“ข้า...” โจวหุยดูเหมือนจะมีเรื่องที่พูดออกได้ยาก เขากำหมัดแน่น “เอาเป็นว่า ข้ามั่นใจ ญาติผู้น้องไม่มีทางทรยศข้า!”กู้หว่านเยว่เช็ดปาก “ตามใจท่าน”“ข้า...”นางไม่โต้แย้ง โจวหุยกลับหมดอารมณ์เมื่อครู่บนรถม้า ซ่งซีซีอิงแอบแนบชิดกับชายผู้นั้นพลางหัวเราะเบา ๆ เขามองเห็นอย่างชัดเจนกู้หว่านเยว่มองดูท้องฟ้าด้านนอก คาดว่าคงต้องอีกสองชั่วยาม ฟ้าจึงจะมืด“ข้ากลับห้องก่อนแล้ว”กู้หว่านเยว่วางแผนจะลงมือเมื่อฟ้ามืด หลังจากกลับเข้าห้องพักแล้วก็จะล็อกประตู เข้าไปพักผ่อนในมิติระหว่างนั้น นางสัมผัสได้ว่าโจวหุยแอบออกจากโรงเตี๊ยมไป น่าจะไปหาญาติผู้น้องของเขากู้หว่านเยว่ไม่ได้ห้าม นางถามสิ่งที่อยากรู้จนเกือบหมดแล้ว ต่อไปนางวางแผนจะไปดูจวนองค์หญิงด้วยตัวเอง ดูท่าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโจวหุยแล้วยามราตรีมาเยือน เมืองอู้ตูถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด เห็นเพียงหน่วยลาดตระเวนถือตะเกียงอยู่บนท้องถนนเป็นครั้งคราว“ระบบ ส่งแผนที่จวนองค์หญิงมาให้ข้า”กู้หว่านเยว่ออกมาจากมิติ พลังจิตของนางได้ครอบคลุมทั่วทั้งเมืองอู้ตู กำหนดทิศทางของจวนองค์หญิงเรียบร้อยแล้ว“นายหญิง โปรดรอสักครู่”แผนที่หนึ่งแผ่นปรากฏขึ้น
“ทะ ท่านเจอท่านหญิงแล้วหรือ?ท่านหญิงสบายดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่มองนาง “ตอนนี้ท่านหญิงฉางเล่อสบายดี แต่เมื่อนางได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ถูกฮ่องเต้พาตัวไป ก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก จึงขอร้องให้ข้ามาช่วยเหลือ”คราวนี้หญิงชราไม่ดิ้นรนขัดขืนอีก ขอบตาแดงก่ำพลางตบต้นขาตัวเอง“สายไปแล้ว มาสายไปแล้ว องค์หญิงใหญ่ถูกพวกเขาพาตัวไปแล้ว!”ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล “ถูกคนพาตัวไปตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว”“ถูกพาไปที่ไหนแล้ว?”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจนางเดาไม่ผิด องค์หญิงใหญ่ไม่ได้อยู่ในจวนองค์หญิงจริง ๆ หญิงชราส่ายหน้า“บ่าวไม่ทราบ พวกองครักษ์บุกเข้ามาแล้วก็จับองค์หญิงใหญ่ไปเลยตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ยังทรงประชวรอยู่บนเตียง พวกสัตว์เดรัจฉานนั่น ก็ไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย ลากองค์หญิงของพวกเราขึ้นรถม้าไป”นางปวดใจจนสุดจะทน พูดไปพูดมาน้ำตาก็ไหลรินหญิงชราอธิบาย ขณะที่สบตากับสายตาสงสัยของกู้หว่านเยว่“คุณหนูอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย บ่าวเป็นแม่นมขององค์หญิงใหญ่ เฝ้ามองพระองค์เติบโตมาตั้งแต่เด็กองค์หญิงของพวกเราได้รับความเคารพนับถือ แต่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ที่ไหนกัน?ท่านผู้นั้น เขาไม่ใช่คน”กู้หว่
“ดังนั้น ท่านอาจะฆ่าข้า เจ้าก็รู้เห็นด้วยหรือว่า เรื่องนี้เจ้ากับท่านอาร่วมมือกันวางแผน?”ดวงตาของโจวหุยแดงก่ำ เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่เขารักจะเป็นคนแบบนี้“พี่ชาย อย่าบีบบังคับข้า”ในใจของซ่งซีซีเดิมทียังมีความรู้สึกผิด แต่พอถูกเขารัวคำถามเช่นนี้ ก็ทำให้นางรู้สึกราวกับสุนัขจนตรอก“ฐานะของท่านกับข้าต่างกันมาก เดิมทีก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ด้วยกัน”นางตัดสินใจ“ข้าอยู่กับคนอื่นแล้ว ท่านผู้นั้นคือองค์ชายหนานเจียง เชิญท่านรีบออกไปคำนึงถึงความสัมพันธ์ในอดีตของเรา ข้าจะไม่ไปฟ้องท่านพ่อเรื่องของท่าน ขอเพียงท่านอย่าได้กลับมาที่เมืองอู้ตูอีก”โจวหุยมองปากของนางที่ขยับพูด ถอยหลังด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“เช่นนั้นข้าเป็นอะไร? เราเคยมีสัมพันธ์ทางกาย...”“พอแล้ว”ซ่งซีซีจ้องมองเขาด้วยความร้อนใจ“ข้าแค่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว จึงมีความสัมพันธ์กับพี่ชายชั่ววูบขอให้พี่ชายลืมเรื่องนี้ไปเสีย ต่อไปอย่าได้มารบกวนข้าอีก”ซ่งซีซีพูดจบ ดูเหมือนจะไม่อยากเห็นโจวหุยอีก จึงผลักเขาออกไป“ท่านรีบไปเถอะ ถ้าท่านยังไม่ไปอีก ตอนนี้ข้าจะเรียกคนมาแล้วนะ”น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการข่มขู่“ถ้าท่านพ่อรู้ว่าท่า
ส่วนเยียนอวิ๋นชูที่พบในแคว้นทูเจวี๋ยเมื่อตอนนั้น มีความเย็นชาและเย่อหยิ่งความหล่อเหลาสองแบบนั้นแตกต่างจากองค์ชายหนานเจียงตรงหน้าผู้นี้ ความหล่อเหลาของเขาใกล้เคียงกับปีศาจ ท่าทางรอยยิ้ม ช่างเย้ายวนใจยิ่งกว่าสตรีเสียอีกกู้หว่านเยว่ไม่รีบร้อนออกไป ตั้งใจจะฟังว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกันอยู่ในมิติ เผื่อว่าจะได้ยินเรื่องที่อยู่ขององค์หญิงใหญ่“ไม่ทราบว่าองค์ชายเสด็จมาเมืองอู้ตูครั้งนี้ จะประทับที่เมืองอู้ตูนานเท่าไรพ่ะย่ะค่ะ?”แม่ทัพซ่งพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพ เห็นได้ชัดว่าเกรงกลัวองค์ชายหนานเจียงเป็นอย่างมาก“รีบร้อนอะไร ข้าอยากจะเที่ยวเล่นในเมืองอู้ตูสักพัก”เฟิ่งอู๋ชียิ้มอย่างคลุมเครือ “อีกอย่าง ยังหาตัวคู่หมั้นไม่เจอ ข้าย่อมไม่จากไปแน่นอน”“ท่านหญิงฉางเล่อถูกคนของเจดีย์หนิงกู่ลักพาตัวไป ฮ่องเต้จะต้องช่วยท่านหญิงฉางเล่อกลับมาอย่างแน่นอน” แม่ทัพซ่งฝืนยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค“ว่าแต่ บุตรสาวของข้ากับองค์ชาย...”“บุตรสาวของท่านกับข้าเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น”เฟิ่งอู๋ชียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พูดจาไร้ยางอาย“หรือว่าแม่ทัพต้องการให้ข้าไม่สนใจการแต่งงาน แล้วอยู่กับบุตรสาวของท
“เจ้าเป็นใคร?”นี่คือสตรีอย่างนั้นหรือ! แม่ทัพซ่งมั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอกู้หว่านเยว่มาก่อน“เจ้าต้องการทำอะไร?”สกุลซ่งมีองครักษ์มากมาย สตรีผู้นี้ยังสามารถบุกเข้ามาได้ วรยุทธ์คงไม่ธรรมดาแม่ทัพซ่งกำลังประเมินความสามารถของกู้หว่านเยว่ในใจ“คำพูดนี้ ดูเหมือนว่าแม่ทัพซ่งจะไม่มีสิทธิ์ถาม”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง แล้วจ่อกริชเข้าไปที่คอของเขารอยเลือดปรากฏขึ้น แม่ทัพซ่งสูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวด“ข้าขอถามท่าน องค์หญิงใหญ่อยู่ที่ไหน?”เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกคนพบเห็น กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจพูดจาไร้สาระ เอ่ยถามขึ้นมาตรง ๆ “ข้าไม่รู้”ดวงตาของแม่ทัพซ่งสั่นไหวเล็กน้อย กู้หว่านเยว่ต่อยเข้าที่สันจมูกของเขา“โกหก!”นางกล่าวเตือน “ข้าไม่ชอบคนโกหก ให้โอกาสท่านอีกครั้งหนึ่ง ตอบมาตามตรง มิเช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าท่านมีชายบำเรอคนโปรด”แม้ว่านางจะพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ แต่กลับทำให้สีหน้าของแม่ทัพซ่งบิดเบี้ยว“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”ดูเหมือนเขาจะกลัวเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเป็นอย่างมากกู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยี “ข้ารู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย แม่ทัพซ่ง ท่านไม่เพียงแต่ชอบผู้ชาย แถมยังชอบแอบใส่ชุดสตรีตอนกลางดึกอีกด้วย
เหลือเพียงองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสี่“ส่วนองค์หญิงใหญ่ในฐานะที่เป็นพระธิดาองค์โตของอดีตฮ่องเต้ ย่อมได้รับความรักมากมาย มิเช่นนั้น อดีตฮ่องเต้คงจะไม่พระราชทานเมืองอู้ตูให้องค์หญิงใหญ่เป็นดินแดนในปกครอง และคงจะไม่สร้างจวนองค์หญิงที่ใหญ่โตเทียบเท่าพระราชวังเช่นนี้”“หลังจากที่องค์หญิงใหญ่อภิเษกสมรส อดีตฮ่องเต้ทรงกังวลว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมอบแผนที่ขุมทรัพย์ให้องค์หญิงใหญ่หนึ่งแผ่น”“แผนที่ขุมทรัพย์อะไร?”“ได้ยินมาว่าเป็นภาพวาดที่ใช้สร้างนักรบสวรรค์”เดิมทีอดีตฮ่องเต้เคยได้รับภาพวาดหนึ่งแผ่นจากยอดฝีมือ ภาพวาดนี้สามารถใช้สร้างนักรบสวรรค์ได้ นักรบสวรรค์ที่สร้างขึ้นมามีพลังมหาศาล สามารถโจมตีได้เองโดยอัตโนมัติ ถือเป็นอาวุธสงครามกู้หว่านเยว่รู้สึกตกตะลึง“อดีตฮ่องเต้มอบแผนที่เช่นนี้ให้องค์หญิงใหญ่หรือ?”แสดงให้เห็นว่าเขารักพระธิดาองค์นี้มากจริง ๆ แม่ทัพซ่งพยักหน้า“สาเหตุที่ล้อมจวนองค์หญิงไว้ ก็เพราะกำลังศึกษานักรบสวรรค์อยู่ข้างใน”“นักรบสวรรค์อย่างนั้นหรือ ข้าชักจะสงสัยแล้วว่า นี่มันคืออะไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย กริชที่อยู่ในมือเปลี่ยนทิศทาง กระแทกแม่
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าบริเวณรอบ ๆ มีไฟลุกโชน ประตูห้องก็ถูกล็อกอย่างแน่นหนา“ช่วยด้วย มีใครอยู่หรือไม่ช่วยข้าที?”โจวหุยสูดดมควันไฟมากเกินไป ทำให้สติเลอะเลือนเขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว กำลังจะหมดสติไปเขามันโง่จริง ๆ ถูกญาติผู้น้องหลอกครั้งหนึ่งแล้วแท้ ๆ กลับถูกหลอกเป็นครั้งที่สองอีกความรักในโลกนี้มันคืออะไรกันแน่?เขาหลงรักน้องหญิง แต่สุดท้ายกลับลงเอยเช่นนี้“ถ้าให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้า...”โจวหุยกัดฟันแน่น “ข้าจะไม่ยอมโง่งมเช่นนี้อีกเป็นอันขาด”“คนคลั่งรัก เตือนท่านให้ระวังแล้ว สุดท้ายก็ยังโดนหลอกอีก”ทันใดนั้น น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างหู จากนั้นเขาก็ถูกใครบางคนดึงขึ้นจากพื้น“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าท่านยังพอใช้ได้ เคยนำทางให้ข้า ข้าคงไม่ช่วยท่านเป็นครั้งที่สองหรอก”โจวหุยรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายลืมตาขึ้นมา มองกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับด่าทอเขา“เป็นท่าน?”เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกู้หว่านเยว่ที่นี่ ยังอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่เรี่ยวแรงในร่างกายของเขาได้หมดลงไปนานแล้ว ขามึนงงและหมดสติไป“ช่างเป็นคนคลั่งรักมากจริง ๆ เคยถูกคนฆ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ยังถูก
“แม่นางกู้ เป็นท่านที่ช่วยข้าจริง ๆ หรือ?”โจวหุยพยายามลืมตาขึ้น หัวเราะอย่างขมขื่นสองครั้ง“ข้านึกว่าข้าเห็นภาพหลอนไปเสียแล้ว”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“ข้ายังมีธุระสำคัญที่ต้องทำ คงช่วยท่านได้แค่ครั้งเดียว ที่นี่คือโรงเตี๊ยม ท่านพักผ่อนที่นี่อย่างสบายใจ ส่วนเรื่องหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองแล้ว”ถึงแม้คนผู้นี้จะเป็นคนคลั่งรัก แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่มีใจรักเดียวกู้หว่านเยว่ไม่อยากพูดอะไรให้หนักเกินไป การช่วยเขาก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว“แม่นางกู้ ท่านมาตามหาองค์หญิงใหญ่ใช่หรือไม่?”โจวหุยพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้กู้หว่านเยว่มองเขาอย่างระแวดระวัง“ท่านถามข้าเรื่ององค์หญิงใหญ่หลายครั้งขนาดนั้น แค่คิดง่าย ๆ ก็รู้แล้วว่า ท่านคงจะตามหาองค์หญิงใหญ่”เขาหัวเราะขมขื่น แล้วกล่าวอธิบาย“ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ในเมื่อข้าเป็นแบบนี้ไปแล้วญาติผู้น้องทรยศข้า ความเศร้าใดเล่าจะเท่าความสิ้นหวังข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหน ท่านเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าไว้ หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยท่านได้ ท่านบอกมาได้เลย”“ไม่ต้องหรอก”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางไม
“ไม่ต้อง ๆ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ยาพิษของพวกนี้ ใช้ให้น้อยจะดีกว่า”แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็แค่แสร้งทำเท่านั้น เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้กลัวพิษเลยสักนิด เพราะร่างกายเขามีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิด“ไปแล้วนะ”เขาโบกมือ แล้วหันหลังเดินจากไป“รักษาชีวิตของท่านเอาไว้”กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งอู๋ชี แต่เป็นเพราะคนที่ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิดนั้นหาได้ยากเผื่อในอนาคตทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน นางก็อาจจะได้ศึกษาดู“ไม่ต้องห่วง สิ่งที่แข็งที่สุดของข้าก็คือชีวิตนี่แหละ”เฟิ่งอู๋ชีนหลังเดินจากไป เดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ใช่ ๆ จุดแข็งที่สุดของเขาไม่ใช่ชีวิตเสียหน่อย!“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ นี่เป็นถึงองค์ชายหนานเจียงเชียวนะ จะไม่ฉวยโอกาสจับเขาไว้หรือ จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ?”ซูจื่อชิงรีบเข้ามา เห็นเฟิ่งอู๋ชีกำลังเดินจากไปพอดี ใบหน้าของเขาเผยความเสียดายออกมาเล็กน้อยปล่อยศัตรูไปแบบนี้ ไม่เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ?จากมุมมองของเขา ก็ควรจะจับองค์ชายหนานเจียงไว้ เพื่อใช้ข่มขู่หนานเจียงสิ“ฆ่าองค์ชายหนานเจียงก็ไร้ประโยช
นางแสดงสีหน้าสงบนิ่ง แม้ว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา แต่คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นกลับเฉียบคม ทำให้อวิ๋นมู่ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี“ข้าไม่ได้คิดกับพี่สะใภ้ของท่านอย่างที่ท่านคิด”จิตใจของอวิ๋นมู่บริสุทธิ์มาก เขาเพียงต้องการปกป้องอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่เคยคิดฝันไกลเลยแน่นอนว่า หากซูจิ่งสิงทำไม่ดีกับกู้หว่านเยว่ เช่นนั้นเขาก็จะลงมือพอถูกมู่หรงฉางเล่อรั้งเอาไว้ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว ร่างของทั้งสองคนหายลับไปในถนนยาวอวิ๋นมู่จึงตัดสินใจไม่ตามพวกเขาไป เขาพิงกายลงนั่งริมขอบเรือ พลางมองไปยังผืนน้ำในทะเลสาบ“คุณชายอวิ๋น หรือว่า จะลองมองคนข้าง ๆ บ้างก็ได้”มู่หรงฉางเล่อกะพริบตาคู่สวยที่ดูราวกับดวงตาจิ้งจอก“อย่างเช่น มองข้า”“ท่าน...”อวิ๋นมู่ตกตะลึง ใบหูแดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็วเวลานี้เขาพบว่า มู่หรงฉางเล่ออยู่ใกล้เขามาก ลมหายใจของนางเป่ารดใบหน้าของเขาเขารีบลุกขึ้น อยากจะจากไป“ตอนนี้ยังไปไม่ได้นะ”มู่หรงฉางเล่อดึงชายเสื้อของเขาไว้ราวกับรู้ล่วงหน้า พลางทำเสียงออดอ้อน“คำสัญญาที่ท่านรับปากไว้กับข้ายังไม่ได้เสร็จสิ้น ต้องอยู่เป็
“ไม่คิดจะอยู่รอดูเรื่องสนุกที่นี่หน่อยหรือ?”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นซูจิ่งสิงส่ายหน้า เขาไม่สนใจคนทั้งสองคนนี้“ตราบใดที่ข้าได้อยู่กับน้องหญิงอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”“ใช่”กู้หว่านเยว่ยิ้มหวานบนเรือสำราญ มู่หรงฉางเล่อกำลังพูดคุยกับอวิ๋นมู่อวิ๋นมู่ดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับนิสัยเข้ากับคนอื่นได้ง่ายของนาง จึงแสดงสีหน้าประหม่าเล็กน้อย“ท่านหญิงฉางเล่อ เรื่องที่ข้ารับปากท่าน ข้าทำเสร็จแล้ว ท่านจะให้ข้ากลับได้หรือยัง?”อวิ๋นมู่ส่ายหน้าอย่างจนใจตลอดทางมู่หรงฉางเล่อพูดมากเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี“นี่จะกลับแล้วหรือ? คุณชายอวิ๋นรับปากข้าแล้วมิใช่หรือว่าจะอยู่เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนข้าจนกว่าข้าจะพอใจ”มู่หรงฉางเล่อโบกพัดในมือไปมา ดวงตาที่หรี่ลงดูราวกับจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง“นี่เป็นสิ่งที่ท่านติดค้างข้า คุณชายอวิ๋น อย่าได้กลับคำเชียว”อวิ๋นมู่แสดงสีหน้าจนใจวันนั้นที่ร้านขายเสื้อผ้า ตอนแรกเขากำลังเลือกผ้าอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าของร้านถึงต้องยกน้ำชามาให้เขาเขาตั้งใจจะวางน้ำชาลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอหันหลังกลับ ดันไปชนมู่หรงฉางเล่อเข้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ชายกระโ
หลี่กวงถิงเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เรื่องที่สกุลซูถูกยึดทรัพย์ในตอนนั้น เขาก็หลบเลี่ยง ไม่ยอมออกหน้ากลับส่งเจียงเต๋อจื้อคนโง่เขลาเบาปัญญาออกไปภายนอกคือให้โอกาสแก่เจียงเต๋อจื้อ แต่ที่จริงแล้ว ในใจเขากลัวว่าซูจิ่งสิงจะฟื้นคืนอำนาจ แล้วกลับมาแก้แค้นในภายหลังแต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้ออกหน้า แต่สุดท้ายก็มีส่วนร่วมอยู่ดี“เมื่อกษัตริย์ต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้”หลี่กวงถิงถอนหายใจยาวระยะทางที่กองทัพจะเดินทางไปยังเจดีย์หนิงกู่ ต้องใช้เวลาเดินทางอีกหนึ่งเดือน ภายในหนึ่งเดือนนี้ เขาต้องรีบส่งคนไปสืบดูสถานการณ์ทางการทหารของเจดีย์หนิงกู่หลี่กวงถิงหยิบกระดาษสีเหลืองขึ้นมา มือที่เหี่ยวย่นราวกับเปลือกไม้เขียนข้อความลงบนกระดาษสีเหลือง แล้วส่งให้รองแม่ทัพ“นำไปให้สายลับ”“ขอรับ” รองแม่ทัพซ่งรีบออกไปทันทีถึงแม้โอกาสชนะจะน้อย แต่ก็ต้องดิ้นรนบ้างมิใช่หรือ?ทางด้านกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงปรึกษาหารือกันเสร็จแล้ว ก็เรียกหลี่เฉินอันเข้ามาไม่ได้เจอกันนาน หลี่เฉินอันก็สูงขึ้น และแข็งแรงขึ้นมาก“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์หญิง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ เขาจึงคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะบอกอะไรเจ้าสักหนึ่งประโยค ถึงแม้เจ้าจะเป็นบ่าวของข้า แต่ข้าก็มองเจ้าเป็นเหมือนน้องสาวแท้ ๆ หากเจ้าชอบใครจริง ๆ เจ้าก็จงพยายามไขว่คว้าเอาเอง ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้าวันนี้เจ้าก็เห็นแล้วว่าฉางเล่อมีใจให้กับอวิ๋นมู่ ข้าไม่ได้รู้สึกว่าเจ้าด้อยไปกว่านางเลยแน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า”กู้หว่านเยว่พูดเพียงเท่านี้แววตาของชิงเหลียนมีความสับสนอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงพยักหน้า“ขอบคุณฮูหยิน บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ”ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ทันใดนั้น ซูจิ่งสิงก็รีบร้อนเข้ามาจากข้างนอก“น้องหญิง ทางเมืองหลวงมีข่าวแพร่สะพัดมาแล้ว”กู้หว่านเยว่ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันทีเรื่องใหญ่มาแล้ว!นางโบกมือให้ชิงเหลียนออกไป แล้วหันไปมองซูจิ่งสิง“เกิดอะไรขึ้น?”“นี่คือจดหมายของนกพิราบสื่อสารจากเมืองหลวง”ซูจิ่งสิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาแค่หยิบจดหมายที่อยู่ในมือมอบให้กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่รีบเปิดออก แล้วก็หัวเราะเยาะในทันที“ฮ่องเต้ชั่วลงมือเร็วจริง ๆ ”ในจดหมายกล่าวถึง ฮ่องเต้มอบหมายกองทัพให้กับหลี่กวงถิง เสนาบดีฝ่ายขวา สั่งให้เขาเป็น
กู้หว่านเยว่เหลือบมองบัญชี พบว่ากิจการของร้านสาขานี้ดีกว่าร้านหลักมากจริง ๆ ซึ่งเป็นเพราะเจียงอวิ๋นจิ่นบริหารจัดการได้ดี“ร้านนี้มอบให้เจ้าเป็นคนดูแล ข้าไม่ได้ไว้ใจผิดคน”กู้หว่านเยว่พลิกดูบัญชีไปพลาง พยักหน้าพร้อมกับยิ้มไปพลาง“รอช่วงปลายปี จะแบ่งปันผลกำไรให้เจ้าอีก”เจียงอวิ๋นจิ่นเบิกตากว้าง“จะรับได้อย่างไร ท่านทำให้ข้ามีงานทำก็ดีมากแล้ว ข้าจะรับเงินจากพระชายาเพิ่มได้อย่างไร?”“รับไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางปิดบัญชี“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรจะได้อยู่แล้ว”น้ำเสียงของนางจริงจัง เจียงอวิ๋นจิ่นพอจะรู้จักนิสัยของนางอยู่บ้าง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เช่นนั้นอวิ๋นจิ่นขอบคุณพระชายาเจ้าค่ะ”หลังจากตรวจดูร้านค้าเสร็จ ทางด้านมู่หรงฉางเล่อก็วิ่งกลับมาด้วยความรีบร้อน“ดูเหมือนเจ้าจะได้อะไรดี ๆ มาเยอะนะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ส่วนมู่หรงฉางเล่อก็ไม่ได้เขินอาย นางโบกพัดที่อยู่ในมือไปมา“พี่สะใภ้ท่านดูสิ นี่คืออะไร?คุณชายอวิ๋นทำให้ข้าไม่พอใจ จึงชดเชยด้วยการมอบพัดเล่มนี้ให้กับข้าและยังรับปากข้าว่า มะรืนนี้จะไปล่องเรือที่ทะเลสาบกับข้า”เด็กคนนี้นี่ ถ้
“คุณชายอวิ๋นไม่มีใจให้นาง นางคงจะคิดไม่ตก จึงเกิดความคิดที่จะออกบวชเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนก้มหน้าลง แท้จริงแล้ว นางก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบอวิ๋นมู่ แต่นางและหลี่ชิวเตี๋ยนั้นแตกต่างกัน นางรู้ดีว่าตัวเองอยู่ในสถานะใดนางและคุณชายอวิ๋นไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นในใจจึงไม่เคยมีความคิดเพ้อฝันใด ๆ “เจ้าหมายความว่าหลี่ชิวเตี๋ยอยากจะออกบวชอย่างนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่ได้ฟังเรื่องราวอันน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่สกุลหลี่จะรีบร้อนหาคู่ให้หลี่ชิวเตี๋ยขนาดนั้นพวกเขามีลูกสาวแค่คนเดียว หากออกบวชจริง ๆ แล้วจะทำอย่างไร “คุณหนูหลี่เคยผิดหวังในความรักกับทังต๋ามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังคงยึดติดกับความรักได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้”ชิงเหลียนถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยคกู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร บางอย่าง ต่อให้พบเจออุปสรรคมาแล้วก็ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณหนูหลี่ติดธุระสองสามวันนี้ พวกเราก็ไม่ต้องรอที่นี่แล้ว บัญชีก็ดูเสร็จแล้ว เราไปที่ร้านอื่นกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป เมื่อมาถึงร้านสาขา เจียงอวิ๋นจิ่นกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานภายในร้านอย่างสนุกสนาน“พระ
“ตกลง ข้าจะมาเอาวันหลัง”อวิ๋นมู่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แบบนี้ เขาก็จะมีโอกาสได้พบกับกู้หว่านเยว่อีกครั้ง“ข้ายังต้องไปที่ร้านดอกท้อ ขอตัวก่อนแล้ว”กู้หว่านเยว่ดึงมู่หรงฉางเล่อออกไป ขณะที่กำลังจะออกจากประตู สายตาของมู่หรงฉางเล่อยังคงจับจ้องอยู่ที่อวิ๋นมู่“พี่สะใภ้ คนนี้ใครหรือ?”“อวิ๋นมู่ คุณชายน้อยของตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในแคว้นต้าฉี”กู้หว่านเยว่อธิบายพลางเหลือบมองมู่หรงฉางเล่อที่หน้าแดงก่ำ ก็เข้าใจในทันที“นี่เจ้าชอบเขาแล้วหรือ?”“ใช่แล้ว”มู่หรงฉางเล่อยอมรับอย่างเปิดเผย พลางดึงมือของกู้หว่านเยว่พร้อมกับลองหยั่งเชิง“คุณชายอวิ๋นผู้นี้ อายุเท่าไรแล้ว ในเรือนมีภรรยาหรืออนุภรรยาหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงกับความตรงไปตรงมาของนาง ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกชอบใจในนิสัยพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ของนาง“ยี่สิบกว่า ยังไม่มีภรรยาหรืออนุภรรยา”ดวงตาของมู่หรงฉางเล่อเป็นประกายมากขึ้น “ไม่มีภรรยาหรืออนุภรรยาก็ดีแล้ว”เมื่อเห็นว่าอวิ๋นมู่ยังคงเลือกผ้าอยู่ในร้าน มู่หรงฉางเล่อก็เขย่าแขนของกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ข้ายังต้องซื้อผ้าอีกชุดให้ยายโจว
กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่าร้านขายเสื้อผ้าและร้านดอกท้ออยู่ทางเดียวกัน ถึงตอนนั้นก็ถือโอกาสไปดูกิจการของร้านดอกท้อด้วยเลย“เยี่ยมไปเลย เราไปกันเถอะ”มู่หรงฉางเล่อจูงมือของกู้หว่านเยว่ออกไปข้างนอกอย่างเบิกบานใจหลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถม้าแล้ว ไม่นานก็มาถึงร้านเสื้อผ้ามู่หรงฉางเล่อกระตือรือร้นมาก หลังจากที่รถม้าจอดสนิทก็กระโดดลงจากรถม้าทันที จากนั้นก็จูงมือของกู้หว่านเยว่เข้าไปข้างใน“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะซื้อเสื้อผ้าอะไรเจ้าคะ?”“ข้าขอดูก่อน” กู้หว่านเยว่กวาดตามองแวบหนึ่ง เสื้อผ้าของนางยังมีอีกมาก ไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าแต่อย่างใด“แม่นางอยากดูเสื้อผ้าใช่หรือไม่เจ้าคะ เชิญตามข้ามาดูเนื้อผ้าทางนี้เจ้าค่ะ”เจ้าของร้านออกมาต้อนรับมู่หรงฉางเล่อรีบตามเจ้าของร้านไปอีกด้าน เพื่อเลือกเนื้อผ้าก่อนองค์หญิงใหญ่อายุมากแล้ว เนื้อผ้าที่มู่หรงฉางเล่อเลือกนั้นล้วนเป็นสีที่ค่อนข้างเข้ม ยกตัวอย่างเช่นสีเขียวเข้มหลังจากเลือกเสร็จแล้ว ก็บอกขนาดและน้ำหนักขององค์หญิงใหญ่กับเจ้าของร้าน ลูกน้องในร้านช่วยจด“ใช้เวลาตัดเสื้อผ้านานแค่ไหนเจ้าคะ?”มู่หรงฉางเล่อกล่าวถาม“เร็วสุดก็ประมาณสามถึงห้าวัน ช้าส