“ทะ ท่านเจอท่านหญิงแล้วหรือ?ท่านหญิงสบายดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่มองนาง “ตอนนี้ท่านหญิงฉางเล่อสบายดี แต่เมื่อนางได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ถูกฮ่องเต้พาตัวไป ก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก จึงขอร้องให้ข้ามาช่วยเหลือ”คราวนี้หญิงชราไม่ดิ้นรนขัดขืนอีก ขอบตาแดงก่ำพลางตบต้นขาตัวเอง“สายไปแล้ว มาสายไปแล้ว องค์หญิงใหญ่ถูกพวกเขาพาตัวไปแล้ว!”ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล “ถูกคนพาตัวไปตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว”“ถูกพาไปที่ไหนแล้ว?”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจนางเดาไม่ผิด องค์หญิงใหญ่ไม่ได้อยู่ในจวนองค์หญิงจริง ๆ หญิงชราส่ายหน้า“บ่าวไม่ทราบ พวกองครักษ์บุกเข้ามาแล้วก็จับองค์หญิงใหญ่ไปเลยตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ยังทรงประชวรอยู่บนเตียง พวกสัตว์เดรัจฉานนั่น ก็ไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย ลากองค์หญิงของพวกเราขึ้นรถม้าไป”นางปวดใจจนสุดจะทน พูดไปพูดมาน้ำตาก็ไหลรินหญิงชราอธิบาย ขณะที่สบตากับสายตาสงสัยของกู้หว่านเยว่“คุณหนูอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย บ่าวเป็นแม่นมขององค์หญิงใหญ่ เฝ้ามองพระองค์เติบโตมาตั้งแต่เด็กองค์หญิงของพวกเราได้รับความเคารพนับถือ แต่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ที่ไหนกัน?ท่านผู้นั้น เขาไม่ใช่คน”กู้หว่
“ดังนั้น ท่านอาจะฆ่าข้า เจ้าก็รู้เห็นด้วยหรือว่า เรื่องนี้เจ้ากับท่านอาร่วมมือกันวางแผน?”ดวงตาของโจวหุยแดงก่ำ เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่เขารักจะเป็นคนแบบนี้“พี่ชาย อย่าบีบบังคับข้า”ในใจของซ่งซีซีเดิมทียังมีความรู้สึกผิด แต่พอถูกเขารัวคำถามเช่นนี้ ก็ทำให้นางรู้สึกราวกับสุนัขจนตรอก“ฐานะของท่านกับข้าต่างกันมาก เดิมทีก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ด้วยกัน”นางตัดสินใจ“ข้าอยู่กับคนอื่นแล้ว ท่านผู้นั้นคือองค์ชายหนานเจียง เชิญท่านรีบออกไปคำนึงถึงความสัมพันธ์ในอดีตของเรา ข้าจะไม่ไปฟ้องท่านพ่อเรื่องของท่าน ขอเพียงท่านอย่าได้กลับมาที่เมืองอู้ตูอีก”โจวหุยมองปากของนางที่ขยับพูด ถอยหลังด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“เช่นนั้นข้าเป็นอะไร? เราเคยมีสัมพันธ์ทางกาย...”“พอแล้ว”ซ่งซีซีจ้องมองเขาด้วยความร้อนใจ“ข้าแค่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว จึงมีความสัมพันธ์กับพี่ชายชั่ววูบขอให้พี่ชายลืมเรื่องนี้ไปเสีย ต่อไปอย่าได้มารบกวนข้าอีก”ซ่งซีซีพูดจบ ดูเหมือนจะไม่อยากเห็นโจวหุยอีก จึงผลักเขาออกไป“ท่านรีบไปเถอะ ถ้าท่านยังไม่ไปอีก ตอนนี้ข้าจะเรียกคนมาแล้วนะ”น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการข่มขู่“ถ้าท่านพ่อรู้ว่าท่า
ส่วนเยียนอวิ๋นชูที่พบในแคว้นทูเจวี๋ยเมื่อตอนนั้น มีความเย็นชาและเย่อหยิ่งความหล่อเหลาสองแบบนั้นแตกต่างจากองค์ชายหนานเจียงตรงหน้าผู้นี้ ความหล่อเหลาของเขาใกล้เคียงกับปีศาจ ท่าทางรอยยิ้ม ช่างเย้ายวนใจยิ่งกว่าสตรีเสียอีกกู้หว่านเยว่ไม่รีบร้อนออกไป ตั้งใจจะฟังว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกันอยู่ในมิติ เผื่อว่าจะได้ยินเรื่องที่อยู่ขององค์หญิงใหญ่“ไม่ทราบว่าองค์ชายเสด็จมาเมืองอู้ตูครั้งนี้ จะประทับที่เมืองอู้ตูนานเท่าไรพ่ะย่ะค่ะ?”แม่ทัพซ่งพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพ เห็นได้ชัดว่าเกรงกลัวองค์ชายหนานเจียงเป็นอย่างมาก“รีบร้อนอะไร ข้าอยากจะเที่ยวเล่นในเมืองอู้ตูสักพัก”เฟิ่งอู๋ชียิ้มอย่างคลุมเครือ “อีกอย่าง ยังหาตัวคู่หมั้นไม่เจอ ข้าย่อมไม่จากไปแน่นอน”“ท่านหญิงฉางเล่อถูกคนของเจดีย์หนิงกู่ลักพาตัวไป ฮ่องเต้จะต้องช่วยท่านหญิงฉางเล่อกลับมาอย่างแน่นอน” แม่ทัพซ่งฝืนยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค“ว่าแต่ บุตรสาวของข้ากับองค์ชาย...”“บุตรสาวของท่านกับข้าเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น”เฟิ่งอู๋ชียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พูดจาไร้ยางอาย“หรือว่าแม่ทัพต้องการให้ข้าไม่สนใจการแต่งงาน แล้วอยู่กับบุตรสาวของท
“เจ้าเป็นใคร?”นี่คือสตรีอย่างนั้นหรือ! แม่ทัพซ่งมั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอกู้หว่านเยว่มาก่อน“เจ้าต้องการทำอะไร?”สกุลซ่งมีองครักษ์มากมาย สตรีผู้นี้ยังสามารถบุกเข้ามาได้ วรยุทธ์คงไม่ธรรมดาแม่ทัพซ่งกำลังประเมินความสามารถของกู้หว่านเยว่ในใจ“คำพูดนี้ ดูเหมือนว่าแม่ทัพซ่งจะไม่มีสิทธิ์ถาม”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง แล้วจ่อกริชเข้าไปที่คอของเขารอยเลือดปรากฏขึ้น แม่ทัพซ่งสูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวด“ข้าขอถามท่าน องค์หญิงใหญ่อยู่ที่ไหน?”เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกคนพบเห็น กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจพูดจาไร้สาระ เอ่ยถามขึ้นมาตรง ๆ “ข้าไม่รู้”ดวงตาของแม่ทัพซ่งสั่นไหวเล็กน้อย กู้หว่านเยว่ต่อยเข้าที่สันจมูกของเขา“โกหก!”นางกล่าวเตือน “ข้าไม่ชอบคนโกหก ให้โอกาสท่านอีกครั้งหนึ่ง ตอบมาตามตรง มิเช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าท่านมีชายบำเรอคนโปรด”แม้ว่านางจะพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ แต่กลับทำให้สีหน้าของแม่ทัพซ่งบิดเบี้ยว“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”ดูเหมือนเขาจะกลัวเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเป็นอย่างมากกู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยี “ข้ารู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย แม่ทัพซ่ง ท่านไม่เพียงแต่ชอบผู้ชาย แถมยังชอบแอบใส่ชุดสตรีตอนกลางดึกอีกด้วย
เหลือเพียงองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสี่“ส่วนองค์หญิงใหญ่ในฐานะที่เป็นพระธิดาองค์โตของอดีตฮ่องเต้ ย่อมได้รับความรักมากมาย มิเช่นนั้น อดีตฮ่องเต้คงจะไม่พระราชทานเมืองอู้ตูให้องค์หญิงใหญ่เป็นดินแดนในปกครอง และคงจะไม่สร้างจวนองค์หญิงที่ใหญ่โตเทียบเท่าพระราชวังเช่นนี้”“หลังจากที่องค์หญิงใหญ่อภิเษกสมรส อดีตฮ่องเต้ทรงกังวลว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมอบแผนที่ขุมทรัพย์ให้องค์หญิงใหญ่หนึ่งแผ่น”“แผนที่ขุมทรัพย์อะไร?”“ได้ยินมาว่าเป็นภาพวาดที่ใช้สร้างนักรบสวรรค์”เดิมทีอดีตฮ่องเต้เคยได้รับภาพวาดหนึ่งแผ่นจากยอดฝีมือ ภาพวาดนี้สามารถใช้สร้างนักรบสวรรค์ได้ นักรบสวรรค์ที่สร้างขึ้นมามีพลังมหาศาล สามารถโจมตีได้เองโดยอัตโนมัติ ถือเป็นอาวุธสงครามกู้หว่านเยว่รู้สึกตกตะลึง“อดีตฮ่องเต้มอบแผนที่เช่นนี้ให้องค์หญิงใหญ่หรือ?”แสดงให้เห็นว่าเขารักพระธิดาองค์นี้มากจริง ๆ แม่ทัพซ่งพยักหน้า“สาเหตุที่ล้อมจวนองค์หญิงไว้ ก็เพราะกำลังศึกษานักรบสวรรค์อยู่ข้างใน”“นักรบสวรรค์อย่างนั้นหรือ ข้าชักจะสงสัยแล้วว่า นี่มันคืออะไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย กริชที่อยู่ในมือเปลี่ยนทิศทาง กระแทกแม่
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าบริเวณรอบ ๆ มีไฟลุกโชน ประตูห้องก็ถูกล็อกอย่างแน่นหนา“ช่วยด้วย มีใครอยู่หรือไม่ช่วยข้าที?”โจวหุยสูดดมควันไฟมากเกินไป ทำให้สติเลอะเลือนเขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว กำลังจะหมดสติไปเขามันโง่จริง ๆ ถูกญาติผู้น้องหลอกครั้งหนึ่งแล้วแท้ ๆ กลับถูกหลอกเป็นครั้งที่สองอีกความรักในโลกนี้มันคืออะไรกันแน่?เขาหลงรักน้องหญิง แต่สุดท้ายกลับลงเอยเช่นนี้“ถ้าให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้า...”โจวหุยกัดฟันแน่น “ข้าจะไม่ยอมโง่งมเช่นนี้อีกเป็นอันขาด”“คนคลั่งรัก เตือนท่านให้ระวังแล้ว สุดท้ายก็ยังโดนหลอกอีก”ทันใดนั้น น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างหู จากนั้นเขาก็ถูกใครบางคนดึงขึ้นจากพื้น“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าท่านยังพอใช้ได้ เคยนำทางให้ข้า ข้าคงไม่ช่วยท่านเป็นครั้งที่สองหรอก”โจวหุยรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายลืมตาขึ้นมา มองกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับด่าทอเขา“เป็นท่าน?”เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกู้หว่านเยว่ที่นี่ ยังอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่เรี่ยวแรงในร่างกายของเขาได้หมดลงไปนานแล้ว ขามึนงงและหมดสติไป“ช่างเป็นคนคลั่งรักมากจริง ๆ เคยถูกคนฆ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ยังถูก
“แม่นางกู้ เป็นท่านที่ช่วยข้าจริง ๆ หรือ?”โจวหุยพยายามลืมตาขึ้น หัวเราะอย่างขมขื่นสองครั้ง“ข้านึกว่าข้าเห็นภาพหลอนไปเสียแล้ว”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“ข้ายังมีธุระสำคัญที่ต้องทำ คงช่วยท่านได้แค่ครั้งเดียว ที่นี่คือโรงเตี๊ยม ท่านพักผ่อนที่นี่อย่างสบายใจ ส่วนเรื่องหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองแล้ว”ถึงแม้คนผู้นี้จะเป็นคนคลั่งรัก แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่มีใจรักเดียวกู้หว่านเยว่ไม่อยากพูดอะไรให้หนักเกินไป การช่วยเขาก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว“แม่นางกู้ ท่านมาตามหาองค์หญิงใหญ่ใช่หรือไม่?”โจวหุยพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้กู้หว่านเยว่มองเขาอย่างระแวดระวัง“ท่านถามข้าเรื่ององค์หญิงใหญ่หลายครั้งขนาดนั้น แค่คิดง่าย ๆ ก็รู้แล้วว่า ท่านคงจะตามหาองค์หญิงใหญ่”เขาหัวเราะขมขื่น แล้วกล่าวอธิบาย“ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ในเมื่อข้าเป็นแบบนี้ไปแล้วญาติผู้น้องทรยศข้า ความเศร้าใดเล่าจะเท่าความสิ้นหวังข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหน ท่านเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าไว้ หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยท่านได้ ท่านบอกมาได้เลย”“ไม่ต้องหรอก”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางไม
กู้หว่านเยว่เหลือบมองดูคร่าว ๆ ทั้งหมดน่าจะทำมาจากเหล็กสีนิล แต่ละชิ้นกองไว้ตามมุม“ดูเหมือนว่า พวกเขากำลังผลิตนักรบสวรรค์”ความคิดที่หาญกล้าผุดขึ้นมาในหัวของกู้หว่านเยว่นางขับเคลื่อนมิติมาถึงบนโต๊ะ เห็นพิมพ์เขียวขนาดใหญ่มหึมาฉบับหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะดังคาดพิมพ์เขียวฉบับนี้เหลืองซีดจนเห็นด้วยตาเปล่า ค่อนข้างนานหลายปีแล้วบนพิมพ์เขียวมีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนหลากหลายรูปแบบถูกวาดเอาไว้“ดูเหมือนว่านี่คือพิมพ์เขียวของนักรบสวรรค์”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะได้รับพิมพ์เขียวนี้อย่างราบรื่นดูผู้คนในคุกใต้ดินนี้สิ โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ถูกลักพาตัวมาจากข้างนอกช่างฝีมือเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ กู้หว่านเยว่ไม่ต้องการทำร้ายพวกเขานางค้นยาห่อหนึ่งออกมาจากมิติ จากนั้นโปรยมันลงในคุกใต้ดินโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน ช่างฝีมือในคุกใต้ดินก็ล้มลงกับพื้นทีละคน ก่อนจะหมดสติไปกู้หว่านเยว่หยิบหน้ากากป้องกันพิษออกมาจากมิติ สวมใส่ไว้บนใบหน้าแล้วค่อยออกจากมิติ“ไม่รู้ว่าคุกใต้ดินแห่งนี้สร้างขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มศึกษาค้นคว้านักรบสวรรค์นี้มาตั้งแต่สมัยองค์หญิงใหญ่
“เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะบอกอะไรเจ้าสักหนึ่งประโยค ถึงแม้เจ้าจะเป็นบ่าวของข้า แต่ข้าก็มองเจ้าเป็นเหมือนน้องสาวแท้ ๆ หากเจ้าชอบใครจริง ๆ เจ้าก็จงพยายามไขว่คว้าเอาเอง ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้าวันนี้เจ้าก็เห็นแล้วว่าฉางเล่อมีใจให้กับอวิ๋นมู่ ข้าไม่ได้รู้สึกว่าเจ้าด้อยไปกว่านางเลยแน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า”กู้หว่านเยว่พูดเพียงเท่านี้แววตาของชิงเหลียนมีความสับสนอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงพยักหน้า“ขอบคุณฮูหยิน บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ”ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ทันใดนั้น ซูจิ่งสิงก็รีบร้อนเข้ามาจากข้างนอก“น้องหญิง ทางเมืองหลวงมีข่าวแพร่สะพัดมาแล้ว”กู้หว่านเยว่ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันทีเรื่องใหญ่มาแล้ว!นางโบกมือให้ชิงเหลียนออกไป แล้วหันไปมองซูจิ่งสิง“เกิดอะไรขึ้น?”“นี่คือจดหมายของนกพิราบสื่อสารจากเมืองหลวง”ซูจิ่งสิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาแค่หยิบจดหมายที่อยู่ในมือมอบให้กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่รีบเปิดออก แล้วก็หัวเราะเยาะในทันที“ฮ่องเต้ชั่วลงมือเร็วจริง ๆ ”ในจดหมายกล่าวถึง ฮ่องเต้มอบหมายกองทัพให้กับหลี่กวงถิง เสนาบดีฝ่ายขวา สั่งให้เขาเป็น
กู้หว่านเยว่เหลือบมองบัญชี พบว่ากิจการของร้านสาขานี้ดีกว่าร้านหลักมากจริง ๆ ซึ่งเป็นเพราะเจียงอวิ๋นจิ่นบริหารจัดการได้ดี“ร้านนี้มอบให้เจ้าเป็นคนดูแล ข้าไม่ได้ไว้ใจผิดคน”กู้หว่านเยว่พลิกดูบัญชีไปพลาง พยักหน้าพร้อมกับยิ้มไปพลาง“รอช่วงปลายปี จะแบ่งปันผลกำไรให้เจ้าอีก”เจียงอวิ๋นจิ่นเบิกตากว้าง“จะรับได้อย่างไร ท่านทำให้ข้ามีงานทำก็ดีมากแล้ว ข้าจะรับเงินจากพระชายาเพิ่มได้อย่างไร?”“รับไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางปิดบัญชี“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรจะได้อยู่แล้ว”น้ำเสียงของนางจริงจัง เจียงอวิ๋นจิ่นพอจะรู้จักนิสัยของนางอยู่บ้าง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เช่นนั้นอวิ๋นจิ่นขอบคุณพระชายาเจ้าค่ะ”หลังจากตรวจดูร้านค้าเสร็จ ทางด้านมู่หรงฉางเล่อก็วิ่งกลับมาด้วยความรีบร้อน“ดูเหมือนเจ้าจะได้อะไรดี ๆ มาเยอะนะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ส่วนมู่หรงฉางเล่อก็ไม่ได้เขินอาย นางโบกพัดที่อยู่ในมือไปมา“พี่สะใภ้ท่านดูสิ นี่คืออะไร?คุณชายอวิ๋นทำให้ข้าไม่พอใจ จึงชดเชยด้วยการมอบพัดเล่มนี้ให้กับข้าและยังรับปากข้าว่า มะรืนนี้จะไปล่องเรือที่ทะเลสาบกับข้า”เด็กคนนี้นี่ ถ้
“คุณชายอวิ๋นไม่มีใจให้นาง นางคงจะคิดไม่ตก จึงเกิดความคิดที่จะออกบวชเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนก้มหน้าลง แท้จริงแล้ว นางก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบอวิ๋นมู่ แต่นางและหลี่ชิวเตี๋ยนั้นแตกต่างกัน นางรู้ดีว่าตัวเองอยู่ในสถานะใดนางและคุณชายอวิ๋นไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นในใจจึงไม่เคยมีความคิดเพ้อฝันใด ๆ “เจ้าหมายความว่าหลี่ชิวเตี๋ยอยากจะออกบวชอย่างนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่ได้ฟังเรื่องราวอันน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่สกุลหลี่จะรีบร้อนหาคู่ให้หลี่ชิวเตี๋ยขนาดนั้นพวกเขามีลูกสาวแค่คนเดียว หากออกบวชจริง ๆ แล้วจะทำอย่างไร “คุณหนูหลี่เคยผิดหวังในความรักกับทังต๋ามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังคงยึดติดกับความรักได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้”ชิงเหลียนถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยคกู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร บางอย่าง ต่อให้พบเจออุปสรรคมาแล้วก็ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณหนูหลี่ติดธุระสองสามวันนี้ พวกเราก็ไม่ต้องรอที่นี่แล้ว บัญชีก็ดูเสร็จแล้ว เราไปที่ร้านอื่นกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป เมื่อมาถึงร้านสาขา เจียงอวิ๋นจิ่นกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานภายในร้านอย่างสนุกสนาน“พระ
“ตกลง ข้าจะมาเอาวันหลัง”อวิ๋นมู่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แบบนี้ เขาก็จะมีโอกาสได้พบกับกู้หว่านเยว่อีกครั้ง“ข้ายังต้องไปที่ร้านดอกท้อ ขอตัวก่อนแล้ว”กู้หว่านเยว่ดึงมู่หรงฉางเล่อออกไป ขณะที่กำลังจะออกจากประตู สายตาของมู่หรงฉางเล่อยังคงจับจ้องอยู่ที่อวิ๋นมู่“พี่สะใภ้ คนนี้ใครหรือ?”“อวิ๋นมู่ คุณชายน้อยของตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในแคว้นต้าฉี”กู้หว่านเยว่อธิบายพลางเหลือบมองมู่หรงฉางเล่อที่หน้าแดงก่ำ ก็เข้าใจในทันที“นี่เจ้าชอบเขาแล้วหรือ?”“ใช่แล้ว”มู่หรงฉางเล่อยอมรับอย่างเปิดเผย พลางดึงมือของกู้หว่านเยว่พร้อมกับลองหยั่งเชิง“คุณชายอวิ๋นผู้นี้ อายุเท่าไรแล้ว ในเรือนมีภรรยาหรืออนุภรรยาหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงกับความตรงไปตรงมาของนาง ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกชอบใจในนิสัยพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ของนาง“ยี่สิบกว่า ยังไม่มีภรรยาหรืออนุภรรยา”ดวงตาของมู่หรงฉางเล่อเป็นประกายมากขึ้น “ไม่มีภรรยาหรืออนุภรรยาก็ดีแล้ว”เมื่อเห็นว่าอวิ๋นมู่ยังคงเลือกผ้าอยู่ในร้าน มู่หรงฉางเล่อก็เขย่าแขนของกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ข้ายังต้องซื้อผ้าอีกชุดให้ยายโจว
กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่าร้านขายเสื้อผ้าและร้านดอกท้ออยู่ทางเดียวกัน ถึงตอนนั้นก็ถือโอกาสไปดูกิจการของร้านดอกท้อด้วยเลย“เยี่ยมไปเลย เราไปกันเถอะ”มู่หรงฉางเล่อจูงมือของกู้หว่านเยว่ออกไปข้างนอกอย่างเบิกบานใจหลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถม้าแล้ว ไม่นานก็มาถึงร้านเสื้อผ้ามู่หรงฉางเล่อกระตือรือร้นมาก หลังจากที่รถม้าจอดสนิทก็กระโดดลงจากรถม้าทันที จากนั้นก็จูงมือของกู้หว่านเยว่เข้าไปข้างใน“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะซื้อเสื้อผ้าอะไรเจ้าคะ?”“ข้าขอดูก่อน” กู้หว่านเยว่กวาดตามองแวบหนึ่ง เสื้อผ้าของนางยังมีอีกมาก ไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าแต่อย่างใด“แม่นางอยากดูเสื้อผ้าใช่หรือไม่เจ้าคะ เชิญตามข้ามาดูเนื้อผ้าทางนี้เจ้าค่ะ”เจ้าของร้านออกมาต้อนรับมู่หรงฉางเล่อรีบตามเจ้าของร้านไปอีกด้าน เพื่อเลือกเนื้อผ้าก่อนองค์หญิงใหญ่อายุมากแล้ว เนื้อผ้าที่มู่หรงฉางเล่อเลือกนั้นล้วนเป็นสีที่ค่อนข้างเข้ม ยกตัวอย่างเช่นสีเขียวเข้มหลังจากเลือกเสร็จแล้ว ก็บอกขนาดและน้ำหนักขององค์หญิงใหญ่กับเจ้าของร้าน ลูกน้องในร้านช่วยจด“ใช้เวลาตัดเสื้อผ้านานแค่ไหนเจ้าคะ?”มู่หรงฉางเล่อกล่าวถาม“เร็วสุดก็ประมาณสามถึงห้าวัน ช้าส
เฟิ่งอู๋ชีกล่าวเสริมอีกว่า“เงื่อนไขนี้ไม่ได้หนักหนานักมากหรอก อยู่ภายในขอบเขตความสามารถของพวกเจ้าอย่างแน่นอน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองหน้ากัน ทั้งสองคนไม่ได้ตอบตกลงในทันทีกู้หว่านเยว่เริ่มสนใจ“แล้วเจ้าจะขัดขวางพี่หญิงใหญ่ของเจ้าอย่างไร?”“ข้าและพี่หญิงใหญ่ไม่ถูกกันมานานแล้ว”นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววสังหารอย่างเห็นได้ชัด“พระชายาไม่เคยได้ยินเรื่องของพี่น้องสายเลือดเดียวกันทั้งเก้า วันหนึ่งองค์ชายเก้าเกิดช่วงชิงบัลลังก์ องค์ชายแปดจึงต้องตายหรือ?”หัวใจของกู้หว่านเยว่เต้นระงม เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในทันทีในเมื่อเฟิ่งอู๋ชีกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป“ได้ ข้ารับปากเจ้า”การร่วมมือของทั้งสามคนได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเฟิ่งอู๋ชีกระตุกยิ้ม“ที่นี่คือจวนอ๋องใช่หรือไม่? หลับไปตั้งหลายวัน บัดนี้ข้าชักจะหิวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ในเมื่อเราร่วมมือกันแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าคงไม่มีทางเอาเปรียบหุ้นส่วนอย่างข้าหรอกนะ ยกเหล้าเลิศรสและอาหารอร่อย ๆ มาให้ข้าสักหน่อยเถิด”“ได้”กู้หว่านเยว่ตอบตกลงอย่างสบายอารมณ์เดิมทีนางก็ไม่ได้อยากจะฆ่าเฟิ่งอู๋ชี
กู้หว่านเยว่และซูจิงสิงต่างสบตากัน นัยน์ตาของทั้งสองคนฉายแววประหลาดใจ“ไม่ใช่ความคิดของเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไร? หนานเจียงไม่ได้วางแผนโจมตีเจดีย์หนิงกู่เพราะการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ถูกทำลายหรอกหรือ?”“ไม่ใช่แน่นอน”เฟื่งอู๋ชีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม“หนานเจียงไม่เคยแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเมืองอื่น มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร?”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวถาม นางต้องรู้เหตุผลที่แท้จริง ถึงจะหาทางแก้ไขได้“พี่หญิงใหญ่ของข้าเอง”เฟิ่งอู๋ชีมองทั้งสองคน “เรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์คือการตัดสินใจของพี่หญิงใหญ่ ความจริงแล้วไม่ว่าท่านหญิงฉางเล่อผู้นั้นจะหนีไปได้หรือไม่ หนานเจียงก็ตัดสินใจจะช่วยฮ่องเต้กดดันพวกเจ้าอยู่แล้ว”เฟิ่งอู๋ชีตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้น หาพื้นที่ที่สบายที่สุดให้ตัวเอง“เรื่องนี้เป็นแผนการของพี่หญิงใหญ่ นางเป็นแก้วตาดวงใจของท่านพ่อ ต่อให้เป็นข้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของนางได้”กู้หว่านเยว่แปลกใจ “เจ้าไม่ใช่องค์ชายหนานเจียงหรอกหรือ?”เท่าที่กู้หว่านเยว่รู้มา เฟิ่งอู๋ชีน่าจะเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวของหนานเจียง ทุกคนให้ความสำคัญต่อ
ที่แท้กู้หว่านเยว่ก็จำเรื่องที่เขาพูดได้ “เจ้าเก็บเรื่องที่ข้าพูดไว้ในใจมาตลอด”นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววตาเย้ายวน จ้องเขม็งไปทางกู้หว่านเยว่“เพราะเจ้าตกหลุมรักข้าระหว่างทางแล้วใช่หรือไม่?”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยเจตนาที่ไม่ดี แต่การแต่งกายเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้กลับทำให้กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะอย่างอดไม่ได้“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”กู้หว่านเยว่เกาศีรษะอย่างจนปัญญา ขอร้องล่ะ สามีของนางยืนอยู่ด้านหลัง“ถ้าไม่ลองดู จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าเข้าใจผิดหรือไม่?”เฟิ่งอู๋ชีกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ในเมื่อเจ้ารู้สถานะของข้าแล้ว สนใจอยากเป็นราชินีแห่งหนานเจียงหรือไม่ล่ะ?”เขาจ้องเขม็งไปทางกู้หว่านเยว่ โดยมีความคิดที่ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจหากกู้หว่านเยว่ตอบตกลงเขาจริง ๆ บางทีเขาอาจจะยอมยกตำแหน่งราชินีแห่งหนานเจียงให้นางจริง ๆ ก็ได้ “ในหอเจิ้นไห่พวกเราเคยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้ว เจ้าลองคิดไตร่ตรองดูเอาเถิด”เฟิ่งอู๋ชีมองนางด้วยความคาดหวัง เดิมทีเขาก็แค่อยากพูดโน้มน้าวไปตามสถานการณ์ แต่บัดนี้เขากลับคิดจริงจึงขึ้นมา“ข้ามีสามีแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าปฏิเสธโด
ไม่นานนัก เฟิ่งอู๋ชีก็ตื่นจากการหลับใหลภาพที่ดึงดูดสายตาของเขาเป็นอันดับแรกคือกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าความทรงจำของเฟิ่งอู๋ชียังอยู่ในหอเจิ้นไห่ หลังจากที่เห็นกู้หว่านเยว่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ก็รีบถอยหลังอย่างรวดเร็วเขาจำได้ว่ากู้หว่านเยว่หยิบของที่เหมือนกันชิ้นหนึ่งออกมา แล้วแตะบนตัวของเขา พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกชาไปทั้งตัว จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ภาพตรงหน้าดับวูบและล้มลงไปบนพื้นเฟิ่งอู๋ชียังคงหวาดกลัวกับ “อาวุธ” ชนิดนั้นครั้นกู้หว่านเยว่เห็นดังนั้นก็คลี่ยิ้ม“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”“ที่นี่คือที่ไหน?”เฟิ่งอู๋ชีมองไปรอบ ๆ พบว่าสถานที่ตรงหน้าเป็นสถานที่ที่แปลกตาโดยสิ้นเชิง อีกทั้งกู้หว่านเยว่ที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว“ข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?”เขากุมขมับของตัวเอง รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยขึ้นในใจ“ประมาณสี่ถึงห้าวัน” กู้หว่านเยว่ตอบกลับ ก่อนจะโน้มตัวลงมามองเขาด้วยรอยยิ้มเฟิ่งอู๋ชีเพิ่งจะได้สติกลับมา เขาจำได้ว่าก่อนที่เขาจะสลบไปนั้นเขาได้เจอกับเต่าทะเล ดังนั้นจึงรีบกล่าวถามทันที“สี่ถึงห้าวัน แสดงว่าตอนนี้ข้าก็ออกจากหอเจิ้นไห่แล้วน