“เจ้า?”สายตาของนางโจวสั่นไหวเล็กน้อย สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดูจริงใจอย่างยิ่ง ดวงตาเป็นประกาย แต่นางจำไม่ได้ว่านางเคยพูดคุยอะไรกับเฉินเถียนสุ่ย“แม่นางโจว เจ้าเป็นคนหมู่บ้านข้าง ๆ พวกเรา”ใบหูของเฉินเถียนสุ่ยแดงระเรื่อ“จริง ๆ แล้ว ข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว ครั้งหนึ่งข้าเดินผ่านหมู่บ้านของเจ้า เห็นเจ้ากำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ”ตอนนั้นเขาตกหลุมรักนางโจวตั้งแต่แรกพบ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ไปสู่ขอ สกุลโจวก็ยกนางให้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเสียก่อนเฉินเถียนสุ่ยจึงทำได้เพียงเลือกที่จะอวยพรแต่ในตอนนี้ โอกาสของเขามาถึงอีกครั้งแล้ว“เฉินเถียนสุ่ย เจ้า!”เฉินอาหนิวก็เข้าใจแล้ว ไม่ใช่ว่าเฉินเถียนสุ่ยแอบมีความสัมพันธ์กับนางโจว แต่เป็นเฉินเถียนสุ่ยแอบรักนางโจวมาโดยตลอดต่างหาก“นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า!”เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของนางโจว ทันใดนั้น เฉินอาหนิวก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างตอนนั้นเขาก็ชอบนางโจวเพราะความงาม จึงได้ไปสู่ขอที่สกุลโจว“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เฉินเถียนสุ่ยจัดปกเสื้อของตัวเอง “นางบอกแล้วว่าจะขอหย่ากับเจ้า”“ข้าไม่มีทางยอม”เฉินอาหนิวส่ายหัว ในขณะนั้นเอง ก็มีช
“กฎเป็นสิ่งตายตัว แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต”เกาเจี้ยนยิ้ม ไม่ได้ตำหนิเขา“กลับไปแล้วรับโทษโบยห้าไม้ พอเป็นพิธีก็แล้วกัน”วันนี้เขาอยู่ในเหตุการณ์ เห็นกับตาตัวเองว่าเฉินอาหนิวเลวทรามแค่ไหน ลองคิดกลับกันแล้ว ถ้าเป็นพี่สาวของเขาโดนรังแกแบบนี้ เขาก็คงทนไม่ไหวต้องลงมือเช่นกัน“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”น้องเล็กสกุลโจวมองไปที่ลั่วยาง “ท่านหมอ พิษงูในตัวพี่หญิงของข้าคงไม่เป็นอะไรมากแล้วใช่หรือไม่ ข้าพานางกลับบ้านได้หรือยัง?”“ได้ กลับไปแล้วให้ทานอาหารอ่อน ๆ หน่อยนะ”ลั่วยางพยักหน้า น้องเล็กสกุลโจวรีบอุ้มนางโจวออกไปทันที“พวกเจ้ารอข้าด้วย”เฉินเถียนสุ่ยวิ่งตามมาข้างหลัง ดูท่าทางแล้ว ต่อไปเขาคงจะมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ นางโจวบ่อย ๆ ละครฉากใหญ่จบลงอย่างรวดเร็ว ลั่วยางมองกู้หว่านเยว่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“พี่หญิงหว่านเยว่ เมื่อครู่เฉินอาหนิวข่มขู่พวกเรา บอกว่าถ้าลูกเป็นอะไรไปจะมาหาเรื่องพวกเรา ตอนนั้นท่านไม่กลัวบ้างหรือ?”ในตอนนั้นลั่วยางลังเลใจ นางกลัวว่าจะเดือดร้อน พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ“จำไว้ ไม่ว่าเมื่อไร ความต้องการของผู้ป่วยสำคัญที่สุด”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “โดยเฉพาะอย
อย่างไรเสีย พวกเขาก็ยังต้องอยู่ที่ด่านซานไห่อีกสองวัน สองวันนี้ว่างไม่มีอะไรทำ สู้ไปกับลั่วยางเพื่อหาผลพุทราทรายด้วยกันเสียเลยดีกว่า“เอาอย่างนี้ ตอนที่เจ้าจะไปหาผลพุทราทราย ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน“แต่ว่า ข้าจะอยู่ที่ด่านซานไห่แค่ไม่กี่วัน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าไปกับเจ้า ก็ต้องรีบหน่อยแล้ว”นางก็ไม่มีเวลามากมายที่จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นกันดวงตาของลั่วยางเป็นประกาย เดิมทีนางแค่ต้องการขอวิธีจากกู้หว่านเยว่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้หว่านเยว่จะไปกับนางด้วยตัวเอง“เช่นนั้นพวกเราไปพรุ่งนี้เลยดีหรือไม่ ข้าจะกลับไปเตรียมตัวก่อน”ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น“สองวันนี้อากาศดี พรุ่งนี้ฝนก็ไม่น่าจะตก เดี๋ยวเราไปเจอกันที่หน้าประตูเมือง ข้าจะพาพวกท่านไปที่ทะเลทรายเอง”พูดถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“จริงสิ ทะเลทรายแห่งนั้นค่อนข้างแปลก”“แปลกอย่างไร?”กู้หว่านเยว่เกิดความสนใจ จึงฟังลั่วยางอธิบายต่อ“ครั้งที่แล้วที่ข้าไป ข้าเห็นหลุมเล็ก ๆ อยู่ในทะเลทราย แต่ตอนนั้นข้าไปคนเดียว จึงไม่กล้าเข้าไปดู กลัวว่าจะเป็นกับดักอะไรสักอย่าง”ในทะเลทรายมักจะมีหลุมทรายดูด นาง
“ข้าไม่มีทักษะทางการแพทย์จริงๆ นั่นแหละ แต่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”เขาพยายามพิสูจน์ตัวเอง“เจ้ายังไม่เคยเห็นทักษะดาบของข้า ทักษะดาบของข้าสูงมาก หากเจอแมงป่องพิษจริงๆ ข้าสามารถสับมันเป็นสองท่อนได้ในคราเดียว”เกาเจี้ยนกระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเองถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะล่วงเกินลั่วยาง เขาก็อยากจะม้วนแขนเสื้อตัวเองขึ้นด้วยซ้ำ ให้ลั่วยางดูกล้ามแขนที่บึกบึนของเขา“อุ๊บ!”ลั่วยางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ“ท่านรู้ไหมว่าในทะเลทรายนั้นมีแมงป่องพิษมากน้อยแค่ไหน?”นางเหมือนเห็นคนโง่“แมงป่องพิษในทะเลทรายนั้น ข้ามองปราดเดียวก็นับไม่ถ้วน มีนับร้อยนับพันตัว แม้ว่าทักษะดาบของท่านจะสูงส่งเพียงใด แต่จะสามารถสับแมงป่องพิษทั้งหมดให้เป็นสองส่วนได้เชียวหรือ?”“เรื่องนี้...”เกาเจี้ยนไม่เคยพิจารณาถึงปัญหาข้อนี้จริงๆ“ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้”สองหมัดยากจะต่อกรสี่มือ ถ้าหากเขาเป็นปลาหมึกยักษ์ล่ะก็ บางทีอาจจะทำได้“ข้าให้พี่หญิงหว่านเยว่ไปกับข้า พี่หญิงหว่านเยว่น่าจะมีผงยาบางอย่าง ที่สามารถทำให้แมงป่องพิษเหล่านั้นอ่อนข้อให้ได้”ลั่วยางอธิบายสรรพสิ่งต่าง ๆ ล้วนเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน แมงป่องพิษก็มีศัตร
ชิงเหลียนกระแอมไอ นางไม่กล้าให้เกาเจี้ยนรู้ว่านางกำลังนินทาลับหลัง“ใช่ ๆ ๆ พรุ่งนี้เราจะไปทะเลทรายกัน ข้าต้องเตรียมตัวให้ดี”เกาเจี้ยนคิดว่า ต่อให้เขาจะไม่รู้ว่าผลพุทราทรายคืออะไร ไม่เข้าใจเรื่องสมุนไพร แต่เขาก็ยังต้องช่วยลั่วยางบ้าง“พระชายา ท่านยังต้องการออกไปเดินเล่นข้างนอกอีกไหม?”เกาเจี้ยนรีบมองไปทางกู้หว่านเยว่ แต่ที่จริงแล้วในใจเขากำลังร้อนรนอยากจะกลับไปเตรียมตัวกู้หว่านเยว่เดินเล่นข้างนอกมาทั้งวัน อยู่ในโรงหมอนานเช่นนี้ ก็รู้สึกเพลียเล็กน้อย จึงส่ายหน้า“ไม่ต้องหรอก ที่ควรเดินก็เดินมาเกือบหมดแล้ว เรากลับจวนกันก่อนเถอะ”นางจะได้กลับไปทักทายซูจิ่งสิงพอดีทั้งสองคนกลับมาถึงจวนเป็นไปตามที่กู้หว่านเยว่คิดไว้ ซูจิ่งสิงเพิ่งกลับมาหลังจากจัดการธุระเสร็จพอดีกู้หว่านเยว่รีบเข้าไปบอกซูจิ่งสิงเรื่องที่นางจะไปเก็บผลพุทราทรายในทะเลทราย แน่นอนว่าประเด็นสำคัญคือนางได้ยินมาว่าอาจมีสมบัติอยู่ในทะเลทราย“ทะเลทรายนั้นมีแมงป่องพิษมากมายมิใช่หรือ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วโดยจิตใต้สำนึก เป็นห่วงว่ากู้หว่านเยว่อาจจะได้รับบาดเจ็บ“มีแมงป่องพิษมากมาย แต่มีในมิติของข้ามีผงยาชนิดหนึ่งที่แมงป่อง
เป็นห่วงว่าหากเกิดอะไรกับพวกเขา คว้าน้ำเหลว จะไม่เป็นผลดี“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านจะไปไหน?”ซูจิ่นเอ๋อร์กระสับกระส่าย นางอึดอัดว้าวุ่นมาตลอดหลายวันนี้ทันทีที่ถามออกไป ก็ถูกปลายนิ้วของกู้หว่านเยว่กดหน้าผากไว้“ไม่ว่าพวกข้าจะไปที่ไหน เจ้าก็ตามไปไม่ได้”นังหนูคนนี้มีแต่จะเป็นตัวถ่วงกู้หว่านเยว่เห็นแก่ที่นางเป็นน้องสาวสามี ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาระหว่างที่ถูกเนรเทศ ถึงได้อดทนกับนางมาก“อยู่ในจวนดี ๆ รอพวกข้ากลับมา”ซูจิ่งสิงยังช่วยเสริมอีกว่า “ไปแล้วมีแต่จะเป็นตัวถ่วง”“จิ่นเอ๋อร์ เจ้ากับข้าอยู่ในจวนเถอะ อย่าไปสร้างปัญหาเพิ่มให้พวกเขาเลย”ฟู่หลานเหิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พวกเขามีปัญหามากพอแล้วซูจิ่นเอ๋อร์เห็นทั้งสามคนไม่ยอมให้นางตามไป ก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจขึ้นมาชั่วขณะ“ตกลง ข้าแค่ถามเฉย ๆ”นางแค่อยากติดตามไปช่วยเหลือเท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปยุ่งวุ่นวาย แต่ทุกครั้งนางกลับทำพังเสมอ ก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“พวกท่านสองคนพักผ่อนให้สบาย พวกข้าขอตัวกลับก่อน”กู้หว่านเยว่ใช่ว่าจะไม่สังเกตเห็นอารมณ์ที่ห่อเหี่ยวของซูจิ่นเอ๋อร์แต่ว่าโตแล้ว ต้องพึ่งพาตัวเองซูจิ่งสิงและกู้หว่า
ด้วยความสำเร็จทางการทหาร จึงค่อย ๆ ก้าวมาถึงตำแหน่งเจิ้นเป่ยอ๋อง“นี่ ท่านพี่ ท่านดูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเหมือนจะมีดาวดวงหนึ่งที่สว่างเป็นพิเศษ”กู้หว่านเยว่ชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่นั่นดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่ผลพุทราทรายเจริญเติบโตตามที่ลั่วยางพูดไว้เมื่อตอนกลางวัน“มันสว่างไสวจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพเช่นนี้”ซูจิ่งสิงเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่เขาไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้ามากนัก รู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอะไรอย่างอยู่ที่นั่น“ลมเริ่มแรงแล้ว ไปกันเถอะ เรากลับกันก่อน”เมื่อเห็นลมพัดแรงมาจากที่ราบ ซ้ำยังนำพาพายุทรายมาเป็นจำนวนมาก ซูจิ่งสิงก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วคลุมร่างกายให้กู้หว่านเยว่ จากนั้นทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้องด้วยกันก่อนเข้านอนกู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิตินางนำเพลงควบคุมสัตว์ร้ายออกมาฝึกฝนอยู่ครึ่งชั่วยาม “สองวันมานี้เมื่อเป่าเพลงควบคุมสัตว์ร้ายในครึ่งหลัง มักจะมีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ”กู้หว่านเยว่มองไปยังจูเชวี่ยที่อยู่ข้างกายนาง นางถึงกับเกิดความคิดขึ้นมา รู้สึกว่านางดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่จูเชวี่ยพูด“เลอะเลือนจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ส
“พี่หว่านเยว่ เมื่อวานท่านนอนไม่เต็มอิ่มหรือ?”ลั่วยางดูแปลกใจ เพราะนางรออยู่ที่ประตูเมืองนานแล้ว“มีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อย”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก ไม่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องก่อกบฏ กำลังคิดที่จะเรียกลั่วยางให้ออกเดินทางด้วยกันเสียงตะโกนเรียกของเกาเจี้ยนก็ดังมาจากทางด้านหลัง“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ข้าว่าแล้วพวกท่านคิดไม่ซื่อ เหตุใดถึงไม่รอข้า?”เกาเจี้ยนควบม้าเข้ามาอย่างร้อนใจ“จิ่งสิง ทำไมพวกท่านสองคนไม่เรียกข้า?”เขาหลับเพลินไปหน่อย เกือบจะพลาดไปแล้ว“เจ้าก็จะไปหาผลพุทราทรายด้วยหรือ?”“ใช่แล้ว!” เกาเจี้ยนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เมื่อคืนเขาตื่นเต้นเกินไป อยากแสดงออกให้ดีที่สุดต่อหน้าลั่วยาง ปรากฏว่าเพิ่งได้หลับไปตอนก่อนเช้าตรู่ ทำให้นอนเพลินไปหน่อย“เชื่อเจ้าก็แปลกแล้ว”สายตาของซูจิ่งสิงจับจ้องไปที่ลั่วยาง แล้วเบือนออกอย่างหมดคำจะพูดตามหาผลพุทราทรายเป็นเรื่องหลอกลวง ตามเกี้ยวสาวต่างหากที่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?“ข้าอยากสนุกด้วยไม่ได้หรือ จะว่าไปแล้ว ร้ายดีอย่างไรข้าก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของด่านซานไห่เช่นกันไปกับพวกท่าน แล้วยังสามารถปกป้องพวกท่านได้อีกด้วย”“ยอดฝีม
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู