ซูจิ่งสิงมองเด็กคนนี้อย่างเอือมระอาแวบหนึ่ง เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไป๋หลี่ชิงซีมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกู้หว่านเยว่“น้องหญิง ข้าไปรอเจ้าข้างนอก”เขาหึงก็หึงจริง แต่ภายในใจกลับเชื่อใจกู้หว่านเยว่ชั่วนิรันดร์ อีกทั้งยังไม่คิดขัดขวางการติดต่อสื่อสารเป็นปกติของนางจุมพิตอย่างอ่อนโยนบนหน้าผากกู้หว่านเยว่ทีหนึ่ง ซูจิ่งสิงออกนอกประตูไปอย่างว่องไว“ท่านจะพูดอะไรกับข้าหรือ?”กู้หว่านเยว่เผยสีหน้าแปลกใจไป๋หลี่ชิงซีหยิบป้ายอาญาสิทธิ์อันหนึ่งออกมา ยื่นให้กู้หว่านเยว่“หมอเทวดากู้ นี่คือป้ายอาญาสิทธิกิตติมศักดิ์ของสำนักเทียนจี ขอมอบให้ท่าน”ดวงตาเขาทอประกาย“ภายภาคหน้าหากท่านต้องการอะไร ขอเพียงนำป้ายนี้ออกมา ศิษย์ของสำนักเทียนจีจะช่วยท่าน”“ท่านหมายความว่า?”กู้หว่านเยว่รู้สึกเชื่องช้าอยู่บ้าง บัดนี้ถึงมองความรู้สึกของอีกฝ่ายออก อึ้งงันอยู่กับที่ในทันใด“ชีวิตของข้าเป็นท่านช่วยไว้ ดังนั้น ข้ายินดีติดตามท่านโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด”ไป๋หลี่ชิงซีสบมองนาง ทันใดนั้นยื่นมือออกมากล่าวคำสาบาน ทุกถ้อยวาจาดังก้องอยู่ภายในใจของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่ ภายภาคหน้าหากท่านต้องการ ข้าไม่มีวันปฏิเสธท่าน”“คุณช
ซูจิ้งเองก็ยืนถือน้ำแกงอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง “จื่อชิงพูดถูกต้อง ยังหาลูกไม่พบ เจ้าจะทำให้ร่างกายตนเองแย่ลงไม่ได้”เขาบิดาคนนี้ไฉนเลยจะไม่กังวล ใต้ตาดำคล้ำเป็นปื้น“ข้ากินไม่ลงแล้ว” นางหยางส่ายหน้าซูจื่อชิงยังอยากเกลี้ยกล่อมต่อ หางตามองเห็นเงาคนเดินผ่านเข้าประตูมาจากภายนอก ดวงตาเปล่งประกาย“พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่กลับมาแล้ว!”เขารีบวางชามลง “ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่พวกท่านกลับมาเสียที”“ท่านแม่ เหตุใดสีหน้าท่านอิดโรยถึงเพียงนี้?”เพียงกู้หว่านเยว่เข้ามา ก็ได้เห็นสีหน้าอิดโรยจนน่ากลัวของนางหยาง รีบจับชีพจรนาง“ท่านนี่คือขาดสารอาหาร”หางตามองเห็นอาหารที่ยังไม่ถูกแตะในมือของซูจื่อชิง ก็รู้ว่าสองวันนี้นางหยางจะต้องกังวลจนกินอะไรไม่ลงแน่“หว่านเยว่ ข้าเป็นห่วงจิ่นเอ๋อร์!” นางหยางจับมือนางน้ำตารินไหล กู้หว่านเยว่รีบปลอบ“ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลย พวกเรากลับมาแล้ว”“ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ซูจิ่งสิงถามเสียงเครียดซูจื่อชิงรีบอธิบาย “พี่ใหญ่ อิงตามที่ข้ารู้ น้องหญิงน่าจะไม่ได้ถูกคนลักพาตัวไปหลังนางจากไปแล้ว ข้าส่งคนไปตรวจสอบหนึ่งรอบ พบว่าก่อนนางจากไปยังตั้งใจซื้อรถม้าสองคัน ยิ่ง
ซูจื่อชิงสบถด่าเสียงเบาหนึ่งประโยค ซูจิ่นเอ๋อร์วู่วามเกินไปแล้ว“ดูท่าแล้วน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประโยชน์ต่ออาการป่วยของฟู่หลานเหิง”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด เดิมทีนางคิดว่าน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์สามารถบรรเทาอาการป่วยของฟู่หลานเหิงได้ ดูท่าแล้วนางคิดผิดไปอิงตามข้อสันนิษฐานนี้ จะต้องเป็นเพราะอาการป่วยของฟู่หลานเหิงกำเริบหนักขึ้น ซูจิ่นเอ๋อร์ถึงพาเขาไปตามหายา“จากนี้ไปจะทำเช่นไร?”นางหยางร้อนใจน้ำตาไหล “จิ่นเอ๋อร์แม่นางในห้องหอคนหนึ่ง ทำอะไรก็ไม่เป็นนางหนีไปทูเจวี๋ย หากถูกคนทูเจวี๋ยพบเข้า คนทูเจวี๋ยดุร้ายถึงเพียงนั้น ฆ่านางตายจะทำเช่นไร”“ฮูหยิน เจ้าอย่ากังวล”ซูจิ้งลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “ข้าจะขี่ม้าไปขวางพวกเขาไว้เดี๋ยวนี้เลย พวกเขาจากไปได้ไม่นาน ข้าออกเดินทางตอนนี้จะต้องตามทันแน่”พูดไปก็คิดจะเดินออกไปภายนอก กลับถูกซูจิ่งสิงขวางไว้แล้ว“ท่านพ่อ ท่านอย่าไป ข้าไปเอง!”“ข้าเองก็จะไปกับท่าน”กู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิง ส่งสายตาให้เขาวางใจ“หว่านเยว่ พวกเจ้า...” นางหยางรู้สึกผิดภายในใจ จิ่นเอ๋อร์ทำบาป กลับต้องให้ทั้งสองคนชดใช้“พี่ใหญ่ ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย” ซูจื่อชิงรีบพูด เขาไม
“จำได้แน่นอน” กู้หว่านเยว่ลูบกระเป๋า เดาะลิ้น ภายในมิตินางมีป้ายอาญาสิทธิ์หลายอันเชียวล่ะ“อันที่จริงทูเจวี๋ยก็มีคนของสกุลอวิ๋นเราอยู่ หากท่านไปถึงทูเจวี๋ยแล้วเผชิญหน้ากับอันตราย สามารถไปหลบภัยที่ร้านของสกุลอวิ๋นได้” อวิ๋นมู่บอกนางอย่างไม่ปกปิด“ได้” กู้หว่านเยว่พยักหน้า ยังไม่รู้ว่าภายภาคหน้าร้านสกุลอวิ๋นจะช่วยนางได้มากทีเดียวหลังบอกลาอวิ๋นมู่แล้ว บ่ายวันนั้น ขบวนคนก็เดินทางออกจากเมืองอวี้ มุ่งหน้าสู่ชายแดน“ไปชายแดนครั้งนี้ต้องใช้เวลานับสิบวันถึงครึ่งเดือน ระหว่างทางพวกเราจะต้องตั้งสติให้ดี”เกาเจี้ยนทำหน้าที่นำทาง เขามิได้สนใจซวนลู่ในรถม้ามากนัก คล้ายปล่อยวางจากนางได้แล้ว“บาดแผลท่านไม่เป็นไรแล้วกระมัง?” ลั่วยางเข้าไปหยุดข้างกายเกาเจี้ยน เอ่ยถามอย่างกังวลอย่างไรเสียก็ขี่ม้า นางกังวลบาดแผลของเกาเจี้ยนจะปริออก“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?” ซูจิ่งสิงมองทางเก้าเจี้ยน บาดแผลที่อกของอีกฝ่ายน่าจะหายดีตั้งนานแล้ว“ตอนไปเก็บยาไม่ทันระวังลื่นล้มลงไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เกาเจี้ยนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจทำเสียจนลั่วยางบ่นงึมงำ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกันเล่า? ผาสูงถึงเพียงนั้นท่านก็กล้าขึ้นไป กลั
ลั่วยางเก็บวัชพืชกับพวกกิ่งไม้แห้งกลับมา แล้วก่อไฟขึ้นซูจิ่งสิงกับเกาเจี้ยนก็ล่าสัตว์กลับมาจากในป่าแล้วเช่นกัน ในมือทั้งสองมีไก่ป่ากับกระต่ายที่ถอนขนเสร็จแล้วคนละสองตัวกู้หว่านเยว่ไปหาผักป่ามาจากบริเวณโดยรอบเล็กน้อย ใช้ข้าวสารบนรถม้ามาหุงเป็นข้าวผักป่า แล้วนำไก่ป่ากระต่ายป่ามาย่างไฟหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนทั้งกลุ่มอิ่มหนำสำราญเนื่องจากทุกคนเร่งเดินทางหามรุ่งหามค่ำมาหลายวัน กู้หว่านเยว่งจึงมีข้อเสนอ คืนนี้พักผ่อนกันในกระโจมหนึ่งคืน ให้คนและม้าได้พักผ่อน รอพรุ่งนี้ฟ้าสางค่อยเดินทางกันต่อ“ก็ดี ข้าดูแผ่นที่ไปรอบหนึ่ง พวกเราเดินทางไปหนึ่งในสามแล้ว อีกสิบกว่าวันก็น่าจะถึงชายแดนแล้ว”เกาเจี้ยนเก็บแผนที่กลับมา เจดีย์หนิงกู่ห่างจากชายแดนอย่างน้อยหนึ่งพันห้าร้อยกว่าลี้ หรืออีกอย่างคือยังเหลืออีกหนึ่งพันลี้ หนทางยังอีกยาวไกล“พี่หว่านเยว่ ข้าขอไปพักผ่อนก่อนนะ”ลั่วยางหาววอด เร่งเดินทางมาหลายวันทำให้นางเหนื่อยล้า พอมืดค่ำก็อยากรีบมุดเข้ากระโจมไปพักผ่อนเกาเจี้ยนเจ้าคนแล้งน้ำใจ เสียงกรนดังไปทั่วทั้งค่ายนานแล้ว“ท่านพี่ ท่านยังเป็นห่วงจิ่นเอ๋อร์หรือ?”ซูจิ่งสิงมองดูดวงดาวที่พร่า
ต่อมาปลายกระบี่กระดก งูถูกโยนออกไป“ไม่เป็นไรแล้ว” เกาเจี้ยนปลอบ ซวนลู่รีบดึงแขนเสื้อเขาเอาไว้ทันที “เกาเจี้ยน ข้า ข้ากลัว...”ไม่ง่ายกว่านางจะเผยแววตาอ่อนแอ หากเป็นก่อนหน้านี้ เกาเจี้ยนไม่รู้จะสงสารมากขนาดไหนแต่ยามนี้ เขากลับหันมองลั่วยาง หางตาเหลือบเห็นลั่วยางทำเสียง เชอะ ก่อนเดินจากไป เขาจึงปลอบใจอย่างขอไปที“ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีงูแล้ว”จากนั้นก้าวขาออกไปตามลั่วยางอย่างลืมตัว“เกาเจี้ยน!”ซวนลู่ไม่อยากจะเชื่อ นางไม่เข้าใจ เกาเจี้ยนที่เคยดูแลนางอย่างระมัดระวัง จะปล่อยนางไปแล้วไปตามหญิงอื่น“ปิดหน้าต่างรถม้าให้ดี ก็จะไม่มีงูเข้ามาแล้ว”กู้หว่านเยว่พูดอย่างมีนัยซวนลู่ไม่ใช่คุณหนูที่เก็บตัวอยู่แต่ในเหย้าในเรือน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่รู้ว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางป่าดงพงไพร มักมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอปรากฏตัว ยังโง่จนเปิดหน้าต่างไว้ระบายอากาศหรือจงใจนะสิ!“คนเราเนี่ยนะ เมื่อก่อนกินของในถ้วยแต่อยากได้ของในหม้อในเมื่อทิ้งถ้วยไปแล้ว ยังไม่อนุญาตให้คนที่ชื่นชมถ้วยใบนั้นปรากฏตัว จำเป็นด้วยหรือ?”คำพูดราบเรียบของกู้หว่านเยว่ เหน็บแนมจนซวนลู่โมโหจนหน้าแดงไปถึงใบหูยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด ก
จากนั้นหลายวัน ทุกคนยังคงเร่งเดินทางอย่างตึงเครียดขณะเดียวกัน กู้หว่านเยว่ได้เปิดการค้นหาของระบบแล้ว เพื่อตามหาเบาะแสของซูจิ่นเอ๋อร์โดยรอบน่าเสียดาย สองสามีภรรยาต้องผิดหวัง จนกระทั่งพวกเขาไปถึงชายแดน ก็ยังหาซูจิ่นเอ๋อร์กับฟู่หลานเหิงไม่พบ“ไม่น่าเป็นอย่างนี้”คราวนี้ไม่เพียงซูจิ่งสิงกับกู้หว่านเยว่ แม้แต่เกาเจี้ยนยังรู้สึกถึงความผิดปกติ“น้องจิ่นเอ๋อร์ไม่เคยออกจากเจดีย์หนิงกู่มาก่อน และไม่เคยไปชายแดนอีกอย่างนางยังพาใต้เท้าฟู่ไปด้วย เป็นเพียงหญิงสาว ต่อให้เร่งเดินทางอย่างไร ก็ไม่น่าจะเร็วเท่าพวกเราว่ากันตามหลัก พวกเราน่าจะตามพวกเขาทันนานแล้ว ทำไมจนป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขา?”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงมองหน้ากัน ขณะนี้ ทั้งสองคนมั่นใจมากว่าเบื้องหลังซูจิ่นเอ๋อร์ต้องมีคนยุยงแน่นอน ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายนำทางซูจิ่นเอ๋อร์ไป“ไปที่ด่านซานไห่ก่อนเถอะ”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขามาถึงชายแดนแล้ว หากมีคนคอยยุยงซูจิ่นเอ๋อร์จริง อย่างนั้นคนคนนั้นต้องให้คนส่งจดหมายมาถึงพวกเขาแน่“ดี ท่านพ่อเห็นเจ้าต้องดีใจแน่”พวกเขามาถึงนอกเมืองด่านซานไห่ ขณะนี้ประตูเมืองเ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่ทัพผู้เฒ่า”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า ก่อนเขาจะจากชายแดนกลับไปรับคำสั่งที่เมืองหลวง ได้สั่งการพวกแม่ทัพเกาเอาไว้ไม่ว่าในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องใดขึ้น ห้ามพวกเขากระทำการบุ่มบ่ามเด็ดขาด ทางที่ดีให้รักษาตัวรอดที่ด่านซานไห่“ตอนนี้ข้าเองก็ปลอดภัยดี อีกอย่าง น้ำใจของแม่ทัพผู้เฒ่าข้าเข้าใจดี”แม่ทัพผู้เฒ่าเกาพยักหน้า สายตาหันไปมองกู้หว่านเยว่“ท่านนี้คงเป็นพระชายาสินะ”“คารวะแม่ทัพผู้เฒ่าเกา” กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้แม่ทัพผู้เฒ่าเกาพยักหน้า “พระชายาไม่ใช่หญิงสาวทั่วไป ใจกว้างเปิดเผย!”เกาเจี้ยนที่อยู่ข้างกันประหลาดใจ ต้องรู้ว่าปากของพ่อเขานั้น อยู่ในค่ายมีชื่อด้านปากเสียยิ่งนัก คำพูดสิบประโยคมีสิบเอ็ดประโยคไม่น่าฟังยามนี้เขาเพิ่งเห็นกู้หว่านเยว่เป็นครั้งแรก ก็ประเมินค่าสูงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพผู้เฒ่าเกาชอบกู้หว่านเยว่จริง ๆทว่า ลองคิดดูก็เป็นเรื่องปกติพระชายาเก่งกล้าสามารถ แม้แต่เขายังยอมแพ้บนโลกนี้ ใครบ้างจะไม่ชอบพระชายา“ท่านพ่อ พวกเราเร่งเดินทางมาตลอดทาง ไม่ได้หยุดพักระหว่างทางเลยอย่ามัวแต่ยืนคุยกันข้างนอก ให้ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าไปพักผ่อ
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง