กู้หว่านเยว่อาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ซูจิ่งสิงลูบมือปลอบใจนาง “ไม่แน่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศจะได้ปรองดองกัน”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินประโยคนี้ก็อดขบขันไม่ได้ นี่คือเรื่องที่จะบอกเสี่ยวถ่านยามนางจากไปนางได้กำชับเสี่ยวถ่านเอาไว้ หากสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ จะต้องทำตามข้อตกลงของพวกเขา จะให้ทูเจวี๋ยเข้ามาโจมตีต้าฉีไม่ได้ ให้ทั้งสองประเทศสามารถอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคีและสันติสุข“ข้าเชื่อว่าเสี่ยวถ่านจะต้องทำได้”กู้หว่านเยว่ยิ้มบาง ๆ นางเชื่อใจเด็กคนนี้มากมีเยียนอวิ๋นชูคอยช่วยเหลือเสี่ยวถ่านอยู่ เสี่ยวถ่านไม่มีทางหลงทางอย่างแน่นอนจะว่าไปแล้ว นางและเยียนอวิ๋นชูก็มีเงื่อนไขเช่นกัน...หลังจากที่รถม้าวิ่งออกจากทูเจวี๋ย ก็ตรงมาถึงชายแดนก่อนเวลานี้สองพ่อลูกสกุลเกาได้รับจดหมายของซูจิ่งสิงแล้ว จนได้รู้ว่าซูจิ่งสิงมาจากชายแดน จึงออกไปต้อนรับที่หน้าประตูเมืองเมื่อพวกเขาเห็นซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่พาซูจิ่นเอ๋อร์กลับมา ก็พากันเบิกตากว้างด้วยความตกใจจนลูกตาแทบจะถลนกันออกมา“ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋องขอรับ”แม่ทัพผู้เฒ่าเการุดหน้าเข้าไปทำความเคารพก่อน จากนั้นก็มองซูจิ่งสิงด
สายตาของกู้หว่านเยว่ที่มองทะลุทุกสิ่ง พร้อมกับรอยยิ้มที่คลุมเครือนั้น ทำให้ใบหูของเกาเจี้ยนแดงก่ำ“พระชายา ทะ ท่านกำลังพูดอะไร?” สายตาที่หลบเลี่ยง บ่งบอกชัดเจนว่าไม่กล้าที่จะยอมรับกู้หว่านเยว่ชี้ไปที่เอวของเขา “ถุงยานี้เป็นสิ่งที่ลั่วยางพกติดตัวอยู่ตลอด”เกาเจี้ยนรีบมองไปที่เอวของตัวเอง แล้วลูบหัวอย่างเขินอาย “พระชายา สายตาของท่านช่างเฉียบคมจริง ๆ ”ในเมื่อถูกมองออกแล้ว เขาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป“ถุงยานี้ ข้าพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะได้มาจากลั่วยาง”เขาหัวเราะแหะ ๆ สองที“ข้ากำลังตามจีบนางอยู่น่ะ แต่ลั่วยางยังไม่ตกลง”ดังนั้น กู้หว่านเยว่ถามเขาเมื่อครู่ เขาจึงคิดที่จะปิดบัง ไม่อยากให้ลั่วยางพบกับความยุ่งยาก“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ดึงซูจิ่งสิงให้มานั่งลงกลับเป็นซูจิ่งสิงที่มีเรื่องกังวลใจอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาในระหว่างงานเลี้ยง รอจนกระทั่งกลับห้องพักผ่อนแล้ว จึงได้เอ่ยถามกู้หว่านเยว่“น้องหญิง เกาเจี้ยนกำลังตามจีบลั่วยางหรือ?”เขาขมวดคิ้ว กู้หว่านเยว่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านกลัวว่าเขาจะถูกลั่
เขายังมีเรื่องเกี่ยวกับทูเจวี๋ยที่จะต้องปรึกษากับแม่ทัพผู้เฒ่าเกาเนื่องจากทุกคนต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล ประกอบกับซูจิ่งสิงยังมีธุระที่ต้องจัดการที่ชายแดน ดังนั้นหลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว จึงตัดสินใจพักอยู่ที่บ้านสกุลเกาอีกสองวัน“พอดีเลย ครั้งที่แล้วมาแบบรีบร้อน ยังไม่มีโอกาสได้ชมทัศนียภาพของด่านซานไห่วันนี้ได้ออกไปเที่ยวชมพอดี”กู้หว่านเยว่เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดสตรี หยิบชุดกระโปรงยาวสีเขียวออกมาจากมิติแล้วสวมใส่ ทันใดนั้น ก็สะกดสายตาของซูจิ่งสิง“น้องหญิง วันนี้ข้าออกไปเที่ยวกับเจ้าด้วยดีกว่า”น้องหญิงงดงามเกินไป กลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งไป ทำอย่างไรดี?ซูจิ่งสิงจ้องมองนาง น้องหญิงของนาง แม้ไม่แต่งตัวก็เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งอยู่แล้ว พอแต่งตัวขึ้นมาเล็กน้อย ก็ยิ่งงดงามจนไม่อาจละสายตาได้“อย่ามาพูดเล่น ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะไปปรึกษากับแม่ทัพผู้เฒ่าเกาให้ดี ๆ ”กู้หว่านเยว่หยิบผ้าคลุมหน้าออกมาสวม ด่านซานไห่ลมแรงทรายเยอะ นางกังวลว่าผิวจะเสียหาย“ชิงเหลียน พวกเราไปกันเถอะ”“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนที่กำลังเหม่อลอย รีบตามกู้หว่านเยว่ไปซูจิ่งสิงก็มีธุระต้องจัดการจริง ๆ มิเช
ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเช่นนั้น ความหมายของการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้หรอกหรือ?กู้หว่านเยว่เดินตามเกาเจี้ยนออกไป แต่เดินไปเดินมากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ“พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไปตลาดมิใช่หรือ เหตุใดถึงพาข้ามาที่โรงหมอ?”กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง แต่เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังวุ่นอยู่กับการทำงานในโรงหมอ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที“แหะ ๆ ”เกาเจี้ยนเหมือนคนตัวโตที่เซ่อ ๆ ลูบหัวด้วยความเขินอาย“พระชายาอย่าได้ถือโทษ ข้าเผลอเดินมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว”ในหัวของเขาเอาแต่คิดถึงลั่วยาง ร่างกายจึงขยับไปเองโดยไม่รู้ตัว“พี่หญิงหว่านเยว่?”ลั่วยางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านนอก พอเห็นเกาเจี้ยน ก็ยังรู้สึกเคอะเขินอยู่บ้าง แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”นางรีบวิ่งออกมา อย่างไรเสีย กู้หว่านเยว่ก็มาถึงที่นี่แล้ว จึงตัดสินใจเข้าไปดูข้างใน“เพิ่งมาถึงเมื่อคืนนี้เอง”กู้หว่านเยว่มองนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่ชายแดน ไม่ได้กลับไปหรือ?”นางจำได้ว่าปรมาจารย์แพทย์ให้นางมาที่นี่เพื่อหาสมุนไพร ล
ชายร่างใหญ่แสดงสีหน้าร้อนรน ไม่รู้ว่าควรจะโขกศีรษะกับใครดี จึงได้แต่มองไปที่เกาเจี้ยนผู้ที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้“อาการของน้องหญิงของข้าสาหัสมากจริง ๆ ขอร้องพวกท่านช่วยชีวิตนางด้วยเถิด”เขาเผยสีหน้ากังวล ดวงตาแดงก่ำเสียแล้วคงเป็นเพราะว่าเขามีหน้าตาดุดันเกินไป ดังนั้นตอนที่เข้ามา ทุกคนจึงเข้าใจผิดคิดว่าเขามาหาเรื่อง ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขามาขอความช่วยเหลือ ลั่วยางจึงรีบก้าวออกมา“ข้าคือหมอหญิงลั่วที่เจ้ากำลังตามหา น้องหญิงของเจ้าเป็นอะไร? บอกมาให้ชัดเจนก่อน”ชายคนนั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้พลางเอ่ยขึ้น “น้องหญิงของข้า น้องหญิงของข้า นางถูกงูพิษกัด เป็นงูห้าก้าว งูพิษ”“ซี้ด!”งูห้าก้าว นั่นมันงูที่สามารถคร่าชีวิตคนได้เชียวนะเมื่อลั่วยางฟังจบ ก็รีบเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นงูพิษ เช่นนั้นก็ควรจะรีบแก้พิษ”“ชะ ใช่ ควรจะรีบแก้พิษโดยเร็ว”สายตาของชายคนนั้นดูแปลก ๆ ลั่วยางไม่ได้สังเกตถึงสายตาของเขา คิดเพียงแค่ว่าการช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด“น้องหญิงของเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ? รีบพานางมาเดี๋ยวนี้เลย ข้าจะได้ตรวจดูอาการ”เมื่อได้ยินว่าลั่วยางยินดีที่จะช่วย ชายคนนั้นก็รีบก้มลงโขกศีรษะให้นาง“
“น้องหญิงของเจ้าตั้งครรภ์หรือ?”ลั่วยางยิ่งตกใจมากขึ้น เหตุใดคนผู้นี้ถึงไม่พูดทุกอย่างให้ชัดเจนในคราวเดียว?นางจับชีพจรของภรรยาสกุลเฉิน พบว่าเป็นชีพจรของผู้ที่ตั้งครรภ์จริง ๆ ตั้งครรภ์จริง ๆ ด้วย ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการแก้พิษ“หนาว ข้าหนาวเหลือเกิน”เวลานี้ ภรรยาสกุลเฉินก็ครางออกมาเบา ๆ นางโดนพิษ สติเลอะเลือนอย่างยิ่ง เนื่องจากโดนพิษมานานเกินไป ตอนนี้ร่างกายจึงเริ่มมีปฏิกิริยาต่อพิษ เช่น รู้สึกหนาวสั่น เป็นต้นเฉินอาหนิวจับมือของภรรยาสกุลเฉินเอาไว้แน่น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“น้องหญิง เจ้าอดทนหน่อยนะ ไม่ต้องห่วง ข้าพาเจ้ามาหาหมอแล้ว หมอต้องสามารถแก้พิษงูให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”“ชะ ช่วยข้าด้วย”ภรรยาสกุลเฉินราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา มองไปที่ลั่วยาง นางหายใจรวยริน แล้วเอ่ยพึมพำเบา ๆ หนึ่งประโยค“ข้าไม่อยากตาย ต้องช่วยข้าให้ได้...”เฉินอาหนิวรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย “นะ นางโดนพิษจนสติเลอะเลือนแล้ว...”“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”ลั่วยางไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อรู้ว่าภรรยาสกุลเฉินกำลังตั้งครรภ์ นางก็รีบเข้าไปหยิบยาที่ปรุงเตรียมเอาไว้แล้วอย่างรวดเร
“เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผลกระทบ ท่านแม่ของข้าไม่โกหกหรอก”ดวงตาของเฉินอาหนิวสั่นไหวเล็กน้อย “และข้าก็เคยถามหมอหลายคนแล้ว หมอพวกนั้นก็ไม่กล้ายืนยัน...”ลั่วยางแสดงสีหน้างุนงง แล้วหันไปมองกู้หว่านเยว่โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนสบตากันกลางอากาศ ต่างรู้สึกพูดไม่ออก“ดังนั้น เจ้าเคยไปหาหมอคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว?”นางคิดว่าเฉินอาหนิวผู้นี้ถ่วงเวลาไปกว่าสองชั่วยาม จึงจะพาน้องหญิงของตนเองมาหานาง แต่ไม่คิดเลยว่า เขาเคยไปหาหมอคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้วนั่นก็หมายความว่า เพื่อที่จะแก้พิษให้ภรรยาสกุลเฉิน หมอคนอื่น ๆ ก็น่าจะสั่งจ่ายยาให้เช่นกัน เพียงแต่เฉินอาหนิวไม่ยอมให้ภรรยาของเขาดื่มยาต้มแก้พิษ ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกที่จะให้หมอคนอื่น ๆ รักษา แล้วมาขอร้องนาง เพราะคิดว่านางน่าจะมีวิธีอื่นลั่วยางรู้สึกโกรธเล็กน้อยคนผู้นี้สนใจแต่ลูก ไม่สนใจชีวิตของภรรยาสกุลเฉินเลย!สายตาของนางเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น“อยากจะแก้พิษ ก็มีแต่ต้องดื่มยาต้มเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น!หากเจ้าขัดขวางอีก ภรรยาของเจ้าก็จะตาย ลูกก็จะไม่รอดด้วย!”น้ำเสียงของนางเด็ดขาด เฉินอาหนิวแสดงสีหน้าลังเล“ขะ ข้าต้องการดื่มยา”ในเวลานี้ ภรรยา
เฉินอาหนิวเกิดความคิดขึ้นมาในหัว “พวกเจ้าสองคน แอบมีความสัมพันธ์กันหรือไม่?”“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”เฉินเถียนสุ่ยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี“เจ้าไม่กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของพี่สะใภ้หรือ?”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโมโห เมื่อมองไปที่นางโจว เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นหากรู้ตั้งแต่แรกว่าพี่ชายเป็นคนแบบนี้ ตอนนั้น เขาน่าจะแย่งเจ้าสาวมา!“ถ้าพวกเจ้าสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน เจ้าจะมาสนใจนางทำไมกัน?”เฉินอาหนิวยิ่งคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นแบบนั้น“ข้าว่าแล้วเชียว เหตุใดตอนที่ภรรยาของข้าถูกงูกัด เจ้าถึงเป็นคนแรกที่เจอ!”เขาหันกลับไปด้วยความโมโหแล้วเดินไปหานางโจว จากนั้นเขย่าไหล่ของนางอย่างแรง“รีบพูดมา พวกเจ้าแอบทำเรื่องน่าอายกันใช่หรือไม่?”เดิมทีนางโจวก็ถูกพิษงู ทำให้รู้สึกมึนหัวอยู่แล้ว เพิ่งจะได้กินยาแก้พิษไป แต่ยายังไม่ออกฤทธิ์ ตอนนี้ยังคงรู้สึกหนาวสั่นและคลื่นไส้อยู่ เฉินอาหนิวไม่ช่วยนาง แถมยังสงสัยว่านางแอบเป็นชู้กับคนอื่นอีก ทำให้นางโกรธจนตัวสั่น“จะพูดไม่พูด พูดสิ!”มือที่หยาบกระด้างของเฉินอาหนิว จับไหล่นางเอาไว้จนเริ่มรู้สึกเจ็บ“ปล่อยนางนะ” เฉินเถียนสุ่ย
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู