“ท่านแม่ทัพเขา...”เมื่อครู่ผู้อาวุโสรองยังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ก็ตัวสั่นสะท้าน กุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวดจากนั้นกู้หว่านเยว่เห็นเขาร้องออกมา ต่อมาแมลงบินตัวหนึ่งก็บินออกจากอกของเขา สุดท้ายผู้อาวุโสรองก็ล้มลงกับพื้น เลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสองคนตกตะลึงพรึงเพริด“คือหนอนกู่!”กู้หว่านเยว่หยิบขวดใบหนึ่งออกจากมิติอย่างว่องไว จับหนอนกู่ไว้“เขาไม่มีลมหายใจแล้ว”ซูจิ่งสิงดึงมือกลับ หนอนกู่นี้บินออกจากอกของผู้อาวุโสรอง บัดนี้เขาตายไปแล้ว“ท่านยังจำตอนอยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ ยามพวกเราสอบสวนคุณหนูใหญ่สกุลหลัว หนอนกู่ตัวหนึ่งก็บินออกจากร่างกายของนาง”หนอนกู่ตัวนั้นบัดนี้ยังอยู่ภายในมิติของกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่รีบนำขวดใส่หนอนกู่อีกตัวออกมา จากนั้นวางขวดสองใบไว้ด้วยกัน หนอนกู่ทั้งสองขวดเหมือนกันไม่ผิดไปดั่งคาด“หนอนกู่สองตัวเหมือนกัน ดูท่าแล้วหนอนกู่สองตัวนี้ล้วนเป็นเหยลวี่เจิงเตรียมไว้ป้องกันข่าวรั่วไหล ตั้งใจฝังไว้ภายในร่างกายของพวกเขา”เหยลวี่เจิงคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ถึงขั้นใช้หนอนกู่เป็นดูท่าแล้วหากถึงยามจำเป็น พวกเขายั
กู้หว่านเยว่จรดขลุ่ยบนริมฝีปาก เสียงขลุ่ยดังขึ้น เหล่างูไผ่เขียวที่มาปกป้องนางแยกย้ายจากไป“สวรรค์ นี่ข้ามิได้เห็นภาพหลอนหรอกกระมัง?”หลี่เหมียนหยางขยี้ตาแรงๆ“งูเหล่านั้น! หมอเทวดากู้ถึงขั้นสามารถทำให้พวกมันเชื่อฟังคำสั่งของนางได้!”นางตกใจอ้าปากค้างจนคางเกือบหลุด ตอบสนองอย่างว่องไว “หรือว่านี่ก็คือการควบคุมสัตว์ร้ายที่เคยได้ยิน?”ทุกคนต่างเป็นคนเคยผ่านโลกมาก่อน ย่อมรู้ว่าโซ่วอ๋องแห่งซีเป่ยมีวิชาควบคุมสัตว์ร้าย จึงไม่ได้มองกู้หว่านเยว่เป็นปีศาจสาวตรงข้ามกันสายตาของแต่ละคนยามสบมองนาง เปี่ยมความเคารพและเหลือจะเชื่อเมื่อครู่ยามพวกเขามาถึง ศิษย์ที่เคยอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้พูดว่ากู้หว่านเยว่ควบคุมสัตว์ร้ายได้ พวกเขายังไม่เชื่ออยู่เลยนะ“หมอเทวดากู้ ท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”พวกหลี่เหมียนจงรีบเดินเข้ามา แววตาเปล่งประกายสบมองกู้หว่านเยว่ ภายในสายตาเจือความเคารพต่อผู้แข็งแกร่งกู้หว่านเยว่ชินชากับสายตาเช่นนี้แล้ว ยิ้มน้อยๆ เก็บขลุ่ยกลับไป“ทักษะเล็กน้อย ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง”“ผู้อาวุโสรองตายแล้ว?!” ผู้เฒ่าผมขาวโพลนทางด้านข้างร้องอุทานอย่างตกตะลึง รีบก้าวเท้าฉับไวไปหยุดข้างศพของผู้อาว
ทุกคนต่างคุกเข่าลง “คารวะเจ้าสำนัก”“ศิษย์พี่ ยกโทษให้ข้าด้วย” สวีซวี่รื่อร้องตะโกนอย่างกะทันหันเมื่อครู่เขาถูกคนจับไว้ ใช้เชือกป่านมัดโยนไว้ที่ฝั่งหนึ่งเห็นว่าเหตุการณ์ยุติลงแล้ว เขารีบขอความเมตตา“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาจารย์บังคับข้าให้ทำ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ”เขาคุกเข่าต่อหน้าไป๋หลี่ชิงซีอย่างไร้ยางอาย โขกศีรษะปึกๆกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว คนผู้นี้ช่าง “ยืดได้งอได้ปรับตัวได้ดี” จริงๆ สมเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรอง คนหนึ่งเห็นศิษย์เป็นหมาก คนหนึ่งพริบตาต่อมาก็ขายอาจารย์แล้ว“เรื่องที่เจ้าทำเหล่านั้น ข้ารู้ทั้งหมดแล้ว บัดนี้ย่อมไม่สามารถปล่อยเจ้าไปอย่างง่ายดายได้”ไป๋หลี่ชิงซีมองเขาสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ภายในใจไร้คลื่นอารมณ์ โบกมือสั่งให้คนพาเขาออกไป“เจ้าสำนัก”สายตาถังหวยเผยแววลังเล คุกเข่าบนพื้นอย่างกะทันหัน“ท่านจับข้าไปด้วยกันเถอะ”อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็ฟังคำสั่งของผู้อาวุโสรอง เกือบฆ่าไป๋หลี่ชิงซีไปแล้วแววตาเขาเปี่ยมความรู้สึกผิด นึกได้ว่าไป๋หลี่ชิงซีเคยช่วยชีวิตเขาไว้ รู้สึกผิดอย่างมากภายในใจ“ลุกขึ้นเถอะ”ไป๋หลี่ชิงซีขมวดคิ้วพูดออกมาหนึ่งประโ
หลี่เหมียนหยางคิดว่า หากนางเรียนบทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายจนเป็น ก็สามารถโอ้อวดต่อหน้าสหายร่วมสำนักได้ คิดแล้วก็ตื่นเต้นใบหน้านางเปี่ยมความหวัง หลี่เหมียนจงรีบดึงนางไว้ กระซิบตำหนิเสียงแผ่ว“น้องหญิง อย่าเหลวไหล!”เคล็ดลับของตระกูลเช่นนี้ ปกติแล้วไม่เผยแพร่สู่ภายนอก“ขออภัยหมอเทวดากู้ น้องหญิงข้าปากไม่มีหูรูด ล่วงเกินไปแล้ว ได้โปรดอภัยด้วย”เขาเหลือบมองซูจิ่งสิงอย่างระมัดระวัง กลัวท่านอ๋องโมโห เอาผิดสำนักเทียนจีของพวกเขา“วางใจได้ ข้าไม่เก็บมาใส่ใจ”กู้หว่านเยว่หัวเราะพลางโบกมือ หลี่เหมียนจงถึงถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง พาทั้งสองคนมาส่งห้องรับแขกอย่างเคารพนบนอบ“ทั้งสองท่านมีเรื่องใดต้องสั่ง สามารถบอกบ่าวได้ สำนักเทียนจีของพวกเราจะทำให้พึงพอใจอย่างแน่นอน”มิหนำซ้ำยังไม่ต้องพูดถึงฐานะของทั้งคู่ ครั้งนี้ไป๋หลี่ชิงซีสามารถปราบผู้อาวุโสรองได้ ต้องขอบคุณทั้งสองคนที่ลงแรงช่วยเหลือพูดอย่างมิได้โอ้อวด ทั้งสองคนคือผู้มีคุณูปการของสำนักเทียนจี!“ข้าไม่มีคำขอพิเศษอะไร แต่หากมี จะต้องบอกเจ้าทันทีแน่”กู้หว่านเยว่เดินเข้าห้อง เพิ่งเป่าบทเพลงนานถึงเพียงนั้น นางรีบดื่มน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งถ้
เดิมทีสองสามีภรรยาวางแผนรอปีหน้าเดือนสาม ค่อยใช้ประโยชน์จากนกพิราบขาวของไป๋โม่อวี่ ไปตามหาเหยลวี่เจิงที่ชายแดนขณะเดียวกัน ทั้งสองคนไม่รู้จะทำลายแผนดีหรือไม่“ข้าจะลองหาดูว่ายังมีเบาะแสอื่นอีกหรือไม่”ซูจิ่งสิงพลิกหาภายในกองหนังสือ กู้หว่านเยว่กลับฉวยโอกาสนี้ วางสมบัติเหล่านั้นที่ริบมาได้ลงบนแพลตฟอร์มซื้อขายน่าเสียดายก็คือ รอจนกระทั่งกู้หว่านเยว่วางของทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่งสิงก็ไม่พบเบาะแสอื่นอีกดูท่าแล้ว จดหมายฉบับอื่นถูกผู้อาวุโสรองเผาทำลายไปแล้ว เหลือเพียงฉบับล่าสุดเท่านั้นซูจิ่งสิงเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้อย่างดี ทั้งสองคนออกจากมิติพร้อมกัน“ข้าส่งข่าวหนึ่งให้เมืองอวี้”ซูจิ่งสิงเรียกนกพิราบสื่อสารมา เขียนจดหมายหนึ่งฉบับส่งกลับไปสองวันมานี้ไป๋หลี่ชิงซีงานยุ่งมาก ไม่มีเวลามาพบพวกเขา กู้หว่านเยว่จึงจัดการภายในมิติฟาร์มปศุสัตว์มีทั้งฝูงวัวและแกะ ฟาร์มผักและผลไม้เองก็สุกงอมแล้ว ยังมีแปลงสมุนไพรมีสมุนไพรชุดใหญ่ต้องจัดการกู้หว่านเยว่ควบคุมระบบส่วนกลาง ฆ่าวัวแกะล้างจนสะอาดเรียบร้อยแล้วเก็บเข้าห้องเย็นผลไม้ถูกเด็ดลงมา วางไว้ภายในคลังรักษาความสดยังดีของภายในมิติล้วนไม่เ
ซูจิ่งสิงมองเด็กคนนี้อย่างเอือมระอาแวบหนึ่ง เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไป๋หลี่ชิงซีมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกู้หว่านเยว่“น้องหญิง ข้าไปรอเจ้าข้างนอก”เขาหึงก็หึงจริง แต่ภายในใจกลับเชื่อใจกู้หว่านเยว่ชั่วนิรันดร์ อีกทั้งยังไม่คิดขัดขวางการติดต่อสื่อสารเป็นปกติของนางจุมพิตอย่างอ่อนโยนบนหน้าผากกู้หว่านเยว่ทีหนึ่ง ซูจิ่งสิงออกนอกประตูไปอย่างว่องไว“ท่านจะพูดอะไรกับข้าหรือ?”กู้หว่านเยว่เผยสีหน้าแปลกใจไป๋หลี่ชิงซีหยิบป้ายอาญาสิทธิ์อันหนึ่งออกมา ยื่นให้กู้หว่านเยว่“หมอเทวดากู้ นี่คือป้ายอาญาสิทธิกิตติมศักดิ์ของสำนักเทียนจี ขอมอบให้ท่าน”ดวงตาเขาทอประกาย“ภายภาคหน้าหากท่านต้องการอะไร ขอเพียงนำป้ายนี้ออกมา ศิษย์ของสำนักเทียนจีจะช่วยท่าน”“ท่านหมายความว่า?”กู้หว่านเยว่รู้สึกเชื่องช้าอยู่บ้าง บัดนี้ถึงมองความรู้สึกของอีกฝ่ายออก อึ้งงันอยู่กับที่ในทันใด“ชีวิตของข้าเป็นท่านช่วยไว้ ดังนั้น ข้ายินดีติดตามท่านโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด”ไป๋หลี่ชิงซีสบมองนาง ทันใดนั้นยื่นมือออกมากล่าวคำสาบาน ทุกถ้อยวาจาดังก้องอยู่ภายในใจของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่ ภายภาคหน้าหากท่านต้องการ ข้าไม่มีวันปฏิเสธท่าน”“คุณช
ซูจิ้งเองก็ยืนถือน้ำแกงอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง “จื่อชิงพูดถูกต้อง ยังหาลูกไม่พบ เจ้าจะทำให้ร่างกายตนเองแย่ลงไม่ได้”เขาบิดาคนนี้ไฉนเลยจะไม่กังวล ใต้ตาดำคล้ำเป็นปื้น“ข้ากินไม่ลงแล้ว” นางหยางส่ายหน้าซูจื่อชิงยังอยากเกลี้ยกล่อมต่อ หางตามองเห็นเงาคนเดินผ่านเข้าประตูมาจากภายนอก ดวงตาเปล่งประกาย“พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่กลับมาแล้ว!”เขารีบวางชามลง “ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่พวกท่านกลับมาเสียที”“ท่านแม่ เหตุใดสีหน้าท่านอิดโรยถึงเพียงนี้?”เพียงกู้หว่านเยว่เข้ามา ก็ได้เห็นสีหน้าอิดโรยจนน่ากลัวของนางหยาง รีบจับชีพจรนาง“ท่านนี่คือขาดสารอาหาร”หางตามองเห็นอาหารที่ยังไม่ถูกแตะในมือของซูจื่อชิง ก็รู้ว่าสองวันนี้นางหยางจะต้องกังวลจนกินอะไรไม่ลงแน่“หว่านเยว่ ข้าเป็นห่วงจิ่นเอ๋อร์!” นางหยางจับมือนางน้ำตารินไหล กู้หว่านเยว่รีบปลอบ“ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลย พวกเรากลับมาแล้ว”“ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ซูจิ่งสิงถามเสียงเครียดซูจื่อชิงรีบอธิบาย “พี่ใหญ่ อิงตามที่ข้ารู้ น้องหญิงน่าจะไม่ได้ถูกคนลักพาตัวไปหลังนางจากไปแล้ว ข้าส่งคนไปตรวจสอบหนึ่งรอบ พบว่าก่อนนางจากไปยังตั้งใจซื้อรถม้าสองคัน ยิ่ง
ซูจื่อชิงสบถด่าเสียงเบาหนึ่งประโยค ซูจิ่นเอ๋อร์วู่วามเกินไปแล้ว“ดูท่าแล้วน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประโยชน์ต่ออาการป่วยของฟู่หลานเหิง”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด เดิมทีนางคิดว่าน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์สามารถบรรเทาอาการป่วยของฟู่หลานเหิงได้ ดูท่าแล้วนางคิดผิดไปอิงตามข้อสันนิษฐานนี้ จะต้องเป็นเพราะอาการป่วยของฟู่หลานเหิงกำเริบหนักขึ้น ซูจิ่นเอ๋อร์ถึงพาเขาไปตามหายา“จากนี้ไปจะทำเช่นไร?”นางหยางร้อนใจน้ำตาไหล “จิ่นเอ๋อร์แม่นางในห้องหอคนหนึ่ง ทำอะไรก็ไม่เป็นนางหนีไปทูเจวี๋ย หากถูกคนทูเจวี๋ยพบเข้า คนทูเจวี๋ยดุร้ายถึงเพียงนั้น ฆ่านางตายจะทำเช่นไร”“ฮูหยิน เจ้าอย่ากังวล”ซูจิ้งลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “ข้าจะขี่ม้าไปขวางพวกเขาไว้เดี๋ยวนี้เลย พวกเขาจากไปได้ไม่นาน ข้าออกเดินทางตอนนี้จะต้องตามทันแน่”พูดไปก็คิดจะเดินออกไปภายนอก กลับถูกซูจิ่งสิงขวางไว้แล้ว“ท่านพ่อ ท่านอย่าไป ข้าไปเอง!”“ข้าเองก็จะไปกับท่าน”กู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิง ส่งสายตาให้เขาวางใจ“หว่านเยว่ พวกเจ้า...” นางหยางรู้สึกผิดภายในใจ จิ่นเอ๋อร์ทำบาป กลับต้องให้ทั้งสองคนชดใช้“พี่ใหญ่ ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย” ซูจื่อชิงรีบพูด เขาไม
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก