“ขัดจังหวะคนแก่ที่กำลังสวดมนต์ขอลูก หลานวิ่งหนีไปแล้ว ใครจะรับผิดชอบ?”“ก็ใช่น่ะสิ น่ารำคาญจริง ๆ แม้แต่เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรก็ถูกรบกวนไปหมด”หลายปีที่ผ่านมาเพื่อการขอลูก สองผัวเมียผู้เฒ่าสกุลโจวผ่านเทพหรือพระองค์ไหนก็บูชาจนทั่ว วัดขอลูกในหมู่บ้านใกล้เคียง 7-8 แห่ง ทั้งสองเหยียบจนแทบพรุนมาหมดแล้วสะใภ้สกุลโจวบิดผ้าเช็ดหน้าแก้เก้อ นางมีความประทับใจที่ดีต่อกู้หว่านเยว่ พูดถึงนางในทางที่ดี“แม้ว่าแม่นางกู้จะเพิ่งถูกเนรเทศออกมา แต่ตัวนางก็เป็นคนดีทำไมท่านพ่อไม่ไปพบหน่อยล่ะ ไม่แน่อาจจะมีเรื่องเร่งด่วนก็ได้?”นายท่านโจวถอนหายใจ “ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไปพบ”“เมื่อครู่ว่าพวกเขา ไม่ได้ว่าเจ้า เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”“ใช่แล้ว อวิ๋นเหนียง พวกข้าแค่อยากได้หลาน แต่ก็ไม่เคยตำหนิเจ้าเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวเอ่ยขึ้นเช่นกันอวิ๋นเหนียงพยักหน้า “ข้ารู้”พ่อแม่สามีดีกับนางเสมอมา เพียงแต่อยากอุ้มหลานมากเหลือเกินตอนแรกที่บอกว่าต้องการหาอนุให้สามี ก็ยังถามความเห็นของนางก่อน ยังสัญญากับนางอีกว่า เด็กที่เกิดกับอนุในอนาคต จะเลี้ยงดูให้อยู่ใต้อาณัติของนางถ้าไม่ใช่เพราะหมอที่อยู่เบื้องหลังบอกว่าปัญหาอยู
เรื่องส่งเด็กให้ ทำไมนางถึงคิดไม่ออกนะ?“ช้าก่อน ช้าก่อน! พวกท่านอยากอุ้มหลานไม่ใช่หรือ ข้าจะให้ครอบครัวของพวกท่านคนหนึ่ง” กู้หว่านเยว่ผลักเด็กรับใช้ไปอีกด้านหนึ่ง“เจ้าหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวพินิจนางจากหัวจรดเท้า แล้วส่ายหัว “หน้าตาสะสวยใช้ได้ แต่สะโพกเล็กไปหน่อย ไม่เหมาะกับการคลอดลูก”กู้หว่านเยว่: ...ไม่ใช่ให้นางคลอดนะ!“ฮูหยินผู้เฒ่าโจว เมียของข้าเป็นหมอหญิง” ซูจิ่งสิงอธิบายด้วยสีหน้าบึ้งตึง จะให้เมียของเขาคลอดลูกให้สกุลโจว บ้าไปแล้วหรือ?“ถูกต้อง ข้าเป็นหมอหญิง บางทีอาจจะมองออกว่าเหตุใดฮูหยินโจวและคุณชายโจวถึงไม่มีลูกสักที” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างมั่นใจเจดีย์หนิงกู่ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ปัจจัยในการรักษาย่อมเทียบเมืองหลวงไม่ติดอยู่แล้วในสถานที่แร้นแค้นนี้ หมอหญิงคือบุคคลเนื้อหอมเด็กรับใช้ปล่อยมือทันทีอวิ๋นเหนียงลูบท้องน้อย แน่นอนว่านางก็อยากมีลูกเป็นของตัวเองด้วย“แม่นางกู้ เจ้ามีความรู้ด้านการแพทย์จริงหรือ?”“ไม่ใช่พวกต้มตุ๋นใช่ไหม อยากให้สกุลโจวของข้าทำงานให้เจ้า ก็เลยจงใจหลอกลวงใช่ไหม?” นายท่านโจวระแวงไปเรื่อย“ไม่เช่นนั้นจะลองดูไหม?” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวอยากอุ้ม
ซูจิ่งสิงยืนขวางอยู่หน้ากู้หว่านเยว่อย่างเย็นชา “เมียข้าเป็นหมอหญิง ไม่ใช่คนที่พูดจาเหลวไหลไร้สาระ คุณชายโจวช่วยพูดจาให้สุภาพด้วย”โจวลิ่วหลางถูกเขามองจนได้สติกลับมาบ้าง“ข้าน้อยพูดจาโฉ่งฉ่างไป แค่เป็นห่วงว่าอวิ๋นเหนียงจะได้รับบาดเจ็บ”เขาและอวิ๋นเหนียงเป็นคู่รักกันตั้งแต่ยังเด็ก ตอนเด็ก ๆ เป็นคู่ที่ตัวติดกันเป็นเงาตามตัว โตขึ้นมาไม่ว่าจะเจอผู้หญิงมากี่คน ในสายตาก็มีเพียงอวิ๋นเหนียงเสมอทั้งสองเหมือนสวรรค์สรรค์สร้าง หลังปักปิ่นก็แต่งงานกันเลยว่ากันตามเหตุผลแล้ว ควรจะกลายเป็นคู่รักกิ่งทองใบหยกที่ทุกคนอิจฉาน่าเสียดายหลังจากแต่งงานกันมาสิบปี ก็ไม่มีทายาทออกมาสักคน“ประเดี๋ยวถ้าอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของข้าและอวิ๋นเหนียง เจ้าก็แค่บอกว่าข้าป่วย”“ห้ามพูดถึงอวิ๋นเหนียงเด็ดขาด ถือว่าข้าขอร้องเจ้า”เมื่อครู่โจวลิ่วหลางยังเย่อหยิ่งมาก ตอนนี้ช่างอ่อนน้อมถ่อมตนจริง ๆ“แล้วทางฝั่งภรรยาของท่านล่ะ...”“ก็ไม่ต้องบอกอวิ๋นเหนียงด้วย อย่าให้นางรู้ความจริง”โจวลิ่วหลางไม่ลังเลเลยสักนิด ด้วยนิสัยอ่อนแอของอวิ๋นเหนียง ถ้ารู้ว่านางป่วยจะต้องใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้แน่ๆกู้หว่านเยว่กุมหน้าผาก “ข้าบอกไปว่า
ยิ่งไปกว่านั้นสกุลเฉินยังมีสายสัมพันธ์ทางญาติพี่น้องกับใต้เท้าสวีแห่งเมืองตู้เปียนอีกด้วย ช่วยใต้เท้าสวีขจัดหนามยอกอกโดยเฉพาะหากช่วยพวกเจ้า ก็เหมือนกับต่อต้านสกุลสวีอย่างเปิดเผย”สกุลโจวของเขาสามารถรักษารากฐานเป็นร้อยปีในหมู่บ้านสือหานได้ ก็เพราะไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงใด ๆนายท่านโจวแสดงความรู้สึกเป็นนัย เช่นเดียวกับหวังต้าโก่ว ให้กู้หว่านเยว่ไปเจรจาสงบศึกกับหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน“นายท่านโจว พูดตามตรง ข้าได้ล่วงเกินใต้เท้าสวีที่เมืองตู้เปียนไปแล้ว”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ“ต่อให้พวกข้าจะไปขอเจรจาสงบศึกกับหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน หัวหน้าหมู่บ้านเฉินก็จะไม่ยอมปล่อยพวกข้าไปหรอก”ที่จริงแล้ว กู้หว่านเยว่ไม่ต้องการเจรจาสงบศึกกับสกุลเฉินเลย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็สู้กับสกุลเฉินไปจนสุดทางดีกว่า”“พวกเจ้าล่วงเกินใต้เท้าสวีหรือ?!” นายท่านโจวและฮูหยินผู้เฒ่าโจวสบตากันแวบหนึ่ง กู้หว่านเยว่ผู้นี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่“นายท่านโจว สกุลเฉินใจโหดมือเหี้ยม พวกท่านไม่เคยคิดต่อต้านเลยหรือไง?” กู้หว่านเยว่แอบยุยงส่งเสริม “บางที พวกท่านนั้นเหมาะที่จะรับหน้าที่ดูแลจัดการหมู่บ้านสือหานมากกว่าสกุลเฉินเสียอีก”นายท่านโ
ทางด้านนี้ เมื่อโจวลิ่วหลางมาส่งกู้หว่านเยว่กลับไปแล้ว ก็ถูกนายท่านโจวดึงไปที่ห้องบัญชี“ลูกเอ๋ย การเคลื่อนไหวครั้งนี้คงไม่ทำให้สกุลเฉินโกรธใช่ไหม?”นายท่านโจวกระทำการอย่างระวังรอบคอบมาหลายปี ความกังวลฉายอยู่ในแววตาแต่โจวลิ่วหลางกลับไม่คิดเห็นเช่นนั้น“โกรธขึ้นมาแล้วจะเป็นไรไป? ท่านพ่อ สกุลโจวของเรากับสกุลเฉินและสกุลเฉียน ก็เป็นสามสกุลใหญ่ชนชาติถู่แห่งหมู่บ้านสือหานเหมือนกัน พวกเราไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้กับสกุลเฉิน”เมื่อนึกถึงที่กู้หว่านเยว่บอกว่าหมู่บ้านสือหานควรเปลี่ยนคนดูแลจัดการ สีหน้าของเขาก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้น“บางที แม่นางกู้อาจจะเป็นผู้ค้ำจุนของเราก็ได้”ถ้าอวิ๋นเหนียงตั้งครรภ์ เช่นนั้นกู้หว่านเยว่ก็จะเป็นผู้มีพระคุณของเขานั่นหมายความว่าโอกาสของสกุลโจวของพวกเขามาถึงแล้ว“อ้อท่านพ่อ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกท่าน คนรับใช้ของเราอาจจะไม่น่าไว้วางใจ...”โจวลิ่วหลางถ่ายทอดสิ่งที่กู้หว่านเยว่บอกเขาในวันนี้อย่างรื่นหู แค่เปลี่ยนผู้เสียหายเป็นตัวเองลู่ทางที่ชั่วร้ายเป็นภัยของครอบครัวมั่งคั่งในเรือนใหญ่นี้ ได้แพร่ไปถึงในหมู่บ้านแล้ว!นายท่านโจวตัวสั่นเทิ้มในทันที ต้องการให
หลังพระอาทิตย์ตกดิน เนื่องจากเวลากลางคืนในหมู่บ้านสือหานอากาศหนาวเย็นเกินไป กู้หว่านเยว่จึงให้พวกเขาแยกย้ายกลับเรือน ซูจิ่นเอ๋อร์ เสี่ยวอัน และเสี่ยวหรงได้ตระเตรียมข้าวปลาอาหารไว้พร้อมแล้ว กำลังรอให้ทั้งครอบครัวมากินเมื่อมองไปที่ตะเกียงน้ำมันที่มีแสงสลัว กู้หว่านเยว่คิดว่าหากสามารถนำเครื่องปั่นไฟและหลอดไฟในยุคปัจจุบันมาได้ก็คงจะดีแต่นี่ก็เป็นเพียงความคิด ต้องรอให้ค่อย ๆ เป็นจริงในอนาคตเท่านั้นถัดจากหมู่บ้านสือหานก็เป็นเรือนชั่วคราวของนาง เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย กู้หว่านเยว่จะทำให้เรือนหลังนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆหลังรับประทานอาหารเสร็จ ซูจิ่นเอ๋อร์และนางหยางก็ขดตัวเย็บรองเท้าผ้าใบอยู่บนเตียงซูจื่อชิงนั่งอยู่ใต้ตะเกียงน้ำมันสอนหลี่เฉินอันและเสี่ยวหรงอ่านหนังสือ ขณะที่เมี่ยชิงหว่านคอยฟังอยู่ข้าง ๆหลี่อวิ๋นอวิ๋นซุ่มอยู่ข้างเตียง โก่งสะโพกใหญ่ย่างมันเทศอยู่หลายคนค่อย ๆ คุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ฉู่เฟิงเข้ามาในห้องของทั้งสองอย่างเงียบ ๆ “นายท่าน ฮูหยิน หมาป่าเมื่อคืนนี้มีคนสกุลเฉินใช้เลือดไก่ล่อมาจริง ๆ”เขาแอบฟังคนสกุลเฉินพูดคุยกัน “หัวหน้าหมู่บ้านเฉินวางแผนที่จะเข้าเมืองพรุ
ใต้เท้าสวีกลัวซูจิ่งสิงลงมือต่อ ไม่กล้าเสแสร้งแกล้งทำอีก ลากกล่องออกมาอย่างว่าง่ายกู้หว่านเยว่รีบเปิดกล่องออก ตกตะลึงเหม่อลอยในทันใดมองเห็นภายในใส่เครื่องทองและตั๋วเงินเต็มๆ หนึ่งกล่องใหญ่ประเมินภาพรวมดูแล้ว ตั๋วเงินเหล่านี้มีนับหนึ่งแสนตำลึงเลยทีเดียวกู้หว่านเยว่กวาดเงินทั้งหมดจนเกลี้ยงอย่างไม่เกรงใจ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ สายตาตกลงบนตัวขุนนางชั่วสวีนางไม่คิดปล่อยอีกฝ่ายไปเช่นนี้“ท่านพี่ ท่านอุดปากเขาไว้ ใช้เชือกมัดให้ดี พวกเราไปตลาดสดกัน”“อือ อืออืออือ!” ใต้เท้าสวีอุทานออกมาอย่างตกตะลึงสองคนนี้ไร้คุณธรรม!ได้เงินแล้วถึงขั้นไม่ปล่อยเขาไป!“จะทำเช่นไรกับนาง?” ซูจิ่งสิงชี้ไปทางนางหลิวที่กำลังนอนหมดสติบนตียง ขมวดคิ้วแน่น“ไม่ต้องสนใจนาง” นางหลิวทำผิดพลาดชวนให้คนดูแคลน กระนั้นก็เป็นหญิงต้องเลี้ยงดูลูกคนหนึ่ง กู้หว่านเยว่ไม่อยากสร้างความลำบากให้นางทั้งสองคนอุดปากใต้เท้าสวีเอาไว้ มัดตัวแน่นหนา ขนไปที่ตลาดสดหาเสาไม้ที่ใจกลางตลาดสด กู้หว่านเยว่หยิบเชือกแข็งแรงออกมาหนึ่งเส้น มัดใต้เท้าสวีกับเสาไม้“ท่านยังมีคำใดต้องการพูดอีกหรือไม่” กู้หว่านเยว่
“คืนนี้ข้าไม่นอนแล้ว จะอยู่เฝ้าเจ้าที่ข้างเตียงนี่ล่ะ”“ทำเช่นนั้นไม่ได้ หากไม่นอนจะเหนื่อยมากเพียงใด ท่านมานอนพร้อมข้าเถอะ” กู้หว่านเยว่เปลื้องเสื้อคลุมตัวนอกออก มักคิดว่าเอวนางหนาขึ้นกว่าก่อนไม่น้อยนางคงมิได้ตั้งครรภ์จริงหรอกกระมัง?เพียงความคิดนี้โผล่ขึ้นมา กู้หว่านเยว่ก็ส่ายหน้าแล้วครั้งเดียวเท่านั้น ไฉนเลยจะยิงร้อยครั้งถูกร้อยครั้งได้ จะต้องเป็นเพราะระยะนี้เจริญอาหารเกินไปแน่นอน“ข้าพิงขอบเตียงนอนก็แล้วกัน” ซูจิ่งสิงไม่กล้าพูดว่าเขาขึ้นเตียงนอนแล้วกลับเหนื่อยยิ่งกว่า ต้องเกร็งเครียดร่างกายตลอดทั้งคืน“ก็ได้” กู้หว่านเยว่จู๋ปาก มิได้ลูบกล้ามท้อง เสียใจจริงเชียวเช้าวันต่อมา เพียงทั้งสองออกจากห้องก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างอารมณ์ดีของคนทางด้านล่างแล้ว“ได้ยินแล้วหรือไม่ ใต้เท้าสวีสวีเสี้ยนเฉิงแห่งจวนผู้ว่าการอำเภอถึงขั้นถูกคนแก้ผ้าล่อนจ้อน โยนทิ้งไว้ที่ตลาดสด!”“น่าตื่นเต้นเพียงนี้เชียวรึ? รีบไปดูเร็วเข้า”คนในโรงเตี๊ยมวิ่งไปที่ตลาดสดบรรยากาศยามค่ำคืนของเจดีย์หนิงกู่หนาวเหน็บ อุณหภูมิติดลบนับสิบกว่าองศาขุนนางชั่วสวีนอนหมดสติอยู่บนพื้น กลายเป็นน้ำแข็งย้อย หูสองข้างเองก็ถู
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ
“คุณหนู ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”เสี่ยวเหมยโค้งคำนับต่อเซี่ยเหอ แล้วสารภาพความจริงออกมา“คุณหนูของเราไม่เคยมีอะไรกับคุณชายเฉิงเจ้าค่ะ วันนั้น ข้ากับคุณหนูช่วยกันถอดเสื้อผ้าของคุณชายเฉิง แกล้งทำเป็นว่าคุณหนูถูกเขารังแกเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอหน้าซีดเผือด “เหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล!”เฉิงเซวียนแทบไม่อยากจะเชื่อ “ดังนั้น ทั้งหมดเป็นแผนที่พวกเจ้าวางไว้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย?”เสี่ยวเหมยพยักหน้าเฉิงเซวียนทั้งตกใจทั้งดีใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความโกรธ“เซี่ยเหอ ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย”ตลอดทางที่ไปเขาอินซาน ทุกคนต่างกีดกันเซี่ยเหอ มีเพียงเขาที่ไม่เคยรังเกียจนางเลย“เหตุใดเจ้าจึงวางแผนหลอกลวงข้าเช่นนี้?” นี่มันทำคุณบูชาโทษมิใช่หรือ?“พี่ใหญ่เฉิง ข้าแค่ชอบท่านมากเกินไป”เซี่ยเหอจับชายเสื้อของเขาไว้ สายตาที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยความเสน่หาคู่นั้นทำให้เฉิงเซวียนรู้สึกคลื่นไส้เขาสะบัดมือเซี่ยเหอออก “อย่าแตะต้องข้า ข้ารู้สึกขยะแขยง”ผู้หญิงคนนี้ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่มีคำพูดไหนจริงใจเลยสักคำ หลอกเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่งม“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน”เฉิงเซวียนเอ่ยข
“พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย ท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า”“เซี่ยเหอ เจ้าหลอกข้าจริง ๆ หรือ?”จู่ ๆ เฉิงเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ข้าตั้งครรภ์จริง ๆ หากข้าไม่ได้ตั้งครรภ์ เมื่อครู่ตอนที่ข้าแท้งลูก เหตุใดถึงได้เสียเลือดมากมายเช่นนั้น? เลือดที่ถูกยกออกไป ท่านก็เห็นเช่นกัน” นางพยายามอธิบายอย่างเต็มที่เมื่อนางพูดเช่นนี้ เฉิงเซวียนก็เกิดลังเลขึ้นมาจริง ๆ ถูกต้อง หากมิใช่ตั้งครรภ์แล้วแท้ง เลือดเหล่านั้นจะมาจากที่ใดเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่หมอเองก็บอกว่านางแท้งลูกแล้วกู้หว่านเยว่เห็นเฉิงเซวียนเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเขาจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้ชักจูง จึงเอ่ยเตือนด้วยความเอือมระอา“แก้ตัวที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หมอที่จับชีพจรให้เจ้าเมื่อครู่ อยู่ข้างนอกมิใช่หรือ ลากเขาเข้ามาสอบสวนให้ดี ๆ ก็จะรู้ความจริงเอง”ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ สีหน้าของเซี่ยเหอก็เปลี่ยนไปในทันทีเฉิงเซวียนราวกับตื่นจากความฝัน รีบออกจากห้องไปคว้าตัวหมอคนเมื่อครู่เข้ามาสิ่งที่บังเอิญก็คือ เมื่อครู่หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะแอบหนีไปเฉิ
เนี่ยชิงหลานโมโหแทบแย่ นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงกลายเป็นว่าเซี่ยเหอใจกว้าง ยกโทษให้นางแล้วเล่า?“ไปก็ไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว!”นางหันหลังกลับด้วยความโมโห ทว่ากู้หว่านเยว่เรียกนางไว้“เดี๋ยวก่อน ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองตรวจดูอาการของเซี่ยเหอ บางทีอาจจะช่วยบำรุงร่างกายให้เจ้าได้”สายตาของนางจับจ้องไปที่เซี่ยเหอ ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาตื่นตระหนกจากในดวงตาของเซี่ยเหอ“ไม่ต้องหรอก พระชายาเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ จะมาตรวจดูอาการให้คนอย่างข้าได้อย่างไร”เซี่ยเหอปากก็ปฏิเสธ แล้วส่งสายตาให้หมอตำแยหมอตำแยรีบเดินเข้ามาทันที “พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยตรวจดูอาการให้นางแล้ว และจ่ายยาให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะถึงอย่างไร คุณหนูก็อายุน้อย แค่พักฟื้นสักระยะก็จะหายดี”“ต่างเป็นหมอด้วยกัน ข้าดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นการส่งสายตาของทั้งสองคน ยิ่งมั่นใจว่า เซี่ยเหอต้องปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่ ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์โดยไร้สาเหตุตอนนี้ก็แท้งลูกอีก หึ ๆ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?“หรือว่า เ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงมือเนี่ยชิงหลานเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คนข้างหลังกัดริมฝีปาก“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากเข้าไปดูนาง” แท้จริงแล้วไม่อยากเห็นทั้งสองคนรักกันหวานชื่นต่างหาก“ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง” กู้หว่านเยว่เตือนขึ้นมาประโยคหนึ่งนางเชื่อว่าเนี่ยชิงหลานไม่ได้ผลักเซี่ยเหอ แต่ถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อไปถ้าเซี่ยเหอพูดถึงเรื่องลูกอีก ก็จะต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเนี่ยชิงหลานที่ทำให้นางแท้งลูก นานวันเข้าหลักฐานก็จะหายไป“พระชายาพูดถูก”เนี่ยเติ้งพยักหน้าเห็นด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งคนไปตามกู้หว่านเยว่ที่จวนกู้ เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความรู้ทางการแพทย์“ก็ได้”เนี่ยชิงหลานเดินตามทุกคนเข้าไป แต่พอเข้าไปก็เห็นเซี่ยเหอกำลังซบลงบนไหล่ของเฉิงเซวียนร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด“คุณหนูเนี่ย ข้าคิดว่าข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้?” เซี่ยเหอพอเห็นเนี่ยชิงหลานก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที“ข้าแท้งลูกไปแล้ว คุณหนูเนี่ย ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่ เจ้าแท้งลูกแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เนี่ยชิงหลานก็เป