ทันทีที่เสี่ยวเหอเข้ามา เขาก็มองไปที่ฟู่เยียนหรานด้วยความกลัว ปรี่ไปกอดต้นขาของแม่ทัพหลี่ทันที“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพช่วยข้าด้วยขอรับ มีคนจะฆ่าข้า!”“ตอนที่ข้าไปถึง ก็มีคนรัดคอเสี่ยวเหอเอาไว้บนขื่อ โชคดีที่เขามีบุญมาก เชือกเลยขาดเสียก่อน ไม่ถูกรัดคอตาย” หวังปี้พูดพร้อมกับขมวดคิ้วเรื่องนี้ชักจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆถ้าจะบอกว่าไม่มีเงื่อนงำ ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” แม่ทัพหลี่เองก็เป็นคนช่างสังเหต ไม่ถูกต้อง คุณหนูใหญ่จะตื่นตระหนกเช่นนั้นทำไม?“คุณหนูใหญ่นาง นางต้องการจะฆ่าข้าปิดปาก!” เสี่ยวเหอชี้ไปที่ฟู่เยียนหรานอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ที่อยู่ในห้อง เขานับเงินที่ฟู่เยียนหรานให้มาอย่างมีความสุขหนานหยางอ๋องดีต่อเขาไม่น้อย เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรตอนที่เขากำลังจะหนี ด้านนอกก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วรัดคอของเขาเอาไว้แน่นถ้าไม่ใช่เพราะเชือกขาด หัวกับร่างเขาคงแยกออกจากกันแล้ว“เจ้ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่? หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย ห้ามพูดแล้ว!” ฟู่เยียนหรานคิดจะเดินไปปิดปากเขา“คุณหนูใหญ่ฟู่ ท่านตื่นตระหนกขนาดนั้นทำไมกัน? หรือว่าท่านคิดจะฆ่าคนป
“เจ้าทำให้พ่อผิดหวังมาก” หนานหยางอ๋องขมวดคิ้วแล้วมองฟู่เยียนหรานครู่หนึ่ง“ท่านพ่อ ไม่ใช่นะเจ้าคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลย...” ฟู่เยียนหรานยังคงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหนานหยางอ๋องหันไปมองมู่หรงอวี้โดยตรง จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หวายหนานอ๋อง ละครฉากนี้ก็แสดงมาพอสมควรแล้ว เรื่องราวในวันนี้ ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทอย่างละเอียด ให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”“ท่านอ๋องอาวุโส...”มู่หรงอวี้ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ถ้าให้เสด็จพี่รู้ว่าเขาก่อความวุ่นวายข้างนอก และยังคิดจะยึดอำนาจทางการทหารอีก จะต้องเริ่มระแวงเขาแน่ ๆเช่นนั้นภาพลักษณ์คุณชายเสเพลที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดหลายปี ก็จะพังทลายลง“ออกไป!”หนานหยางอ๋องขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไปมู่หรงอวี้กัดฟันแน่น ในฐานะท่านอ๋องเหมือนกัน เขาต้องถ่อมตนขนาดนี้ก็เพื่อเอาใจหนานหยางอ๋อง แต่ในเมื่อตอนนี้ได้ฉีกหน้ากันไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งอีก“ขอท่านอ๋องโปรดรักษาสุขภาพด้วย”มู่หรงอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป อย่างมากก็แค่กลับเมืองหลวงไปบอกเสด็จพี่ว่าหนานหยางอ๋องคิดจะก่อกบฏ เขาจึงต้องลงมือสั่งสอนในเมื่อหนานหยา
“ข้าขอถอนคำชมเมื่อครู่นี้”คนผู้นี้ยังไม่ตายเลย ก็นำเสื่อฟางมาห่อแล้วกตัญญู กตัญญูเกินไปแล้ว!“ให้ข้าตรวจดูคุณชายของเจ้าหน่อยเถอะ” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนปัญญา แล้วจึงย่อตัวลงจับชีพจรของเด็กหนุ่ม ครู่หนึ่งก็ชักมือกลับ และเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ“ไม่มีอะไรมาก คุณชายของเจ้าเป็นลมเพราะความหิว”ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกประหลาดใจมาก เด็กหนุ่มและคนรับใช้คนนี้ดูเหมือนจะมีฐานะดี เหตุใดถึงปล่อยให้ตัวเองหิวจนเป็นลมได้?“เจ้าไปหาอะไรให้คุณชายของเจ้ากินหน่อยเถอะ พอกินเสร็จก็จะดีขึ้นเอง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วกล่าวเสี่ยวหรงกล่าวอย่างกระวนกระวาย “ข้าน้อยไม่มีอะไรกิน เงินก็ไม่มีติดตัวแล้ว ที่ต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากขายตัวเอง เพื่อจะได้ซื้อโลงศพดี ๆ ฝังศพคุณชาย”กู้หว่านเยว่ ...“คุณชายของเจ้าแอบหนีออกจากบ้านมาหรือ?”เสี่ยวหรงอ้ำอึ้ง จากนั้นก้มหน้าลงกู้หว่านเยว่คิดในใจว่าแต่ละคนล้วนมีความลับของตัวเอง จึงไม่ได้ถามต่อ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า“เจ้าแบกคุณชายของเจ้ามาที่ห้องครัวเถอะ ข้าจะทำอะไรให้เขากินสักหน่อย”ห้องครัวของโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้ใช้ได้ฟรี ๆ ทุกครั้งที่ใช้ต้องจ่
ขณะที่นายบ่าวทั้งสองกำลังกินอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เสียงฝีเท้าดังวุ่นวายมาจากข้างนอกสีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป จากนั้นรีบไปส่องดูที่ช่องประตูเห็นกลุ่มคนชุดดำถือดาบเข้ามาและกำลังค้นหาภายในเรือน“เป็นคนของสวีหลาน พวกเขาตามมาแล้ว เสี่ยวหรงเรารีบหนีเร็ว!”“คนชุดดำพวกนั้นตามพวกเจ้ามา หรือว่าเป็นพวกที่ทำร้ายเจ้าตอนที่อยู่เมืองชิงหนิวเมื่อคราวก่อน?”“อืม”เด็กหนุ่มรีบพยักหน้า จับมือเสี่ยวหรงเตรียมที่จะวิ่ง“เดี๋ยวก่อน” กู้หว่านเยว่รีบขวางพวกเขาไว้ ดวงตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ท่านจะหักหลังพวกเราหรือ?”กู้หว่านเยว่กลอกตา “เจ้าเป็นโรคหวาดระแวงหรือไร? หากพวกเจ้าวิ่งออกไปแบบนี้ ไม่นานก็จะถูกพวกเขาตามทัน”“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”เห็นคนชุดดำพวกนั้นกำลังจะค้นมาถึงห้องครัวแล้วสายตาของกู้หว่านเยว่มองไปที่ทั้งสองคน จากนั้นจึงพูดว่า “พวกเจ้าสองคนถอดเสื้อผ้าออก ข้าจะเปลี่ยนชุดให้พวกเจ้า”“หา?” เด็กหนุ่มงุนงงกู้หว่านเยว่ยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยครู่ต่อมา คนชุดดำข้างนอกก็บุกเข้ามาภายในห้องครัว กู้หว่านเยว่กำลังทำอาหารส่วนซูจิ่งสิงกำลังก่อไฟอยู่หลังเตานอกจากพวกเข
ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สนใจใคร คงเป็นเพราะเขามีทั้งความเกลียดและความเจ็บปวดต่อหลี่ฮูหยิน“ในเมื่อแม่เลี้ยงของเจ้าส่งนักฆ่ามาตามฆ่าเจ้าตลอด แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เฉินอันครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ ติดต่อกับท่านลุงก่อน แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ”เพียงแต่ว่าหลี่ฮูหยินจิตใจโหดเหี้ยม ส่งนักฆ่ามาดักรอตลอดทางเขากลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไม่ถึงเจดีย์หนิงกู่ ก็จะกลายเป็นศพข้างทางถึงจะสุขุมมากเพียงใด ก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หลี่เฉินอันยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนกู้หว่านเยว่รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย จึงดึงซูจิ่งสิงไปคุยกันข้าง ๆ“เจ้าอยากพาหลี่เฉินอันไปด้วยหรือ?”ไม่ต้องให้นางพูด ซูจิ่งสิงก็เดาความคิดของนางได้“ใช่” กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นเอ่ยกับซูจิ่งสิง “หลี่เฉินอันเป็นลูกชายของหลี่โหวแห่งเจดีย์หนิงกู่”ซูจิ่งสิงเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่ทันทีพวกเขากลุ่มนี้ถูกเนรเทศไปยังเจดีย์หนิงกู่ ไม่มีฐานอำนาจหรือเส้นสายอะไรเลยในเจดีย์หนิงกู่วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในที่แห่งนั้นคือ การสนับสนุนคนของเราเองสิ่งที
ซุนอู่เหลือบมองทั้งสองคนอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเบ้ปากกล่าวขึ้น“ดีจริง ๆ แม่นางน้อยกู้ เจ้าว่านักโทษเนรเทศอย่างเจ้า ซื้อบ่าวมาปรนนิบัติสองคนมันเป็นอย่างไรกัน? ดูเหมือนจะอยู่สุขสบายกว่านักการอย่างพวกเราเสียอีก”ซุนอู่เป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกู้หว่านเยว่ส่ายหัวอย่างจนใจ แอบยัดของบางอย่างใส่ในอกเขา“พี่ใหญ่ซุน นี่กับแกล้มให้ท่าน”“อะไรน่ะ?”ซุนอู่เปิดถุงกระดาษดู เห็นเนื้อกวางตุ๋นที่หอมกรุ่นจนเขาน้ำลายไหล จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที“เจ้าก็นะ เกรงใจพี่ใหญ่ทำไมกัน เห็นพวกเจ้าใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็รู้สึกดีใจไปด้วย”หลี่เฉินอันและเสี่ยวหรงก็ได้อยู่ในขบวนนักโทษเนรเทศอย่างราบรื่น“ต่อจากนี้ไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเจ้าชื่อเสี่ยวอัน เจ้าชื่อเสี่ยวหรง จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเจ้าเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนทั้งสองคนหลี่เฉินอันรีบพยักหน้า เขาห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่ากู้หว่านเยว่เสียอีก“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคงตกใจมาก ไปหาที่นอนพักผ่อนก่อนเถอะ”การเป็นสาวใช้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ กู้หว่านเยว่ยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก“ขอบคุณ
กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่นจากคำอธิบายของซูหรานหร่าน อีกฝ่ายน่าจะเป็นแม่เล้า มีแต่แม่เล้าเท่านั้นที่จะติดดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนศีรษะ และใช้วิธีสกปรกอย่างการใช้ยาสลบแบบนี้แต่เหตุใดแม่เล้าถึงเล็งพวกนางทั้งสองคนล่ะ?“ท่านพี่ เรารีบตามไปเถอะ!”ไม่ว่าแม่เล้าจะเล็งทั้งสองคนได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหาพวกนางกลับมาทั้งสองคนยังเป็นหญิงบริสุทธิ์ อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในสถานที่อย่างหอนางโลมเลยกู้หว่านเยว่กลับไปบอกซุนอู่ พอซุนอู่ได้ยินว่าซูจิ่นเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไป ก็โกรธขึ้นมาทันที“ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่ แม้แต่นักโทษเนรเทศก็ยังกล้าลักพาตัว?!”“พี่ใหญ่ซุน ข้าต้องไปตามพวกนางกลับมา”ซุนอู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นนิ้วออกมา “ให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ภายในหนึ่งวัน เจ้าต้องกลับมาให้ได้”แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับกู้หว่านเยว่ แต่ก็ไม่สามารถใช้เส้นสายได้ตามอำเภอใจหิมะเกือบละลายหมดแล้ว ตามหลักแล้วพวกเขาควรจะรีบเดินทางต่อไม่สามารถหยุดการเดินทางและไม่รีบไปต่อ เพียงเพื่อตามหาน้องสะใภ้ของกู้หว่านเยว่“พี่ใหญ่ซุนวางใจเถอะ ภายในหนึ่งวันไม่ว่าจะหาเจ
“ท่านป้า ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราเป็นนักโทษ หากทางการรู้เข้า ท่านต้องเดือดร้อนแน่ ๆ”ซูจิ่นเอ๋อร์พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วเลียนแบบท่าทางยามปกติของพี่สะใภ้ เพื่อเจรจากับอีกฝ่าย“ท่านเป็นนักธุรกิจ ก็แค่ต้องการเงินมิใช่หรือ?แค่ท่านส่งพวกเรากลับไป ท่านจะเอาเงินเท่าไหร่ก็ได้”แม่เล้าเหลือบมองซูจิ่นเอ๋อร์ แล้วส่งเสียงจุ๊ ๆ“เด็กดี ดูสิเจ้าร้องไห้จนตาบวมหมดแล้วแม่น่ะต้องการเงินจริง ๆ แต่ดูเจ้าสิ หน้ากลม ตาโต น่ารักขนาดนี้เชียวถึงแม้ใบหน้าจะคล้ำแดด แต่ถ้าบำรุงดี ๆ ก็หายแล้วแล้วก็คนที่อยู่ข้าง ๆ เจ้า ท่าทางเย็นชาแบบนี้ จะเป็นหญิงคณิกาอันดับหนึ่งก็ถือว่าไม่เกินไปเพราะงั้นเก็บพวกเจ้าไว้ ถึงจะหาเงินได้มากกว่า!”ยิ่งแม่เล้ามองพวกนางสองคนก็ยิ่งพอใจ จะยอมปล่อยพวกนางกลับไปได้อย่างไร“พวกเจ้าเลิกคิดที่จะหนีไปได้เลย ไม่อย่างนั้นถ้าถูกจับกลับมา พวกเจ้าจะต้องเจอบทลงโทษที่สาสม!”แม่เล้าขู่พวกนางเอาไว้ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นว่าตัวเองพูดดี ๆ แล้ว แต่แม่เล้ากลับไม่ฟัง จึงเริ่มรู้สึกโมโห“ข้าคุยกับท่านดี ๆ ท่านรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ปล่อยข้า พอพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของข้ามาตามหา จะต้องถลกหน
แม่ม่ายหลี่กอดเด็กสองคนไว้ในอ้อมแขน รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้มนอกจากพวกเขาแล้ว ชาวประมงคนอื่น ๆ ก็สวมกอดกับครอบครัวของพวกเขาเช่นกัน“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านกลับมาแล้ว อาเฉ่าคิดถึงท่านมาก”“ลูกชายของข้าล่ะ ลูกชายของข้าทำไมไม่กลับมา?”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งขึ้นไปบนเรืออย่างร้อนรน ก็เห็นศพสองศพบนดาดฟ้าเรือแม้ว่าศพทั้งสองจะถูกทับจนเละเทะไปหมด แต่ลุงเนี่ยก็ยังจำเสื้อผ้าบนศพทั้งสองได้ในทันที เพราะเป็นเสื้อผ้าที่เขาตัดเย็บเองกับมือ“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าเป็นอะไรไป?”ลุงเนี่ยร้องไห้โฮแล้ววิ่งเข้าไป ซูจิ่งสิงเรียกหัวหน้าหมู่บ้านมา แล้วบอกสาเหตุการตายของทั้งสองคนให้เขาฟัง“ตอนที่พวกเราไปถึง ทั้งสองคนนี้ก็เละเทะไปหมดแล้ว ขาดใจตายไปนานแล้ว”“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าลืมตาขึ้นมามองพ่อสิ พ่อจะเสียพวกเจ้าไปไม่ได้!”ลุงเนี่ยร้องไห้เสียงดังลั่น หัวหน้าหมู่บ้านรีบเข้าไปอธิบายให้เขาฟังคงเป็นเพราะรับไม่ได้ที่ลูกชายทั้งสองจากไป เขาจึงเป็นลมล้มพับไป“ใครก็ได้ เร็วเข้า พาเนี่ยต้าเหลียงกลับบ้านทีแล้วก็ศพของต้าหู่และเสียวหู่ พวกเจ้าไปหาแผ่นไม้มา แล้วนำศพกลับไปที่บ้านสกุลเนี่ย”“พวกเราจ
มองเห็นร่างของพวกเขาค่อย ๆ กลายเป็นจุดดำเล็ก ๆ จนหายไปในที่สุดกู้หว่านเยว่จึงนำชาวประมงสิบคน หนานหยางอ๋อง และศพอีกสองศพออกมาจากมิติศพทั้งสองนั้นถูกก้อนหินทับจนเละเทะไปหมด มองดูแล้วน่าสยดสยองจริง ๆ กู้หว่านเยว่จึงไปเด็ดใบไม้ใหญ่ ๆ ริมแม่น้ำ มาคลุมศพเอาไว้“ท่านพี่ ข้าจะเข้าไปดูงูหลามยักษ์ตัวนั้นในมิติก่อน”ระหว่างรอ กู้หว่านเยว่ก็บอกกับซูจิ่งสิง หลัก ๆ แล้วนางกังวลว่างูหลามยักษ์จะคลุ้มคลั่งอยู่ในมิติ“ได้ เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะคอยดูต้นทางให้เจ้าข้างนอกนี่เอง”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน กู้หว่านเยว่จึงรีบเข้าไปในมิติแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ หลังจากเข้าไปแล้ว กลับไม่พบฉากนองเลือดอย่างที่คิดไว้งูหลามยักษ์สีขาวกำลังนอนขดอยู่กับนกหงส์เพลิงนกตัวหนึ่ง งูตัวหนึ่ง คุยกันเจื้อยแจ้ว ราวกับกำลังรำลึกความหลังกู้หว่านเยว่ ? นกกับงูเป็นเพื่อนกันได้ด้วยหรือ?“จูเชวี่ย พวกเจ้าสองตัวเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่?”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา นกหงส์เพลิงก็รีบกางขาเล็กๆ สองข้าง กระพือปีกบินมาหากู้หว่านเยว่ จากนั้นเอาหัวถูไถนางอย่างสนิทสนมส่วนงูหลามยักษ์สีขาวก็เอียงหัว กะพริบตา จ
“ข้า...ข้าแอบตามหลังพวกท่านมา ก็เลยติดตามมาด้วย”ซูจื่อชิงก็ก้มหน้าเช่นกัน ทั้งสองคนเหมือนเด็กน้อยสองคนที่ทำความผิดมองดูเด็กตัวป่วนสองคนที่เพิ่งรอดตาย กู้หว่านเยว่ก็ดุพวกเขาไม่ลง“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก มันอันตรายมาก”ซูจิ่งสิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่เมื่อเห็นการกระทำที่ซูจื่อชิงปกป้องเมี่ยชิงหว่านเมื่อครู่นี้ เขาในฐานะพี่ชายก็รู้สึกโล่งใจน้องรองโตขึ้นแล้ว“รีบเอามือเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย”เมี่ยชิงหว่านนึกอะไรขึ้นได้ รีบคว้ามือทั้งสองข้างของซูจื่อชิง เมื่อเห็นฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง“เหตุใดเจ้าถึงโง่เช่นนี้ เมื่อครู่ เจ้าสามารถทิ้งข้าแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้แท้ ๆ ”ซูจื่อชิงไม่พูดอะไร ถ้าเขาคิดจะหนีเอาตัวรอด คงไม่ช่วยเมี่ยชิงหว่านตั้งแต่แรกแล้ว“พี่หว่านเยว่ พี่รีบดูแผลที่ฝ่ามือของเขาเร็ว”เมี่ยชิงหว่านร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาบางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตกใจมากเกินไป ซูจื่อชิงจึงไม่รู้สึกเหนื่อย คิดแต่ว่าจะพายให้เร็วขึ้นอีกหน่อยตอนนี้พ้นจากอันตรายแล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือทันที แขนทั้งสองข้างก็ปวดเมื่อยจนชาไปหมดแม้แต่เรี่ยวแรงที่
“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เห็นว่าในมิติล้วนเต็มไปด้วยทองคำ จึงยิ้มอย่างมีความสุขมากเป็นพิเศษ มีเงินนี่ดีจริง ๆ มีเงินก็สามารถทำการใหญ่ได้“ไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ ทำความสะอาดเครื่องเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นอย่างใส่ใจ ทั้งสองมองย้อนกลับไปดูทางส่วนลึกของถ้ำในสุสานใต้ดินเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจูงมือกันเดินกลับทางเดิมขณะที่ผ่านทางเดิน เห็นชาวประมงสองคนที่ถูกทับตายอย่างน่าสงสาร คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจนำศพของพวกเขากลับไปด้วยเวลานี้หนานหยางอ๋องได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว และป้อนน้ำเชื่อมที่กู้หว่านเยว่ทิ้งไว้ให้เหล่าชาวประมงตามจำนวนเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นทั้งสองคนพุ่งตัวออกมาจากข้างใน จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับเช็ดเหงื่อ“ท่านอ๋อง พระชายา ในที่สุดพวกท่านก็ออกมาแล้ว ข้ายังกังวลว่าพวกท่านจะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ไม่มีอันตรายอะไรหรอก”หนานหยางอ๋องรีบหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา “ชาวบ้านจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กหายไปทั้งหมดสิบสองคน ตายไปสองคน ที่เหลืออยู่ที่นี่แล้ว”ที่แท้หัวหน้าหมู่บ้านก็ให้สมุดเล่มเล็กกับเขาเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการตามหาชาวประมงที
นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิบดาบยาวขึ้นมา ทันใดนั้นก็พบว่าดาบเล่มนี้เข้ากับซูจิ่งสิงมากทีเดียว“ท่านพี่ ดาบเล่มนี้เหมาะกับท่านมาก”“ข้าขอลองหน่อย” ซูจิ่งสิงรับดาบยาวมา ทันทีที่จับดาบไว้ในมือ ก็รู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของดาบเล่มนี้หยิบดาบยาวขึ้นมา ฟันไปที่โซ่เหล็กข้างหนึ่งผลปรากฏว่าโซ่เหล็กนั่นขาดทันที“คมกริบ ดาบเล่มนี้เป็นของดีจริง ๆ !”กู้หว่านเยว่ร้องอุทาน เมื่อเห็นว่าซูจิ่งสิงชอบดาบเล่มนี้มาก จึงเสนอว่า“ท่านพี่ ถ้าท่านชอบดาบเล่มนี้ ก็เก็บไว้ข้างกายเถิด”“ตกลง” ซูจิ่งสิงนาน ๆ ทีจะชอบของสักอย่างมากขนาดนี้ตอนที่ทั้งสองคนเพิ่งเข้ามา พวกเขาคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสุสานของใครสักคน แต่หลังจากเดินวนไปรอบ ๆ สุสานใต้ดินแล้ว กู้หว่านเยว่ก็พบว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเคยอาศัยอยู่ดูสิ ที่ส่วนลึกของสุสานใต้ดิน ยังสามารถมองเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง บนโต๊ะมีกระจกทองแดง ด้านหน้ายังมีกล่องใส่เครื่องประทินโฉมอีกด้วยด้านหลังยังมีเตียงหินอีกหนึ่งเตียง แม้ว่าที่นี่จะเก่าแก่มาก ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่ก็มองเห็นเลือนรางว่าเป็นที่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่“ท่านพี่
“ต้าหนิว เจ้าทำอะไร?” เอ้อร์โก่วล้มลงกับพื้น โกรธจนหน้าแดงก่ำ“พวกเขาสองคนถูกหินทับตาย มันเกี่ยวอะไรกับข้า?”ต้าหนิวกำหมัดแน่น เอ่ยถามด้วยความโมโห “หากมิใช่เพราะเจ้าหวาดกลัวเกินไปจนผลักพวกเขาสองคนล้มลง พวกเขาจะถูกหินทับตายหรือไม่ สรุปแล้วก็เป็นเพราะเจ้า”หลังจากที่พวกเขาถูกวังน้ำวนขนาดใหญ่พัดพาเข้ามาในสุสานใต้ดินแห่งนี้ โชคดีที่พวกเขามีเสบียงติดตัวมาบ้าง จึงสามารถประทังชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ระยะหนึ่งแต่เมื่อสองวันก่อน เสบียงของพวกเขาหมดแล้วดังนั้น จึงตัดสินใจส่งคนห้าคนลงไปยังส่วนลึกของสุสานใต้ดินเพื่อหาอาหารถ้าหาอาหารเจอ หรือหาทางออกเจอก็ได้แต่หลังจากพวกเขาเข้าไปในส่วนลึกของอุโมงค์ กลับพบงูหลามยักษ์สีขาวตัวนั้นตอนที่เอ้อร์โก่วหนีเอาตัวรอด เป็นเพราะหวาดกลัวเกินไป เขาจึงผลักเพื่อนสองคนออกไป แล้วรีบวิ่งไปหลบหลังผนังหินก่อน ส่วนเพื่อนสองคนที่ถูกเขาผลักนั้นล้มลงกับพื้น และบังเอิญถูกก้อนหินที่ร่วงลงมาจากด้านบนทับพอดี จึงถูกทับตายคาที่หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังเอ้อร์โก่วด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอ้อร์โก่วหน้าแดงก่ำพลางกล่าวขึ้น “ข้าไม่ควรหนีเอาช
กู้หว่านเยว่กะพริบตา นางก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหนเหมือนกัน แต่พอเห็นดวงตาของงูตัวนั้นแล้วกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกซูจิ่งสิงก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ เขายังรู้สึกสนิทสนมกับงูหลามยักษ์ตัวนี้อย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นว่างูหลามยักษ์สงบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และไม่ทำร้ายใครอีก กู้หว่านเยว่จึงเก็บขลุ่ยเข้าไปในมิติอีกครั้งจากนั้นก็กระโดดลงมาจากผนังหิน มาถึงข้าง ๆ งูหลามยักษ์ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็โบกมือเก็บงูหลามยักษ์เข้าไปในมิติ“เก็บมันเข้าไปในมิติก่อน รอออกไปข้างนอกแล้วเราค่อย ๆ ศึกษา”“ก็ดี”“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีใครช่วยพวกเราได้บ้าง...”ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากมุมหนึ่ง ทั้งสองคนตามเสียงไป พบว่าที่มุมนั้นมีก้อนหินขนาดใหญ่วางขวางอยู่ข้างหน้า เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังก้อนหินกู้หว่านเยว่โบกมือ เก็บก้อนหินนั้นเข้าไปในมิติโดยตรง จากนั้น คนที่ซ่อนอยู่หลังก้อนหินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าคนเหล่านี้หิวจนผอมโซ แทบจะจำหน้าตาไม่ได้แล้ว พอเห็นทั้งสองคนก็หวาดกลัว จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น“ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยพวกเรา ขอบคุณ ขอบคุณมาก”กู้หว่านเย
โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่มีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้าอยู่ มักจะมีสมบัติและดูจากแผนที่แล้ว ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าสุสานใต้ดินเท่านั้น ยังไปไม่ถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดินเลยด้วยซ้ำในเมื่อได้แผนที่มาแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน ด้วยนิสัยของนางแล้ว จะต้องกวาดล้างสมบัติในสุสานใต้ดินแห่งนี้ให้หมดเกลี้ยงถึงจะพอใจ“ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”ซูจิ่งสิงไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขารู้สึกได้ว่า นับตั้งแต่เข้ามาในสุสานใต้ดิน ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเมื่อเดินไปถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดิน เขาอาจจะไขปริศนานี้ได้หนานหยางอ๋องไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ตนพูดไปมากมายขนาดนั้น สองสามีภรรยาคู่นี้ยังจะคิดเข้าไปตายอีก ทำเอาเกือบจะกระอักเลือดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าข้างในนั้นมีสัตว์ประหลาด พวกท่านเข้าไป จะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “วางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน ข้าก็ไม่กลัวหรอก และต่อหน้าข้า พวกมันก็เทียบข้าไม่ติด”ล้อเล่นน่า สัตว์ประหลาดอะไรจะน่ากลัวเท่านางกันล่ะ?ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดพวกนั้น เมื่อเห็นน
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ