บ่าวคนนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตประจำวัน อาหารการกิน และยารักษาโรคของหนานหยางอ๋องขอเพียงหลอกใช้บ่าวรับใช้สักหน่อย ความผิดก็สามารถตกเป็นของกู้หว่านเยว่ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ากู้หว่านเยว่ช่วงนี้ดูอาการป่วยให้หนานหยางอ๋องบ่อยๆ ย่อมไม่อาจบ่ายเบี่ยงความผิดได้กู้หว่านเยว่จับคาง นี่ไม่ได้อยู่ในหนังสือต้นฉบับ แต่ดูเหมือนว่านางจะทำให้ฟู่เยียนหรานขุ่นเคืองมากเสียจนเริ่มคิดจะฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวเมื่อหนานหยางอ๋องถูกวางพิษสารหนู นางจะต้องกล่าวหากู้หว่านเยว่ว่าทำผิดร้ายแรง ไม่มีทางกลับมาได้อีกแต่กู้หว่านเยว่กลัวหรือ? ย่อมไม่ นางเองก็อยากจะรู้นัก ว่าใครกันแน่ที่จะไม่มีทางกลับมาได้อีก“เจ้าตรวจสอบบ่าวคนนั้นให้ละเอียด ดูว่าในห้องเขามีสิ่งที่ฟู่เยียนใช้ซื้อตัวเขาบ้างหรือเปล่า?”ในเมื่อฟู่เยียนหรานอยากเล่นละครฉากใหญ่ เช่นนั้นข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนนางเองฉู่เฟิงเหลือบมองซูจิ่งสิงแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ขอรับ”นายท่านเคยบอกว่า เห็นฮูหยินเหมือนเห็นเขา คำพูดของฮูหยินต้องเชื่อฟังฉู่เฟิงรีบไปตรวจสอบ เช้าวันนี้คลื่นลมสุขสงบ แต่ในวันรุ่งขึ้น ฟู่เยียนหรานกลับรีบเดินมาที่หอนอนรวมพร้อมกลุ่ม
มู่หรงอวี้ก็อยู่ในห้อง แสร้งทำเป็นห่วงใยหนานหยางอ๋อง เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็เย็นชาทันที“กู้หว่านเยว่ เจ้าช่างกล้านัก ในฐานะนักโทษ กลับกล้าวางยาหนานหยางอ๋อง”กู้หว่านเยว่ที่สวมหมวกใบใหญ่มองมู่หรงอวี้ด้วยแววตาขบขัน นางไร้ท่าทางอับอาย แต่หันไปพูดกับแม่ทัพหลี่ว่า“ข้าจะไปดูท่านอ๋องผู้เฒ่า”“อืม” แม่ทัพหลี่พยักหน้า เขายังคงเต็มใจที่จะเชื่อกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เวลานี้ หนานหยางอ๋องกำลังนอนอยู่บนเตียง สองตาปิดสนิท ใบหน้าซีดเซียวดูคล้ายถูกพิษจริงๆแต่กู้หว่านเยว่รู้ดีว่าหนานหยางอ๋องหมดสติไปชั่วคราวเท่านั้นสารหนูถูกสับเปลี่ยนแล้ว ฉีดยาสักเข็ม ประเดี๋ยวหนานหยางอ๋องก็ตื่นขึ้นมาได้แล้วมู่หรงอวี้ปรี่เข้ามาขวางหน้านาง“แม่ทัพหลี่ กู้หว่านเยว่คนนี้เป็นคนวางยาพิษ ไม่อาจให้จับชีพจรของท่านอ๋องผู้เฒ่าได้แล้วขอรับ”“ใช่แล้ว” ฟู่เยียนหรานรีบมายืนข้างมู่หรงอวี้ รับคำมู่หรงอวี้มา “ท่านอ๋องพูดถูก ท่านพ่อถูกกู้หว่านเยว่ทำร้ายถึงขั้นนี้ ข้าจะไม่ยอมให้กู้หว่านเยว่ลงมือกับท่านพ่อได้อีกแล้ว”มู่หรงอวี้ยิ้มและพูดว่า “ข้ารู้จักกับปรมาจารย์แพทย์ ไม่สู้ให้
ทันทีที่เสี่ยวเหอเข้ามา เขาก็มองไปที่ฟู่เยียนหรานด้วยความกลัว ปรี่ไปกอดต้นขาของแม่ทัพหลี่ทันที“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพช่วยข้าด้วยขอรับ มีคนจะฆ่าข้า!”“ตอนที่ข้าไปถึง ก็มีคนรัดคอเสี่ยวเหอเอาไว้บนขื่อ โชคดีที่เขามีบุญมาก เชือกเลยขาดเสียก่อน ไม่ถูกรัดคอตาย” หวังปี้พูดพร้อมกับขมวดคิ้วเรื่องนี้ชักจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆถ้าจะบอกว่าไม่มีเงื่อนงำ ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” แม่ทัพหลี่เองก็เป็นคนช่างสังเหต ไม่ถูกต้อง คุณหนูใหญ่จะตื่นตระหนกเช่นนั้นทำไม?“คุณหนูใหญ่นาง นางต้องการจะฆ่าข้าปิดปาก!” เสี่ยวเหอชี้ไปที่ฟู่เยียนหรานอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ที่อยู่ในห้อง เขานับเงินที่ฟู่เยียนหรานให้มาอย่างมีความสุขหนานหยางอ๋องดีต่อเขาไม่น้อย เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรตอนที่เขากำลังจะหนี ด้านนอกก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วรัดคอของเขาเอาไว้แน่นถ้าไม่ใช่เพราะเชือกขาด หัวกับร่างเขาคงแยกออกจากกันแล้ว“เจ้ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่? หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย ห้ามพูดแล้ว!” ฟู่เยียนหรานคิดจะเดินไปปิดปากเขา“คุณหนูใหญ่ฟู่ ท่านตื่นตระหนกขนาดนั้นทำไมกัน? หรือว่าท่านคิดจะฆ่าคนป
“เจ้าทำให้พ่อผิดหวังมาก” หนานหยางอ๋องขมวดคิ้วแล้วมองฟู่เยียนหรานครู่หนึ่ง“ท่านพ่อ ไม่ใช่นะเจ้าคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลย...” ฟู่เยียนหรานยังคงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหนานหยางอ๋องหันไปมองมู่หรงอวี้โดยตรง จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หวายหนานอ๋อง ละครฉากนี้ก็แสดงมาพอสมควรแล้ว เรื่องราวในวันนี้ ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทอย่างละเอียด ให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”“ท่านอ๋องอาวุโส...”มู่หรงอวี้ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ถ้าให้เสด็จพี่รู้ว่าเขาก่อความวุ่นวายข้างนอก และยังคิดจะยึดอำนาจทางการทหารอีก จะต้องเริ่มระแวงเขาแน่ ๆเช่นนั้นภาพลักษณ์คุณชายเสเพลที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดหลายปี ก็จะพังทลายลง“ออกไป!”หนานหยางอ๋องขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไปมู่หรงอวี้กัดฟันแน่น ในฐานะท่านอ๋องเหมือนกัน เขาต้องถ่อมตนขนาดนี้ก็เพื่อเอาใจหนานหยางอ๋อง แต่ในเมื่อตอนนี้ได้ฉีกหน้ากันไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งอีก“ขอท่านอ๋องโปรดรักษาสุขภาพด้วย”มู่หรงอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป อย่างมากก็แค่กลับเมืองหลวงไปบอกเสด็จพี่ว่าหนานหยางอ๋องคิดจะก่อกบฏ เขาจึงต้องลงมือสั่งสอนในเมื่อหนานหยา
“ข้าขอถอนคำชมเมื่อครู่นี้”คนผู้นี้ยังไม่ตายเลย ก็นำเสื่อฟางมาห่อแล้วกตัญญู กตัญญูเกินไปแล้ว!“ให้ข้าตรวจดูคุณชายของเจ้าหน่อยเถอะ” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนปัญญา แล้วจึงย่อตัวลงจับชีพจรของเด็กหนุ่ม ครู่หนึ่งก็ชักมือกลับ และเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ“ไม่มีอะไรมาก คุณชายของเจ้าเป็นลมเพราะความหิว”ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกประหลาดใจมาก เด็กหนุ่มและคนรับใช้คนนี้ดูเหมือนจะมีฐานะดี เหตุใดถึงปล่อยให้ตัวเองหิวจนเป็นลมได้?“เจ้าไปหาอะไรให้คุณชายของเจ้ากินหน่อยเถอะ พอกินเสร็จก็จะดีขึ้นเอง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วกล่าวเสี่ยวหรงกล่าวอย่างกระวนกระวาย “ข้าน้อยไม่มีอะไรกิน เงินก็ไม่มีติดตัวแล้ว ที่ต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากขายตัวเอง เพื่อจะได้ซื้อโลงศพดี ๆ ฝังศพคุณชาย”กู้หว่านเยว่ ...“คุณชายของเจ้าแอบหนีออกจากบ้านมาหรือ?”เสี่ยวหรงอ้ำอึ้ง จากนั้นก้มหน้าลงกู้หว่านเยว่คิดในใจว่าแต่ละคนล้วนมีความลับของตัวเอง จึงไม่ได้ถามต่อ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า“เจ้าแบกคุณชายของเจ้ามาที่ห้องครัวเถอะ ข้าจะทำอะไรให้เขากินสักหน่อย”ห้องครัวของโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้ใช้ได้ฟรี ๆ ทุกครั้งที่ใช้ต้องจ่
ขณะที่นายบ่าวทั้งสองกำลังกินอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เสียงฝีเท้าดังวุ่นวายมาจากข้างนอกสีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป จากนั้นรีบไปส่องดูที่ช่องประตูเห็นกลุ่มคนชุดดำถือดาบเข้ามาและกำลังค้นหาภายในเรือน“เป็นคนของสวีหลาน พวกเขาตามมาแล้ว เสี่ยวหรงเรารีบหนีเร็ว!”“คนชุดดำพวกนั้นตามพวกเจ้ามา หรือว่าเป็นพวกที่ทำร้ายเจ้าตอนที่อยู่เมืองชิงหนิวเมื่อคราวก่อน?”“อืม”เด็กหนุ่มรีบพยักหน้า จับมือเสี่ยวหรงเตรียมที่จะวิ่ง“เดี๋ยวก่อน” กู้หว่านเยว่รีบขวางพวกเขาไว้ ดวงตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ท่านจะหักหลังพวกเราหรือ?”กู้หว่านเยว่กลอกตา “เจ้าเป็นโรคหวาดระแวงหรือไร? หากพวกเจ้าวิ่งออกไปแบบนี้ ไม่นานก็จะถูกพวกเขาตามทัน”“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”เห็นคนชุดดำพวกนั้นกำลังจะค้นมาถึงห้องครัวแล้วสายตาของกู้หว่านเยว่มองไปที่ทั้งสองคน จากนั้นจึงพูดว่า “พวกเจ้าสองคนถอดเสื้อผ้าออก ข้าจะเปลี่ยนชุดให้พวกเจ้า”“หา?” เด็กหนุ่มงุนงงกู้หว่านเยว่ยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยครู่ต่อมา คนชุดดำข้างนอกก็บุกเข้ามาภายในห้องครัว กู้หว่านเยว่กำลังทำอาหารส่วนซูจิ่งสิงกำลังก่อไฟอยู่หลังเตานอกจากพวกเข
ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สนใจใคร คงเป็นเพราะเขามีทั้งความเกลียดและความเจ็บปวดต่อหลี่ฮูหยิน“ในเมื่อแม่เลี้ยงของเจ้าส่งนักฆ่ามาตามฆ่าเจ้าตลอด แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เฉินอันครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ ติดต่อกับท่านลุงก่อน แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ”เพียงแต่ว่าหลี่ฮูหยินจิตใจโหดเหี้ยม ส่งนักฆ่ามาดักรอตลอดทางเขากลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไม่ถึงเจดีย์หนิงกู่ ก็จะกลายเป็นศพข้างทางถึงจะสุขุมมากเพียงใด ก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หลี่เฉินอันยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนกู้หว่านเยว่รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย จึงดึงซูจิ่งสิงไปคุยกันข้าง ๆ“เจ้าอยากพาหลี่เฉินอันไปด้วยหรือ?”ไม่ต้องให้นางพูด ซูจิ่งสิงก็เดาความคิดของนางได้“ใช่” กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นเอ่ยกับซูจิ่งสิง “หลี่เฉินอันเป็นลูกชายของหลี่โหวแห่งเจดีย์หนิงกู่”ซูจิ่งสิงเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่ทันทีพวกเขากลุ่มนี้ถูกเนรเทศไปยังเจดีย์หนิงกู่ ไม่มีฐานอำนาจหรือเส้นสายอะไรเลยในเจดีย์หนิงกู่วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในที่แห่งนั้นคือ การสนับสนุนคนของเราเองสิ่งที
ซุนอู่เหลือบมองทั้งสองคนอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเบ้ปากกล่าวขึ้น“ดีจริง ๆ แม่นางน้อยกู้ เจ้าว่านักโทษเนรเทศอย่างเจ้า ซื้อบ่าวมาปรนนิบัติสองคนมันเป็นอย่างไรกัน? ดูเหมือนจะอยู่สุขสบายกว่านักการอย่างพวกเราเสียอีก”ซุนอู่เป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกู้หว่านเยว่ส่ายหัวอย่างจนใจ แอบยัดของบางอย่างใส่ในอกเขา“พี่ใหญ่ซุน นี่กับแกล้มให้ท่าน”“อะไรน่ะ?”ซุนอู่เปิดถุงกระดาษดู เห็นเนื้อกวางตุ๋นที่หอมกรุ่นจนเขาน้ำลายไหล จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที“เจ้าก็นะ เกรงใจพี่ใหญ่ทำไมกัน เห็นพวกเจ้าใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็รู้สึกดีใจไปด้วย”หลี่เฉินอันและเสี่ยวหรงก็ได้อยู่ในขบวนนักโทษเนรเทศอย่างราบรื่น“ต่อจากนี้ไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเจ้าชื่อเสี่ยวอัน เจ้าชื่อเสี่ยวหรง จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเจ้าเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนทั้งสองคนหลี่เฉินอันรีบพยักหน้า เขาห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่ากู้หว่านเยว่เสียอีก“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคงตกใจมาก ไปหาที่นอนพักผ่อนก่อนเถอะ”การเป็นสาวใช้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ กู้หว่านเยว่ยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก“ขอบคุณ
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง