ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด“ขอโทษนะ”ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียดกู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะแต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนางทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”“...”ครอบครัวเดียวกัน?ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เ
เมื่อซูจิ่นเอ๋อกลับมา น้ำตาบนใบหน้าของนางก็เริ่มแห้ง มุมปากยังขดเม้มอย่างไม่ชอบใจอยู่เมื่อเดินผ่านกู้หว่านเยว่ นางจงใจแค่นเสียงตะคอก ก่นด่าไปหลายคำ“ดาวไม้กวาด[footnoteRef:1] บ่างช่างยุ สุนัขจิ้งจอก!” [1: หรือดาวหาง คติชนจีนบอกว่าดาวหางจะกวาดล้างผู้คน หากพบเห็น จะเกิดสงครามหรือภัยธรรมชาติ ส่วนความหมายของสมัยใหม่คือ เป็นคำสาปแช่งบุคคลที่จะนำภัยพิบัติหรือโชคร้ายมาสู่ตน มักใช้กับผู้หญิงเป็นหลัก] สุนัขจิ้งจอกนางยอมรับ แต่อีกสองคำนั้นนางไม่ยอมรับกู้หว่านเยว่เหลือบมองหญิงสาว ได้กลิ่นซาลาเปาเนื้อบนตัวของนางโชยมา พลันพูดเสียงดังว่า “ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดปากเจ้าจึงมันเยิ้มเช่นนั้น? เศษเนื้อเองก็ติดอยู่ที่ปาก เจ้าแอบไปกินซาลาเปาเนื้อลับหลังพวกเราหรือ?”“ไม่ ไม่ใช่เสียหน่อย!”ซูจินเอ๋อรู้สึกผิด รีบเช็ดมุมปากทันที สายตามองไปที่ซูจิ่งสิงและคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะได้ยินกู่หว่านเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“เจ้าหลอกข้า?”ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางกัดฟันแล้วพูดว่า“เจ้าบ่างช่างยุ รอก่อนเถอะ เจ้าจะได้มีความสุขเช่นนี้อีกไม่กี่วันแล้ว!”พี่หญิงซือซือรับปากกับนางแล้ว
“นั่นน่ะสิ หัวหน้าใกล้จะหมดลมแล้ว นางยังพิรี้พิไรอยู่อีก”“รู้วิชาแพทย์อันใดกัน? ข้าว่านางเสแสร้งเสียมากกว่า” ชายคางแหลมคนหนึ่งกะพริบตาเล็กน้อย หยิบแส้ออกมา ตั้งใจฟาดไปที่กู้หว่านเยว่ทว่าจางเอ้อคว้าแส้ไว้ได้อย่างรวดเร็ว“เหล่าหลี ให้นางดูก่อนเถิด”เขารู้สึกว่ากู้หว่านเยว่ทำได้“นางยังเยาว์ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นอิสตรี จะรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร?” เหล่าหลี่ยังคงไม่ปล่อยมือกู้หว่านเยว่เลือกเซรุ่มที่ต้องการมาจากหอแห่งโอสถแล้ว เมื่อได้ยินคำเมื่อครู่ จึงมองไปหาและแดกดันว่า“เจ้ารีบห้ามข้าเช่นนี้ หรือว่าไม่อยากให้ข้ารักษาหัวหน้าของพวกเจ้าให้หายหรือ?”“เจ้า เจ้าเหลวไหล ข้าเปล่าเสียหน่อย!”เหล่าหลี่ที่ถูกคำพูดแทงก็โกรธมากเขาอายุมากกว่าซุนอู่ มีคุณสมบัติสูงกว่าซุนอู่ การคุ้มกันครั้งนี้ควรเป็นเขาที่เป็นหัวหน้า แต่เบื้องบนกลับมอบหมายงานนี้ไปให้ซุนอู่แทน...กู้หว่านเยว่มองเขาอย่างหยอกล้อ ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเขา ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุเซรุ่มออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังแล้วปักลงไปที่แขนของซุนอู่โดยไม่ลังเลการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เป็นวิธีล้างพิษที่มีประสิทธิภาพที่สุดจางเอ้อไม่เคยเห็
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ
“คุณหนู ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”เสี่ยวเหมยโค้งคำนับต่อเซี่ยเหอ แล้วสารภาพความจริงออกมา“คุณหนูของเราไม่เคยมีอะไรกับคุณชายเฉิงเจ้าค่ะ วันนั้น ข้ากับคุณหนูช่วยกันถอดเสื้อผ้าของคุณชายเฉิง แกล้งทำเป็นว่าคุณหนูถูกเขารังแกเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอหน้าซีดเผือด “เหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล!”เฉิงเซวียนแทบไม่อยากจะเชื่อ “ดังนั้น ทั้งหมดเป็นแผนที่พวกเจ้าวางไว้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย?”เสี่ยวเหมยพยักหน้าเฉิงเซวียนทั้งตกใจทั้งดีใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความโกรธ“เซี่ยเหอ ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย”ตลอดทางที่ไปเขาอินซาน ทุกคนต่างกีดกันเซี่ยเหอ มีเพียงเขาที่ไม่เคยรังเกียจนางเลย“เหตุใดเจ้าจึงวางแผนหลอกลวงข้าเช่นนี้?” นี่มันทำคุณบูชาโทษมิใช่หรือ?“พี่ใหญ่เฉิง ข้าแค่ชอบท่านมากเกินไป”เซี่ยเหอจับชายเสื้อของเขาไว้ สายตาที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยความเสน่หาคู่นั้นทำให้เฉิงเซวียนรู้สึกคลื่นไส้เขาสะบัดมือเซี่ยเหอออก “อย่าแตะต้องข้า ข้ารู้สึกขยะแขยง”ผู้หญิงคนนี้ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่มีคำพูดไหนจริงใจเลยสักคำ หลอกเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่งม“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน”เฉิงเซวียนเอ่ยข
“พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย ท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า”“เซี่ยเหอ เจ้าหลอกข้าจริง ๆ หรือ?”จู่ ๆ เฉิงเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ข้าตั้งครรภ์จริง ๆ หากข้าไม่ได้ตั้งครรภ์ เมื่อครู่ตอนที่ข้าแท้งลูก เหตุใดถึงได้เสียเลือดมากมายเช่นนั้น? เลือดที่ถูกยกออกไป ท่านก็เห็นเช่นกัน” นางพยายามอธิบายอย่างเต็มที่เมื่อนางพูดเช่นนี้ เฉิงเซวียนก็เกิดลังเลขึ้นมาจริง ๆ ถูกต้อง หากมิใช่ตั้งครรภ์แล้วแท้ง เลือดเหล่านั้นจะมาจากที่ใดเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่หมอเองก็บอกว่านางแท้งลูกแล้วกู้หว่านเยว่เห็นเฉิงเซวียนเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเขาจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้ชักจูง จึงเอ่ยเตือนด้วยความเอือมระอา“แก้ตัวที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หมอที่จับชีพจรให้เจ้าเมื่อครู่ อยู่ข้างนอกมิใช่หรือ ลากเขาเข้ามาสอบสวนให้ดี ๆ ก็จะรู้ความจริงเอง”ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ สีหน้าของเซี่ยเหอก็เปลี่ยนไปในทันทีเฉิงเซวียนราวกับตื่นจากความฝัน รีบออกจากห้องไปคว้าตัวหมอคนเมื่อครู่เข้ามาสิ่งที่บังเอิญก็คือ เมื่อครู่หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะแอบหนีไปเฉิ
เนี่ยชิงหลานโมโหแทบแย่ นี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงกลายเป็นว่าเซี่ยเหอใจกว้าง ยกโทษให้นางแล้วเล่า?“ไปก็ไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว!”นางหันหลังกลับด้วยความโมโห ทว่ากู้หว่านเยว่เรียกนางไว้“เดี๋ยวก่อน ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองตรวจดูอาการของเซี่ยเหอ บางทีอาจจะช่วยบำรุงร่างกายให้เจ้าได้”สายตาของนางจับจ้องไปที่เซี่ยเหอ ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาตื่นตระหนกจากในดวงตาของเซี่ยเหอ“ไม่ต้องหรอก พระชายาเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ จะมาตรวจดูอาการให้คนอย่างข้าได้อย่างไร”เซี่ยเหอปากก็ปฏิเสธ แล้วส่งสายตาให้หมอตำแยหมอตำแยรีบเดินเข้ามาทันที “พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยตรวจดูอาการให้นางแล้ว และจ่ายยาให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะถึงอย่างไร คุณหนูก็อายุน้อย แค่พักฟื้นสักระยะก็จะหายดี”“ต่างเป็นหมอด้วยกัน ข้าดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นการส่งสายตาของทั้งสองคน ยิ่งมั่นใจว่า เซี่ยเหอต้องปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่ ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์โดยไร้สาเหตุตอนนี้ก็แท้งลูกอีก หึ ๆ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?“หรือว่า เ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงมือเนี่ยชิงหลานเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คนข้างหลังกัดริมฝีปาก“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากเข้าไปดูนาง” แท้จริงแล้วไม่อยากเห็นทั้งสองคนรักกันหวานชื่นต่างหาก“ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง” กู้หว่านเยว่เตือนขึ้นมาประโยคหนึ่งนางเชื่อว่าเนี่ยชิงหลานไม่ได้ผลักเซี่ยเหอ แต่ถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อไปถ้าเซี่ยเหอพูดถึงเรื่องลูกอีก ก็จะต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเนี่ยชิงหลานที่ทำให้นางแท้งลูก นานวันเข้าหลักฐานก็จะหายไป“พระชายาพูดถูก”เนี่ยเติ้งพยักหน้าเห็นด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งคนไปตามกู้หว่านเยว่ที่จวนกู้ เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความรู้ทางการแพทย์“ก็ได้”เนี่ยชิงหลานเดินตามทุกคนเข้าไป แต่พอเข้าไปก็เห็นเซี่ยเหอกำลังซบลงบนไหล่ของเฉิงเซวียนร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด“คุณหนูเนี่ย ข้าคิดว่าข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้?” เซี่ยเหอพอเห็นเนี่ยชิงหลานก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที“ข้าแท้งลูกไปแล้ว คุณหนูเนี่ย ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่ เจ้าแท้งลูกแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เนี่ยชิงหลานก็เป