มู่หรงอวี้ก็อยู่ในห้อง แสร้งทำเป็นห่วงใยหนานหยางอ๋อง เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็เย็นชาทันที“กู้หว่านเยว่ เจ้าช่างกล้านัก ในฐานะนักโทษ กลับกล้าวางยาหนานหยางอ๋อง”กู้หว่านเยว่ที่สวมหมวกใบใหญ่มองมู่หรงอวี้ด้วยแววตาขบขัน นางไร้ท่าทางอับอาย แต่หันไปพูดกับแม่ทัพหลี่ว่า“ข้าจะไปดูท่านอ๋องผู้เฒ่า”“อืม” แม่ทัพหลี่พยักหน้า เขายังคงเต็มใจที่จะเชื่อกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เวลานี้ หนานหยางอ๋องกำลังนอนอยู่บนเตียง สองตาปิดสนิท ใบหน้าซีดเซียวดูคล้ายถูกพิษจริงๆแต่กู้หว่านเยว่รู้ดีว่าหนานหยางอ๋องหมดสติไปชั่วคราวเท่านั้นสารหนูถูกสับเปลี่ยนแล้ว ฉีดยาสักเข็ม ประเดี๋ยวหนานหยางอ๋องก็ตื่นขึ้นมาได้แล้วมู่หรงอวี้ปรี่เข้ามาขวางหน้านาง“แม่ทัพหลี่ กู้หว่านเยว่คนนี้เป็นคนวางยาพิษ ไม่อาจให้จับชีพจรของท่านอ๋องผู้เฒ่าได้แล้วขอรับ”“ใช่แล้ว” ฟู่เยียนหรานรีบมายืนข้างมู่หรงอวี้ รับคำมู่หรงอวี้มา “ท่านอ๋องพูดถูก ท่านพ่อถูกกู้หว่านเยว่ทำร้ายถึงขั้นนี้ ข้าจะไม่ยอมให้กู้หว่านเยว่ลงมือกับท่านพ่อได้อีกแล้ว”มู่หรงอวี้ยิ้มและพูดว่า “ข้ารู้จักกับปรมาจารย์แพทย์ ไม่สู้ให้
ทันทีที่เสี่ยวเหอเข้ามา เขาก็มองไปที่ฟู่เยียนหรานด้วยความกลัว ปรี่ไปกอดต้นขาของแม่ทัพหลี่ทันที“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพช่วยข้าด้วยขอรับ มีคนจะฆ่าข้า!”“ตอนที่ข้าไปถึง ก็มีคนรัดคอเสี่ยวเหอเอาไว้บนขื่อ โชคดีที่เขามีบุญมาก เชือกเลยขาดเสียก่อน ไม่ถูกรัดคอตาย” หวังปี้พูดพร้อมกับขมวดคิ้วเรื่องนี้ชักจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆถ้าจะบอกว่าไม่มีเงื่อนงำ ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” แม่ทัพหลี่เองก็เป็นคนช่างสังเหต ไม่ถูกต้อง คุณหนูใหญ่จะตื่นตระหนกเช่นนั้นทำไม?“คุณหนูใหญ่นาง นางต้องการจะฆ่าข้าปิดปาก!” เสี่ยวเหอชี้ไปที่ฟู่เยียนหรานอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ที่อยู่ในห้อง เขานับเงินที่ฟู่เยียนหรานให้มาอย่างมีความสุขหนานหยางอ๋องดีต่อเขาไม่น้อย เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรตอนที่เขากำลังจะหนี ด้านนอกก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วรัดคอของเขาเอาไว้แน่นถ้าไม่ใช่เพราะเชือกขาด หัวกับร่างเขาคงแยกออกจากกันแล้ว“เจ้ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่? หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย ห้ามพูดแล้ว!” ฟู่เยียนหรานคิดจะเดินไปปิดปากเขา“คุณหนูใหญ่ฟู่ ท่านตื่นตระหนกขนาดนั้นทำไมกัน? หรือว่าท่านคิดจะฆ่าคนป
“เจ้าทำให้พ่อผิดหวังมาก” หนานหยางอ๋องขมวดคิ้วแล้วมองฟู่เยียนหรานครู่หนึ่ง“ท่านพ่อ ไม่ใช่นะเจ้าคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลย...” ฟู่เยียนหรานยังคงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหนานหยางอ๋องหันไปมองมู่หรงอวี้โดยตรง จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หวายหนานอ๋อง ละครฉากนี้ก็แสดงมาพอสมควรแล้ว เรื่องราวในวันนี้ ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทอย่างละเอียด ให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”“ท่านอ๋องอาวุโส...”มู่หรงอวี้ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ถ้าให้เสด็จพี่รู้ว่าเขาก่อความวุ่นวายข้างนอก และยังคิดจะยึดอำนาจทางการทหารอีก จะต้องเริ่มระแวงเขาแน่ ๆเช่นนั้นภาพลักษณ์คุณชายเสเพลที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดหลายปี ก็จะพังทลายลง“ออกไป!”หนานหยางอ๋องขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไปมู่หรงอวี้กัดฟันแน่น ในฐานะท่านอ๋องเหมือนกัน เขาต้องถ่อมตนขนาดนี้ก็เพื่อเอาใจหนานหยางอ๋อง แต่ในเมื่อตอนนี้ได้ฉีกหน้ากันไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งอีก“ขอท่านอ๋องโปรดรักษาสุขภาพด้วย”มู่หรงอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป อย่างมากก็แค่กลับเมืองหลวงไปบอกเสด็จพี่ว่าหนานหยางอ๋องคิดจะก่อกบฏ เขาจึงต้องลงมือสั่งสอนในเมื่อหนานหยา
“ข้าขอถอนคำชมเมื่อครู่นี้”คนผู้นี้ยังไม่ตายเลย ก็นำเสื่อฟางมาห่อแล้วกตัญญู กตัญญูเกินไปแล้ว!“ให้ข้าตรวจดูคุณชายของเจ้าหน่อยเถอะ” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนปัญญา แล้วจึงย่อตัวลงจับชีพจรของเด็กหนุ่ม ครู่หนึ่งก็ชักมือกลับ และเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ“ไม่มีอะไรมาก คุณชายของเจ้าเป็นลมเพราะความหิว”ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกประหลาดใจมาก เด็กหนุ่มและคนรับใช้คนนี้ดูเหมือนจะมีฐานะดี เหตุใดถึงปล่อยให้ตัวเองหิวจนเป็นลมได้?“เจ้าไปหาอะไรให้คุณชายของเจ้ากินหน่อยเถอะ พอกินเสร็จก็จะดีขึ้นเอง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วกล่าวเสี่ยวหรงกล่าวอย่างกระวนกระวาย “ข้าน้อยไม่มีอะไรกิน เงินก็ไม่มีติดตัวแล้ว ที่ต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากขายตัวเอง เพื่อจะได้ซื้อโลงศพดี ๆ ฝังศพคุณชาย”กู้หว่านเยว่ ...“คุณชายของเจ้าแอบหนีออกจากบ้านมาหรือ?”เสี่ยวหรงอ้ำอึ้ง จากนั้นก้มหน้าลงกู้หว่านเยว่คิดในใจว่าแต่ละคนล้วนมีความลับของตัวเอง จึงไม่ได้ถามต่อ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า“เจ้าแบกคุณชายของเจ้ามาที่ห้องครัวเถอะ ข้าจะทำอะไรให้เขากินสักหน่อย”ห้องครัวของโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้ใช้ได้ฟรี ๆ ทุกครั้งที่ใช้ต้องจ่
ขณะที่นายบ่าวทั้งสองกำลังกินอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เสียงฝีเท้าดังวุ่นวายมาจากข้างนอกสีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป จากนั้นรีบไปส่องดูที่ช่องประตูเห็นกลุ่มคนชุดดำถือดาบเข้ามาและกำลังค้นหาภายในเรือน“เป็นคนของสวีหลาน พวกเขาตามมาแล้ว เสี่ยวหรงเรารีบหนีเร็ว!”“คนชุดดำพวกนั้นตามพวกเจ้ามา หรือว่าเป็นพวกที่ทำร้ายเจ้าตอนที่อยู่เมืองชิงหนิวเมื่อคราวก่อน?”“อืม”เด็กหนุ่มรีบพยักหน้า จับมือเสี่ยวหรงเตรียมที่จะวิ่ง“เดี๋ยวก่อน” กู้หว่านเยว่รีบขวางพวกเขาไว้ ดวงตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ท่านจะหักหลังพวกเราหรือ?”กู้หว่านเยว่กลอกตา “เจ้าเป็นโรคหวาดระแวงหรือไร? หากพวกเจ้าวิ่งออกไปแบบนี้ ไม่นานก็จะถูกพวกเขาตามทัน”“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”เห็นคนชุดดำพวกนั้นกำลังจะค้นมาถึงห้องครัวแล้วสายตาของกู้หว่านเยว่มองไปที่ทั้งสองคน จากนั้นจึงพูดว่า “พวกเจ้าสองคนถอดเสื้อผ้าออก ข้าจะเปลี่ยนชุดให้พวกเจ้า”“หา?” เด็กหนุ่มงุนงงกู้หว่านเยว่ยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยครู่ต่อมา คนชุดดำข้างนอกก็บุกเข้ามาภายในห้องครัว กู้หว่านเยว่กำลังทำอาหารส่วนซูจิ่งสิงกำลังก่อไฟอยู่หลังเตานอกจากพวกเข
ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สนใจใคร คงเป็นเพราะเขามีทั้งความเกลียดและความเจ็บปวดต่อหลี่ฮูหยิน“ในเมื่อแม่เลี้ยงของเจ้าส่งนักฆ่ามาตามฆ่าเจ้าตลอด แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เฉินอันครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ ติดต่อกับท่านลุงก่อน แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ”เพียงแต่ว่าหลี่ฮูหยินจิตใจโหดเหี้ยม ส่งนักฆ่ามาดักรอตลอดทางเขากลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไม่ถึงเจดีย์หนิงกู่ ก็จะกลายเป็นศพข้างทางถึงจะสุขุมมากเพียงใด ก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หลี่เฉินอันยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนกู้หว่านเยว่รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย จึงดึงซูจิ่งสิงไปคุยกันข้าง ๆ“เจ้าอยากพาหลี่เฉินอันไปด้วยหรือ?”ไม่ต้องให้นางพูด ซูจิ่งสิงก็เดาความคิดของนางได้“ใช่” กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นเอ่ยกับซูจิ่งสิง “หลี่เฉินอันเป็นลูกชายของหลี่โหวแห่งเจดีย์หนิงกู่”ซูจิ่งสิงเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่ทันทีพวกเขากลุ่มนี้ถูกเนรเทศไปยังเจดีย์หนิงกู่ ไม่มีฐานอำนาจหรือเส้นสายอะไรเลยในเจดีย์หนิงกู่วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในที่แห่งนั้นคือ การสนับสนุนคนของเราเองสิ่งที
ซุนอู่เหลือบมองทั้งสองคนอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเบ้ปากกล่าวขึ้น“ดีจริง ๆ แม่นางน้อยกู้ เจ้าว่านักโทษเนรเทศอย่างเจ้า ซื้อบ่าวมาปรนนิบัติสองคนมันเป็นอย่างไรกัน? ดูเหมือนจะอยู่สุขสบายกว่านักการอย่างพวกเราเสียอีก”ซุนอู่เป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกู้หว่านเยว่ส่ายหัวอย่างจนใจ แอบยัดของบางอย่างใส่ในอกเขา“พี่ใหญ่ซุน นี่กับแกล้มให้ท่าน”“อะไรน่ะ?”ซุนอู่เปิดถุงกระดาษดู เห็นเนื้อกวางตุ๋นที่หอมกรุ่นจนเขาน้ำลายไหล จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที“เจ้าก็นะ เกรงใจพี่ใหญ่ทำไมกัน เห็นพวกเจ้าใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็รู้สึกดีใจไปด้วย”หลี่เฉินอันและเสี่ยวหรงก็ได้อยู่ในขบวนนักโทษเนรเทศอย่างราบรื่น“ต่อจากนี้ไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเจ้าชื่อเสี่ยวอัน เจ้าชื่อเสี่ยวหรง จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเจ้าเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนทั้งสองคนหลี่เฉินอันรีบพยักหน้า เขาห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่ากู้หว่านเยว่เสียอีก“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคงตกใจมาก ไปหาที่นอนพักผ่อนก่อนเถอะ”การเป็นสาวใช้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ กู้หว่านเยว่ยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก“ขอบคุณ
กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่นจากคำอธิบายของซูหรานหร่าน อีกฝ่ายน่าจะเป็นแม่เล้า มีแต่แม่เล้าเท่านั้นที่จะติดดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนศีรษะ และใช้วิธีสกปรกอย่างการใช้ยาสลบแบบนี้แต่เหตุใดแม่เล้าถึงเล็งพวกนางทั้งสองคนล่ะ?“ท่านพี่ เรารีบตามไปเถอะ!”ไม่ว่าแม่เล้าจะเล็งทั้งสองคนได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหาพวกนางกลับมาทั้งสองคนยังเป็นหญิงบริสุทธิ์ อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในสถานที่อย่างหอนางโลมเลยกู้หว่านเยว่กลับไปบอกซุนอู่ พอซุนอู่ได้ยินว่าซูจิ่นเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไป ก็โกรธขึ้นมาทันที“ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่ แม้แต่นักโทษเนรเทศก็ยังกล้าลักพาตัว?!”“พี่ใหญ่ซุน ข้าต้องไปตามพวกนางกลับมา”ซุนอู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นนิ้วออกมา “ให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ภายในหนึ่งวัน เจ้าต้องกลับมาให้ได้”แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับกู้หว่านเยว่ แต่ก็ไม่สามารถใช้เส้นสายได้ตามอำเภอใจหิมะเกือบละลายหมดแล้ว ตามหลักแล้วพวกเขาควรจะรีบเดินทางต่อไม่สามารถหยุดการเดินทางและไม่รีบไปต่อ เพียงเพื่อตามหาน้องสะใภ้ของกู้หว่านเยว่“พี่ใหญ่ซุนวางใจเถอะ ภายในหนึ่งวันไม่ว่าจะหาเจ
ดูท่าทางจะมีนิสัยหยาบช้า เป็นคนต่ำต้อย”กู้หว่านเยว่คิดถูก สวีซวี่รื่อผู้นี้อาฆาตพยาบาทเช่นนี้ หากสำนักเทียนจีตกอยู่ในกำมือของเขาจริง ๆ เกรงว่าต่อไปเขาจะต้องควบคุมสำนักเทียนจีให้มาสู้รบกับพวกเขาเป็นแน่แทนที่จะรอถึงวันนั้น ไม่สู้ชิงลงมือก่อน“ท่านพี่ ท่านรู้หรือไหมว่าสำนักเทียนจีอยู่แห่งหนไหน?”“สำนักเทียนจีห่างจากเราไม่ไกลนัก ออกเดินทางจากที่นี่ ใช้เวลาประมาณสามถึงห้าวันก็ถึงที่หมายแล้ว”เขาเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันที“เจ้าคิดจะแทรกแซงการคัดเลือกเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีด้วยใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ชอบล้างแค้นมาแต่ไหนแต่ไร หากผู้อื่นไม่ยั่วยุนาง นางก็ไม่มีทางยั่วยุผู้อื่นสวีซวี่รื่อผู้นี้กล้าส่งนักฆ่ามาฆ่านาง ก็อย่ามาโทษว่านางตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำลายความปรารถนาของเขาก็แล้วกัน“ก็ดี แต่พวกเราจะบุ่มบ่ามบุกไปเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่สำนักเทียนจีก่อน”“เรื่องนี้จะรีบไม่ได้ รอให้ท่านและไป๋หลี่ชิงซีเจอกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”กู้หว่านเยว่โบกมือ นางไม่ใช่คนใจร้อนอีกอย่าง เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีผู้นั้นก็แค่ล้มป่วย ตอนนี้ยังไม่ตายเสียหน่อยสองสามีภร
“เพราะอาการป่วยประหลาดของเขาสินะ”ซูจิ่งสิงไม่ได้ประหลาดใจนัก เห็นได้ชัดว่าเขาคาดเดาได้“เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีป่วยหนัก บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเลือกเจ้าสำนักคนต่อไป แม้ว่าร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีจะป่วยโรคประหลาด แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกศิษย์คนโตของเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจี ความสามารถด้านวรรณกรรม ยุทธวิธีและสงครามย่อมเหนือกว่าทุกคน จึงย่อมคาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีคนต่อไป ไม่แปลกใจเลยที่บางคนเลือกช่วงเวลานี้เล่นงานเขา”ซูจิ่งสิงคว้ามือของนางไว้ และอธิบายถึงที่มาที่ไปให้นางฟังเบา ๆหลังจากกู้หว่านเยว่ได้ฟังก็เข้าใจทันที ว่าทำไมสวีซวี่รื่อผู้นั้นถึงกัดไป๋หลี่ชิงซีไม่ยอมปล่อย ทั้งยังแอบเข้ามาในโรงหมออีกด้วยคงอยากพิสูจน์ว่าการที่ไป๋หลี่ชิงซีมีก้อนเนื้อประหลาดนั้นทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอยากรู้จริง ๆ ว่าบุรุษที่แบกเจ้าก้อนเนื้อประหลาดคนหนึ่งจะแบกรับตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไปแห่งสำนักเทียนจีได้อย่างไร นี่อาจจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของสำนักเทียนจีไปเลยก็ได้ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังพูดคุยกันนั้น หัวคิ้วของซูจิ่งสิงได้ขมวดเข้าหากัน“มีคนตามอยู่ด้านหลัง”สิ้นสุดเส
กระทั่งได้ยินหลี่เหมียนหยางกล่าวกับหมอหลินว่า “หมอหลิน หมอช่วยตรวจชีพจรให้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าหน่อย ชีพจรความสุขของเขายังมีอยู่อีกหรือไม่?”หมอหลินถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าไม่เชื่อใจแม่นางกู้ของพวกเรา นางตรวจอาการให้ศิษย์พี่ของเจ้าแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน”“เหมียนหยาง!” ไป๋หลี่ชิงซีค่อนข้างอึดอัด “ไม่ต้องตรวจแล้ว ข้าเชื่อใจหมอเทวดากู้”“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือให้หมอคนอื่นมาตรวจจะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น”ก็ได้ หลี่เหมียนหยางไม่รู้ว่าต้องอธิบายอย่างไร นางมักจะรู้สึกว่าอายุของกู้หว่านเยว่ยังน้อย กังวลว่าจะเกิดความผิดพลาด ดังนั้นจึงอยากให้หมอคนอื่นมาตรวจอีกครั้ง“ทักษะการแพทย์ของหมอเทวดากู้โดดเด่นยิ่งกว่าใคร อีกอย่างข้าเชื่อในความสามารถของนาง หากนางรักษาข้าไม่ได้ นางไม่มีทางปิดบังข้า”“อือ” หลี่เหมียนหยางรู้สึกอึดอัดใจ นางเองก็ทำเพื่อร่างกายของศิษย์พี่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกศิษย์พี่ตำหนิเช่นนี้“แล้วเลือดในอ่างนั้นจะทำอย่างไร?”“เททิ้ง” เจ้าสิ่งนี้ทรมานเขามาหลายสิบปีแล้ว ทำให้เขาโดนผู้อื่นหัวเราะเยาะและโดนฉีกหน้ามามากพอแล้ว เขาไม่อยากเห็นมันอีก หลี
หลี่เหมียนหยางกล่าวถามด้วยความร้อนใจ กู้หว่านเยว่พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถูกต้อง”นางเองก็ไม่อยากโกหกถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ออกมาจากในท้องของไป๋หลี่ชิงซี เพียงแต่ถูกยาพิษของปรมาจารย์แพทย์หลอมละลายกลายเป็นเลือด จนดูไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดก็เท่านั้น“เยี่ยมไปเลย”หลี่เหมียนหยางคลี่ยิ้มอย่างตื่นเต้น นางดีใจแทนไป๋หลี่ชิงซีมีของสิ่งนี้อยู่คงจะพิสูจน์ได้แล้วว่าในท้องของไป๋หลี่ชิงซีเดิมทีไม่ใช่ก้อนเนื้อประหลาดระหว่างที่ดีใจนั้น นางได้เบิกตามองสวีซวี่รื่อ“สวีซวี่รื่อ เจ้ามาทำไม” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด“ข้า ข้าเป็นห่วงศิษย์พี่ใหญ่”สวีซวี่รื่อหาข้ออ้างอย่างร้อนตัว แต่กลับถูกหลี่เหมียนหยางตัดบท“อย่ามาแสร้งเห็นอกเห็นใจหน่อยเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าส่งคนมายั่วยุศิษย์พี่ เขาจะกระอักเลือดหรือไม่?”นางกระชากสวีซวี่รื่อมาตรงหน้าอ่างไม้“เจ้าสงสัยว่าในท้องของศิษย์พี่มีก้อนเนื้อประหลาดไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจ้าดูให้ชัด ๆ สิว่ามันคือสิ่งใด?”นางอยากจะกดหัวของสวีซวี่รื่อลงไปในอ่างไม้ด้วยซ้ำ เขาพยายามผลักออกอย่างตื่นตระหนก“ศิษย์น้องหลี่ เรามาเยี่ยมศิษย์พี่ใหญ่จริง ๆ ในเม
“ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไร”นางเอ่ยเสียงเบา ปรมาจารย์แพทย์รีบข่มอารมณ์ลงทันทีกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีคนแอบดูสถานการณ์ด้านในผ่านช่องว่างของหน้าต่าง“คุณชาย ไม่มีใครเลยขอรับ”หนึ่งในบุคคลปริศนากล่าวเสียงต่ำ จากนั้นเงาดำสองร่างก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสวีซวี่รื่อ บุรุษผู้นี้แอบเข้ามาในโรงหมอ ข้างกายของเขาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี“รีบหาของนั้นเร็วเข้า”เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นรออยู่ด้านนอกนานมากแล้ว ทันทีที่เข้ามาก็พุ่งหาเป้าหมายทันใด“ดูเหมือนจะอยู่ในอ่างไม้”ลูกศิษย์คนนั้นเดินมายังอ่างไม้ ใบหน้าของปรมาจารย์แพทย์เริ่มฉายแววลำพองใจ แต่เมื่อได้ยินลูกศิษย์ผู้นั้นก็พลันขมวดคิ้ว“เหม็นยิ่งนัก!”ในอ่างไม้มีเพียงเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่า สวีซวี่รื่อเห็นแล้วแทบจะอาเจียนออกมาในทันที รีบโบกมือไล่กลิ่น“รีบไปหาตรงอื่นเถอะ”สวีซวี่รื่อกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องเร่งมือเป็นสองเท่า“ต้องหาก้อนเนื้อนั้นให้ได้ แล้วนำกลับไปให้คนของสำนักเทียนจีดู”ทั้งสองคนเปิดตู้ค้นหา กู้หว่านเยว่ได้ยินถึงตรงนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าสวีซวี่รื่อคนนี้มาทำไมครั้นเห
“เด็กโง่”ปรมาจารย์แพทย์พุ่งเข้ามา เขารีบห้ามเลือดให้ไป๋หลี่ชิงซีอย่างเร่งด่วนแต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ทั้งหมด“คุณชายไป๋หลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางรุดเข้ามาข้างเตียง จากนั้นก็เปิดเสื้อของเขา และตรวจร่างกายให้เขาหลี่เหมียนหยางอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงรีบปิดปากอีกครั้ง“เลือดออกในช่องท้อง ต้องรีบนำก้อนเนื้อนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด”ปรมาจารย์แพทย์บอกผลตรวจของเขา ซึ่งเหมือนกับผลตรวจของกู้หว่านเยว่นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คงจะรอหลังจากนี้อีกเจ็ดแปดวันไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่าตัดตอนนี้”เดิมทีนางอยากให้ลั่วยางมาเรียนรู้ด้วย เนื่องจากเคยตกปากรับคำกับปรมาจารย์แพทย์ไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่พาใครเข้าไปในห้วงมิติ ต้องทำการผ่าตัดด้านนอกโชคดีที่ในตอนที่ออกมา กู้หว่านเยว่ได้ให้หงเจาเข้าไปหยิบกล่องยาในจวนกู้ออกมาด้วยทันทีที่นางพูดกับปรมาจารย์แพทย์จบ หงเจาก็มาถึงพอดี“ฮูหยิน กล่องยาของท่าน”“วางลงเถอะ”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ภายในกล่องยามีมีดผ่าตัดและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่นางเตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า วันนี้เกรงว่าต้องรบกวนท่านเป็นลู
กู้หว่านเยว่คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่นาน ครั้นเห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว จึงรีบกลับเข้ามาในงานเลี้ยง“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”“สองคำนับพ่อแม่”“สามคำนับกันและกัน”เกาโจวและฮูหยินผู้เฒ่าเกาคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “ดี ๆ โจวเซิง ต่อไปนี้เจ้าต้องดีกับเสวี่ยเอ๋อร์ให้มาก ๆนะ!”ผู้เฒ่าทั้งสองได้รับซ่งเสวี่ยเป็นบุตรสาวบุญธรรมแล้ว บัดนี้ซ่งเสวี่ยก็คือลูกสะใภ้ของพวกเขา และเป็นบุตรสาวของพวกเขา หลังจากนี้ยังต้องอาศัยอยู่กับผู้เฒ่าทั้งสองคน“โปรดวางใจ ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่มีวันทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์!” ใบหน้าของโจวเซิงเปี่ยมไปด้วยความสุขผลการสอบเข้าชิงตำแหน่งขุนนางเขายังไม่ดีใจเท่าตอนนี้“ส่งตัวเข้าหอ” ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเจ้าพิธี บ่าวสาวได้ถูกส่งตัวเข้าหอ ทั้งจวนสกุลโจวพากันครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม“น้องหญิง”จู่ ๆ ซูจิ่งสิงก็กุมมือของกู้หว่านเยว่ อาจจะเป็นเพราะดื่มสุราไปแล้วสองจอก แก้มของเขาถึงได้แดงระเรื่อ“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่ ว่าข้าอยากจัดงานแต่งใหญ่โตให้เจ้า”กู้หว่านเยว่จำได้ในทันที นี่คือตอนที่พวกเขาสองคนกำลังตามหาสมุนไพรอยู่ในจวนหลงชวน ในงานแต่งของเหยาฮุ่ยซิน ซูจิ่งสิงเป็นฝ่ายเอ
หลังจากออกไป กู้หว่านเยว่ก็เกิดความวิตกกังวลซูจิ่งสิงพยักหน้า และถูปลายนิ้วพลางกล่าว “เขาและจิ่นเอ๋อร์ยังไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย”“เพราะเหตุใด?”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รักกันมากแต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ บางทีอาจเป็นเพราะฟู่หลานเหิงรักซูจิ่นเอ๋อร์มาก ทนเห็นนางเดือดร้อนไม่ได้จึงไม่ยอมอยู่กับนาง เพราะกังวลเรื่องลูก“แต่น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลต่อร่างกายของเขา”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่กล้ามั่นใจมากนัก นางจึงหาเวลาเข้าไปดูสัตว์น้ำแข็งภายในห้วงมิติแวบหนึ่งหากน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยอาการป่วยของฟู่หลานเหิงไม่ได้ นางก็ควรต้องพิจารณาเรื่องที่จะพาสัตว์น้ำแข็งไปให้ทูเจวี๋ยเพื่อตามหาดอกไม้น้ำแข็งนิลนางคงจะทนเห็นซูจิ่นเอ๋อร์กลายเป็นแม่หม้ายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกทั้งฟู่หลานเหิงเองก็เป็นสหายที่ดีของพวกเขากู้หว่านเยว่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจก่อน ทั้งสองคนกลับมาถึงจวน เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่วันมงคลสมรสของซ่งเสวี่ยเนื่องจากเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ซ่งเสวี่ยไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกิดเป็นคำครหา ในวันแต่งงาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึงง
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู