กู้หว่านเยว่เหลือบมองดูคร่าว ๆ ทั้งหมดน่าจะทำมาจากเหล็กสีนิล แต่ละชิ้นกองไว้ตามมุม“ดูเหมือนว่า พวกเขากำลังผลิตนักรบสวรรค์”ความคิดที่หาญกล้าผุดขึ้นมาในหัวของกู้หว่านเยว่นางขับเคลื่อนมิติมาถึงบนโต๊ะ เห็นพิมพ์เขียวขนาดใหญ่มหึมาฉบับหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะดังคาดพิมพ์เขียวฉบับนี้เหลืองซีดจนเห็นด้วยตาเปล่า ค่อนข้างนานหลายปีแล้วบนพิมพ์เขียวมีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนหลากหลายรูปแบบถูกวาดเอาไว้“ดูเหมือนว่านี่คือพิมพ์เขียวของนักรบสวรรค์”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะได้รับพิมพ์เขียวนี้อย่างราบรื่นดูผู้คนในคุกใต้ดินนี้สิ โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ถูกลักพาตัวมาจากข้างนอกช่างฝีมือเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ กู้หว่านเยว่ไม่ต้องการทำร้ายพวกเขานางค้นยาห่อหนึ่งออกมาจากมิติ จากนั้นโปรยมันลงในคุกใต้ดินโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน ช่างฝีมือในคุกใต้ดินก็ล้มลงกับพื้นทีละคน ก่อนจะหมดสติไปกู้หว่านเยว่หยิบหน้ากากป้องกันพิษออกมาจากมิติ สวมใส่ไว้บนใบหน้าแล้วค่อยออกจากมิติ“ไม่รู้ว่าคุกใต้ดินแห่งนี้สร้างขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มศึกษาค้นคว้านักรบสวรรค์นี้มาตั้งแต่สมัยองค์หญิงใหญ่
ในทันทีที่ถอดหน้ากากออก ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มสว่างสดใสก็เข้าสู่สายตาของเฟิ่งอู๋ชีเขาตกตะลึงมากทีเดียว ในขณะที่กำลังใจลอย หน้ากากก็ถูกกู้หว่านเยว่แย่งไปอีกครั้ง“เอาคืนมาให้ข้า”เหตุใดยังขโมยของของคนอื่นอีก?สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันทีนางไม่คิดว่าเฟิ่งอู๋ชีจะกระทำเช่นนี้หลังจากถอดหน้ากากป้องกันพิษออก เข็มเงินอีกเล่มก็พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายเฟิ่งอู๋ชีไม่กลัวยาพิษจริง ๆ แต่เขากลับเกรงกลัวเข็มเงิน รีบเข้าไปหลบอยู่ทางด้านข้างกู้หว่านเยว่ฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป“บัญชีนี้เราค่อยชำระภายหลัง”กู้หว่านเยว่หันกลับไปมองเฟิ่งอู๋ชีแวบหนึ่ง แล้วรีบออกจากคุกใต้ดิน“ช่างเป็นหญิงที่งดงามนัก ช่างเป็นหญิงที่น่าสนใจนัก”เฟิ่งอู๋ชีแย้มยิ้มมุมปากเล็ก ๆ เขาไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามและห้าวหาญเช่นนี้มาก่อนเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ออกไป เฟิ่งอู๋ชีก็ไล่ตามไปโดยไม่ลังเลเสียงการต่อสู้ระหว่างทั้งสองไม่ใช่เบา ๆ ในไม่ช้าก็ดึงดูดองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามา หลังจากองครักษ์เหล่านั้นเห็นกู้หว่านเยว่ ก็ตระหนักทันทีว่ามีคนเข้ามาในคุกใต้ดิน“ไม่ได้การ คุกใต้ดินมีอันตราย รีบห้ามคนผู้นั้นไว้โดยเร็ว”องครักษ์ที
กู้หว่านเยว่ควบม้าเร่งเต็มฝีเท้าไปตลอดทาง ออกมาจากเมืองอู้ตูด้านนอกร้านน้ำชาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากประตูเมืองออกไปห้าลี้ นางซ่อนตัวอยู่ในมิติเพื่อเกล้าผมยาว และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชายวัยรุ่นเขียนจดหมายอีกฉบับถึงซูจิ่งสิง แล้วค่อยออกมาจากมิติ ก่อนจะปล่อยนกพิราบทองคำออกไปสืบข่าวในร้านน้ำชาจากคำบอกเล่าของแม่ทัพซ่ง องค์หญิงใหญ่ได้รับการคุ้มกันอย่างลับ ๆ จากองครักษ์หลวงไปส่งที่เมืองหลวงต้องใช้เส้นทางหลวงแน่นอนแม้จะบอกว่าเป็นการคุ้มกันอย่างลับ ๆ แต่ด้วยเงินจำนวนที่มาก ก็ยังพอสืบข่าวได้บ้าง“รถม้าภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดนั้นมีอยู่จริง”เจ้าของร้านน้ำชากัดทองคำไว้“แต่ว่ามีสองกลุ่ม ไม่ทราบว่าคุณชายกำลังถามถึงกลุ่มไหน?”“สองกลุ่ม?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง“ใช่แล้ว เมื่อสามวันก่อน ออกจากเมืองอู้ตูติดต่อกันสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปทางเขตตงเป่ย อีกกลุ่มมุ่งหน้าไปทางเขตซีเป่ย”เจ้าของร้านอธิบายว่า “คนและม้าทั้งสองกลุ่มไม่ได้หยุดดื่มชาในร้านน้ำชา ดูเร่งรีบ เหมือนมีเรื่องเร่งด่วน”กู้หว่านเยว่ค่อนข้างประหลาดใจ ทำไมถึงมีสองกลุ่มได้นะ?“ขอบคุณมากเถ้าแก่”นางมีการคาดเดาในใจแล้ว หลัง
“ข้ามาตามหาองค์หญิงใหญ่”กู้หว่านเยว่ดึงเนี่ยเติ้งออกไปข้าง ๆ แล้วลดเสียงลง“องค์หญิงใหญ่ถูกคนของฮ่องเต้ชั่วพาตัวไปแล้ว”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็มีสีหน้ากังวล ตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสขององค์หญิงใหญ่“มิน่าเล่า”เนี่ยเติ้งมองไปทางกู้หว่านเยว่ในทันใด “มิน่าเล่าวันนี้ตอนที่เข้าเมือง ข้าได้พบกับองครักษ์หลวง”ตอนนั้นเขายังสงสัยใคร่รู้ องครักษ์หลวงเป็นองครักษ์ข้างกายฮ่องเต้ เหตุใดถึงมาปรากฏตัวในเมืองไป๋สุ่ยหากจะบอกว่าองครักษ์หลวงเหล่านั้นทำเพื่อคุ้มกันองค์หญิงใหญ่อย่างลับ ๆ ทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนแล้ว“ท่านเห็นองครักษ์หลวงด้วยหรือ พวกเขาอยู่ที่ไหน?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความตื่นเต้นยามตั้งใจหากลับไม่เจอ ยามไม่ตามหากลับพบเจอโดยบังเอิญนางกำลังกังวลว่าจะหาที่อยู่ขององค์หญิงใหญ่ไม่พบ นึกไม่ถึงว่าสวรรค์จะนำพาเบาะแสมาส่งให้นางถึงตรงหน้าเนี่ยเติ้งทำเสียงชู่ว์ “อยู่ในศาลาพักม้า”ศาลาพักม้าเป็นสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ทางการใช้กินนอนและเปลี่ยนม้าในระหว่างการส่งต่อข่าวกรองทางทหาร ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ดวงตาทั้งสองของกู้หว่านเยว่เป็นประกายเล็ก ๆ“พี่เนี่ยเติ้ง ท
นางจับจ้องไปที่กู้หว่านเยว่ มองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจกลัว“เจ้าไม่ใช่องค์หญิงใหญ่จริง ๆ”องค์หญิงแห่งแคว้นจะมีกิริยาเช่นนี้ได้อย่างไร?กู้หว่านเยว่อึดอัดใจหมดคำจะพูด“ท่านเป็นใคร ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ท่านจับข้ามาที่นี่คิดจะทำอะไร?”“องค์หญิงใหญ่” ถามเสียงร้อนใจ แต่ถูกกู้หว่านเยว่บีบคอไว้“เจ้าคือตัวปลอม!”“ข้า ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร ข้าคือองค์หญิงใหญ่” แววตาของหญิงผู้นั้นมีแววหวาดหวั่นกู้หว่านเยว่ดูหงุดหงิดใจไม่เป็นสุขตอนแรกนางยังดีใจที่ในที่สุดก็ตามหาองค์หญิงใหญ่จนพบ สามารถพานางกลับไปพบกับสามีอีกครั้งแต่ผลปรากฏว่าหลังจากตามหามาหลายวัน ก็พบกับตัวปลอมอย่างคาดไม่ถึง จะไม่ให้นางโมโหได้อย่างไรเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจจะพัวพันอยู่กับตัวปลอมนี้นางหยิบยาพูดความจริงที่ปรมาจารย์แพทย์ให้นางออกมา แล้วกรอกให้อีกฝ่ายดื่มลงไปทันทีหลังจากที่ยาพูดความจริงออกฤทธิ์แล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเริ่มสอบถาม“ข้าขอถามเจ้าว่า เจ้าเป็นใคร? องค์หญิงใหญ่ตัวจริงอยู่ที่ไหน?”“ข้า ข้าคือองครักษ์หลวงสือฮวา” สือฮวาตอบอย่างว่าง่าย “องค์หญิงใหญ่ตัวจริง ถูกองครักษ์หลวงอีกกลุ่มพาตัวไปแล้ว”
“ในเมื่อกำลังมุ่งหน้าไปทางเจดีย์หนิงกู่ เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะบอกท่านพี่ ให้ท่านพี่ส่งคนออกมาจากเจดีย์หนิงกู่”หลังจากจัดการเสร็จสิ้นทุกอย่างนี้ กู้หว่านเยว่ก็วางแผนที่จะออกจากเมืองไป๋สุ่ยในคืนเดียวกันในเมื่อในเมืองไป๋สุ่ยไม่มีคนที่นางต้องการตามหา อยู่ที่นี่ต่อก็เสียเวลาเช่นกันเพียงแต่ว่าทันทีที่กู้หว่านเยว่มาถึงประตูเมืองก็ได้พบกับเนี่ยเติ้ง“พี่เนี่ยเติ้ง ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”กู้หว่านเยว่แปลกใจเล็กน้อย คนผู้นี้ควรจะพักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมมิใช่หรือ อย่าบอกนะว่า ตั้งใจรอนางอยู่ที่ประตูเมืองโดยเฉพาะ“ข้าคาดเดาว่าหลังจากเจ้าจัดการเรื่องที่ต้องจัดการเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะออกจากเมืองไป๋สุ่ยทันที ดังนั้นจึงตั้งใจมารอเจ้าอยู่ที่ประตูเมือง”เนี่ยเติ้งตอบอย่างตรงไปตรงมา สายตาจับจ้องไปที่กู้หว่านเยว่“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้ตั้งใจจะติดตามเจ้าไป แค่กังวลว่าเจ้าอาจพบกับอันตรายที่ศาลาพักม้า ตอนนี้แน่ใจว่าเจ้าออกจากเมืองได้อย่างปลอดภัย ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว”เนี่ยเติ้งหลีกไปข้าง ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างสบายใจกู้หว่านเยว่เหลือบมองเขาด้วยความขอบคุณ แล้วอธิบายว่า“ข้ากำลังจะออกจากเ
อาจารย์เอ่ยเตือนสติอย่างอ่อนแรงอยู่ข้าง ๆ“องครักษ์ที่เฝ้าดูแลที่นี่ ได้บอกว่าในวันนั้นที่สิ่งของหายไป องค์ชายหนานเจียงก็อยู่ในบริเวณนี้ และยังเคยออกมาจากคุกใต้ดินอีกด้วย”ยิ่งอาจารย์พูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้“ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งของเหล่านี้ เหตุใดองค์ชายหนานเจียงถึงอยู่ที่นี่ตลอดไม่ไปไหน? อู้ตู ก็ไม่มีอะไรให้เที่ยวเล่น”บอกว่าเพราะคู่หมั้น ใครจะเชื่อ?ท่านหญิงฉางเล่อก็ไม่อยู่ที่นี่มิใช่หรือยิ่งไปกว่านั้น เฟิ่งอู๋ชีผู้นั้นก็มีความรักลึกซึ้งต่อท่านหญิงฉางเล่อจริง ๆ จะหลับนอนกับซ่งซีซีหรือ?แม่ทัพซ่งขมวดคิ้ว“ความหมายของท่านคือ...”“ไม่ว่าสิ่งของในคุกใต้ดินแห่งนั้นจะถูกองค์ชายหนานเจียงเอาไปหรือไม่ก็ตาม ขอเพียงเรื่องนี้ถูกรายงานไปยังราชสำนัก บอกว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายหนานเจียงอย่างตัดไม่ขาด ถึงตอนนั้นต่อให้ทางราชสำนักมีการสอบสวนลงมา ท่านแม่ทัพก็สามารถหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้แล้ว”อาจารย์กำลังเสนอความคิดอยู่ข้าง ๆ แม่ทัพซ่งสีหน้าเศร้าหมอง“ไม่รู้ว่าเป็นการแก้แค้นหรือไม่”เขาพูดด้วยความปวดหัว“ตั้งแต่ข้าส่งคนไปฆ่าโจวหุย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ไ
บังเอิญว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี้รายงานสองเรื่องต่อราชสำนักได้พร้อมกัน ความน่าเชื่อถือก็สูงขึ้นไปอีกในใจแม่ทัพซ่งรู้สึกยินดีมาก แลกเปลี่ยนสายตากับอาจารย์ ความสบายใจปรากฏขึ้นในแววตาของทั้งสองแวบหนึ่งซ่งซีซีดึงมือของเขา“ท่านพ่อ ท่านช่วยข้าคิดหาวิธีเร็วเข้า ร่างกายของข้าจะมอบให้เขาเปล่า ๆ ไม่ได้”นางหลั่งน้ำตา จนทำให้แม่ทัพซ่งตบนางอย่างไม่สบอารมณ์“โง่เขลา”แม่ทัพซ่งดุด่าทันที“พ่อเคยบอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เฟิ่งอู๋ชีผู้นั้นไม่ใช่คนดี แค่มองก็รู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าสำราญ เจ้าชู้เกี้ยวหญิงไปเรื่อย ไม่มีหญิงใดที่ควบคุมเขาได้นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเอาความหวังไปฝากไว้ที่ตัวเขา ไม่ว่าพ่อจะพูดกับเจ้าอย่างไร เจ้าก็ไม่เก็บมาใส่ใจ มาบัดนี้ถูกหลอกแล้วยังจะมาถามข้าอีกเขาเป็นองค์ชายแห่งหนานเจียง ไม่ใช่คนรับใช้ของจวนสกุลซ่ง เจ้ามาหาข้ามีประโยชน์อะไร?”แม่ทัพซ่งหมดคำจะพูด ทำไมเขาถึงให้กำเนิดบุตรสาวที่โง่เขลาเช่นนี้?ตอนแรกคบหากับโจวหุย ตอนนี้ก็มายุ่งเกี่ยวกับองค์ชายหนานเจียงอีกโจวหุย แม่ทัพซ่งยังมีทางสังหารอีกฝ่ายได้แต่องค์ชายหนานเจียง แม่ทัพซ่งนั้นจนปัญญา“ท่านพ่อ ท่านจะไม่ช่วยข้าจริงหรือ?”ซ่
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก