าไม่มีเงิน ก็บอกข้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”ฟู่หลานเหิงรีบกล่าวขึ้น ถ้ารู้ว่าที่อยู่ของกู้หว่านเยว่จะโทรมขนาดนี้ เขาควรจะจัดสรรเรือนใหม่ให้นางตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว“ขอบคุณมาก แต่ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่กลับไม่ได้พูดเพราะเกรงใจ แต่หากพูดถึงเรื่องเงิน ทั่วทั้งต้าฉีก็ไม่มีใครมีมากกว่านางล้อเล่นน่า นางเป็นผู้หญิงที่ครอบครองทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งในท้องพระคลังเชียวนะ“เช่นนั้นก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไร เจ้าต้องบอกตรง ๆ นะ” ฟู่หลานเหิงยังคงเป็นห่วงมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนักเมื่อเข้าไปข้างใน กลับพบว่าภายในนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงบนชายคาแขวนเนื
เดิมทีเมื่อได้เงินมาแล้ว เขาควรจะหนีไปเลย แต่เมื่อคิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องไปอยู่แล้ว ก่อนไปก็ควรจะลักพาตัวผู้หญิงไปด้วยสักคน จะได้มีเพื่อนร่วมทาง และคอยซักผ้าทำอาหารปรนนิบัติเขาคิดไปคิดมา เฉินต้าลี่ก็ตัดสินใจเลือกซูหรานหร่าน เขาเคยเห็นซูหรานหร่าน นางมีรูปร่างหน้าตางดงาม และที่สำคัญที่สุดคือยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เฉินต้าลี่ก็แอบย่องเข้าไปที่เรือนของซูหรานหร่านเวลานี้ ซูหรานหร่านเพิ่งจะเย็บรองเท้าและถุงเท้าของหวังปี้เสร็จหวังปี้พักที่เรือนของสกุลเซิ่งในตอนกลางคืน และจะมาช่วยนางซ่อมแซมหลังคาและรั้วในตอนกลางวันซูหรานหร่านรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เมื่อเห็นเขาลำบากจนนิ้วเท้าแทบจะโผล่ออกมา นางจึงแอบทำรองเท้าคู่ใหม่ให้เขาอย่างเงียบ ๆ และตั้งใจจะมอบให้เขาในวันพรุ่งนี้กำลังจะห่อรองเท้าด้วยผ้า จู่ ๆ ก็มีเงาดำพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่รอให้ซูหรานหร่านได้ตั้งตัว ก็คว้าไม้ที่มุมห้องตีเข้าที่หัวของนางซูหรานหร่านไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกเฉินต้าลี่ตีจนสลบแล้วแบกนางออกไป...กู้หว่านเยว่เพิ่งจะออกมาจากมิติ ในช่วงสองสามวันมานี้ ผลไม้ในมิติออกผลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะกิ
ฉู่เฟิงเดินเข้ามาพูดว่า “หีบบนรถม้าเต็มไปด้วยเงินทองและเครื่องประดับ และยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ข้างในด้วย”เฉินต้าลี่รีบเอ่ยขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ให้ข้า! ข้ายังไม่มีภรรยาเลย ข้าต้องมีทายาทสืบสกุล”“คนชั่วอย่างเจ้ายังอยากมีทายาทสืบสกุลอีกหรือ? จะให้กำเนิดคนเลวออกมาให้เปลืองอากาศหรือไร?” กู้หว่านเยว่พูดเยาะเย้ยเขาพลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถม้าเพื่อดูว่าผู้หญิงข้างในนั้นเป็นใครทันทีที่เข้าไปก็พบว่า ไอ้สารเลวนี่ถึงกับลักพาตัวซูหรานหร่านมาซูหรานหร่านครางออกมาสองเสียง กู้หว่านเยว่จึงรีบแก้มัดให้นางและดึงผ้าที่ปิดปากนางออก“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร แค่โดนเขาตีหัวไปทีหนึ่ง เขาอยากจะจับตัวข้าไป แล้ววางยาพิษชาวบ้านทั้งหมด จากนั้นไปใช้ชีวิตสำราญที่อื่น”ซูหรานหร่านช่างโชคร้ายจริง ๆ นางไปดึงดูดเฉินต้าลี่ตรงไหนกัน?โชคดีที่เฉินต้าลี่รีบขนสมบัติจึงไม่ได้แตะต้องนาง ไม่เช่นนั้นคราวนี้นางคงทำได้เพียงกระโดดบ่อน้ำตายแล้ว“เงินทองให้พวกท่าน แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องให้ข้า!”เฉินต้าลี่หน้าตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ ถูกซูจิ่งสิงเตะเข้าอีกทีหนึ่ง “หุบปาก!”กู้หว่า
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะสั่งอาหารตามรายการเมนู ปรากฏว่าครู่ต่อมา เจียงหรงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”นางทำความเคารพทั้งสองคนกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเราสองคนแต่งกายปลอมตัวมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?”นางประคองเจียงหรงให้รีบลุกขึ้น เจียงหรงยิ้มอย่างขัดเขิน “เสี่ยวเอ้อร์ที่รับรองพวกท่านเข้ามารายงาน บอกว่ามีแขกสองท่านที่ท่าทางไม่ธรรมดามาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงลองซักถามไปสองสามคำ ก็เดาได้ว่าเป็นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”“ฉลาดจริง ๆ ”กู้หว่านเยว่กล่าวชื่นชมสมแล้วที่เป็นยอดภรรยาผู้มากความสามารถของท่านราชเลขาธิการ“ข้าและฝ่าบาทแต่งกายปลอมตัวออกมา ได้ยินว่าเจ้าเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง จึงตั้งใจมาลองชิมดูว่ารสชาติอาหารเสฉวนของที่นี่เป็นต้นตำรับหรือไม่ ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าให้ฐานะของพวกเรารั่วไหลออกไป ปฏิบัติต่อเราเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”เจียงหรงพยักหน้า “นายท่าน ฮูหยิน วางใจเถิดเพคะ”นางสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน “หากนายท่านและฮูหยินต้องการจะลองอาหารเสฉวน ลองชิมสักสองสามอย่างนี้ดูเพคะ ต้มเลือดเป็ดผ้าขี้ริ้ว ไก่ทอดผัดพริกเสฉวน
ตอนนั้นเถ้าแก่ให้นางพักอยู่ในคอกม้า ลูกของนางยังตัวร้อนเป็นไข้สูงกู้หว่านเยว่จำได้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางดูไม่เหมือนชาวต้าฉีหญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?“หงเจา” หากเป็นพวกต้มตุ๋นหากินทั่วไป กู้หว่านเยว่ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แต่ยังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุดใหญ่ แต่เวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว โบกมือเรียกหงเจาให้เข้ามา“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”หงเจาถึงกับถกแขนเสื้อขึ้นแล้ว ตั้งใจจะไปโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้นกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หยิบเศษเงินมาสักก้อน แล้วยื่นให้หญิงสาวผู้นั้น”“ฮูหยินเจ้าคะ?”“เร็วเข้า ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ปล่อยม่านรถม้าลง ไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นหน้าตาของนางแต่หญิงสาวผู้นั้นคงจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงยังคงหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสอดส่ายไปยังบนรถม้า“เฮ้อ ฮูหยินช่างใจบุญเสียจริง”หงเจาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงทำเช่นนี้ แต่คำสั่งของฮูหยิน นางย่อมต้องฟัง ดังนั้นจึงหยุดโต้เถียงในทันที รีบล้วงหยิบเศษเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วโยนให้หญิงสาวผู้นั้น“เร็วเข้า ๆ ๆ เงินนี่ให้เจ้าแล้ว เอ
อวิ๋นมู่รับยาน้ำมาด้วยสองมือเขาร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ร่างกายจึงเปราะบางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป เคยมีหมอวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้าปีภายใต้การดูแลรักษาของกู้หว่านเยว่ สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด“ฮองเฮา ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”สายตาของอวิ๋นมู่ฉายแววซาบซึ้งกู้หว่านเยว่มิใช่เป็นเพียงคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเทพธิดาที่เขาเทิดทูนบูชาอยู่ในใจเขาคือสาวกผู้ภักดีของนาง“เรื่องดินปืน เจ้าจงฟังคำสั่งจากเกาเจี้ยน แม่ทัพใหญ่ในการโจมตีหนานเจียงครั้งนี้คือเขา”“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นมู่พยักหน้า เขากับเกาเจี้ยนสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการสื่อสารย่อมไม่มีอุปสรรคหลังจากปรึกษาหารือเรื่องดินปืนเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากสกุลอวิ๋น ขึ้นรถม้าไปยังร้านอาหารที่เจียงหรงเปิดเพื่อรับประทานอาหาร“ปึง!”ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกดังมาจากด้านหน้ารถม้ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็พากันสะดุ้งตกใจกับเสียงนี้“นายท่าน ชนคนเข้าแล้วเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตื่นตระหนกของหงเจาดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิด
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ใหญ่ ขอบพระทัยพี่สะใภ้ใหญ่ กระหม่อมจะรีบนำข่าวดีไปบอกชิงหว่านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจื่อชิงดีใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะไปยังทั้งสองคนเสียงดังตุบ ๆ จากนั้นก็ทำราวกับเด็กหนุ่มใจร้อนคนหนึ่ง วิ่งออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้เรื่อง”ซูจิ่งสิงทนมองไม่ได้กู้หว่านเยว่กล่าวหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าน้องชายของตนเองเสียอีก”“นั่นไม่ได้เรียกว่าไม่ได้เรื่อง นั่นเรียกว่าต่อหน้าน้องหญิง ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา”ซูจิ่งสิงท่าทางดูจริงจังทั้งสองคนปรึกษาหารือเรื่องของซูจื่อชิงเสร็จแล้ว ก็หันมาปรึกษาหารือเรื่องการยกทัพไปปราบปรามหนานเจียงต่อ ในที่สุดสามีภรรยาทั้งสองคนก็ตัดสินใจตรงกันว่า การปราบปรามหนานเจียงนั้นต้องรวดเร็วและตัดสินผลแพ้ชนะให้เด็ดขาด“ส่งสาส์นประกาศศึกก่อน จากนั้นค่อยใช้ปืนใหญ่ ยิงถล่มหนานเจียงโดยตรง”ซูจิ่งสิงยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างเงียบ ๆ “น้องหญิง วิธีการของเจ้าช่างหยาบและง่ายดายจริง ๆ ”“ก็ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดสิ ข้าไม่อยากจะไปพัวพันกับชาวหนานเจียงนานเกินไป”กู้หว่านเยว่หันไปใส่ใจอีกเรื่องหนึ่ง“จริงสิ ทางด้านเฟิ่งอู๋ชีมีท่าทีอย่างไ