“กลางวันแสกๆ พวกเจ้าคิดจะทำอันใด?”กู้หว่านเยว่ถามเสียงเย็นอันธพาลกอดขาร้องโอดครวญสองครั้ง หันหน้ามองเห็นใบหน้าโกรธขึ้งของกู้หว่านเยว่“ข้าเป็นผู้มีอำนาจของเมืองชิงหนิว ยังไม่ต้องให้เจ้าเข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง คร้านจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่?”พูดจบก็พาสองสามคนทางด้านหลังปรี่ถลาเข้ามา“น้องหญิง ยกให้ข้า”ซูจิ่งสิงขยับขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับปกคอเสื้อของอันธพาลเอาไว้และเหวี่ยงหมัดใส่พวกเขา จากนั้นเตะจนลอยกระเด็นออกไป“นับว่าเจ้าร้ายกาจ พวกเรารีบไป!”พวกอันธพาลเห็นว่าสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ รีบวิ่งจากไปแล้ว“ขอบคุณพวกท่านมาก” ฟู่ซานมาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ ร้องไห้กล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่มองเขาและฟู่เยียนหรานแวบหนึ่ง ครุ่นคิดและมอบหมั่นโถวให้ฟู่ซานหนึ่งลูก จากนั้นคร้านจะพูดต่อ หมุนตัวเตรียมจากไป“กู้หว่านเยว่ ล้วนเป็นเจ้าทำร้ายข้าจนกลายเป็นเช่นนี้”ฟู่เยียนหรานมองกู้หว่านเยว่อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เปล่งเสียงออกมากู้หว่านเยว่พูดไม่ออก เมื่อครู่หากมิใช่เพราะเห็นฟู่ซานเด็กคนนี้น่าสงสาร นางก็ไม่มีวันลงมือช่วยเหลือปรากฏว่าช่วยคนไว้แล้ว ยังถูกฟู่เยียนหรานจดจำความแค้นเอาไว้ หญิ
“นางอยู่ที่ใด?”มู่หรงอวี้รีบหันหน้ามาในทันใด คล้ายไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับฟู่เยียนหราน“อยู่ภายในเมืองชิงหนิว ข้าพบนางเพคะ”“ตาม จับนางกลับมา!”มู่หรงอวี้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันออกคำสั่ง คนใกล้เสียสติเต็มทีเหมือนกับครั้งก่อน ของทั้งหมดภายในจวนถูกขนไปจนเกลี้ยง บัดนี้แม้แต่เงินเหมาเดียวเขาก็ไม่มี ทนมากเพียงพอแล้ว!อำมหิตยิ่งกว่าโจร!“ผู้น้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย” หลู่ซื่อรีบพาคนไล่ตามไปฟู่เยียนหรานประคองมู่หรงอวี้ไว้ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากให้เขาอย่างปวดใจ เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม“ท่านอ๋องอย่ามีโทสะเพราะกู้หว่านเยว่เลย ท่านมีฐานะสูงศักดิ์ โมโหคนต่ำต้อยพรรค์นี้ร่างกายมิอาจทนไหว”“อืม”มู่หรงอวี้หลับตาทั้งสองข้าง สีหน้านุ่มนวลขึ้นไม่น้อย แต่อารมณ์ยังคุกรุ่นเขาไม่เข้าใจ หลังได้พบกู้หว่านเยว่ เหตุใดเขาดวงซวยเพียงนี้เล่า?“เหตุใดเจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่?”มู่หรงอวี้หันมองฟู่เยียนหรานอย่างกะทันหัน เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เขาตัดสินใจเข้าหาบุตรีของหนานหยางอ๋อง เพื่อดึงหนานหยางอ๋องเป็นพรรคพวก เก็บฟู่เยียนหรานไว้ข้างกาย อาจขวางทางได้“ข้าเดินหาท่านตลอดทาง”เอ่ยถึงเรื่องนี้ฟู
“วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว สหาย ตี!”“โอ้ย...”เด็กหนุ่มถูกกดบนพื้น เพียงครู่เดียวก็ถูกตีจนไม่เหลือคราบมนุษย์ กู้หว่านเยว่คิดภายในใจวันนี้เรื่องให้ใช้ความกล้ามีมากโดยแท้“หยุด!”ลงท้าย กู้หว่านเยว่ยังตัดสินใจยื่นมือออกไป ขยับขึ้นไปเตะหนึ่งในนั้นร่วงพื้น“ซี้ด มีคนยุ่งไม่เข้าเรื่องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว สหาย บุก” อันธพาลเห็นกู้หว่านเยว่เป็นเพียงหญิงคนหนึ่ง ไม่กลัวตั้งแต่แรก เพียงสะบัดมือก็คิดว่าทำนางล้มได้ยังไม่ทันเข้าใกล้ตัวกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงทางด้านหลังก็ขยับขึ้นมา เพียงขาข้างเดียวก็เตะคนเหล่านั้นจนลอยกระเด็นไปแล้ว“สหายน้อย เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”เห็นอันธพาลถูกจัดการแล้ว กู้หว่านเยว่ดึงผ้าสีดำบนใบหน้าลง“อย่าแตะต้องข้า!”เด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บไม่เบา กลับคล้ายไม่รู้สึกเจ็บก็มิปาน มองกู้หว่านเยว่อย่างหวาดระแวงแวบหนึ่งก็หันหน้าหนีเอาชีวิตรอดไปทางถนนใหญ่แล้ว“ช่างไม่มีมารยาทจริงเชียว”มองเงาหลังของเด็กหนุ่ม กู้หว่านเยว่กลับรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง คล้ายเคยอ่านพบคนลักษณะเช่นนี้ในหนังสือ“พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ฟ้าใกล้มืดแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือนที่ฝั่งหนึ่งกู้หว่านเยว่เห็
“ท่านอ๋องวางใจ คนที่ส่งออกไปพบเบาะแสของคุณหนูใหญ่แล้ว จะต้องหาพบอย่างแน่นอนส่วนคุณหนูรอง นางหายตัวไปสิบกว่าปีแล้ว ท่านอ๋องสมควรปล่อยวางได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”นี่คือเรื่องที่หนานหยางอ๋องเสียใจที่สุด เพียงเอ่ยถึงเขาก็ร้องไห้อย่างอดไม่ได้ ทอดถอนใจพลางเอ่ย“จะปล่อยวางได้เยี่ยงไร? ก็ไม่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่...”ที่แท้หนานหยางอ๋องยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน เมื่อสิบกว่าปีก่อนเพิ่งเกิดออกมา ก็เผชิญหน้ากับปีแห่งความขาดแคลนท่ามกลางความวุ่นวาย แม่นมทำลูกน้อยหายไปแล้วหนานหยางอ๋องพลิกแผ่นดินหา ก็ไม่พบเบาะแสของลูกสาวพระชายาหนานหยางรักลูกสาวมาก เป็นโรคซึมเศร้า หลังลูกหายไปได้หนึ่งปีก็จากไปหลังจากวันนั้นหนานหยางอ๋องก็เกิดโรคทางใจเอ่ยถึงลูกสาวคนรอง แม่ทัพเฒ่าเลือดเหล็กก็ตาแดงแล้ว“หวังเพียงนางจะมีความสุข ได้พบครอบครัวที่ดี ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่บนโลก...”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด ที่แท้หนานหยางอ๋องก็ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน มิหนำซ้ำลูกสาวคนนั้นยังหายตัวไปภายในหนังสือมิได้เขียนท่อนนี้ไว้เสียงสนทนาภายในหยุดลงแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงผลักประตูเข้าไป“สองวันนี้อากาศหนาว ข้าเดาว่าท่านอ๋องอาจ
หรือว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญเพียงนี้จริง?ขณะกู้หว่านเยว่ต้องการจับเหลาหลี่มาถามสถานการณ์ของคุณหนูรองที่หายไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านบน หวังปี้เปิดหน้าต่างตะโกนเรียกเขา“แม่ทัพหลี่รีบขึ้นมาเร็วเข้า พบเบาะแสของคุณหนูใหญ่แล้ว”“จริงหรือ?”“จริง ก็อยู่ที่เมืองชิงหนิว!”แม่ทัพหลี่ดีใจมาก ไม่สนใจพูดกับกู้หว่านเยว่ต่ออีก ขึ้นไปด้านบนแล้วกู้หว่านเยว่ทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ หมุนตัวเข้าห้องครัวเก็บเนื้อกวาง“พี่สะใภ้ใหญ่ คืนนี้พวกกินเนื้อกวางย่างหรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ถูมือไปมาสีหน้าตื่นเต้น เอ่ยขัดความคิดของนางแล้ว“พวกเรากินผัดเนื้อกวาง”กู้หว่านเยว่มองเนื้อกวางนั้นแวบหนึ่ง อย่างต่ำก็หลายสิบกงจิน อย่างน้อยก็สามารถกินได้สองมื้อในเมื่อหนานหยางอ๋องมอบให้ นางก็ไม่แบ่งให้ทุกคนแล้ว เฉือนเนื้อกวางออกครึ่งหนึ่งตากลมให้แห้ง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งหั่นเป็นชิ้นผัดกับพริกกู้หว่านเยว่ลงมือเข้าครัวด้วยตนเอง ทำเนื้อกวางผัดพริกหนึ่งจาน ทำเนื้อกวางตุ๋นหัวไชเท้าอีกหนึ่งจาน สุดท้ายป้องกันมิให้ทุกคนเป็นร้อนใน ยังต้มน้ำเก๊กฮวยอีกหนึ่งกาหลังทำอาหารเรียบร้อยแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เรียกคนในครอบคร
“ไม่เป็นไร แม่ทัพหวังกินเถอะ”ภายในมือของหวังปี้ใส่เลือดกวางไว้เต็มถ้วยล้วนพูดว่าเลือดกวางบำรุงพลังหยาง บำรุงไต เป็นยาดีแต่ร่างกายนี้ของหวังเยี่ยนไม่เหมาะกินเลือดกวาง“แม่ทัพหวัง ร่างกายท่านอ่อนแอ ข้าชี้แนะท่านอย่าดื่มมากเกินไป”หวังเยี่ยนพูดในใจว่ากู้หว่านเยว่ก็เป็นหญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ข้อดีของเลือดกวาง“ก็เพราะร่างกายอ่อนแอ ถึงต้องดื่มเลือดกวางบำรุงอย่างไรเล่า”หมอเทวดาคนนั้นพูดแล้ว ต้องบำรุงมากๆ ร่างกายจึงจะแข็งแรงมิหนำซ้ำมีข่าวของคุณหนูใหญ่แล้ว เขาต้องรีบรักษาให้หายดีโดยเร็วถึงจะใช้ได้หวังปี้ถือเลือดกวางคล้ายเป็นสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ออกไปแล้วกู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเดิมทีหวังปี้ก็ฝึกวิชายุทธ์อยู่ในกองทัพมานาน ทำให้ร่างกายเสียหายอิงตามหลักการแล้วสมควรพักรักษาดีๆ เขากลับใช้ยาแรงกับตนรอทนต่อไปไม่ไหวแล้วก็อย่าร้องไห้มาขอยาจากนางแล้วกันทั้งครอบครัวกินเนื้อกวางอิ่มแล้ว เพื่อมิให้เป็นร้อนใน กู้หว่านเยว่สำทับให้พวกเขาดื่มชาเก๊กฮวยหนึ่งชาม นี่ถึงปล่อยทุกคนกลับไปได้กลับเข้าหอนอนรวม ทุกคนพักผ่อนแล้ว บ้านสกุลซูหดตัวอยู่ในมุมหนึ่ง ไม่มีแรงด่าคนอีกกู้หว่านเยว่ไม่
หรือไม่อยากเห็นนางมีชีวิตที่ดีหรือ?นางได้รับความรักจากหวายหนานอ๋อง ท่านพ่อไม่สมควรภาคภูมิใจหรือ?อย่างไรเสียจวนหนานหยางอ๋องก็เป็นเพียงอ๋องต่างแซ่ ไฉนเลยจะสูงศักดิ์เท่าหวายหนานอ๋อง?อย่างไรเสียก็มีชาติกำเนิดจากอนุ ฟู่เยียนหรานไฉนเลยจะรู้ว่าหากอยู่กับมู่หรงอวี้ นั่นก็เท่ากับลากจวนหนานหยางอ๋องลงน้ำ กระนั้นต่อให้นางรู้ก็ไม่ใส่ใจ“หุบปาก บุญคุณช่วยชีวิต พ่อต้องช่วยเจ้าตอบแทนเป็นแน่!”หนานหยางอ๋องตวาดเสียงเฉียบหากพูดว่าเพราะเหตุใดหนานหยางอ๋องจึงเกลียดมู่หรงอวี้เพียงนี้ ก็เพราะมีสาเหตุมู่หรงอวี้เป็นคนเช่นไร ไอ้คนขี้ขลาดพึ่งพาสตรีจึงได้มาซึ่งอำนาจมิหนำซ้ำเขาเคยเป็นแม่ทัพมาก่อน รู้เรื่องมู่หรงอวี้ต้องการดึงเข้าไปเป็นพรรคพวกอย่างชัดเจนนี่มิใช่กำลังรนหาที่ตายหรือ?ยกลูกสาวให้แต่งกับเขา นั่นเท่ากับว่าต้องตายไปพร้อมกับเขา!“ท่านอ๋องผู้เฒ่า ข้าเลื่อมใสท่านมานานแล้ว มิสู้กินข้าวด้วยกันสักหนึ่งมื้อดีหรือไม่?” มู่หรงอวี้เชี่ยวชาญเรื่องเอาใจคน“ไม่เป็นไร มองอะไร กลับห้องกับพ่อ!”หนานหยางอ๋องลากลูกสาวไม่ได้เรื่องฟู่เยียนหรานเข้าห้องมู่หรงอวี้ที่ถูกประตูปิดใส่หน้าก็หันหน้ามา มองห็นกู้
“ท่านยังไม่รู้กระมัง คุณหนูใหญ่ก็คือคู่หมั้นของแม่ทัพหวัง”“เมื่อวานคุณหนูใหญ่กลับมา กลับพูดว่าไม่ใช่หวายหนานอ๋องก็ไม่แต่ง!”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงคู่หมั้นที่หวังปี้คะนึงถึง ถึงขั้นเป็นฟู่เยียนหราน?!ไม่รอให้นางใคร่ครวญอย่างละเอียด ทหารร้องไห้พลางพูด “แม่นางกู้ ท่านรีบช่วยท่านแม่ทัพดีหรือไม่ ข้าเห็นเขาใกล้หมดลมหายใจแล้ว”กู้หว่านเยว่ค้อมเอวลงช่วยดูอาการหวังปี้ยังดี แม้ลมหายใจรวยริน แต่ชีพจรยังอยู่คาดว่าแช่แข็งตลอดทั้งคืน คนก็ถูกแช่แข็งไปแล้วรีบบอกทหาร “แบกแม่ทัพของเจ้ากลับไป วางไว้ในห้อง เพิ่มถ่านสองเตาดีที่สุดหาสักคนหนึ่ง เปลื้องผ้า ใช้อุณหภูมิของร่างกายทำให้ตัวเขาอุ่น”“เปลื้องผ้า?”ทหารหน้าดำในทันใด ไม่หรอกกระมัง?“อืม เปลื้องผ้า” กู้หว่านเยว่พยักหน้า สายตาเห็นใจอยู่บ้าง “รอแม่ทัพของเจ้าฟื้นแล้ว เกลี้ยกล่อมเขาดีๆ ความรักเป็นเรื่องก้นสุนัข ร่างกายต่างหากคือเงินทุนของชีวิต”ฟู่เยียนหรานปีนขึ้นหามู่หรงอวี้แล้ว ต้องไม่มีวันปล่อยมือแน่นอนมิหนำซ้ำคนเฉกเช่นนาง ไม่แต่งกับหวังปี้ สำหรับหวังปี้แล้วนับเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ?“ขอบคุณแม่นางกู้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะแบกท่านแ
“บ่าวไปเดี๋ยวนี้เพคะ!”ชิงเหลียนหมุนกายวิ่งออกไปทันทีวันนี้คนที่เข้าเวรที่สำนักหมอนหลวงคือลั่วยางพอดี เมื่อเห็นชิงเหลียงมาเรียกคน คิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นอะไรเสียอีก รีบคว้ากล่องยาตามออกไปทันทีหลังจากตามมาจึงจะรู้เรื่องของโจวเสี้ยนจากปากชิงเหลียน“นายท่านกับฮูหยินกำลังรู้สึกผิด ไม่ว่าจะส่งใครไป ท้ายที่สุดนี่ก็คือจุดจบของเรื่องนี้ ไม่มีใครถ้าคิดว่าองค์ชายหนานเจียงจะบ้าเช่นนี้หมอหญิงลั่ว หลังจากท่านเข้าไป ต้องเกลี้ยกล่อมฮูหยินดีๆ นะ”ลั่วยางพยักหน้า “น่าสงสารโจวฮูหยินมาก”“ก็นั่นน่ะสิ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”เดิมทีสกุลโจวก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ในที่สุดโจวเสี้ยนก็ได้แต่งงานกับนาง และมาซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงวันดีๆ กำลังจะมาอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเพิ่งแต่งงานได้หนึ่งเดือน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ระหว่างที่ทั้งสองสนทนา ก็ได้มาถึงตำหนักข้างที่ให้โจวฮูหยินพักชั่วคราวแล้วหลังจากลั่วยางคำนับทั้งสอง ก็เข้าไปตรวจชีพจรให้โจวฮูหยิน“เสียใจมากเกินไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หม่อมฉันจ่ายยาก็ดีขึ้นเองเพคะ”ลั่วยางเขียนตำรับยาหนึ่งแผ่น ให้ผู้ช่วยไปเอายาที่สำนักหมอหลวง ผ่านไปครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้กว่านเยว่ถามชิงเหลียนคนหนักแน่น น้อยครั้งที่จะตื่นตระหนกเช่นนี้“องค์ชายสามของหนานเจียงเพคะ”นางกำหมัดแน่น โมโหจนยากจะควบคุมอารมณ์ “เขาเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขา เขาฆ่าแม่ทัพโจวตายแล้ว!”“อะไรนะ?”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนฉับพลันโจวเสี้ยนเป็นคนไปต้อนรับทูตหนานเจียงหลังจากโจวเสี้ยนยอมจำนนที่ด่านหานกู่ ก็กลายเป็นขุนนางคนสำคัญของซูจิ่งสิง ทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนหนานเจียงจะใจกล้าถึงขั้นฆ่าเขา“ทำไมถึงฆ่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าซูจิ่งสิงขรึมลงโจวเสี้ยนอายุยังน้อย เพิ่งแต่งงานเดือนที่แล้วชิงเหลียนกล่าวตอบ “ข่าวที่ส่งกลับมาบอกว่าแม่ทัพโจวลวนลามสนมรักขององค์ชายสาม ด้วยความโกรธ องค์ชายสามจึง…ฆ่าเขา”นางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก“ใช่แล้ว นี่คือหนังสือยอมรับผิดขององค์ชายสามหนานเจียง”สีหน้าซูจิ่งสิงดูน่าเกลียดมาก เขารับหนังสือยอมรับผิดมา ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง“เขาเขียนว่าอะไร?”“เจ้าดูสิ”กู้หว่านเยว่รับหนังสือยอมรับผิดมาจากมือซูจิ่งสิง หลังจากอ่านครู่หนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ซูจิ่งสิงโกรธเช่นนี้ นางก็โมโหเช่นกันองค์ชายสามคนนี้แสร้งเขี
ทว่าท่าทีของซูจิ่งสิงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยเห็นธัญพืชเช่นนี้มาก่อน“มองใบสีเขียวมรกตนี้ หรือว่าจะเป็นผัก?” ซูจิ่งสิงถามตอบด้วยตนเอง ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หัวเราะดังลั่น“ของกินนี้เรียกว่ามันฝรั่ง อีกทั้งยังสามารถเรียกว่ามันฝรั่งหม่าหลิงได้อีกด้วย ใบของมันไม่ได้นำมากิน หัวมันฝรั่งโตที่รากต่างหากที่นำมากินเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่อธิบายซูจิ่งสิงเข้าใจในทันใด “คล้ายมันเทศใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ส่งจอบให้อันหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านขุดออกมาดูเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงรับจอบไป เดินมายังตำแหน่งใกล้ที่สุด ขุดดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นดึงรากของมันฝรั่งออกมาปริมาณมันฝรั่งภายในมิติชวนให้คนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างอ้วนกลมยังทำให้คนชอบมาก“รสชาติเจ้าสิ่งนี้เป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงแปลกใจอยู่บ้าง เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “มันฝรั่ง” นี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยกินมาก่อนด้วยไม่รู้ว่าเทียบกับมันเทศที่คล้ายกันแล้วจะมีรสชาติเช่นไร“ไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงมายังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งเพื่อแสดงรสชาติอร่อยที่สุดของมันฝรั่ง กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใช้ครัวอ
“หนานเจียงส่งคนมาแล้ว?”ดวงตาเฟิ่งอู๋ชีเผยแววประหลาดใจ “ส่งใครมาหรือ?”“องค์ชายสามหนานเจียง” กู้หว่านเยว่พูดเฟิ่งอู๋ชีเผยสีหน้าเย้ยหยันตนเอง ก้มหน้าเล่นถ้วยชาบนโต๊ะ“เป็นเฟิ่งหวู่โจวนี่เอง”“เขาน่ะ มีความสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่ใหญ่ของข้ามากที่สุด”ความเสียใจบนใบหน้าเขาสะท้อนออกอย่างชัดเจน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงล้วนสามารถรับรู้ได้ ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งจึงเอ่ยถามไล่เรียง“เฟิ่งอู๋ชี พูดเช่นนี้อาจล่วงเกินท่านอยู่บ้าง แต่ตกลงสถานการณ์ที่หนานเจียงของท่านเป็นเช่นไรกันแน่?”เฟิ่งอู๋ชีเบือนหน้าหนี เขาถูกกระตุ้นให้นึกถึกเรื่องที่เสียใจจึงหลีกเลี่ยงคำถามของทั้งคู่“ข้าบอกพวกท่านได้เพียงว่าน้องสามของข้าท่านนี้ไม่มีอันใดน่ากลัว เขาเป็นสุนัขตัวหนึ่งของเฟิ่งหมิงกวง ขอเพียงพวกท่านจับเฟิ่งหมิงกวงไว้ได้อยู่หมัดก็เท่ากับจับเขาไว้ได้แล้ว”แม้ว่ากู้หว่านเยว่อยากสืบข่าวให้มากยิ่งกว่านี้ แต่เห็นว่าเฟิ่งอู๋ชีถูกพูดแทงใจ นางเองก็ไม่ได้ถามต่อ“ได้ ท่านพักผ่อนดีๆ พวกเราจะมาเยี่ยมท่านใหม่วันหลัง”นางลุกขึ้นบอกลา“น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งฮองเฮา”เฟิ่งอู๋ชีอยากลุกขึ้นทำความเคารพ กลับถูกกู้หว่านเยว่
“คนที่ส่งมาคือใคร?”“องค์ชายสามของหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายสาม?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง หนานเจียงไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานานหลายปี พวกเขารู้เรื่องหนานเจียงน้อยมาก ย่อมไม่รู้จักองค์ชายสามคนนี้ดังนั้นสองคนจึงตัดสินใจไปสอบถามเฟิ่งอู๋ชีก่อน“ช่วงนี้ร่างกายของเฟิ่งอู๋ชีเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามชิงเหลียน ช่วงนี้เป็นนางเฝ้าเฟิ่งอู๋ชีอยู่ตลอด“หลังท่านมอบเลือดของเทพเต่าให้เขาแล้ว เขาปรุงสมุนไพรด้วยตนเองจึงดีกว่าแต่ก่อนมากเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าได้รู้ว่าเลือดเต่าของเฟิ่งอู๋ชีถูกเฟิ่งหมิงกวงขโมยไป กู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิติปรึกษากับเต่าทะเลยักษ์หนึ่งรอบ หวังว่าจะได้รับเลือดจากตัวมันอีกเล็กน้อยแน่นอน ภายในใจนางนับเต่าทะเลยักษ์เป็นสหายแล้วหากเต่าทะเลยักษ์ไม่ยอม นางย่อมไม่บังคับเต่าทะเลยักษ์ยอมรับกู้หว่านเยว่ในฐานะเจ้านายอย่างมาก ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่ทำเพื่อช่วยสหายของตนก็ยื่นกรงเล็บน้อยๆ ออกไปอย่างไม่ลังเล ให้กู้หว่านเยว่เจาะเลือดหลังกู้หว่านเยว่รับไปแล้วก็รีบไปหาเฟิ่งอู๋ชีและมอบเลือดเต่าทะเลให้เขาหลังจากนั้นเขาก็พักรักษาตัวภายในตำหนักแห่งหน
ตอนหวงจูเข้าวัง ใต้เท้าหวงและหวงฮูหยินคิดว่าลูกสาวจะไปเป็นสนมสรุปคือคนพลิกบทบาทไปในเวลาเพียงชั่วพริบตา กลายเป็นขุนนางคนสนิทของกู้หว่านเยว่เสียแล้วหวงจูสวมชุดแดงใส่หมวกขุนนางกลับบ้าน ทั้งสองคนยังตอบสนองไม่ทัน ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่“ลูกสาว เจ้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นสนมหรือ เหตุใดเป็นขุนนางแล้วเล่า?”ดูแล้วขุนนางนี้ ตำแหน่งไม่เล็กใต้เท้าหวงขยี้ตา เขายังไม่ตื่นหรือ?“ท่านพ่อ ท่านดูไม่ผิด บัดนี้ลูกรับราชการในราชสำนักเหมือนท่านแล้ว”หวงจูคลี่ยิ้มอย่างฉลาดหลักแหลม“ฮองเฮาแต่งตั้งลูกเป็นรองผู้คุมสอบขุนนางในครั้งนี้เจ้าค่ะ”สองผู้เฒ่าสกุลหวง ‘?’“นี่ตกลงเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”ใต้เท้าหวงใกล้หมดสติเต็มที“ท่านพ่อ ฮองเฮาตัดสินใจเปิดการสอบพระราชทานของสตรีในปีนี้ ฮองเฮาถูกใจลูก ทำลายกฎเกณฑ์เป็นพิเศษ จัดการสอบพระราชทานในครั้งนี้ขึ้นเจ้าค่ะ”สีหน้าหวงจูเรียบเฉย กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากภายในใจ ความหวังและความใฝ่ฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว“จูเอ๋อร์”แววตาใต้เท้าหวงทอประกาย“เจ้าบอกพ่อ ตั้งแต่เข้าวัง เจ้าก็วางแผนไว้แล้วใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”หวงจูยกชาขึ้น พยักหน้าอย่างจริงจั
กู้หว่านเยว่โบกมือ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกขึ้น“กำลังจะกินมื้อเช้าพอดี”กู้หว่านเยว่ล้างหน้าบ้วนปากแล้วก็วางผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ฝั่งหนึ่ง สั่งคนไปยกอาหาร“เจ้าเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็นั่งลงทางด้านข้าง กินไปด้วยพูดไปด้วยเถอะ”ท่าทีเป็นกันเองของนางทำให้หวงจูแปลกใจ แววตายามทอดมองนางเปี่ยมความชื่นชม“บ่าวขอบพระทัยฮองเฮามากเพคะ”ทั้งสองคนนั่งลงพร้อมกัน หวงจูกลับไม่กล้ากินจริง ที่ทำมากที่สุดคือปรนนิบัติกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่เองก็อยากฉวยโอกาสนี้ทดสอบหมิงจู ดูว่าตกลงนางมีความสามารถมากเพียงใด ปราฎว่าทดสอบดูแล้วพบว่าอีกฝ่ายมีความคิดล้ำสมัยอย่างแท้จริง“เจ้าอ่านหนังสือไม่น้อย”“หลังกินเสร็จแล้วเจ้าอย่าเพิ่งไป ข้าจะให้คนทดสอบเจ้า”นางกำลังขาดผู้อยู่ใต้อาณัติไว้ใช้งานดีหวงจูชะงักไป จากนั้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง“บ่าวขอบพระทัยฮองเฮามากเพคะ”เรื่องนี้มีหวังแล้ว!“เจ้าไปเชิญใต้เท้าเว่ยเว่ยเฉิงมาสักเที่ยวหนึ่ง”กู้หว่านเยว่สั่งหงเจาหนึ่งประโยค“เพคะ”หงเจาพยักหน้า จากนั้นรีบออกไปตามคนรอจนกระทั่งกู้หว่านเยว่กินข้าวเรียบร้อยแล้ว เว่ยเฉิงก็เดินทางเข้ามาจากนอกวัง กำล
ชิงเหลียนมองออกไป แล้วรีบกราบทูลรายงานว่า “นี่คือคนที่สกุลหวงส่งเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน บอกว่าเข้ามาดูแลท่านเป็นพิเศษ ข้าเห็นว่านางเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงพานางมาที่นี่เจ้าค่ะ”หวงจูรีบหมุนตัวกลับมา นางมองกู้หว่านเยว่อย่างชื่นชม ก่อนจะรีบก้มหน้าลง คุกเข่าตรงหน้าของกู้หว่านเยว่“ข้าหวงจู ขอคารวะพระมเหสี ขอให้พระมเหสีทรงมีอายุยืนยาวเป็นพัน ๆ ปี เป็น หมื่น ๆปี”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง“เจ้าคือบุตรสาวของใต้เท้าหวง”นางมีความประทับใจต่อขุนนางอย่างใต้เท้าหวง ทำไมนะหรือ? ไต้เท้าหวงผู้นี้มีตำแหน่งไม่ธรรมดา อีกทั้งยังยังเคยทำงานภายใต้การดูแลของมู่หรงถิงมาก่อนตามหลักแล้ว นางจะต้องสืบค้นอย่างแน่นอนทว่าหลังจากที่สืบค้นแล้ว พบว่าสกุลหวงไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ใต้เท้าหวงไม่ใช่ขุนนางทุจริต ดังนั้นจึงปล่อยผ่านไม่ได้สืบค้นตระกูลของพวกนาง ตอนนี้ใต้เท้าหวงยังคงดำรงตำแหน่งเดิม“พระมเหสีทรงความจำดียิ่งนัก ท่านพ่อของข้าคือจงเฉิงหวงเหรินในตอนนี้”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดใต้เท้าหวงไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้น้อยในราชสำนัก บุตรสาวของเขาก็นับว่าสามารถขึ้นเป็นพระชายาของท่านอ๋องได้ เหตุใดถึงส่งนางมา
จงหลี่ไม่ไป ตัดสินใจว่าจะตายไปพร้อมกับพวกเขาทุกคนต่างก็ซาบซึ้งใจและลำบากใจในเวลาเดียวกัน“ฝ่าบาท”ชิงเยี่ยนน้ำตาไหลพราก นัยน์ตาของจงหลี่เลื่อนมาหยุดอยู่ที่เขา ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าและตบบ่าของเขาด้วยความเชื่อมั่น“ชิงเหยียน เจ้าไปเถอะเจ้าคือองครักษ์ของข้า คือคนที่ข้าเห็นการเติบโตและเป็นคนที่ข้าเชื่อใจที่สุดเจ้าจงนำอารยธรรมของเมืองตงโจวไปตามหาหว่านเยว่ที่ต้าฉี”ในใจของเขายังเป็นห่วงน้องสาว“หลังจากที่เจอหว่านเยว่แล้ว จำไว้ บอกนางจงใช้ชีวิตอยู่ในต้าฉีให้ดี ห้ามกลับมาเมืองตงโจวอีก”“ฝ่าบาท!”ชิงเยี่ยนแสดงสีหน้าตื่นตกใจ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องจากไปคือตัวเอง“ไม่ ฝ่าบาท ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับท่าน”ชิงเยี่ยนแทบจะคุกเข่าร้องไห้ กอดขาของจงหลี่ไว้“ฝ่าบาท ท่านอย่าไล่ข้าเลยเขอรับ ให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากจากไปจริง ๆ”ฝ่าบาทมีพระคุณกับเขามากมายดั่งภูผา เขาจะทิ้งฝ่าบาท แล้วหนีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวได้อย่างไร?เขาทำไม่ได้ชิงเยี่ยนน้องไห้น้ำตานองหน้า ส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียวจงหลี่ทอดถอนใจ แล้วประคองเขาขึ้นมา “ชิงเยี่ยน ทำไมข้าถึงต้องให้เจ้าไป? ประการแรกคื