ซูจิ่นเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างด้วยความหวาดกลัว “เขาคือปรมาจารย์แพทย์”“เจ้าพบปรมาจารย์แพทย์หรือ?”กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยชายชราปรมาจารย์แพทย์ผู้นี้คุ้มดีคุ้มร้าย ครั้งหนึ่งเคยมีลูกเศรษฐีล่วงเกินเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางยาพิษตายทั้งครอบครัวในชั่วข้ามคืนแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีความเคียดแค้นใด ๆ กับเขา เหตุใดเขาถึงลงมือกับซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าพบเขาที่ทางเข้าโรงเตี๊ยม”“เขาบอกว่าเขาวางยาพิษทุกคน ถ้าต้องการยาถอนพิษ ก็ให้ไปหาเขาที่ทะเลสาบหูลูทางทิศตะวันออกของโรงเตี๊ยม”“ข้าโกรธมากอยากจะดึงตัวเขามาตะโกนใส่ แต่ผลคือเขาแตะบนหัวของข้า แล้วข้าก็หน้ามืดล้มลงกับพื้น”เมื่อนึกถึงหน้าตาปรมาจารย์แพทย์ ซูจิ่นเอ๋อร์ก็อดตัวสั่นไม่ได้ ชายชราผู้นั้นน่ากลัวจริง ๆ!“เป็นเช่นนี้เอง”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว นางว่าแล้วเหตุใดทุกคนถึงถูกวางยาพิษโดยไม่มีสาเหตุ ที่แท้ก็เป็นวิธีการลงมือของปรมาจารย์แพทย์นี่เองไม่ว่าปรมาจารย์แพทย์จะมีจุดประสงค์อะไร นางต้องเอายาถอนพิษกลับมาให้ได้“ทะเลสาบหูลูใช่ไหม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย...”“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ซูจิ่งสิงอ่านความคิดของกู้หว่านเยว่ออก ย่อมไม่ปล่อ
“น้อมรับคำสั่ง น้องหญิง”ซูจิ่งสิงย่อมรู้ว่ากู้หว่านเยว่หมายถึงอะไร จึงเหาะทะยานล่องูเหลือมยักษ์มาถึงตรงหน้าปรมาจารย์แพทย์ปรมาจารย์แพทย์กำลังเฝ้าดูอย่างสนอกสนใจเขารู้มานานแล้วว่ามีงูเหลือมยักษ์อายุร้อยปีอยู่ที่นี่ รอดูงูเหลือมยักษ์ฉีกพวกเขาทั้งสองเป็นสองท่อน แก้แค้นให้กับลั่วยางผู้เป็นศิษย์รักของเขาเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามาถึงตรงหน้าในทันใด แถมยังเผยรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายให้เขาอีกด้วยจากนั้น เลือดไก่ถุงหนึ่งก็ราดลงบนตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า“โอ๊ย ๆ ๆ นังหนูสารเลวช่างร้ายกาจนัก บังอาจเทเลือดไก่ใส่ตัวข้า!”ปรมาจารย์แพทย์ตกตะลึง ก่อนจะดีดตัวขึ้นงูเหลือมยักษ์ชอบกลิ่นคาวที่สุด เมื่อได้กลิ่นเลือดไก่ จะไม่คิดว่าเขาเป็นอาหารกลางวันได้อย่างไร?เห็นงูเหลือมยักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งตามคาด จากนั้นก็โยนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงทิ้งไป สะบัดหางยักษ์พุ่งตรงไปที่ปรมาจารย์แพทย์“โอ๊ย ๆ ๆ ช่วยด้วย!”ปรมาจารย์แพทย์ชูมือทั้งสองขึ้น สาวเท้าวิ่งหนีไป หนวดเคราผมเผ้าหงอกขาวสั่นระริกกลางอากาศ“อ๊ะ ฮ่า ๆ ๆ”กู้หว่านเยว่เห็นสภาพทุลักทุเลของปรมาจารย์แพทย์ ก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้หลังจากหัวเราะได้สักพั
โอ๊ย น่าโมโหชะมัด! พวกเจ้าสองคนกำลังพลอดรักกันต่อหน้าคนแก่อย่างข้า!”ปรมาจารย์แพทย์ที่อยู่ไม่ไกลร้องโอดครวญอย่างไม่สบอารมณ์ สางเคราหงอกขาวของตัวเองเจ็บปวดใจเคราหงอกขาวที่เขาได้ทะนุถนอมมานานแสนนาน สกปรกไปหมดจากการวิ่งหนี!“ปรมาจารย์แพทย์ เรื่องพิษเย็น ข้าจะมาหาหารือกับท่านวันหลัง”กู้หว่านเยว่ชั่งน้ำหนักเน่ยตันภายในมือ วางแผนที่จะกลับไปช่วยเหลือผู้คนที่โรงเตี๊ยมก่อน ค่อยมาคิดบัญชีกับปรมาจารย์แพทย์อีกครั้งปรมาจารย์แพทย์ย่อมไม่ยอมปล่อยให้นางจากไปอยู่แล้วบัญชีแค้นของลั่วยางก็ยังไม่ชำระ เคราที่เขาพากเพียรบำรุงรักษามาก็สกปรกถึงเพียงนี้ มันทำให้เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง“คิดจะไปหรือ ไม่มีทาง”ปรมาจารย์แพทย์รีบเดินมาถึงด้านหลังของทั้งสอง พลางหัวเราะคิกคัก “รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนอยู่ข้างหลังคนอื่นเสมอ?เพราะมันให้ความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น สะดวกมากขึ้นในการวางยาพิษผู้คน”ว่าแล้วเขาก็หายใจใส่กู้หว่านเยว่ในลมหายใจนั้นมีผงแป้งผสมอยู่ด้วย“ผงหอมดูดวิญญาณ!”กู้หว่านเยว่กลั้นหายใจ ผงหอมดูดวิญญาณเป็นยาหลอนประสาท ปรมาจารย์แพทย์ผู้นี้เลวทรามจริง ๆระหว่างทางที่มา นางได้กินยาถอนพิษไว้ล่วงหน
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเขาเด็ก ๆ เข่นฆ่าผู้คนมากมายเกินไป จนทำให้น้องหวงเพื่อนรักของเขาไม่พาเขาไปเที่ยวเล่น เขาจำต้องสาบานว่าจะไม่ฆ่าใครอีก ก็คงจะวางยาพิษกู้หว่านเยว่ตายไปนานแล้ว“โอ๊ย ๆ ๆ ข้าต้องไปล้างหน้าโกนหนวดแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์นวยนาดจากไปมู่หรงอวี้มองคนทั้งสองบนพื้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย“เอาพวกเขาลงมา เตรียมอุปกรณ์ทรมาน เดี๋ยวข้าจะมาทรมานพวกเขาด้วยตัวเอง!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นอนอยู่บนพื้นหิมะถูกหามขึ้นมาอีกครั้งหลู่ซื่อพาพวกเขาเข้าไปในห้อง จับมัดมือมัดเท้าเดิมทีควรจะตรวจสอบอีกครั้ง แต่หลู่ซื่อเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลงกลอนประตูเสร็จก็ไปแล้วพร้อมกับที่ประตูปิดลง ซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้น หลังหลุดจากเชือกมัดได้แล้ว ก็มองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นอย่างแรก“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”จากนั้นก็ช่วยกู้หว่านเยว่คลายเชือก“ข้าไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่ขยับมือและเท้าครู่หนึ่ง นึกถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา รู้สึกจุกอกพูดไม่ออก“เจ้ามู่หรงอวี้สารเลว ข้าว่าแล้วว่าการตายของลั่วยางถูกโยนความผิดมาที่ข้าได้อย่างไร ที่แท้เขาก็อยู่เบื้องหลังนี่เอง”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว เมื่อวิเคราะ
เมื่อมาถึงนอกเรือน เขาก็ผลักประตูเรือนออก เข้าไปด้วยสีหน้าระแวดระวัง ถือโอกาสลงกลอนประตูเสร็จสรรพ“ตามเข้าไปดู”ซูจิ่งสิงโอบเอวของกู้หว่านเยว่ พานางเหาะขึ้นไปบนหลังคายกแผ่นกระเบื้องออกมองลงไปด้านล่าง ผลคือได้เห็นคนที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา“หมอหญิงลั่ว ยังไงท่านก็กินสักหน่อยเถอะ กว่าข้าจะช่วยท่านกลับมาได้ไม่ง่ายเลย ถ้าท่านอดข้าวตาย ข้าไม่ช่วยท่านเสียเปล่าหรอกหรือ?”ใช่แล้ว ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือดก็คือลั่วยางที่แท้นางยังไม่ตาย และได้รับการช่วยชีวิตโดยหลู่ซื่อทว่า ในเวลานี้ลั่วยางก็ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้วนางเคยมีรูปร่างบอบบาง คิ้วและดวงตาเผยความหยิ่งทะนง แต่ตอนนี้แก้มตอบลงจากความหิวโหย มองแวบแรกช่างน่าตกใจจริง ๆลั่วยางจ้องมองเขา“ท่านขังข้าไว้ที่นี่ ไม่ยอมปล่อยข้าออกไป ข้ายอมตายดีกว่ากินข้าว”กู้หว่านเยว่ที่แอบดูอยู่เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีโซ่ตรวนเส้นหนึ่งที่ขาของลั่วยาง ทำให้การเคลื่อนไหวของนางในห้องถูกจำกัดหลู่ซื่อคิดผู้นี้คิดจะทำอะไร เหตุใดถึงช่วยใครมาแล้วขังเอาไว้หลู่ซื่อเองก็จนปัญญาเช่นกัน“หมอหญิงลั่ว ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ปล่อยท่านไป เพียงแต่
เห็นทีการหยั่งเดาของพวกเขาถูกต้องแล้ว มู่หรงอวี้ต้องการฆ่าลั่วยาง โยนความผิดให้พวกเขา“มู่หรงอวี้คนนี้ช่างโหดเหี้ยมโดยแท้”กู้หว่านเยว่ทอดถอนใจเรียบร้อยแล้ว กลับคิดว่าสมเหตุสมผล แต่ไรมามู่หรงอวี้ล้วนไม่มีความรักต่อหญิงข้างกาย มีเพียงใช้ผลประโยชน์เท่านั้นสำหรับหญิงที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ก็ล้วนฆ่าตายทั้งสิ้น“ในเมื่อลั่วยางยังมีชีวิตอยู่ จะพานางกลับไปพบปรมาจารย์แพทย์ ชี้แจงให้ชัดเจนหรือไม่?”ซูจิ่งสิงเอ่ยปากขอความเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้าลั่วยางคนนี้เห็นได้ชัดว่าหลงใหลในความรัก หากอยู่หน้าปรมาจารย์แพทย์ ถูกมู่หรงอวี้ทำให้ลุ่มหลงแว้งกัดพวกเขา เช่นนั้นต่อให้มีสิบปากก็ล้างมลทินไม่ได้“ให้คนจับตามองนางก่อนเถอะ สบโอกาสค่อยลงมือ อย่างไรเสียระยะนี้ปรมาจารย์แพทย์ก็สร้างปัญหาให้พวกเราไม่ได้”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เรียกฉู่เฟิงออกมา ให้เขาจับตามองลั่วยางอย่างใกล้ชิด“ที่นี่อยู่นานไม่ได้ พวกเราเองก็ไม่ก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงออกไปนอกเรือน มองเห็นสองคนจับมือกัน ความตื่นเต้นก่อตัวขึ้นภายในใจซูจิ่งสิงระลอกหนึ่ง รีบเดินตามไปอย่างว่องไวได้ออกมาภายนอกอย่างยากลำบากเที่ยวหนึ่ง ทั้งส
“กลางวันแสกๆ พวกเจ้าคิดจะทำอันใด?”กู้หว่านเยว่ถามเสียงเย็นอันธพาลกอดขาร้องโอดครวญสองครั้ง หันหน้ามองเห็นใบหน้าโกรธขึ้งของกู้หว่านเยว่“ข้าเป็นผู้มีอำนาจของเมืองชิงหนิว ยังไม่ต้องให้เจ้าเข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง คร้านจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่?”พูดจบก็พาสองสามคนทางด้านหลังปรี่ถลาเข้ามา“น้องหญิง ยกให้ข้า”ซูจิ่งสิงขยับขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับปกคอเสื้อของอันธพาลเอาไว้และเหวี่ยงหมัดใส่พวกเขา จากนั้นเตะจนลอยกระเด็นออกไป“นับว่าเจ้าร้ายกาจ พวกเรารีบไป!”พวกอันธพาลเห็นว่าสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ รีบวิ่งจากไปแล้ว“ขอบคุณพวกท่านมาก” ฟู่ซานมาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ ร้องไห้กล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่มองเขาและฟู่เยียนหรานแวบหนึ่ง ครุ่นคิดและมอบหมั่นโถวให้ฟู่ซานหนึ่งลูก จากนั้นคร้านจะพูดต่อ หมุนตัวเตรียมจากไป“กู้หว่านเยว่ ล้วนเป็นเจ้าทำร้ายข้าจนกลายเป็นเช่นนี้”ฟู่เยียนหรานมองกู้หว่านเยว่อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เปล่งเสียงออกมากู้หว่านเยว่พูดไม่ออก เมื่อครู่หากมิใช่เพราะเห็นฟู่ซานเด็กคนนี้น่าสงสาร นางก็ไม่มีวันลงมือช่วยเหลือปรากฏว่าช่วยคนไว้แล้ว ยังถูกฟู่เยียนหรานจดจำความแค้นเอาไว้ หญิ
“นางอยู่ที่ใด?”มู่หรงอวี้รีบหันหน้ามาในทันใด คล้ายไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับฟู่เยียนหราน“อยู่ภายในเมืองชิงหนิว ข้าพบนางเพคะ”“ตาม จับนางกลับมา!”มู่หรงอวี้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันออกคำสั่ง คนใกล้เสียสติเต็มทีเหมือนกับครั้งก่อน ของทั้งหมดภายในจวนถูกขนไปจนเกลี้ยง บัดนี้แม้แต่เงินเหมาเดียวเขาก็ไม่มี ทนมากเพียงพอแล้ว!อำมหิตยิ่งกว่าโจร!“ผู้น้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย” หลู่ซื่อรีบพาคนไล่ตามไปฟู่เยียนหรานประคองมู่หรงอวี้ไว้ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากให้เขาอย่างปวดใจ เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม“ท่านอ๋องอย่ามีโทสะเพราะกู้หว่านเยว่เลย ท่านมีฐานะสูงศักดิ์ โมโหคนต่ำต้อยพรรค์นี้ร่างกายมิอาจทนไหว”“อืม”มู่หรงอวี้หลับตาทั้งสองข้าง สีหน้านุ่มนวลขึ้นไม่น้อย แต่อารมณ์ยังคุกรุ่นเขาไม่เข้าใจ หลังได้พบกู้หว่านเยว่ เหตุใดเขาดวงซวยเพียงนี้เล่า?“เหตุใดเจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่?”มู่หรงอวี้หันมองฟู่เยียนหรานอย่างกะทันหัน เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เขาตัดสินใจเข้าหาบุตรีของหนานหยางอ๋อง เพื่อดึงหนานหยางอ๋องเป็นพรรคพวก เก็บฟู่เยียนหรานไว้ข้างกาย อาจขวางทางได้“ข้าเดินหาท่านตลอดทาง”เอ่ยถึงเรื่องนี้ฟู
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง