หลายครอบครัวต่างสบตากัน น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินแสดงอำนาจต่อพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด!ให้ตายเถอะ เหล่านักโทษถูกกดขี่ข่มเหงมาตลอดทางแล้วนะกว่าจะเดินทางมาถึงเจดีย์หนิงกู่ไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ยังต้องโดนกดขี่อีกหรือ?นายท่านหลี่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ขอถามผู้ใหญ่บ้านหน่อย ที่พักของพวกเราคือที่ไหน?”“รีบทำไม ผู้ใหญ่บ้านพูดอยู่ เจ้ากล้าพูดแทรกได้อย่างไร?”ผู้ใหญ่บ้านเฉินส่งเสียงฮึดฮัดน้ำเสียงเย็นชาออกมา แสดงอำนาจอย่างมากนายท่านหลี่ขมวดคิ้วแน่น “พวกเราไม่ใช่นักโทษ คนที่มาถึงเจดีย์หนิงกู่ล้วนแต่เป็นคนของทางการ ทำไมพวกเราจะพูดแทรกเจ้าไม่ได้?”น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินกำลังบอกว่าพวกเขาอยู่ต่ำกว่าอย่างไรอย่างนั้น?“พวกเจ้าคือนักโทษ เป็นคนนอก และเป็นทาสผู้ต่ำต้อย!” ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเฉินฉายแววโหดร้าย มิน่าล่ะใต้เท้าสวีถึงอยากสั่งสอนพวกเขา หัวรั้นกันยิ่งนัก“พวกเจ้าอยากได้บ้านไม่ใช่หรือ” ผู้ใหญ่บ้านเฉินชี้ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ “ตีนเขามีบ้านที่ไม่มีใครใช้มานานกว่าสิบปีว่างอยู่พอดี พวกเจ้าไปพักที่นั้นละกัน”กู้หว่านเยว่เห็นรอยยิ้มที่แสดงความมุ่งร้ายของผู้ใหญ่บ้านเฉิน ลางสังหรณ
หวังต้าโก่วแสดงท่าทีโง่เขลาออกมา“หมู่บ้านสือหานของพวกเรามีสิบสองเดือนเข้าสู่ฤดูหนาวไปแล้วแปดเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมของปีหน้าจะมีหิมะตกหนัก น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง นอกจากพืชที่ทนความหนาวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด พืชที่เหลือตายหมด ข้าวและข้าวสาลีที่พวกเจ้ากล่าวถึง....พวกเราไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว”เมื่อโพล่งประโยคนี้ออกไป ทุกคนก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านสือหานเมื่อเดินทางมาถึงตีนเขา ทุกคนก็พากันสูดลมหายใจเย็นนี่...นี่คือบ้านหรือ?ลักษณะของบ้านมีเพียงเสาบ้านที่กองสุมรวมกัน รอบตัวบ้านเต็มไปด้วยหญ้ากองโต....“กระท่อมหลังนี้เราจะอยู่ได้อย่างไร?”หวังต้าโก่วเลียริมฝีปาก “บ้านในหมู่บ้านมีไม่เยอะ พวกเจ้าดันล่วงเกินผู้ใหญ่บ้านอีก จึงถูกขับไสให้มาอยู่ที่นี่”เรื่องที่เขาไม่ได้บอกก็คือ ที่ตีนเขาแห่งนี้ยังมีสัตว์ป่าอีกไม่น้อย ถัดจากภูเขานี้ไปก็คือแคว้นโจวตะวันออก ทุกครั้งที่ฤดูหนาวมาเยือน จะมีคนของแคว้นโจวตะวันออกมาปล้นสะดมเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้“น้องต้าโก่วลำบากเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ให้มันเทศสองลูกกับเขาเ
กู้หว่านเยว่แสยะยิ้มมุมปาก แววตาเป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้นกำลังเศร้าใจว่าไม่มีของคาวเข้าปากอยู่เลยเนื้อหมาป่า อร่อยจัง!“จื่อชิง จิ่นเอ๋อร์ปลุกพรรคพวกขึ้นมา ไม่ต้องนอนแล้ว เตรียมพร้อมต้อนรับศัตรู”กู้หว่านเยว่ชี้ไปยังบ้านถัดกัน “ขุนพลหวัง ท่านไปดูแลหรานหร่าน”ศึกครั้งแรกของพวกเขาในหมู่บ้านสือหาน กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้วเสียงพิลาปร่ำไห้ดังเข้ามาในหมู่บ้านสือหานชาวบ้านที่อยู่บนเตียงต่างสั่นสะท้าน ทยอยแง้มประตูเรือนออก“แย่แล้ว กลุ่มนักโทษเนรเทศที่มาวันนี้ถึงคราวแล้ว”“ในเทือกเขาด้านหลังมีหมาป่ากว่าร้อยตัว พรุ่งนี้เช้าเกรงว่าจะไม่ได้เห็นแม้แต่ศพของพวกเขา”“ใครใช้ให้พวกเขาล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ ล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านก็เลยจบไม่สวย...”หลายปีก่อน ก็มีนักโทษเนรเทศกลุ่มหนึ่งมาที่หมู่บ้านสือหาน แต่ไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อเอาใจหัวหน้าหมู่บ้าน ส่งผลให้ถูกหมาป่าฉีกเป็นชิ้น ๆ ที่เชิงเขาในคืนนั้นเลือดนั้นย้อมดินแดนใกล้เคียงกลายเป็นสีแดงเข้มนับจากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า หมาป่าบนภูเขาจะเชื่อฟังคำสั่งของสกุลเฉิน ทุกคนเลยไม่กล้าขัดใจหัวหน้าหมู่บ้านเฉินอีก“โชคดีที่พว
ที่เชิงเขาด้านหน้ากระท่อมทรุดโทรมเรียงรายแถวหนึ่ง มีซากหมาป่าแขวนอยู่กว่าสามสิบตัวอย่างน่าประหลาด!หมาป่าตายได้อย่างไร ที่ตายควรเป็นมนุษย์มิใช่หรือ?ประตูเปิดออกดัง “เอี๊ยดอ๊าด” ซูจิ่นเอ๋อร์ถือถังน้ำร้อนถังหนึ่งออกมาด้วยความตกใจ“พวกท่านมาทำอะไรกัน?”“เก็บ เก็บศพให้พวกท่าน” สะใภ้สกุลโจวเอ่ยอย่างอ่อนแรง เมื่อเหลือบเห็นเหล่าหมาป่าที่แขวนอยู่กลางสายลมหนาว ก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวหมาป่าจำนวนมากเช่นนี้ถูกพวกเขาสังหารอย่างไม่น่าเชื่อ น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!ต้องรู้ว่าหมาป่าที่อยู่หลังภูเขาหมู่บ้านสือหานกลุ่มนั้น ดุร้ายยิ่งกว่าหมาป่าที่อยู่ข้างนอกเสียอีก ลำพังขนาดร่างกายก็ยาวถึงสองเมตรแล้ว!คนกลุ่มนี้เก่งกาจถึงเพียงไหน?“พวกท่านมาเก็บศพหรือ? ขอบคุณพวกท่านมาก แต่เมื่อวานนี้พวกข้าไม่มีใครตาย”กู้หว่านเยว่เดินยิ้มแย้มออกมาจากข้างในพลางชักกริชคมกริบออกมา ถลกหนังหมาป่าตัวหนึ่งด้วยมืออย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นหมาป่าที่ไร้ขนภายในชั่วพริบตา กลุ่มชาวบ้านก็กลืนน้ำลายถอยหลังไปหนึ่งก้าวผู้ถูกเนรเทศที่มาใหม่ เห็นทีจะแหย่ไม่ได้กู้หว่านเยว่ตากหนังหมาป่าไว้บนท่อนไม้เพื่อผึ่งลมให้แห้ง รอเอามาท
กู้หว่านเยว่เบิกตากว้าง “ช่าง...”“เจ้ารู้สึกว่ามันแพงไหม?”หวังต้าโก่วรีบถามกู้หว่านเยว่จะกล้าพูดได้อย่างไรว่ามันถูก นี่มันเป็นราคาของทาสผิวดำชัด ๆหมู่บ้านสือหานเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในเจดีย์หนิงกู่ ค่าแรงย่อมต่ำที่สุดเป็นธรรมดา“ไม่อย่างนั้น เก้าแผ่นทองแดงต่อวันก็ได้”กว่าจะมีงานทำได้ไม่ใช่ง่าย ๆ จะปล่อยให้หลุดลอยไปไม่ได้“เอ่อ สิบแผ่นทองแดงแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ใจดำทำนาบนหลังคนไม่เป็น“ท่านช่วยไปหาแรงงานประมาณสามสิบคนให้ข้าที ขอที่ซื่อสัตย์และเชื่อใจได้”หวังต้าโก่วสะดุ้งโหยง“ซ่อมแซมเรือนแค่ห้าหรือหกคนก็พอแล้วล่ะมั้ง สามสิบกว่าคนไม่มากเกินไปหรือ?”“ไม่มาก ไม่มาก” กู้หว่านเยว่ส่ายหัว ดูมีเลศนัย “ไม่ใช่แค่ซ่อมแซมเรือนเท่านั้น”หวังต้าโก่วเกาศีรษะ “ตกลง แม่นางกู้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าเชื่อถือได้ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อสอบถามให้เจ้า”“เรื่องนี้ไม่เร่งด่วน”กู้หว่านเยว่แจกเนื้อหมาป่าให้กับทุกคน ด้วยความคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหวังต้าโก่วรีบร้อนออกไปกู้หว่านเยว่หยิบสมุดบันทึกที่ลงทะเบียนไว้เมื่อวานออกมาใครก็ตามที่ฆ่าหมาป่า ก็ให้พวกเขาแต่ละครอบครัวลากไป
“ทำไมจะไม่สนับสนุนเล่า ข้าชูสองมือสนับสนุนเลย” ที่ซูจิ่งสิงไม่พูดอะไรเลย เป็นเพราะเขากำลังตรึกตรองอยู่ “ถ้าต้องการเปิดโรงงานอิฐกระเบื้อง ก็ต้องขอกำลังคนช่วยเหลือนายท่านเซิ่งและนายท่านหลี่สามารถช่วยเจ้าดูแลคนงาน ทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาได้นายท่านเหยียนมีพื้นเพเป็นข้าราชการพลเรือน ถนัดเรื่องการเขียน สามารถช่วยเจ้าทำบัญชีได้ส่วนเรื่องการขนส่งวัสดุอิฐกระเบื้องในอนาคต ข้าคิดว่าสามารถมอบหมายให้หวังต้าโก่วจัดการได้ เขาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง”กู้หว่านเยว่อ้าปากกว้าง “ข้าแค่มีความคิดเท่านั้น ท่านพี่คำนวณให้ข้าเสร็จสรรพหมดแล้วแม้แต่เรื่องทำบัญชี สุดยอด!”“เอาล่ะ ทางด้านสกุลหลี่และสกุลเซิ่ง ข้าจะไปคุยให้เจ้าเอง”ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ด้วยความเอ็นดู เดิมทีคิดอยากจะบีบแก้มนางแต่ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงกำมือกระแอมไอกลบเกลื่อนกู้หว่านเยว่เปิดแพลตฟอร์มซื้อขาย เริ่มซื้อแบบแปลนสำหรับโรงงานเผาอิฐนายท่านหลี่ นายท่านเซิ่ง และคนอื่น ๆ กำลังกังวลเรื่องหนทางหาเลี้ยงชีพ เมื่อได้ยินว่ากู้หว่านเยว่จะว่าจ้างพวกเขา ก็ปรบมือด้วยความดีใจพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเลกู้หว่านเยว่หยิบสัญญาออกมาให้พวกเขาลงนาม ซึ่
“ขัดจังหวะคนแก่ที่กำลังสวดมนต์ขอลูก หลานวิ่งหนีไปแล้ว ใครจะรับผิดชอบ?”“ก็ใช่น่ะสิ น่ารำคาญจริง ๆ แม้แต่เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรก็ถูกรบกวนไปหมด”หลายปีที่ผ่านมาเพื่อการขอลูก สองผัวเมียผู้เฒ่าสกุลโจวผ่านเทพหรือพระองค์ไหนก็บูชาจนทั่ว วัดขอลูกในหมู่บ้านใกล้เคียง 7-8 แห่ง ทั้งสองเหยียบจนแทบพรุนมาหมดแล้วสะใภ้สกุลโจวบิดผ้าเช็ดหน้าแก้เก้อ นางมีความประทับใจที่ดีต่อกู้หว่านเยว่ พูดถึงนางในทางที่ดี“แม้ว่าแม่นางกู้จะเพิ่งถูกเนรเทศออกมา แต่ตัวนางก็เป็นคนดีทำไมท่านพ่อไม่ไปพบหน่อยล่ะ ไม่แน่อาจจะมีเรื่องเร่งด่วนก็ได้?”นายท่านโจวถอนหายใจ “ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไปพบ”“เมื่อครู่ว่าพวกเขา ไม่ได้ว่าเจ้า เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”“ใช่แล้ว อวิ๋นเหนียง พวกข้าแค่อยากได้หลาน แต่ก็ไม่เคยตำหนิเจ้าเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวเอ่ยขึ้นเช่นกันอวิ๋นเหนียงพยักหน้า “ข้ารู้”พ่อแม่สามีดีกับนางเสมอมา เพียงแต่อยากอุ้มหลานมากเหลือเกินตอนแรกที่บอกว่าต้องการหาอนุให้สามี ก็ยังถามความเห็นของนางก่อน ยังสัญญากับนางอีกว่า เด็กที่เกิดกับอนุในอนาคต จะเลี้ยงดูให้อยู่ใต้อาณัติของนางถ้าไม่ใช่เพราะหมอที่อยู่เบื้องหลังบอกว่าปัญหาอยู
เรื่องส่งเด็กให้ ทำไมนางถึงคิดไม่ออกนะ?“ช้าก่อน ช้าก่อน! พวกท่านอยากอุ้มหลานไม่ใช่หรือ ข้าจะให้ครอบครัวของพวกท่านคนหนึ่ง” กู้หว่านเยว่ผลักเด็กรับใช้ไปอีกด้านหนึ่ง“เจ้าหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวพินิจนางจากหัวจรดเท้า แล้วส่ายหัว “หน้าตาสะสวยใช้ได้ แต่สะโพกเล็กไปหน่อย ไม่เหมาะกับการคลอดลูก”กู้หว่านเยว่: ...ไม่ใช่ให้นางคลอดนะ!“ฮูหยินผู้เฒ่าโจว เมียของข้าเป็นหมอหญิง” ซูจิ่งสิงอธิบายด้วยสีหน้าบึ้งตึง จะให้เมียของเขาคลอดลูกให้สกุลโจว บ้าไปแล้วหรือ?“ถูกต้อง ข้าเป็นหมอหญิง บางทีอาจจะมองออกว่าเหตุใดฮูหยินโจวและคุณชายโจวถึงไม่มีลูกสักที” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างมั่นใจเจดีย์หนิงกู่ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ปัจจัยในการรักษาย่อมเทียบเมืองหลวงไม่ติดอยู่แล้วในสถานที่แร้นแค้นนี้ หมอหญิงคือบุคคลเนื้อหอมเด็กรับใช้ปล่อยมือทันทีอวิ๋นเหนียงลูบท้องน้อย แน่นอนว่านางก็อยากมีลูกเป็นของตัวเองด้วย“แม่นางกู้ เจ้ามีความรู้ด้านการแพทย์จริงหรือ?”“ไม่ใช่พวกต้มตุ๋นใช่ไหม อยากให้สกุลโจวของข้าทำงานให้เจ้า ก็เลยจงใจหลอกลวงใช่ไหม?” นายท่านโจวระแวงไปเรื่อย“ไม่เช่นนั้นจะลองดูไหม?” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวอยากอุ้ม