ด้วยความสำเร็จทางการทหาร จึงค่อย ๆ ก้าวมาถึงตำแหน่งเจิ้นเป่ยอ๋อง“นี่ ท่านพี่ ท่านดูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเหมือนจะมีดาวดวงหนึ่งที่สว่างเป็นพิเศษ”กู้หว่านเยว่ชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่นั่นดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่ผลพุทราทรายเจริญเติบโตตามที่ลั่วยางพูดไว้เมื่อตอนกลางวัน“มันสว่างไสวจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพเช่นนี้”ซูจิ่งสิงเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่เขาไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้ามากนัก รู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอะไรอย่างอยู่ที่นั่น“ลมเริ่มแรงแล้ว ไปกันเถอะ เรากลับกันก่อน”เมื่อเห็นลมพัดแรงมาจากที่ราบ ซ้ำยังนำพาพายุทรายมาเป็นจำนวนมาก ซูจิ่งสิงก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วคลุมร่างกายให้กู้หว่านเยว่ จากนั้นทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้องด้วยกันก่อนเข้านอนกู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิตินางนำเพลงควบคุมสัตว์ร้ายออกมาฝึกฝนอยู่ครึ่งชั่วยาม “สองวันมานี้เมื่อเป่าเพลงควบคุมสัตว์ร้ายในครึ่งหลัง มักจะมีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ”กู้หว่านเยว่มองไปยังจูเชวี่ยที่อยู่ข้างกายนาง นางถึงกับเกิดความคิดขึ้นมา รู้สึกว่านางดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่จูเชวี่ยพูด“เลอะเลือนจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ส
“พี่หว่านเยว่ เมื่อวานท่านนอนไม่เต็มอิ่มหรือ?”ลั่วยางดูแปลกใจ เพราะนางรออยู่ที่ประตูเมืองนานแล้ว“มีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อย”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก ไม่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องก่อกบฏ กำลังคิดที่จะเรียกลั่วยางให้ออกเดินทางด้วยกันเสียงตะโกนเรียกของเกาเจี้ยนก็ดังมาจากทางด้านหลัง“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ข้าว่าแล้วพวกท่านคิดไม่ซื่อ เหตุใดถึงไม่รอข้า?”เกาเจี้ยนควบม้าเข้ามาอย่างร้อนใจ“จิ่งสิง ทำไมพวกท่านสองคนไม่เรียกข้า?”เขาหลับเพลินไปหน่อย เกือบจะพลาดไปแล้ว“เจ้าก็จะไปหาผลพุทราทรายด้วยหรือ?”“ใช่แล้ว!” เกาเจี้ยนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เมื่อคืนเขาตื่นเต้นเกินไป อยากแสดงออกให้ดีที่สุดต่อหน้าลั่วยาง ปรากฏว่าเพิ่งได้หลับไปตอนก่อนเช้าตรู่ ทำให้นอนเพลินไปหน่อย“เชื่อเจ้าก็แปลกแล้ว”สายตาของซูจิ่งสิงจับจ้องไปที่ลั่วยาง แล้วเบือนออกอย่างหมดคำจะพูดตามหาผลพุทราทรายเป็นเรื่องหลอกลวง ตามเกี้ยวสาวต่างหากที่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?“ข้าอยากสนุกด้วยไม่ได้หรือ จะว่าไปแล้ว ร้ายดีอย่างไรข้าก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของด่านซานไห่เช่นกันไปกับพวกท่าน แล้วยังสามารถปกป้องพวกท่านได้อีกด้วย”“ยอดฝีม
ซูจิ่งสิงตบบ่าเขา แต่ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากซักถามเกาเจี้ยน แต่เป็นกู้หว่านเยว่ที่เป็นห่วงลั่วยาง ดังนั้นนางจึงขอให้เขามาถามทั้งสองชะลอฝีเท้าลงในระหว่างที่พูดคุยกัน กู้หว่านเยว่และลั่วยางที่อยู่ด้านหลังได้ตามมาทันแล้ว“ท่านพี่ ดื่มน้ำหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่ยื่นถุงน้ำให้ซูจิ่งสิง สองสามีภรรยาแลกเปลี่ยนสายตากันซูจิ่งสิงพยักหน้าเล็กน้อย กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ เกาเจี้ยนจัดการเรื่องซวนลู่ได้แล้วก็ดี“ข้างหน้าก็คือพื้นที่รกร้างที่มีผลพุทราทรายเจริญเติบโตอยู่”ลั่วยางเอ่ยเตือนขึ้นอย่างฉับพลัน น้ำเสียงของนางค่อนข้างจริงจัง“เราต้องระวังหน่อย แมงป่องอาจออกมาจากพื้นทรายได้ทุกเมื่อ”ทรายในบริเวณนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะกับการขี่ม้าเข้าไปแล้วกู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ กระโดดลงจากหลังม้า แล้วส่งม้าให้ผู้ติดตามไว้ชั่วคราว“ชิงเหลียน พวกเจ้ารอเราอยู่ข้างนอก”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ชิงเหลียนรีบพยักหน้าเกาเจี้ยนก็พาผู้ติดตามมาด้วย รับผิดชอบเรื่องดูแลม้าของเขาและลั่วยาง“ที่ตัวข้ามีถุงหอมอยู่หลายซอง พวกเจ้าสวมติดตัวไว้”กู้หว่านเยว่หยิบถุงหอมสามซองออกมาจากอก ส่งให้พวกเขาสามคน
เกาเจี้ยนรีบพูดว่า “ส่งกล่องมาให้ข้า ข้าจะไปช่วยเก็บ มีผู้ช่วยเพิ่มอีกคนรวดเร็วกว่า”“ได้”ลั่วยางเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วส่งกล่องให้เขาเกาเจี้ยนแตะปลายเท้า เหาะเหินออกไป“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านรอพวกข้าอยู่ที่นี่”ลั่วยางย่อมรู้สึกไม่สบายใจที่จะรบกวนกู้หว่านเยว่อีกครั้ง เมื่อใช้ผงยาของกู้หว่านเยว่แล้ว ตลอดเส้นทางก็ไม่เห็นแมงป่องพิษอีกเลย“ข้าเก็บมาเต็มสองกล่องก็จะกลับมา”ก่อนออกเดินทาง ปรมาจารย์แพทย์ให้นางเอากลับมาให้มากที่สุด“ตกลง”กู้หว่านเยว่หยิบถุงมือยางออกมาจากห่อสัมภาระ นางตั้งใจจะจับแมงป่องพิษสักสองสามตัว เพื่อนำมาสกัดเป็นสมุนไพรและปรุงยาพิษแมงป่องพิษนั้นมีพิษ แต่เมื่อแปรรูปเป็นสมุนไพรแล้ว ก็จะสามารถรักษาโรคไขข้ออักเสบและโรคลมชักได้นางขุดแมงป่องพิษออกมาหลายตัวจากซอกหิน แมงป่องพิษส่วนใหญ่ไม่ชอบกลิ่นของผงยาที่ติดตัว เมื่อนางเข้าไปก็วิ่งหนีอย่างร้อนรน“อย่าหนีนะ!”กู้หว่านเยว่สวมถุงมือหนา ไม่กลัวว่าจะถูกแมงป่องพิษต่อยนางจับแมงป่องพิษหลายตัวติดต่อกัน แล้วโยนใส่ในขวดยา“น้องหญิง เจ้าวางแผนจะใช้แมงป่องพิษนี้ทำยาพิษใช่ไหม?”ซูจิ่งสิงเดินเข้ามาหาด้วยความสนใจใคร่รู้
“ที่พี่หญิงหว่านเยว่ให้พวกเราอยู่ที่นี่ นางมีเหตุผลของนาง”นางโน้มน้าวอย่างมีเหตุผล“ทักษะการต่อสู้ของพวกเราสู้พวกเขาไม่ได้ หากเกิดอะไรขึ้น มีแต่จะเป็นตัวถ่วงของพวกเขา”ซูจิ่งสิงมองลั่วยางอย่างชื่นชม นางก็มีความเฉลียวฉลาดที่เกาเจี้ยนเสนอตัวที่จะติดตามไป ก็เพราะคิดว่าเมื่อมีคนเพิ่มอีกคนก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่หลังจากฟังการวิเคราะห์ของลั่วยางแล้ว ก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผล“ตกลง เช่นนั้นข้าจะเชื่อฟังพวกท่าน”เกาเจี้ยนเอ่ยอย่างตรึกตรอง“ข้ารู้ว่าพวกท่านสองคนสนใจพระราชวังใต้ดินที่เป็นที่กล่าวขาน แต่ทะเลทรายแห่งนี้เมื่อตกกลางคืนจะมีความอันตราย”เขาตัดสินใจเชื่อฟังคำพูดของซูจิ่งสิง“หลังจากที่พวกข้าสองคนเก็บผลพุทราทรายเสร็จแล้ว ก็จะไปรวมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน รอพวกท่านอยู่ข้างนอก”เขาตบบ่าซูจิ่งสิง“พวกท่านรีบกลับมา”“ตกลง”ซูจิ่งสิงไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากปรึกษากับเกาเจี้ยนเสร็จแล้ว ก็กลับไปหากู้หว่านเยว่อีกครั้งทางด้านนี้ เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นกู้หว่านเยว่ยินดีที่จะตามพวกเขาไปตรวจดูก็แนะนำตัวอย่างตื่นเต้นในทันที“ข้าชื่อกัวเสี่ยวม่าน ท่านนี้คือเพื่อนสนิทของสามีของข้า
“ใกล้จะถึงแล้ว”กัวเสี่ยวม่านเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง แล้วหันกลับไปดูการแต่งหน้าแปลก ๆ ของ กู้หว่านเยว่“นี่คืออะไรหรือ?”“เป็นของที่ตกทอดมาจากฝั่งตะวันตก สามารถต้านทานทรายสีเหลืองได้”กู้หว่านเยว่พูดออกไปอย่างนั้นเอง ดวงตาของกัวเสี่ยวม่านกะพริบเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจมากนักเช่นกันอันที่จริงภารกิจหลักของนาง ก็คือพาทั้งสองคนมาที่นี่“แม่นางกู้ พวกท่านสองคนต้องตามติดข้าอย่างใกล้ชิด”กัวเสี่ยวม่านทำท่าทางเป็นห่วง“ทรายสีเหลืองที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าเป็นห่วงว่าพวกท่านอาจจะหลงทิศ”กู้หว่านเยว่ไม่สนใจความเป็นห่วงของนาง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถ้ำอยู่ข้างหน้าแล้วใช่ไหม?”“ถูกต้อง”กัวเสี่ยวม่านและเถียนหมั่งกำอาวุธลับที่อยู่ในแขนเสื้อไว้แน่นอย่างเงียบ ๆ เห็นกู้หว่านเยว่เผยรอยยิ้มที่ไม่เป็นภัยออกมา“เช่นนั้นก็เร่งนำทางไปเถอะ ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ”“ตกลง”กัวเสี่ยวม่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาจะไม่ได้สังเกตเห็นอะไรนางรีบเร่งฝีเท้า ในที่สุดหลังจากผ่านไปสักพัก ก็พาทั้งสองมาถึงด้านหน้าถ้ำแห่งหนึ่งถ้ำทั่วไปมักจะเดินเข้าไปเป็นทางเรียบ แต่ถ้ำที่ปรากฏตรงหน้ากู้หว่านเย
“รบกวนพวกท่านช่วยลงไปสำรวจเส้นทางก่อน”กัวเสี่ยวม่านตะโกนเสียงดัง ที่แท้การขอให้พวกเขาช่วยนั้นเป็นการหลอกลวง ต้องการให้พวกเขาลงไปสำรวจเส้นทางก่อนต่างหากที่เป็นเรื่องจริงเถียนหมั่งที่นิ่งเงียบอยู่ทางด้านหนึ่งมาโดยตลอด ก็ยื่นมือทั้งสองออกมาผลักซูจิ่งสิงลงไปชั่วพริบตาที่ทั้งสองเคลื่อนไหว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ออกจากตำแหน่งเดิมอย่างฉับพลันทั้งสองมีความระมัดระวังอยู่ก่อนหน้า ย่อมไม่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้พวกเขาถีบทั้งสองลงไปในถ้ำอยู่แล้ว“ติดตามพวกเจ้ามาช่วยคนด้วยความหวังดี สุดท้ายพวกเจ้ากลับคิดร้าย”กู้หว่านเยว่เดินเข้ามาทางด้านหลังกัวเสี่ยวม่านด้วยรอยยิ้มอันคลุมเครือ“เคยมีใครเตือนเจ้าบ้างไหม การหลอกใช้ความเห็นอกเห็นใจของคนอื่น จะต้องได้รับผลกรรม?”“ท่าน?”กัวเสี่ยวม่านเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นกู้หว่านเยว่ยกเท้าขวาขึ้นมาอย่างสง่างาม ก่อนจะถีบเข้าที่ท้องของนางอย่างแรง“โอ๊ย!”กัวเสี่ยวม่านกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านพี่รีบเข้ามาช่วยข้าที รีบเข้ามาช่วยข้าที”วิธีการเช่นนี้ได้รับการทดลองหลายครั้งแล้วว่าไม่พลาด ทำร้ายผู้คนจิตใจดีมามากมายไม่ร
เขาอ้อนวอนน้ำมูกน้ำตาไหล “จอมยุทธทั้งสองท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย พวกเราไม่ได้ตั้งใจพวกท่านอยากได้อะไรข้าล้วนมอบให้ท่านขอร้องพวกท่านปล่อยพวกเราไปเถอะ”ยามอยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ว่าใครก็ไม่มีความคิดต่อต้านเถียนจี้คนนี้เองก็คร่ำหวอดอยู่ในยุทธภพมานาน ยามเพิ่งเริ่มต่อสู้ก็มองออก ความสามารถของสามีภรรยาคู่นี้อยู่เหนือเขาหากยังสู้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องถูกถีบลงถ้ำแน่“ภรรยาของเจ้ายังอยู่ข้างล่างนะ”กู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม“สามีใจร้ายยิ่งนัก ถึงขั้นไม่ลงไปอยู่เป็นเพื่อนนาง?”สีหน้าถังจี้เผือดซีด กู้หว่านเยว่ไม่มอบโอกาสให้เขาตอบสนองได้ทันท่วงที สะบัดแส้ออกไป พันรอบตัวเขา โยนลงถ้ำไปแล้วซูจิ่งสิงเองก็ทำแบบเดียวกัน ถีบคนเหล่านั้นลงถ้ำขณะทั้งสองคนกำลังต่อสู้อยู่ข้างบน ระบบเองก็สำรวจถ้ำเรียบร้อยแล้ว“นายหญิง ข้างล่างมีสุสานใต้ดิน มีสุสานใต้ดินจริงๆ”เสียงของระบบตื่นเต้นอย่างมาก“ภายในสุสานใต้ดินยังมีสมบัติไม่น้อยซ่อนอยู่ หากนายหญิงสามารถเก็บสมบัติเหล่านี้ได้ มิติก็จะอัปเกรดสูงขึ้น”กู้หว่านเยว่ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ของระบบ ภายในดวงตาทั้งสองข้างเร่าร้อนขึ้นมาในทันใดนางไ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก