“ไม่พูดความจริงกระนั้น? ไม่เป็นไร ข้าย่อมมีหลากหลายวิธี ทำให้เจ้าพูดความจริง”ซูจิ่งสิงจับแขนขวาของเขา บิดแรงๆ ทีหนึ่ง แขนของผู้อาวุโสรองถูกถอดออกในทันใด“อ๊า!”เขากรีดร้องเสียงดังลั่น“ยังไม่พูดอีก จะดึงเส้นเอ็นของเจ้าออกมา” ซูจิ่งสิงพูดขู่“ข้าพูด!”ความเจ็บปวดทำให้ตัวผู้อาวุโสรองเปียกชื้น ราวกับผุดขึ้นจากน้ำก็มิปาน“ขอร้องเจ้าปล่อยข้าก่อน ข้าพูด!”อาจเพราะเจ็บมากเกินไป เขาถึงขั้นพูดภาษาทูเจวี๋ยออกมาซูจิ่งสิงเห็นเขารู้จักกลัวแล้วจริงๆ ไม่ใช่คนฉลาดเล่นอุบายอะไร ถึงยอมปล่อยมือผู้อาวุโสรองรีบปิดแขนขวาที่กำลังเจ็บปวดเอาไว้ แม้ว่าเขาเป็นคนสอดแนมที่ทูเจวี๋ยส่งมา แต่อยู่อย่างสุขสบายในสำนักเทียนจีมาหลายปี ไม่อาจทนต่อการทรมานได้ตั้งนานแล้วซูจิ่งสิงพูด “ข้าถามเจ้า เจ้าเป็นวางยาพิษบนตัวเจ้าสำนักใช่หรือไม่?”“ใช่”ผู้อาวุโสรองพยักหน้าด้วยความเจ็บปวด“เจ้าสำนักสงสัยในตัวข้า เพื่อมิให้ฐานะถูกเปิดเผย ข้าทำได้เพียงวางยาเขา”“เจ้ามาสำนักเทียนจี ใช่หรือไม่ว่าเพื่อส่งรายงานให้ทูเจวี๋ย?” ซูจิ่งสิงถามต่ออย่างไรเสียก็อธิบายปัญหาหนึ่งได้แล้ว จากนี้ไปก็ต้องอธิบายปัญหาอื่น ผู้อาวุโสรองเอง
“ท่านแม่ทัพเขา...”เมื่อครู่ผู้อาวุโสรองยังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ก็ตัวสั่นสะท้าน กุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวดจากนั้นกู้หว่านเยว่เห็นเขาร้องออกมา ต่อมาแมลงบินตัวหนึ่งก็บินออกจากอกของเขา สุดท้ายผู้อาวุโสรองก็ล้มลงกับพื้น เลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสองคนตกตะลึงพรึงเพริด“คือหนอนกู่!”กู้หว่านเยว่หยิบขวดใบหนึ่งออกจากมิติอย่างว่องไว จับหนอนกู่ไว้“เขาไม่มีลมหายใจแล้ว”ซูจิ่งสิงดึงมือกลับ หนอนกู่นี้บินออกจากอกของผู้อาวุโสรอง บัดนี้เขาตายไปแล้ว“ท่านยังจำตอนอยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ ยามพวกเราสอบสวนคุณหนูใหญ่สกุลหลัว หนอนกู่ตัวหนึ่งก็บินออกจากร่างกายของนาง”หนอนกู่ตัวนั้นบัดนี้ยังอยู่ภายในมิติของกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่รีบนำขวดใส่หนอนกู่อีกตัวออกมา จากนั้นวางขวดสองใบไว้ด้วยกัน หนอนกู่ทั้งสองขวดเหมือนกันไม่ผิดไปดั่งคาด“หนอนกู่สองตัวเหมือนกัน ดูท่าแล้วหนอนกู่สองตัวนี้ล้วนเป็นเหยลวี่เจิงเตรียมไว้ป้องกันข่าวรั่วไหล ตั้งใจฝังไว้ภายในร่างกายของพวกเขา”เหยลวี่เจิงคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ถึงขั้นใช้หนอนกู่เป็นดูท่าแล้วหากถึงยามจำเป็น พวกเขายั
กู้หว่านเยว่จรดขลุ่ยบนริมฝีปาก เสียงขลุ่ยดังขึ้น เหล่างูไผ่เขียวที่มาปกป้องนางแยกย้ายจากไป“สวรรค์ นี่ข้ามิได้เห็นภาพหลอนหรอกกระมัง?”หลี่เหมียนหยางขยี้ตาแรงๆ“งูเหล่านั้น! หมอเทวดากู้ถึงขั้นสามารถทำให้พวกมันเชื่อฟังคำสั่งของนางได้!”นางตกใจอ้าปากค้างจนคางเกือบหลุด ตอบสนองอย่างว่องไว “หรือว่านี่ก็คือการควบคุมสัตว์ร้ายที่เคยได้ยิน?”ทุกคนต่างเป็นคนเคยผ่านโลกมาก่อน ย่อมรู้ว่าโซ่วอ๋องแห่งซีเป่ยมีวิชาควบคุมสัตว์ร้าย จึงไม่ได้มองกู้หว่านเยว่เป็นปีศาจสาวตรงข้ามกันสายตาของแต่ละคนยามสบมองนาง เปี่ยมความเคารพและเหลือจะเชื่อเมื่อครู่ยามพวกเขามาถึง ศิษย์ที่เคยอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้พูดว่ากู้หว่านเยว่ควบคุมสัตว์ร้ายได้ พวกเขายังไม่เชื่ออยู่เลยนะ“หมอเทวดากู้ ท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”พวกหลี่เหมียนจงรีบเดินเข้ามา แววตาเปล่งประกายสบมองกู้หว่านเยว่ ภายในสายตาเจือความเคารพต่อผู้แข็งแกร่งกู้หว่านเยว่ชินชากับสายตาเช่นนี้แล้ว ยิ้มน้อยๆ เก็บขลุ่ยกลับไป“ทักษะเล็กน้อย ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง”“ผู้อาวุโสรองตายแล้ว?!” ผู้เฒ่าผมขาวโพลนทางด้านข้างร้องอุทานอย่างตกตะลึง รีบก้าวเท้าฉับไวไปหยุดข้างศพของผู้อาว
ทุกคนต่างคุกเข่าลง “คารวะเจ้าสำนัก”“ศิษย์พี่ ยกโทษให้ข้าด้วย” สวีซวี่รื่อร้องตะโกนอย่างกะทันหันเมื่อครู่เขาถูกคนจับไว้ ใช้เชือกป่านมัดโยนไว้ที่ฝั่งหนึ่งเห็นว่าเหตุการณ์ยุติลงแล้ว เขารีบขอความเมตตา“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาจารย์บังคับข้าให้ทำ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ”เขาคุกเข่าต่อหน้าไป๋หลี่ชิงซีอย่างไร้ยางอาย โขกศีรษะปึกๆกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว คนผู้นี้ช่าง “ยืดได้งอได้ปรับตัวได้ดี” จริงๆ สมเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรอง คนหนึ่งเห็นศิษย์เป็นหมาก คนหนึ่งพริบตาต่อมาก็ขายอาจารย์แล้ว“เรื่องที่เจ้าทำเหล่านั้น ข้ารู้ทั้งหมดแล้ว บัดนี้ย่อมไม่สามารถปล่อยเจ้าไปอย่างง่ายดายได้”ไป๋หลี่ชิงซีมองเขาสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ภายในใจไร้คลื่นอารมณ์ โบกมือสั่งให้คนพาเขาออกไป“เจ้าสำนัก”สายตาถังหวยเผยแววลังเล คุกเข่าบนพื้นอย่างกะทันหัน“ท่านจับข้าไปด้วยกันเถอะ”อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็ฟังคำสั่งของผู้อาวุโสรอง เกือบฆ่าไป๋หลี่ชิงซีไปแล้วแววตาเขาเปี่ยมความรู้สึกผิด นึกได้ว่าไป๋หลี่ชิงซีเคยช่วยชีวิตเขาไว้ รู้สึกผิดอย่างมากภายในใจ“ลุกขึ้นเถอะ”ไป๋หลี่ชิงซีขมวดคิ้วพูดออกมาหนึ่งประโ
หลี่เหมียนหยางคิดว่า หากนางเรียนบทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายจนเป็น ก็สามารถโอ้อวดต่อหน้าสหายร่วมสำนักได้ คิดแล้วก็ตื่นเต้นใบหน้านางเปี่ยมความหวัง หลี่เหมียนจงรีบดึงนางไว้ กระซิบตำหนิเสียงแผ่ว“น้องหญิง อย่าเหลวไหล!”เคล็ดลับของตระกูลเช่นนี้ ปกติแล้วไม่เผยแพร่สู่ภายนอก“ขออภัยหมอเทวดากู้ น้องหญิงข้าปากไม่มีหูรูด ล่วงเกินไปแล้ว ได้โปรดอภัยด้วย”เขาเหลือบมองซูจิ่งสิงอย่างระมัดระวัง กลัวท่านอ๋องโมโห เอาผิดสำนักเทียนจีของพวกเขา“วางใจได้ ข้าไม่เก็บมาใส่ใจ”กู้หว่านเยว่หัวเราะพลางโบกมือ หลี่เหมียนจงถึงถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง พาทั้งสองคนมาส่งห้องรับแขกอย่างเคารพนบนอบ“ทั้งสองท่านมีเรื่องใดต้องสั่ง สามารถบอกบ่าวได้ สำนักเทียนจีของพวกเราจะทำให้พึงพอใจอย่างแน่นอน”มิหนำซ้ำยังไม่ต้องพูดถึงฐานะของทั้งคู่ ครั้งนี้ไป๋หลี่ชิงซีสามารถปราบผู้อาวุโสรองได้ ต้องขอบคุณทั้งสองคนที่ลงแรงช่วยเหลือพูดอย่างมิได้โอ้อวด ทั้งสองคนคือผู้มีคุณูปการของสำนักเทียนจี!“ข้าไม่มีคำขอพิเศษอะไร แต่หากมี จะต้องบอกเจ้าทันทีแน่”กู้หว่านเยว่เดินเข้าห้อง เพิ่งเป่าบทเพลงนานถึงเพียงนั้น นางรีบดื่มน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งถ้
เดิมทีสองสามีภรรยาวางแผนรอปีหน้าเดือนสาม ค่อยใช้ประโยชน์จากนกพิราบขาวของไป๋โม่อวี่ ไปตามหาเหยลวี่เจิงที่ชายแดนขณะเดียวกัน ทั้งสองคนไม่รู้จะทำลายแผนดีหรือไม่“ข้าจะลองหาดูว่ายังมีเบาะแสอื่นอีกหรือไม่”ซูจิ่งสิงพลิกหาภายในกองหนังสือ กู้หว่านเยว่กลับฉวยโอกาสนี้ วางสมบัติเหล่านั้นที่ริบมาได้ลงบนแพลตฟอร์มซื้อขายน่าเสียดายก็คือ รอจนกระทั่งกู้หว่านเยว่วางของทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่งสิงก็ไม่พบเบาะแสอื่นอีกดูท่าแล้ว จดหมายฉบับอื่นถูกผู้อาวุโสรองเผาทำลายไปแล้ว เหลือเพียงฉบับล่าสุดเท่านั้นซูจิ่งสิงเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้อย่างดี ทั้งสองคนออกจากมิติพร้อมกัน“ข้าส่งข่าวหนึ่งให้เมืองอวี้”ซูจิ่งสิงเรียกนกพิราบสื่อสารมา เขียนจดหมายหนึ่งฉบับส่งกลับไปสองวันมานี้ไป๋หลี่ชิงซีงานยุ่งมาก ไม่มีเวลามาพบพวกเขา กู้หว่านเยว่จึงจัดการภายในมิติฟาร์มปศุสัตว์มีทั้งฝูงวัวและแกะ ฟาร์มผักและผลไม้เองก็สุกงอมแล้ว ยังมีแปลงสมุนไพรมีสมุนไพรชุดใหญ่ต้องจัดการกู้หว่านเยว่ควบคุมระบบส่วนกลาง ฆ่าวัวแกะล้างจนสะอาดเรียบร้อยแล้วเก็บเข้าห้องเย็นผลไม้ถูกเด็ดลงมา วางไว้ภายในคลังรักษาความสดยังดีของภายในมิติล้วนไม่เ
ซูจิ่งสิงมองเด็กคนนี้อย่างเอือมระอาแวบหนึ่ง เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไป๋หลี่ชิงซีมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกู้หว่านเยว่“น้องหญิง ข้าไปรอเจ้าข้างนอก”เขาหึงก็หึงจริง แต่ภายในใจกลับเชื่อใจกู้หว่านเยว่ชั่วนิรันดร์ อีกทั้งยังไม่คิดขัดขวางการติดต่อสื่อสารเป็นปกติของนางจุมพิตอย่างอ่อนโยนบนหน้าผากกู้หว่านเยว่ทีหนึ่ง ซูจิ่งสิงออกนอกประตูไปอย่างว่องไว“ท่านจะพูดอะไรกับข้าหรือ?”กู้หว่านเยว่เผยสีหน้าแปลกใจไป๋หลี่ชิงซีหยิบป้ายอาญาสิทธิ์อันหนึ่งออกมา ยื่นให้กู้หว่านเยว่“หมอเทวดากู้ นี่คือป้ายอาญาสิทธิกิตติมศักดิ์ของสำนักเทียนจี ขอมอบให้ท่าน”ดวงตาเขาทอประกาย“ภายภาคหน้าหากท่านต้องการอะไร ขอเพียงนำป้ายนี้ออกมา ศิษย์ของสำนักเทียนจีจะช่วยท่าน”“ท่านหมายความว่า?”กู้หว่านเยว่รู้สึกเชื่องช้าอยู่บ้าง บัดนี้ถึงมองความรู้สึกของอีกฝ่ายออก อึ้งงันอยู่กับที่ในทันใด“ชีวิตของข้าเป็นท่านช่วยไว้ ดังนั้น ข้ายินดีติดตามท่านโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด”ไป๋หลี่ชิงซีสบมองนาง ทันใดนั้นยื่นมือออกมากล่าวคำสาบาน ทุกถ้อยวาจาดังก้องอยู่ภายในใจของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่ ภายภาคหน้าหากท่านต้องการ ข้าไม่มีวันปฏิเสธท่าน”“คุณช
ซูจิ้งเองก็ยืนถือน้ำแกงอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง “จื่อชิงพูดถูกต้อง ยังหาลูกไม่พบ เจ้าจะทำให้ร่างกายตนเองแย่ลงไม่ได้”เขาบิดาคนนี้ไฉนเลยจะไม่กังวล ใต้ตาดำคล้ำเป็นปื้น“ข้ากินไม่ลงแล้ว” นางหยางส่ายหน้าซูจื่อชิงยังอยากเกลี้ยกล่อมต่อ หางตามองเห็นเงาคนเดินผ่านเข้าประตูมาจากภายนอก ดวงตาเปล่งประกาย“พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่กลับมาแล้ว!”เขารีบวางชามลง “ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่พวกท่านกลับมาเสียที”“ท่านแม่ เหตุใดสีหน้าท่านอิดโรยถึงเพียงนี้?”เพียงกู้หว่านเยว่เข้ามา ก็ได้เห็นสีหน้าอิดโรยจนน่ากลัวของนางหยาง รีบจับชีพจรนาง“ท่านนี่คือขาดสารอาหาร”หางตามองเห็นอาหารที่ยังไม่ถูกแตะในมือของซูจื่อชิง ก็รู้ว่าสองวันนี้นางหยางจะต้องกังวลจนกินอะไรไม่ลงแน่“หว่านเยว่ ข้าเป็นห่วงจิ่นเอ๋อร์!” นางหยางจับมือนางน้ำตารินไหล กู้หว่านเยว่รีบปลอบ“ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลย พวกเรากลับมาแล้ว”“ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ซูจิ่งสิงถามเสียงเครียดซูจื่อชิงรีบอธิบาย “พี่ใหญ่ อิงตามที่ข้ารู้ น้องหญิงน่าจะไม่ได้ถูกคนลักพาตัวไปหลังนางจากไปแล้ว ข้าส่งคนไปตรวจสอบหนึ่งรอบ พบว่าก่อนนางจากไปยังตั้งใจซื้อรถม้าสองคัน ยิ่ง
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง