กู้หว่านเยว่ตกใจเล็กน้อย จู่ ๆ ก็มีพ่อแม่และพี่ชายเพิ่มมาอีกคน เป็นใคร ๆ ก็ตกใจกันทั้งนั้นแต่กู้หว่านเยว่ไม่ได้รังเกียจแวบแรกที่นางเจอจงหลี่ ก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย“เช่นนั้นข้าก็ยังมีพี่น้องคนอื่นอีกนะสิ?”นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย จงหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า“ไม่มีแล้ว ท่านพ่อและท่านแม่รักกันมาก ท่านพ่อไม่มีสนมคนอื่นแล้ว มีแค่ท่านแม่เพียงผู้เดียว ท่านแม่ให้กำเนิดเราสองคน ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ปีนี้เจ้าก็น่าจะอายุสิบเก้าปีแล้ว ข้าโตกว่าเจ้าเจ็ดปี”น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนมาก สายตาคู่นั้นจ้องมองกู้หว่านเยว่ พลางกล่าวอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ดังนั้น ข้าก็ควรเรียกท่านว่าพี่ใหญ่?” นางมีพี่ชายที่ปกป้องนางแล้วหรือ? “ถูกต้อง”หลังจากที่จงหลี่พยักหน้าตอบรับแล้ว ก็มองไปทางนางด้วยสายตาคาดหวังกู้หว่านเยว่ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง“พี่ใหญ่!”นางมีความรู้สึกคุ้นเคยกับจงหลี่มาตั้งแต่เกิด ประกอบกับที่จงหลี่เพิ่งช่วยเหลือนาง ทั้งยังช่วยงานของนาง การมีพี่ชายเช่นนี้ กู้หว่านเยว่รู้สึกเชื่อใจและพึ่งพาเขาได้จากก้นบึ้งของหัวใจ นางโพล่งออกไปอย่างอดไม่ได้ ในตอนที่นางตะโกนค
หลังจากที่รู้สถานะของจงหลี่แล้ว นางก็ยิ่งสนใจเขามากขึ้น“เอาสิ”จงหลี่ทำตามความต้องการของกู้หว่านเยว่ ด้วยการนอนลงอย่างว่าง่าย กู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองหลังจากที่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้วก็เริ่มฝังเข็มให้จงหลี่จงหลี่คลี่ยิ้มตลอดเวลา พลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเอ็นดู แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหยิ่งผยองเล็กน้อยซูจิ่งสิงนั่งอยู่ข้าง ๆ มือถือถ้วยชาพลางมองสองพี่น้องนัยน์ตาฉายแววลึกซึ้ง ครุ่นคิดสถานะของจงหลี่ “เรียบร้อยแล้ว”เวลาผ่านพักใหญ่ กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจออกมา“พี่ใหญ่ ท่านลองใช้กำลังภายในสักหน่อย ดูสิว่ายังไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่”นางเดาว่าสิ่งที่ทำให้แผลเก่าของจงหลี่กำเริบนั้นเป็นเพราะเขาใช้กำลังภายใน “ได้”จงหลี่หลับตาลงทั้งสองข้าง จากนั้นก็ใช้กำลังภายในตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ และแล้วก็ต้องพบกับความจริงที่คาดไม่ถึง การอุดตันในเส้นลมปราณได้มลายหายไป แทนที่ด้วยความอบอุ่นบางอย่าง“ซังหนิง เจ้าเก่งยิ่งนัก”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย กู้หว่านเยว่เองก็ดีใจ ที่ใช้ทักษะ
เขาสัมผัสได้ถึงความรักของจงหลี่ที่มีต่อกู้หว่านเยว่ เขารู้สึกดีใจอยู่ภายใน “ข้าน้อยซูจิ่งสิง ขอคารวะพี่ใหญ่”“ไม่ต้องมากพิธีหรอก”จงหลี่ยิ้มเล็กน้อย ยากจะยอมรับน้องเขย “เจ้าดีกับซังหนิงมาก ข้าเข้าใจได้”ซูจิ่งสิงอดยิ้มอย่างข่มขื่นไม่ได้ จงหลี่ยังคงมองพิจารณาเขา หากเขาทำไม่ดีต่อภรรยา บัดนี้อาจจะถูกไล่ออกไปแล้ว“พี่ใหญ่โปรดวางใจ หว่านเยว่คือภรรยาของข้า ข้าจะปกป้องนางตลอดชีวิต”“จำคำนี้ของเจ้าไว้”จงหลี่พยักหน้า เขารู้สึกประทับใจต่อซูจิ่งสิงไม่น้อย และไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจมากนัก“พี่ใหญ่ท่านรอก่อน ข้าจะลองหาดูอีกครั้งว่ามีสมุนไพรอะไรอีกบ้างที่บำรุงน่างกายของท่านได้”กู้หว่านเยว่กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บภายในของจงหลี่ ซึ่งอาการบาดเจ็บภายในนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้นางมียามากมายอยู่ในห้วงมิติ กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะเข้าไปหาว่ามีสมุนไพรอะไรอีกบ้างที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของจงหลี่ได้จงหลี่ต้องการพักผ่อนพอดี กู้หว่านเยว่รีบคว้าซูจิ่งสิงกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง“ท่านพี่ ข้ามีพี่ใหญ่หนึ่งคนแล้วนะ!”หลังจากกลับเข้ามาในห้อง กู้หว่านเยว่ยังรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อย แม้ว่านางจะไม่อ
“พี่ใหญ่ ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่นอน”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างจริงจัง “หากมีโอกาส ข้าจะหาทางติดต่อเจ้า เขียนจดหมายถึงเจ้า”แต่หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมา กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกลำบากใจเพราะนอกจากจะรู้จักชื่อของจงหลี่แล้ว นางไม่เคยรู้เรื่องราวอื่น ๆ และสถานะของเขาเลยนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ไหน กำลังจะไปไหน และจะติดต่อเขาได้อย่างไร?จงหลี่พูดถูกเวลา “ไม่ต้องกังวล ไว้ข้าปักหลักได้ ข้าจะส่งคนไปแจ้งเจ้า”เขาอธิบาย“บางเรื่องที่ไม่บอกเจ้า เพราะข้าอยู่ห่างจากเจ้ามากเกินไป รอเจ้าแข็งแกร่งขึ้น หรือรอจนพี่ใหญ่จัดการเรื่องเหล่านี้ได้ พี่ใหญ่จะต้องบอกเจ้าอย่างแน่นอน”“ข้าเข้าใจ”กู้หว่านเยว่ไม่ใช่คนใจร้าย นางไม่อยากให้จงหลี่ลำบากใจครั้นเห็นซูจิ่นเอ๋อร์ประคองฟู่หลานเหินออกมา ทั้งสองคนก็ขึ้นรถม้าไปแล้ว นางไม่อยากเสียเวลาอีก “พี่ใหญ่ เราต้องไปกันแล้ว วันข้างหน้าอาจจะมีโอกาสได้เจอกัน”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมา พวกเขาอยู่ในตำบลน้ำแข็งนิลนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับเจดีย์หนิงกู่แล้ว“น้องหญิง” จงหลี่รุดขึ้นหน้า แล้วดึงกู้หว่านเยว่เข้ามาในอ้อมกอด เขายังคงอาลัยอาวรณ์“ลาก่อน” “ลาก่อน!
กู้หว่านเยว่อาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ซูจิ่งสิงลูบมือปลอบใจนาง “ไม่แน่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศจะได้ปรองดองกัน”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินประโยคนี้ก็อดขบขันไม่ได้ นี่คือเรื่องที่จะบอกเสี่ยวถ่านยามนางจากไปนางได้กำชับเสี่ยวถ่านเอาไว้ หากสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ จะต้องทำตามข้อตกลงของพวกเขา จะให้ทูเจวี๋ยเข้ามาโจมตีต้าฉีไม่ได้ ให้ทั้งสองประเทศสามารถอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคีและสันติสุข“ข้าเชื่อว่าเสี่ยวถ่านจะต้องทำได้”กู้หว่านเยว่ยิ้มบาง ๆ นางเชื่อใจเด็กคนนี้มากมีเยียนอวิ๋นชูคอยช่วยเหลือเสี่ยวถ่านอยู่ เสี่ยวถ่านไม่มีทางหลงทางอย่างแน่นอนจะว่าไปแล้ว นางและเยียนอวิ๋นชูก็มีเงื่อนไขเช่นกัน...หลังจากที่รถม้าวิ่งออกจากทูเจวี๋ย ก็ตรงมาถึงชายแดนก่อนเวลานี้สองพ่อลูกสกุลเกาได้รับจดหมายของซูจิ่งสิงแล้ว จนได้รู้ว่าซูจิ่งสิงมาจากชายแดน จึงออกไปต้อนรับที่หน้าประตูเมืองเมื่อพวกเขาเห็นซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่พาซูจิ่นเอ๋อร์กลับมา ก็พากันเบิกตากว้างด้วยความตกใจจนลูกตาแทบจะถลนกันออกมา“ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋องขอรับ”แม่ทัพผู้เฒ่าเการุดหน้าเข้าไปทำความเคารพก่อน จากนั้นก็มองซูจิ่งสิงด
สายตาของกู้หว่านเยว่ที่มองทะลุทุกสิ่ง พร้อมกับรอยยิ้มที่คลุมเครือนั้น ทำให้ใบหูของเกาเจี้ยนแดงก่ำ“พระชายา ทะ ท่านกำลังพูดอะไร?” สายตาที่หลบเลี่ยง บ่งบอกชัดเจนว่าไม่กล้าที่จะยอมรับกู้หว่านเยว่ชี้ไปที่เอวของเขา “ถุงยานี้เป็นสิ่งที่ลั่วยางพกติดตัวอยู่ตลอด”เกาเจี้ยนรีบมองไปที่เอวของตัวเอง แล้วลูบหัวอย่างเขินอาย “พระชายา สายตาของท่านช่างเฉียบคมจริง ๆ ”ในเมื่อถูกมองออกแล้ว เขาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป“ถุงยานี้ ข้าพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะได้มาจากลั่วยาง”เขาหัวเราะแหะ ๆ สองที“ข้ากำลังตามจีบนางอยู่น่ะ แต่ลั่วยางยังไม่ตกลง”ดังนั้น กู้หว่านเยว่ถามเขาเมื่อครู่ เขาจึงคิดที่จะปิดบัง ไม่อยากให้ลั่วยางพบกับความยุ่งยาก“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ดึงซูจิ่งสิงให้มานั่งลงกลับเป็นซูจิ่งสิงที่มีเรื่องกังวลใจอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาในระหว่างงานเลี้ยง รอจนกระทั่งกลับห้องพักผ่อนแล้ว จึงได้เอ่ยถามกู้หว่านเยว่“น้องหญิง เกาเจี้ยนกำลังตามจีบลั่วยางหรือ?”เขาขมวดคิ้ว กู้หว่านเยว่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านกลัวว่าเขาจะถูกลั่
เขายังมีเรื่องเกี่ยวกับทูเจวี๋ยที่จะต้องปรึกษากับแม่ทัพผู้เฒ่าเกาเนื่องจากทุกคนต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล ประกอบกับซูจิ่งสิงยังมีธุระที่ต้องจัดการที่ชายแดน ดังนั้นหลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว จึงตัดสินใจพักอยู่ที่บ้านสกุลเกาอีกสองวัน“พอดีเลย ครั้งที่แล้วมาแบบรีบร้อน ยังไม่มีโอกาสได้ชมทัศนียภาพของด่านซานไห่วันนี้ได้ออกไปเที่ยวชมพอดี”กู้หว่านเยว่เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดสตรี หยิบชุดกระโปรงยาวสีเขียวออกมาจากมิติแล้วสวมใส่ ทันใดนั้น ก็สะกดสายตาของซูจิ่งสิง“น้องหญิง วันนี้ข้าออกไปเที่ยวกับเจ้าด้วยดีกว่า”น้องหญิงงดงามเกินไป กลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งไป ทำอย่างไรดี?ซูจิ่งสิงจ้องมองนาง น้องหญิงของนาง แม้ไม่แต่งตัวก็เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งอยู่แล้ว พอแต่งตัวขึ้นมาเล็กน้อย ก็ยิ่งงดงามจนไม่อาจละสายตาได้“อย่ามาพูดเล่น ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะไปปรึกษากับแม่ทัพผู้เฒ่าเกาให้ดี ๆ ”กู้หว่านเยว่หยิบผ้าคลุมหน้าออกมาสวม ด่านซานไห่ลมแรงทรายเยอะ นางกังวลว่าผิวจะเสียหาย“ชิงเหลียน พวกเราไปกันเถอะ”“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนที่กำลังเหม่อลอย รีบตามกู้หว่านเยว่ไปซูจิ่งสิงก็มีธุระต้องจัดการจริง ๆ มิเช
ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเช่นนั้น ความหมายของการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้หรอกหรือ?กู้หว่านเยว่เดินตามเกาเจี้ยนออกไป แต่เดินไปเดินมากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ“พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไปตลาดมิใช่หรือ เหตุใดถึงพาข้ามาที่โรงหมอ?”กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง แต่เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังวุ่นอยู่กับการทำงานในโรงหมอ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที“แหะ ๆ ”เกาเจี้ยนเหมือนคนตัวโตที่เซ่อ ๆ ลูบหัวด้วยความเขินอาย“พระชายาอย่าได้ถือโทษ ข้าเผลอเดินมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว”ในหัวของเขาเอาแต่คิดถึงลั่วยาง ร่างกายจึงขยับไปเองโดยไม่รู้ตัว“พี่หญิงหว่านเยว่?”ลั่วยางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านนอก พอเห็นเกาเจี้ยน ก็ยังรู้สึกเคอะเขินอยู่บ้าง แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”นางรีบวิ่งออกมา อย่างไรเสีย กู้หว่านเยว่ก็มาถึงที่นี่แล้ว จึงตัดสินใจเข้าไปดูข้างใน“เพิ่งมาถึงเมื่อคืนนี้เอง”กู้หว่านเยว่มองนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่ชายแดน ไม่ได้กลับไปหรือ?”นางจำได้ว่าปรมาจารย์แพทย์ให้นางมาที่นี่เพื่อหาสมุนไพร ล
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก