เวินทิงอวิ๋นมองไปทางรถม้า เห็นสาวใช้ทั้งอัปลักษณ์และกำยำคนหนึ่งตามมาทางด้านหลัง ก็หมดความสนใจไปในทันทีเขาละสายตา แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อนำทาง“ห้องรับรองแขกด้านหลังได้ถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถเลือกได้ตามใจชอบ ถูกใจก็เข้าไปอยู่ได้เลย”“ขอบคุณมาก“ กู้หว่านเยว่พยักหน้าหลายคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากการเดินทางหลายวัน เหน็ดเหนื่อยจริง ๆ จึงนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่เกรงใจเฉิงเซวียนเดินเข้ามาใกล้กู้หว่านเยว่ พลางกระซิบว่า “ฮูหยิน ข้าอยากออกไปตามหาว่ามีร่องรอยของน้องหญิงหรือไม่” “ไม่ต้องร้อนใจ ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาข้างนอกแล้ว”กู้หว่านเยว่วางแผนที่จะจัดการกับเวินทิงอวิ๋นให้เสร็จก่อน “พรุ่งนี้เราค่อยออกไปค้นหาด้วยกันอีกครั้ง”“ตกลง”เฉิงเซวียนนึกไม่ถึงว่านางได้ส่งคนออกไปแล้ว เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เอาใจใส่เนี่ยชิงหลานมากเช่นนี้ ก็อดรู้สึกขอบคุณไม่ได้“ขอบคุณฮูหยิน เมื่อหาน้องหญิงพบ ข้าจะขอบคุณฮูหยินอย่างเต็มที่”“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ตอนนี้หวังว่าเนี่ยชิงหลานจะไม่เป็นอะไรมาก“ซูฮูหยิน ข้าน้อยได้ให้ผู้ติดตามออกไปซื้อแกะย่างสองตัว ตกกลางคืนเราจะกินแกะย่าง ดื่มเหล้านมม้า”เว
เซี่ยเหอลองสะกิดเฉิงเซวียน เมื่อเห็นเขาไม่ตอบสนอง ก็รีบพูดว่า “พี่ใหญ่เฉิงเมาแล้ว เช่นนั้นข้าพยุงเขาไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”นางมีแววตากระตือรือร้น เพิ่งลุกขึ้นได้ ก็ล้มลงกับพื้น“หัว เวียนหัวมาก”ผู้คนในชานเรือนล้มลงกับพื้นทีละคน แม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ยังกุมหัว วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง จากนั้นก็ฟุบลงหมดสติบนโต๊ะ“ไอ้โง่”เวินทิงอวิ๋นโยนแก้วเหล้าออกไปทางด้านหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างภาคภูมิใจยังนึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะเก่งสักแค่ไหน ผลปรากฏว่าทั้งสองเห็นแก่กิน ตกหลุมพรางเขาเข้าจนได้“เหล้านมม้าเพียงนิดเดียว ก็ทำให้พวกท่านคลายความระแวดระวังเสียแล้ว พวกท่านไม่รู้หรือว่า บนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากาเหล้าสองชั้น?”เวินทิงอวิ๋นกดกาเหล้าในมือ กาเหล้าสองชั้นใบนี้เขาจ่ายเงินซื้อมาในราคาสูง บนฝาของกาเหล้ามีปุ่มอยู่สองปุ่ม กดปุ่มสีแดงคือปลอดพิษ กดปุ่มสีน้ำเงินที่รินออกมาคือเหล้าผสมยาสลบขณะที่เวินทิงอวิ๋นรินเหล้าให้พวกเขา ได้กดปุ่มสีน้ำเงินค้างไว้ตลอดเมื่อรินเหล้าให้ตัวเอง ก็จะเปลี่ยนไปกดสีแดงนี่คือสาเหตุว่า เหตุใดเขาดื่มเหล้านมม้าด้วยกันแต่ไม่เป็นอะไร“ใต้เท้า ตอนนี้ควรทำยังไงด
เวินทิงอวิ๋นนั่งลงอย่างภาคภูมิใจ ซูจิ่งสิงพูดอย่างไม่ปรานี “เวินทิงอวิ๋น”เวินทิงอวิ๋น: ...ไม่ใช่แล้ว เหตุใดสองคนนี้ถึงคาดเดาตัวตนของเขาได้รวดเร็วเช่นนี้ เขายังคิดจะแกล้งโง่อีกสักหน่อย“พวกเจ้าคาดเดาตัวตนของข้าได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระอะไรอีกพูดตามตรง พวกเจ้าเอาสมบัติทั้งหมดในห้องเก็บของของตลาดมืดไปไว้ที่ไหนแล้ว”เวินทิงอวิ๋นถือแส้ด้วยรอยยิ้มอำมหิต “พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่พูด แต่อย่ามาหาว่าแส้ในมือของข้าไม่ไว้หน้าเลย”กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะแกล้งเขา“เจ้าอยากรู้ว่าสมบัติในห้องเก็บของอยู่ที่ไหนหรือ?”“เจ้ารีบบอกข้าเร็วเข้า” สีหน้าของเวินทิงอวิ๋นตึงเครียด กู้หว่านเยว่พูดอย่างดื้อด้าน “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเลย”“เจ้า!” เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา นึกอะไรออกในทันใด มองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน“ขอเพียงเจ้าบอกข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปไม่เพียงเท่านั้น จากนี้ไปข้าจะดีกับเจ้าสิ่งที่ชายผู้นี้สามารถให้เจ้าได้ ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกัน”อ้วก! กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ชายผู้นี้ไม่ได้ป่วยใช่ไหม พูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเวินทิงอวิ๋นเห็นนางไม่พูดจา
“พวกเจ้าสองคน!”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดแล้วจริง ๆ เขาคิดว่าตัวเองเหลี่ยมจัดแพรวพราวมากพออยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะหน้าเนื้อใจเสือยิ่งกว่าเขาเสียอีก“พวกเจ้าสองคนทำเกินไปแล้ว”“การทหารย่อมไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย เจ้าก็คิดจะใช้ยาสลบกับพวกข้ามิใช่หรือ” กู้หว่านเยว่หัวเราะคิกคัก ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเวินทิงอวิ๋นถ้าไม่ใช่เพราะความฉลาดของพวกเขา เข้าใจในทุกอย่าง ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกลอบโจมตีก็คือพวกเขาเองซูจิ่งสิงลงมือล็อกกระดูกสะบักของเขา แล้วหันไปทางฉู่เฟิง “กุมตัวเขาออกไปข้างนอก”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือน “ไปดูเฉิงเซวียนกับเซี่ยเหอหน่อยสิ”นางไม่เชื่อเซี่ยเหอ ดังนั้นจึงกินยาถอนพิษไว้ล่วงหน้า และไม่นับรวมทั้งสองคนไว้ในนั้นเฉิงเซวียนและเซี่ยเหอในเวลานี้ ถือว่าโดนยาสลบจริง ๆชิงเหลียนเหาะเหินจากไป มาถึงหน้าเฉิงเซวียนแล้วตรวจสอบนางอยู่สักครู่ ส่วนเซี่ยเหอนั้นไม่สมัครใจดู“ฮูหยิน พวกเขาสองคนไม่มีอะไรผิดปกติ แค่โดนยาสลบเท่านั้น หมดสติไปชั่วคราว รอยาสลบหมดฤทธิ์ก็น่าจะตื่นขึ้นมา”“พาพวกเขาสองคนเข้าไปพักในห้องก่อนเถอะ” เวลานี้กู้หว่านเยว่ยังมีธุระอื่นต้องทำอีก ไม่มีเวลาดูแลพวกเข
“ข้าสองคนก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ขอเพียงเจ้าบอกที่อยู่ของเจ้าของตลาดมืดแก่เรา เราก็สามารถปล่อยเจ้าไปได้”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตอนนี้เขาเกลียดสองสามีภรรยาคู่นี้มากเหลือเกิน พอคิดว่าตัวเองถูกปั่นหัวมานานขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกยอมรับไม่ได้โชคดีที่เขายังโอ้อวดตัวเองว่าฉลาดเหนือใคร ไม่นึกว่าจะตกอยู่ในกำมือของสองสามีภรรยาคู่นี้ หากแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา“ข้าไม่รู้ว่าเถ้าแก่อยู่ที่ไหน เขาเป็นคนลึกลับซับซ้อน ไม่เคยบอกพวกเราเลย” คำพูดที่เวินทิงอวิ๋นหันหน้าไปพูด ก็เหมือนกับที่พ่อบ้านคนอื่น ๆ พูดไว้หลี่หรงหรงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของตลาดมืดอยู่ที่ไหนกันแน่ รู้เพียงว่าบางครั้งอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นเวลามอบหมายภารกิจ“ต่อให้เจ้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็ควรจะรู้ว่าเขาจะมาที่ตลาดมืดเมื่อไหร่ หรือว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง”กู้หว่านเยว่จะไม่เชื่อคำโกหกของอีกฝ่าย เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อบ้านใหญ่ตลาดมืดอินซาน คนอื่นไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แต่เขาจะไม่รู้อะไรเลยไม่ได้“ไม่รู้”ปากของเวินทิงอวิ๋นแข็งมาก ไม่สนใจสองสามีภรรยาเลยแม้แต่น้อย ดูท่าทางไม่อยากพูดอะไร
หลังจากสอบสวนเวินทิงอวิ๋นเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มาที่ข้างกองไฟ ใช้มีดเล็กเฉือนเนื้อแกะย่างออกมาชิ้นหนึ่ง“เนื้อแกะย่างแสนอร่อยเช่นนี้ห้ามพลาดเชียวนะ”นางเรียกทุกคน “ชิงเหลียน เจ้าก็มากินด้วยสิ”“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนและคนอื่น ๆ ต่างรายล้อมเข้ามา แต่ก็ไปหาแกะย่างอีกตัวอย่างรู้กาลเทศะฮูหยินดีกับพวกเขา พวกเขารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าลืมตัวตนของตนเองเช่นกันกู้หว่านเยว่คุ้นชินอยู่แล้ว และไม่ได้พูดอะไร“ชายาท่านอ๋อง” ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็เดินเข้ามาด้วยความลังเล“เจ้าต้องการตัวเวินทิงอวิ๋นสินะ พวกข้าสอบถามเขาเสร็จแล้วยกเขาให้เจ้าจัดการได้ตามต้องการ”กู้หว่านเยว่รับปากไว้นานแล้ว จะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาดแต่ใครจะรู้แววตาของหลี่หรงหรงกลับเป็นประกายวิบวับ “ชายาท่านอ๋อง ยาที่เจ้าเพิ่งใช้ไป เจ้าขายให้ข้าสักขวดได้ไหม?”นางมองออกว่ายานี้ของกู้หว่านเยว่น่าจะเป็นของประเภทเดียวกับยาพูดความจริง สามารถทำให้คนพูดสิ่งที่ใจคิดออกมา“เจ้าต้องการของสิ่งนี้ไปทำไม?”คราวก่อนปรมาจารย์แพทย์ให้นางไว้เยอะมาก ถ้านางเสนอราคาสูง กู้หว่านเยว่ก็ใช่ว่าจะขายไม่ได้“ชายาท่านอ๋อง เจ้า เจ้าอย่าถามเลย เอาเป
เวินทิงอวิ๋นเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจะมัดหัวใจของผู้หญิงอย่างไร “ทำไมเจ้าถึงไปอยู่กับพวกเขาแล้วไม่บอกข้าสักคำ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน?”“หยุดเสแสร้ง” หลี่หรงหรงกลอกตาใส่ “ถ้าไม่ได้นักฆ่าสองคนนั้นหลุดปาก ข้าคงเชื่อไปแล้วจริง ๆ”“เอ่อ...” เวินทิงอวิ๋นสีหน้ากระดากอาย “นักฆ่าคนนั้นข้าไม่ได้เป็นคนส่งไป แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่างหากที่ตัดสินโดยพลการ”เขาพูดโกหกได้โดยไม่ต้องกะพริบตา“หรงหรง เจ้าต้องเชื่อข้า เราเคยสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย”“ไปให้พ้น!”หลี่หรงหรงแค่รู้สึกขยะแขยง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ายาพูดความจริงในมือนั้นไม่จำเป็นแล้ว“ตอนนี้ข้าแค่อยากถามท่านเป็นประโยคสุดท้ายท่านเคยรักข้าบ้างไหม?”“ข้ารักเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” เวินทิงอวิ๋นพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดในความเป็นจริงเขาไม่ได้พูดโกหก มีชายคนไหนสามารถปฏิเสธรูปร่างอันเร่าร้อนของหลี่หรงหรงได้บ้าง?“ท่านกำลังโกหกข้า”หลี่หรงหรงคิดว่าเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้แล้วต้องประทับใจมาก แต่ตอนนี้ นางแค่รู้สึกอยากอาเจียนเท่านั้นเดิมทีในหัวใจส่วนลึกของนาง ไม่เชื่อในความรักของเวินทิงอวิ๋นอีกต่อไป“หรงหรง เพื่อเห็นแก่ความสัมพัน
“ดื่มเหล้าสักจอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ส่งเหล้านมม้าให้ “ยามคนอารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าสักหน่อย ปล่อยให้แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทชาเล็กน้อย จะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณ”หลี่หรงหรงรับเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด“ข้าช่างเป็นตัวโง่งมโดยแท้” ภายในดวงตานางมีน้ำตาคลอหน่วย เหตุใดนางถึงเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นรักนางได้เล่า?“เขาใช้ประโยชน์จากข้าตั้งแต่แรก เห็นข้าเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์อย่างหนึ่งเขาพูดจาหวานล้ำกับข้า พูดว่าจะมอบครอบครัวให้แก่ข้าบิดามารดาข้าตายไปทั้งหมดแล้ว ขาดความรักตั้งแต่เด็ก เชื่อไปอย่างโง่เขลา”หลี่หรงหรงหยิ่งทระนงไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา“ข้าน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขากำลังหลอกข้า เป็นข้าไม่ยอมเชื่อเอง ถูกเขาหลอกมาตั้งนาน”ท่าทีที่เวินทิงอวิ๋นแสดงออกมาเมื่อครู่ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของนางขาดผึงไปแล้ว“ข้าแค้นใจนัก เหตุใด เขาต้องหักหลังข้า!”หลี่หรงหรงมิอาจทนไหวร้องไห้ออกมาในที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้สมควรปลอบเยี่ยงไร ได้แต่ปล่อยให้นางร้องไห้อย่างเต็มที่“ฮูหยิน” องครักษ์เงาเฝ้าเวินทิงอวิ๋นเข้ามารายงาน “เวินทิงอวิ๋นตายแล้วขอรับ”“ชู่ว์ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” กู้หว่านเยว่โบกมือ เมื่อคร
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก