ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเขาเด็ก ๆ เข่นฆ่าผู้คนมากมายเกินไป จนทำให้น้องหวงเพื่อนรักของเขาไม่พาเขาไปเที่ยวเล่น เขาจำต้องสาบานว่าจะไม่ฆ่าใครอีก ก็คงจะวางยาพิษกู้หว่านเยว่ตายไปนานแล้ว“โอ๊ย ๆ ๆ ข้าต้องไปล้างหน้าโกนหนวดแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์นวยนาดจากไปมู่หรงอวี้มองคนทั้งสองบนพื้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย“เอาพวกเขาลงมา เตรียมอุปกรณ์ทรมาน เดี๋ยวข้าจะมาทรมานพวกเขาด้วยตัวเอง!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นอนอยู่บนพื้นหิมะถูกหามขึ้นมาอีกครั้งหลู่ซื่อพาพวกเขาเข้าไปในห้อง จับมัดมือมัดเท้าเดิมทีควรจะตรวจสอบอีกครั้ง แต่หลู่ซื่อเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลงกลอนประตูเสร็จก็ไปแล้วพร้อมกับที่ประตูปิดลง ซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้น หลังหลุดจากเชือกมัดได้แล้ว ก็มองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นอย่างแรก“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”จากนั้นก็ช่วยกู้หว่านเยว่คลายเชือก“ข้าไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่ขยับมือและเท้าครู่หนึ่ง นึกถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา รู้สึกจุกอกพูดไม่ออก“เจ้ามู่หรงอวี้สารเลว ข้าว่าแล้วว่าการตายของลั่วยางถูกโยนความผิดมาที่ข้าได้อย่างไร ที่แท้เขาก็อยู่เบื้องหลังนี่เอง”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว เมื่อวิเคราะ
เมื่อมาถึงนอกเรือน เขาก็ผลักประตูเรือนออก เข้าไปด้วยสีหน้าระแวดระวัง ถือโอกาสลงกลอนประตูเสร็จสรรพ“ตามเข้าไปดู”ซูจิ่งสิงโอบเอวของกู้หว่านเยว่ พานางเหาะขึ้นไปบนหลังคายกแผ่นกระเบื้องออกมองลงไปด้านล่าง ผลคือได้เห็นคนที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา“หมอหญิงลั่ว ยังไงท่านก็กินสักหน่อยเถอะ กว่าข้าจะช่วยท่านกลับมาได้ไม่ง่ายเลย ถ้าท่านอดข้าวตาย ข้าไม่ช่วยท่านเสียเปล่าหรอกหรือ?”ใช่แล้ว ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือดก็คือลั่วยางที่แท้นางยังไม่ตาย และได้รับการช่วยชีวิตโดยหลู่ซื่อทว่า ในเวลานี้ลั่วยางก็ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้วนางเคยมีรูปร่างบอบบาง คิ้วและดวงตาเผยความหยิ่งทะนง แต่ตอนนี้แก้มตอบลงจากความหิวโหย มองแวบแรกช่างน่าตกใจจริง ๆลั่วยางจ้องมองเขา“ท่านขังข้าไว้ที่นี่ ไม่ยอมปล่อยข้าออกไป ข้ายอมตายดีกว่ากินข้าว”กู้หว่านเยว่ที่แอบดูอยู่เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีโซ่ตรวนเส้นหนึ่งที่ขาของลั่วยาง ทำให้การเคลื่อนไหวของนางในห้องถูกจำกัดหลู่ซื่อคิดผู้นี้คิดจะทำอะไร เหตุใดถึงช่วยใครมาแล้วขังเอาไว้หลู่ซื่อเองก็จนปัญญาเช่นกัน“หมอหญิงลั่ว ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ปล่อยท่านไป เพียงแต่
เห็นทีการหยั่งเดาของพวกเขาถูกต้องแล้ว มู่หรงอวี้ต้องการฆ่าลั่วยาง โยนความผิดให้พวกเขา“มู่หรงอวี้คนนี้ช่างโหดเหี้ยมโดยแท้”กู้หว่านเยว่ทอดถอนใจเรียบร้อยแล้ว กลับคิดว่าสมเหตุสมผล แต่ไรมามู่หรงอวี้ล้วนไม่มีความรักต่อหญิงข้างกาย มีเพียงใช้ผลประโยชน์เท่านั้นสำหรับหญิงที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ก็ล้วนฆ่าตายทั้งสิ้น“ในเมื่อลั่วยางยังมีชีวิตอยู่ จะพานางกลับไปพบปรมาจารย์แพทย์ ชี้แจงให้ชัดเจนหรือไม่?”ซูจิ่งสิงเอ่ยปากขอความเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้าลั่วยางคนนี้เห็นได้ชัดว่าหลงใหลในความรัก หากอยู่หน้าปรมาจารย์แพทย์ ถูกมู่หรงอวี้ทำให้ลุ่มหลงแว้งกัดพวกเขา เช่นนั้นต่อให้มีสิบปากก็ล้างมลทินไม่ได้“ให้คนจับตามองนางก่อนเถอะ สบโอกาสค่อยลงมือ อย่างไรเสียระยะนี้ปรมาจารย์แพทย์ก็สร้างปัญหาให้พวกเราไม่ได้”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เรียกฉู่เฟิงออกมา ให้เขาจับตามองลั่วยางอย่างใกล้ชิด“ที่นี่อยู่นานไม่ได้ พวกเราเองก็ไม่ก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงออกไปนอกเรือน มองเห็นสองคนจับมือกัน ความตื่นเต้นก่อตัวขึ้นภายในใจซูจิ่งสิงระลอกหนึ่ง รีบเดินตามไปอย่างว่องไวได้ออกมาภายนอกอย่างยากลำบากเที่ยวหนึ่ง ทั้งส
“กลางวันแสกๆ พวกเจ้าคิดจะทำอันใด?”กู้หว่านเยว่ถามเสียงเย็นอันธพาลกอดขาร้องโอดครวญสองครั้ง หันหน้ามองเห็นใบหน้าโกรธขึ้งของกู้หว่านเยว่“ข้าเป็นผู้มีอำนาจของเมืองชิงหนิว ยังไม่ต้องให้เจ้าเข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง คร้านจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่?”พูดจบก็พาสองสามคนทางด้านหลังปรี่ถลาเข้ามา“น้องหญิง ยกให้ข้า”ซูจิ่งสิงขยับขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับปกคอเสื้อของอันธพาลเอาไว้และเหวี่ยงหมัดใส่พวกเขา จากนั้นเตะจนลอยกระเด็นออกไป“นับว่าเจ้าร้ายกาจ พวกเรารีบไป!”พวกอันธพาลเห็นว่าสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ รีบวิ่งจากไปแล้ว“ขอบคุณพวกท่านมาก” ฟู่ซานมาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ ร้องไห้กล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่มองเขาและฟู่เยียนหรานแวบหนึ่ง ครุ่นคิดและมอบหมั่นโถวให้ฟู่ซานหนึ่งลูก จากนั้นคร้านจะพูดต่อ หมุนตัวเตรียมจากไป“กู้หว่านเยว่ ล้วนเป็นเจ้าทำร้ายข้าจนกลายเป็นเช่นนี้”ฟู่เยียนหรานมองกู้หว่านเยว่อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เปล่งเสียงออกมากู้หว่านเยว่พูดไม่ออก เมื่อครู่หากมิใช่เพราะเห็นฟู่ซานเด็กคนนี้น่าสงสาร นางก็ไม่มีวันลงมือช่วยเหลือปรากฏว่าช่วยคนไว้แล้ว ยังถูกฟู่เยียนหรานจดจำความแค้นเอาไว้ หญิ
“นางอยู่ที่ใด?”มู่หรงอวี้รีบหันหน้ามาในทันใด คล้ายไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับฟู่เยียนหราน“อยู่ภายในเมืองชิงหนิว ข้าพบนางเพคะ”“ตาม จับนางกลับมา!”มู่หรงอวี้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันออกคำสั่ง คนใกล้เสียสติเต็มทีเหมือนกับครั้งก่อน ของทั้งหมดภายในจวนถูกขนไปจนเกลี้ยง บัดนี้แม้แต่เงินเหมาเดียวเขาก็ไม่มี ทนมากเพียงพอแล้ว!อำมหิตยิ่งกว่าโจร!“ผู้น้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย” หลู่ซื่อรีบพาคนไล่ตามไปฟู่เยียนหรานประคองมู่หรงอวี้ไว้ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากให้เขาอย่างปวดใจ เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม“ท่านอ๋องอย่ามีโทสะเพราะกู้หว่านเยว่เลย ท่านมีฐานะสูงศักดิ์ โมโหคนต่ำต้อยพรรค์นี้ร่างกายมิอาจทนไหว”“อืม”มู่หรงอวี้หลับตาทั้งสองข้าง สีหน้านุ่มนวลขึ้นไม่น้อย แต่อารมณ์ยังคุกรุ่นเขาไม่เข้าใจ หลังได้พบกู้หว่านเยว่ เหตุใดเขาดวงซวยเพียงนี้เล่า?“เหตุใดเจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่?”มู่หรงอวี้หันมองฟู่เยียนหรานอย่างกะทันหัน เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เขาตัดสินใจเข้าหาบุตรีของหนานหยางอ๋อง เพื่อดึงหนานหยางอ๋องเป็นพรรคพวก เก็บฟู่เยียนหรานไว้ข้างกาย อาจขวางทางได้“ข้าเดินหาท่านตลอดทาง”เอ่ยถึงเรื่องนี้ฟู
“วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว สหาย ตี!”“โอ้ย...”เด็กหนุ่มถูกกดบนพื้น เพียงครู่เดียวก็ถูกตีจนไม่เหลือคราบมนุษย์ กู้หว่านเยว่คิดภายในใจวันนี้เรื่องให้ใช้ความกล้ามีมากโดยแท้“หยุด!”ลงท้าย กู้หว่านเยว่ยังตัดสินใจยื่นมือออกไป ขยับขึ้นไปเตะหนึ่งในนั้นร่วงพื้น“ซี้ด มีคนยุ่งไม่เข้าเรื่องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว สหาย บุก” อันธพาลเห็นกู้หว่านเยว่เป็นเพียงหญิงคนหนึ่ง ไม่กลัวตั้งแต่แรก เพียงสะบัดมือก็คิดว่าทำนางล้มได้ยังไม่ทันเข้าใกล้ตัวกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงทางด้านหลังก็ขยับขึ้นมา เพียงขาข้างเดียวก็เตะคนเหล่านั้นจนลอยกระเด็นไปแล้ว“สหายน้อย เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”เห็นอันธพาลถูกจัดการแล้ว กู้หว่านเยว่ดึงผ้าสีดำบนใบหน้าลง“อย่าแตะต้องข้า!”เด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บไม่เบา กลับคล้ายไม่รู้สึกเจ็บก็มิปาน มองกู้หว่านเยว่อย่างหวาดระแวงแวบหนึ่งก็หันหน้าหนีเอาชีวิตรอดไปทางถนนใหญ่แล้ว“ช่างไม่มีมารยาทจริงเชียว”มองเงาหลังของเด็กหนุ่ม กู้หว่านเยว่กลับรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง คล้ายเคยอ่านพบคนลักษณะเช่นนี้ในหนังสือ“พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ฟ้าใกล้มืดแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือนที่ฝั่งหนึ่งกู้หว่านเยว่เห็
“ท่านอ๋องวางใจ คนที่ส่งออกไปพบเบาะแสของคุณหนูใหญ่แล้ว จะต้องหาพบอย่างแน่นอนส่วนคุณหนูรอง นางหายตัวไปสิบกว่าปีแล้ว ท่านอ๋องสมควรปล่อยวางได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”นี่คือเรื่องที่หนานหยางอ๋องเสียใจที่สุด เพียงเอ่ยถึงเขาก็ร้องไห้อย่างอดไม่ได้ ทอดถอนใจพลางเอ่ย“จะปล่อยวางได้เยี่ยงไร? ก็ไม่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่...”ที่แท้หนานหยางอ๋องยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน เมื่อสิบกว่าปีก่อนเพิ่งเกิดออกมา ก็เผชิญหน้ากับปีแห่งความขาดแคลนท่ามกลางความวุ่นวาย แม่นมทำลูกน้อยหายไปแล้วหนานหยางอ๋องพลิกแผ่นดินหา ก็ไม่พบเบาะแสของลูกสาวพระชายาหนานหยางรักลูกสาวมาก เป็นโรคซึมเศร้า หลังลูกหายไปได้หนึ่งปีก็จากไปหลังจากวันนั้นหนานหยางอ๋องก็เกิดโรคทางใจเอ่ยถึงลูกสาวคนรอง แม่ทัพเฒ่าเลือดเหล็กก็ตาแดงแล้ว“หวังเพียงนางจะมีความสุข ได้พบครอบครัวที่ดี ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่บนโลก...”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด ที่แท้หนานหยางอ๋องก็ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน มิหนำซ้ำลูกสาวคนนั้นยังหายตัวไปภายในหนังสือมิได้เขียนท่อนนี้ไว้เสียงสนทนาภายในหยุดลงแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงผลักประตูเข้าไป“สองวันนี้อากาศหนาว ข้าเดาว่าท่านอ๋องอาจ
หรือว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญเพียงนี้จริง?ขณะกู้หว่านเยว่ต้องการจับเหลาหลี่มาถามสถานการณ์ของคุณหนูรองที่หายไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านบน หวังปี้เปิดหน้าต่างตะโกนเรียกเขา“แม่ทัพหลี่รีบขึ้นมาเร็วเข้า พบเบาะแสของคุณหนูใหญ่แล้ว”“จริงหรือ?”“จริง ก็อยู่ที่เมืองชิงหนิว!”แม่ทัพหลี่ดีใจมาก ไม่สนใจพูดกับกู้หว่านเยว่ต่ออีก ขึ้นไปด้านบนแล้วกู้หว่านเยว่ทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ หมุนตัวเข้าห้องครัวเก็บเนื้อกวาง“พี่สะใภ้ใหญ่ คืนนี้พวกกินเนื้อกวางย่างหรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ถูมือไปมาสีหน้าตื่นเต้น เอ่ยขัดความคิดของนางแล้ว“พวกเรากินผัดเนื้อกวาง”กู้หว่านเยว่มองเนื้อกวางนั้นแวบหนึ่ง อย่างต่ำก็หลายสิบกงจิน อย่างน้อยก็สามารถกินได้สองมื้อในเมื่อหนานหยางอ๋องมอบให้ นางก็ไม่แบ่งให้ทุกคนแล้ว เฉือนเนื้อกวางออกครึ่งหนึ่งตากลมให้แห้ง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งหั่นเป็นชิ้นผัดกับพริกกู้หว่านเยว่ลงมือเข้าครัวด้วยตนเอง ทำเนื้อกวางผัดพริกหนึ่งจาน ทำเนื้อกวางตุ๋นหัวไชเท้าอีกหนึ่งจาน สุดท้ายป้องกันมิให้ทุกคนเป็นร้อนใน ยังต้มน้ำเก๊กฮวยอีกหนึ่งกาหลังทำอาหารเรียบร้อยแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เรียกคนในครอบคร