นัยน์ตาของนางราบเรียบ นายท่านเจียงกลับรู้สึกละอายใจ“ข้าเคยบอกว่าข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้า และอยากพาพวกเจ้าไปด้วย”ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละอายใจ “บัดนี้พวกเจ้ามีดอกน้ำแข็งนิลเป็นของตัวเองแล้ว โดยที่ข้าไม่ได้ช่วยเลยตั้งแต่ต้น กลีบของดอกน้ำแข็งนิลดอกนี้เราไม่ควรค่าจะได้รับมัน”นายท่านเจียงกล่าวอย่างจริงจัง เจียงฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วย“ใช่ ๆ เราไม่ได้ลงแรงอะไรเลย จะกล้าครอบครองได้อย่างไร?”ซูจิ่งสิงกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อาจารย์อา ท่านเก็บดอกน้ำแข็งนิลดอกนี้เอาไว้เถอะ ของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อท่าน ในฐานะที่ข้าเป็นลูกศิษย์ของท่าน ข้ามีหน้าที่ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว”เขายกมือคารวะ “บัดนี้ข้ายุ่งมาก คงจะไปเยี่ยมเยือนท่านอาจารย์ไม่ได้ หวังเพียงว่าหลังจากที่อาจารย์อาเจอกับท่านอาจารย์แล้ว คงต้องฝากทักทายเขาแทนข้าด้วย”ซูจิ่งสิงกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว หากนายท่านหลี่ยังปฏิเสธอีก คงจะไร้เหตุผลเกินไปภายใต้ความจนปัญญา เขาทำได้แค่ตอบตกลง“ก็ได้ ข้าจะเก็บกลีบของดอกน้ำแข็งนิลกลีบนี้ไว้”นายท่านหลี่รับกล่องหยกไป จากนั้นก็ทำการห่ออย่างระมัดระวัง“ศิษย์พี่ใหญ่ เรารีบเดินทางกันได้แล้ว
โม่ไป๋ที่อยู่ข้างกายรีบหันไปมองกู้หว่านเยว่“แม่นางกู้ นายท่านของเราได้รับบาดเจ็บ ได้โปรดท่านช่วยดูเขาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”“โม่ไป๋!”จงหลี่ตวาดเสียงดัง เขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่เป็นห่วง“นายท่าน อาการบาดเจ็บของท่านต้องได้รับการรักษานะขอรับ”โม่ไป๋เป็นกังวล เขาไม่อยากเห็นจงหลี่ไม่ดูแลร่างกายของตัวเอง เขาอยากปกป้องจงหลี่ และควรต้องปกป้องอีกฝ่าย“ข้าไม่เป็นอะไร พักสักหน่อยก็คงดีขึ้น”จงหลี่โบกมืออย่างรำคาญ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้กู้หว่านเยว่จับชีพจรกู้หว่านเยว่เห็นจงหลี่ได้รับบาดเจ็บ เดิมทีนางก็เป็นกังวลมากอยู่แล้วบัดนี้ครั้นได้เห็นท่าทางห่างเหินที่เขามีต่อผู้อื่น ก็อดฉุนเฉียวขึ้นมาไม่ได้“พี่ใหญ่จงหลี่ ท่านช่วยข้ามาหลายครั้งแล้ว บัดนี้ท่านได้รับบาดเจ็บ เหตุใดถึงไม่ให้ข้าช่วยตรวจดูให้ท่านล่ะเจ้าคะ หรือว่าท่านไม่เห็นข้าเป็นสหายของท่าน? ไม่เชื่อใจข้าแล้วสินะ!”กู้หว่านเยว่โพล่งถามออกไป จงหลี่รีบส่ายหน้าทันที“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้”เขาอธิบายอย่างลำบากใจ “ข้าไม่อยากรบกวนเจ้า”“เป็นสหายกันไม่มีคำว่ารบกวนหรอกเจ้าค่ะ สหายลำบาก ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือสิเจ้าคะ!”กู้หว่านเยว
“น้องหญิง?”กู้หว่านเยว่ตะลึงงัน มองจงหลี่อย่างตกใจ แม้แต่เข็มเงินที่อยู่ในมือก็ยังสั่นระริก“น้องหญิงอะไรเจ้าคะ?”ทันใดนั้นนางก็คาดเดาได้ในใจ ก่อนจะมองไปทางจงหลี่อย่างประหลาดใจ“เจ้าคือน้องสาวของข้า”จงหลี่สบตากับนาง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล“บางทีเจ้าคงคิดว่าข้าล้อเจ้าเล่น แต่เจ้ามั่นใจได้เลยว่าเจ้าคือน้องสาวแท้ ๆ ของข้า”กู้หว่านเยว่ตะลึงงัน นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ“แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจวนกู้มีบุตรชายอีกหนึ่งคน”อีกอย่างดูจากอายุของจงหลี่แล้ว น่าจะมากกว่านางหกถึงเจ็ดปีปีนี้กู้หว่านเย่เพิ่งจะสามสิบกว่าปี ต่อให้มีบุตรเร็วอย่างไร ก็ไม่สามารถคลอดบุตรที่มีอายุห่างเท่าจงหลี่ได้“ใครบอกว่าเราเป็นบุตรสาวจวนกู้?”มุมปากของจงหลี่ยกยิ้มเย็นเยือก จวนกู้ สายเลือดต้อยต่ำเพียงนั้น คู่ควรอย่างนั้นหรือ?“เจ้าดูของสิ่งนี้สิ เจ้ารู้จักหรือไม่?”เขายกมือขึ้นมาล้วงหยิบหยกชิ้นหนึ่งจากในอกเสื้อ แล้วยื่นให้กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่มองแวบหนึ่งก็รู้สึกคุ้นเคยกับของชิ้นนี้มาก“ของชิ้นนี้ ... เหมือนกับของที่อยู่ในปากของจ้านจ้านตอนแรกเกิด”ภายใต้การอนุญาตของจงหลี่ กู้หว่านเยว่หยิบ
กู้หว่านเยว่ตกใจเล็กน้อย จู่ ๆ ก็มีพ่อแม่และพี่ชายเพิ่มมาอีกคน เป็นใคร ๆ ก็ตกใจกันทั้งนั้นแต่กู้หว่านเยว่ไม่ได้รังเกียจแวบแรกที่นางเจอจงหลี่ ก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย“เช่นนั้นข้าก็ยังมีพี่น้องคนอื่นอีกนะสิ?”นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย จงหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า“ไม่มีแล้ว ท่านพ่อและท่านแม่รักกันมาก ท่านพ่อไม่มีสนมคนอื่นแล้ว มีแค่ท่านแม่เพียงผู้เดียว ท่านแม่ให้กำเนิดเราสองคน ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ปีนี้เจ้าก็น่าจะอายุสิบเก้าปีแล้ว ข้าโตกว่าเจ้าเจ็ดปี”น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนมาก สายตาคู่นั้นจ้องมองกู้หว่านเยว่ พลางกล่าวอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ดังนั้น ข้าก็ควรเรียกท่านว่าพี่ใหญ่?” นางมีพี่ชายที่ปกป้องนางแล้วหรือ? “ถูกต้อง”หลังจากที่จงหลี่พยักหน้าตอบรับแล้ว ก็มองไปทางนางด้วยสายตาคาดหวังกู้หว่านเยว่ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง“พี่ใหญ่!”นางมีความรู้สึกคุ้นเคยกับจงหลี่มาตั้งแต่เกิด ประกอบกับที่จงหลี่เพิ่งช่วยเหลือนาง ทั้งยังช่วยงานของนาง การมีพี่ชายเช่นนี้ กู้หว่านเยว่รู้สึกเชื่อใจและพึ่งพาเขาได้จากก้นบึ้งของหัวใจ นางโพล่งออกไปอย่างอดไม่ได้ ในตอนที่นางตะโกนค
หลังจากที่รู้สถานะของจงหลี่แล้ว นางก็ยิ่งสนใจเขามากขึ้น“เอาสิ”จงหลี่ทำตามความต้องการของกู้หว่านเยว่ ด้วยการนอนลงอย่างว่าง่าย กู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองหลังจากที่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้วก็เริ่มฝังเข็มให้จงหลี่จงหลี่คลี่ยิ้มตลอดเวลา พลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเอ็นดู แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหยิ่งผยองเล็กน้อยซูจิ่งสิงนั่งอยู่ข้าง ๆ มือถือถ้วยชาพลางมองสองพี่น้องนัยน์ตาฉายแววลึกซึ้ง ครุ่นคิดสถานะของจงหลี่ “เรียบร้อยแล้ว”เวลาผ่านพักใหญ่ กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจออกมา“พี่ใหญ่ ท่านลองใช้กำลังภายในสักหน่อย ดูสิว่ายังไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่”นางเดาว่าสิ่งที่ทำให้แผลเก่าของจงหลี่กำเริบนั้นเป็นเพราะเขาใช้กำลังภายใน “ได้”จงหลี่หลับตาลงทั้งสองข้าง จากนั้นก็ใช้กำลังภายในตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ และแล้วก็ต้องพบกับความจริงที่คาดไม่ถึง การอุดตันในเส้นลมปราณได้มลายหายไป แทนที่ด้วยความอบอุ่นบางอย่าง“ซังหนิง เจ้าเก่งยิ่งนัก”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย กู้หว่านเยว่เองก็ดีใจ ที่ใช้ทักษะ
เขาสัมผัสได้ถึงความรักของจงหลี่ที่มีต่อกู้หว่านเยว่ เขารู้สึกดีใจอยู่ภายใน “ข้าน้อยซูจิ่งสิง ขอคารวะพี่ใหญ่”“ไม่ต้องมากพิธีหรอก”จงหลี่ยิ้มเล็กน้อย ยากจะยอมรับน้องเขย “เจ้าดีกับซังหนิงมาก ข้าเข้าใจได้”ซูจิ่งสิงอดยิ้มอย่างข่มขื่นไม่ได้ จงหลี่ยังคงมองพิจารณาเขา หากเขาทำไม่ดีต่อภรรยา บัดนี้อาจจะถูกไล่ออกไปแล้ว“พี่ใหญ่โปรดวางใจ หว่านเยว่คือภรรยาของข้า ข้าจะปกป้องนางตลอดชีวิต”“จำคำนี้ของเจ้าไว้”จงหลี่พยักหน้า เขารู้สึกประทับใจต่อซูจิ่งสิงไม่น้อย และไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจมากนัก“พี่ใหญ่ท่านรอก่อน ข้าจะลองหาดูอีกครั้งว่ามีสมุนไพรอะไรอีกบ้างที่บำรุงน่างกายของท่านได้”กู้หว่านเยว่กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บภายในของจงหลี่ ซึ่งอาการบาดเจ็บภายในนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้นางมียามากมายอยู่ในห้วงมิติ กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะเข้าไปหาว่ามีสมุนไพรอะไรอีกบ้างที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของจงหลี่ได้จงหลี่ต้องการพักผ่อนพอดี กู้หว่านเยว่รีบคว้าซูจิ่งสิงกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง“ท่านพี่ ข้ามีพี่ใหญ่หนึ่งคนแล้วนะ!”หลังจากกลับเข้ามาในห้อง กู้หว่านเยว่ยังรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อย แม้ว่านางจะไม่อ
“พี่ใหญ่ ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่นอน”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างจริงจัง “หากมีโอกาส ข้าจะหาทางติดต่อเจ้า เขียนจดหมายถึงเจ้า”แต่หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมา กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกลำบากใจเพราะนอกจากจะรู้จักชื่อของจงหลี่แล้ว นางไม่เคยรู้เรื่องราวอื่น ๆ และสถานะของเขาเลยนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ไหน กำลังจะไปไหน และจะติดต่อเขาได้อย่างไร?จงหลี่พูดถูกเวลา “ไม่ต้องกังวล ไว้ข้าปักหลักได้ ข้าจะส่งคนไปแจ้งเจ้า”เขาอธิบาย“บางเรื่องที่ไม่บอกเจ้า เพราะข้าอยู่ห่างจากเจ้ามากเกินไป รอเจ้าแข็งแกร่งขึ้น หรือรอจนพี่ใหญ่จัดการเรื่องเหล่านี้ได้ พี่ใหญ่จะต้องบอกเจ้าอย่างแน่นอน”“ข้าเข้าใจ”กู้หว่านเยว่ไม่ใช่คนใจร้าย นางไม่อยากให้จงหลี่ลำบากใจครั้นเห็นซูจิ่นเอ๋อร์ประคองฟู่หลานเหินออกมา ทั้งสองคนก็ขึ้นรถม้าไปแล้ว นางไม่อยากเสียเวลาอีก “พี่ใหญ่ เราต้องไปกันแล้ว วันข้างหน้าอาจจะมีโอกาสได้เจอกัน”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมา พวกเขาอยู่ในตำบลน้ำแข็งนิลนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับเจดีย์หนิงกู่แล้ว“น้องหญิง” จงหลี่รุดขึ้นหน้า แล้วดึงกู้หว่านเยว่เข้ามาในอ้อมกอด เขายังคงอาลัยอาวรณ์“ลาก่อน” “ลาก่อน!
กู้หว่านเยว่อาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ซูจิ่งสิงลูบมือปลอบใจนาง “ไม่แน่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศจะได้ปรองดองกัน”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินประโยคนี้ก็อดขบขันไม่ได้ นี่คือเรื่องที่จะบอกเสี่ยวถ่านยามนางจากไปนางได้กำชับเสี่ยวถ่านเอาไว้ หากสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ จะต้องทำตามข้อตกลงของพวกเขา จะให้ทูเจวี๋ยเข้ามาโจมตีต้าฉีไม่ได้ ให้ทั้งสองประเทศสามารถอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคีและสันติสุข“ข้าเชื่อว่าเสี่ยวถ่านจะต้องทำได้”กู้หว่านเยว่ยิ้มบาง ๆ นางเชื่อใจเด็กคนนี้มากมีเยียนอวิ๋นชูคอยช่วยเหลือเสี่ยวถ่านอยู่ เสี่ยวถ่านไม่มีทางหลงทางอย่างแน่นอนจะว่าไปแล้ว นางและเยียนอวิ๋นชูก็มีเงื่อนไขเช่นกัน...หลังจากที่รถม้าวิ่งออกจากทูเจวี๋ย ก็ตรงมาถึงชายแดนก่อนเวลานี้สองพ่อลูกสกุลเกาได้รับจดหมายของซูจิ่งสิงแล้ว จนได้รู้ว่าซูจิ่งสิงมาจากชายแดน จึงออกไปต้อนรับที่หน้าประตูเมืองเมื่อพวกเขาเห็นซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่พาซูจิ่นเอ๋อร์กลับมา ก็พากันเบิกตากว้างด้วยความตกใจจนลูกตาแทบจะถลนกันออกมา“ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋องขอรับ”แม่ทัพผู้เฒ่าเการุดหน้าเข้าไปทำความเคารพก่อน จากนั้นก็มองซูจิ่งสิงด
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู