เซี่ยเหอลองสะกิดเฉิงเซวียน เมื่อเห็นเขาไม่ตอบสนอง ก็รีบพูดว่า “พี่ใหญ่เฉิงเมาแล้ว เช่นนั้นข้าพยุงเขาไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”นางมีแววตากระตือรือร้น เพิ่งลุกขึ้นได้ ก็ล้มลงกับพื้น“หัว เวียนหัวมาก”ผู้คนในชานเรือนล้มลงกับพื้นทีละคน แม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ยังกุมหัว วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง จากนั้นก็ฟุบลงหมดสติบนโต๊ะ“ไอ้โง่”เวินทิงอวิ๋นโยนแก้วเหล้าออกไปทางด้านหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างภาคภูมิใจยังนึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะเก่งสักแค่ไหน ผลปรากฏว่าทั้งสองเห็นแก่กิน ตกหลุมพรางเขาเข้าจนได้“เหล้านมม้าเพียงนิดเดียว ก็ทำให้พวกท่านคลายความระแวดระวังเสียแล้ว พวกท่านไม่รู้หรือว่า บนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากาเหล้าสองชั้น?”เวินทิงอวิ๋นกดกาเหล้าในมือ กาเหล้าสองชั้นใบนี้เขาจ่ายเงินซื้อมาในราคาสูง บนฝาของกาเหล้ามีปุ่มอยู่สองปุ่ม กดปุ่มสีแดงคือปลอดพิษ กดปุ่มสีน้ำเงินที่รินออกมาคือเหล้าผสมยาสลบขณะที่เวินทิงอวิ๋นรินเหล้าให้พวกเขา ได้กดปุ่มสีน้ำเงินค้างไว้ตลอดเมื่อรินเหล้าให้ตัวเอง ก็จะเปลี่ยนไปกดสีแดงนี่คือสาเหตุว่า เหตุใดเขาดื่มเหล้านมม้าด้วยกันแต่ไม่เป็นอะไร“ใต้เท้า ตอนนี้ควรทำยังไงด
เวินทิงอวิ๋นนั่งลงอย่างภาคภูมิใจ ซูจิ่งสิงพูดอย่างไม่ปรานี “เวินทิงอวิ๋น”เวินทิงอวิ๋น: ...ไม่ใช่แล้ว เหตุใดสองคนนี้ถึงคาดเดาตัวตนของเขาได้รวดเร็วเช่นนี้ เขายังคิดจะแกล้งโง่อีกสักหน่อย“พวกเจ้าคาดเดาตัวตนของข้าได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระอะไรอีกพูดตามตรง พวกเจ้าเอาสมบัติทั้งหมดในห้องเก็บของของตลาดมืดไปไว้ที่ไหนแล้ว”เวินทิงอวิ๋นถือแส้ด้วยรอยยิ้มอำมหิต “พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่พูด แต่อย่ามาหาว่าแส้ในมือของข้าไม่ไว้หน้าเลย”กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะแกล้งเขา“เจ้าอยากรู้ว่าสมบัติในห้องเก็บของอยู่ที่ไหนหรือ?”“เจ้ารีบบอกข้าเร็วเข้า” สีหน้าของเวินทิงอวิ๋นตึงเครียด กู้หว่านเยว่พูดอย่างดื้อด้าน “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเลย”“เจ้า!” เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา นึกอะไรออกในทันใด มองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน“ขอเพียงเจ้าบอกข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปไม่เพียงเท่านั้น จากนี้ไปข้าจะดีกับเจ้าสิ่งที่ชายผู้นี้สามารถให้เจ้าได้ ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกัน”อ้วก! กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ชายผู้นี้ไม่ได้ป่วยใช่ไหม พูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเวินทิงอวิ๋นเห็นนางไม่พูดจา
“พวกเจ้าสองคน!”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดแล้วจริง ๆ เขาคิดว่าตัวเองเหลี่ยมจัดแพรวพราวมากพออยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะหน้าเนื้อใจเสือยิ่งกว่าเขาเสียอีก“พวกเจ้าสองคนทำเกินไปแล้ว”“การทหารย่อมไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย เจ้าก็คิดจะใช้ยาสลบกับพวกข้ามิใช่หรือ” กู้หว่านเยว่หัวเราะคิกคัก ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเวินทิงอวิ๋นถ้าไม่ใช่เพราะความฉลาดของพวกเขา เข้าใจในทุกอย่าง ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกลอบโจมตีก็คือพวกเขาเองซูจิ่งสิงลงมือล็อกกระดูกสะบักของเขา แล้วหันไปทางฉู่เฟิง “กุมตัวเขาออกไปข้างนอก”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือน “ไปดูเฉิงเซวียนกับเซี่ยเหอหน่อยสิ”นางไม่เชื่อเซี่ยเหอ ดังนั้นจึงกินยาถอนพิษไว้ล่วงหน้า และไม่นับรวมทั้งสองคนไว้ในนั้นเฉิงเซวียนและเซี่ยเหอในเวลานี้ ถือว่าโดนยาสลบจริง ๆชิงเหลียนเหาะเหินจากไป มาถึงหน้าเฉิงเซวียนแล้วตรวจสอบนางอยู่สักครู่ ส่วนเซี่ยเหอนั้นไม่สมัครใจดู“ฮูหยิน พวกเขาสองคนไม่มีอะไรผิดปกติ แค่โดนยาสลบเท่านั้น หมดสติไปชั่วคราว รอยาสลบหมดฤทธิ์ก็น่าจะตื่นขึ้นมา”“พาพวกเขาสองคนเข้าไปพักในห้องก่อนเถอะ” เวลานี้กู้หว่านเยว่ยังมีธุระอื่นต้องทำอีก ไม่มีเวลาดูแลพวกเข
“ข้าสองคนก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ขอเพียงเจ้าบอกที่อยู่ของเจ้าของตลาดมืดแก่เรา เราก็สามารถปล่อยเจ้าไปได้”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตอนนี้เขาเกลียดสองสามีภรรยาคู่นี้มากเหลือเกิน พอคิดว่าตัวเองถูกปั่นหัวมานานขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกยอมรับไม่ได้โชคดีที่เขายังโอ้อวดตัวเองว่าฉลาดเหนือใคร ไม่นึกว่าจะตกอยู่ในกำมือของสองสามีภรรยาคู่นี้ หากแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา“ข้าไม่รู้ว่าเถ้าแก่อยู่ที่ไหน เขาเป็นคนลึกลับซับซ้อน ไม่เคยบอกพวกเราเลย” คำพูดที่เวินทิงอวิ๋นหันหน้าไปพูด ก็เหมือนกับที่พ่อบ้านคนอื่น ๆ พูดไว้หลี่หรงหรงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของตลาดมืดอยู่ที่ไหนกันแน่ รู้เพียงว่าบางครั้งอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นเวลามอบหมายภารกิจ“ต่อให้เจ้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็ควรจะรู้ว่าเขาจะมาที่ตลาดมืดเมื่อไหร่ หรือว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง”กู้หว่านเยว่จะไม่เชื่อคำโกหกของอีกฝ่าย เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อบ้านใหญ่ตลาดมืดอินซาน คนอื่นไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แต่เขาจะไม่รู้อะไรเลยไม่ได้“ไม่รู้”ปากของเวินทิงอวิ๋นแข็งมาก ไม่สนใจสองสามีภรรยาเลยแม้แต่น้อย ดูท่าทางไม่อยากพูดอะไร
หลังจากสอบสวนเวินทิงอวิ๋นเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มาที่ข้างกองไฟ ใช้มีดเล็กเฉือนเนื้อแกะย่างออกมาชิ้นหนึ่ง“เนื้อแกะย่างแสนอร่อยเช่นนี้ห้ามพลาดเชียวนะ”นางเรียกทุกคน “ชิงเหลียน เจ้าก็มากินด้วยสิ”“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนและคนอื่น ๆ ต่างรายล้อมเข้ามา แต่ก็ไปหาแกะย่างอีกตัวอย่างรู้กาลเทศะฮูหยินดีกับพวกเขา พวกเขารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าลืมตัวตนของตนเองเช่นกันกู้หว่านเยว่คุ้นชินอยู่แล้ว และไม่ได้พูดอะไร“ชายาท่านอ๋อง” ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็เดินเข้ามาด้วยความลังเล“เจ้าต้องการตัวเวินทิงอวิ๋นสินะ พวกข้าสอบถามเขาเสร็จแล้วยกเขาให้เจ้าจัดการได้ตามต้องการ”กู้หว่านเยว่รับปากไว้นานแล้ว จะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาดแต่ใครจะรู้แววตาของหลี่หรงหรงกลับเป็นประกายวิบวับ “ชายาท่านอ๋อง ยาที่เจ้าเพิ่งใช้ไป เจ้าขายให้ข้าสักขวดได้ไหม?”นางมองออกว่ายานี้ของกู้หว่านเยว่น่าจะเป็นของประเภทเดียวกับยาพูดความจริง สามารถทำให้คนพูดสิ่งที่ใจคิดออกมา“เจ้าต้องการของสิ่งนี้ไปทำไม?”คราวก่อนปรมาจารย์แพทย์ให้นางไว้เยอะมาก ถ้านางเสนอราคาสูง กู้หว่านเยว่ก็ใช่ว่าจะขายไม่ได้“ชายาท่านอ๋อง เจ้า เจ้าอย่าถามเลย เอาเป
เวินทิงอวิ๋นเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจะมัดหัวใจของผู้หญิงอย่างไร “ทำไมเจ้าถึงไปอยู่กับพวกเขาแล้วไม่บอกข้าสักคำ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน?”“หยุดเสแสร้ง” หลี่หรงหรงกลอกตาใส่ “ถ้าไม่ได้นักฆ่าสองคนนั้นหลุดปาก ข้าคงเชื่อไปแล้วจริง ๆ”“เอ่อ...” เวินทิงอวิ๋นสีหน้ากระดากอาย “นักฆ่าคนนั้นข้าไม่ได้เป็นคนส่งไป แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่างหากที่ตัดสินโดยพลการ”เขาพูดโกหกได้โดยไม่ต้องกะพริบตา“หรงหรง เจ้าต้องเชื่อข้า เราเคยสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย”“ไปให้พ้น!”หลี่หรงหรงแค่รู้สึกขยะแขยง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ายาพูดความจริงในมือนั้นไม่จำเป็นแล้ว“ตอนนี้ข้าแค่อยากถามท่านเป็นประโยคสุดท้ายท่านเคยรักข้าบ้างไหม?”“ข้ารักเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” เวินทิงอวิ๋นพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดในความเป็นจริงเขาไม่ได้พูดโกหก มีชายคนไหนสามารถปฏิเสธรูปร่างอันเร่าร้อนของหลี่หรงหรงได้บ้าง?“ท่านกำลังโกหกข้า”หลี่หรงหรงคิดว่าเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้แล้วต้องประทับใจมาก แต่ตอนนี้ นางแค่รู้สึกอยากอาเจียนเท่านั้นเดิมทีในหัวใจส่วนลึกของนาง ไม่เชื่อในความรักของเวินทิงอวิ๋นอีกต่อไป“หรงหรง เพื่อเห็นแก่ความสัมพัน
“ดื่มเหล้าสักจอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ส่งเหล้านมม้าให้ “ยามคนอารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าสักหน่อย ปล่อยให้แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทชาเล็กน้อย จะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณ”หลี่หรงหรงรับเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด“ข้าช่างเป็นตัวโง่งมโดยแท้” ภายในดวงตานางมีน้ำตาคลอหน่วย เหตุใดนางถึงเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นรักนางได้เล่า?“เขาใช้ประโยชน์จากข้าตั้งแต่แรก เห็นข้าเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์อย่างหนึ่งเขาพูดจาหวานล้ำกับข้า พูดว่าจะมอบครอบครัวให้แก่ข้าบิดามารดาข้าตายไปทั้งหมดแล้ว ขาดความรักตั้งแต่เด็ก เชื่อไปอย่างโง่เขลา”หลี่หรงหรงหยิ่งทระนงไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา“ข้าน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขากำลังหลอกข้า เป็นข้าไม่ยอมเชื่อเอง ถูกเขาหลอกมาตั้งนาน”ท่าทีที่เวินทิงอวิ๋นแสดงออกมาเมื่อครู่ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของนางขาดผึงไปแล้ว“ข้าแค้นใจนัก เหตุใด เขาต้องหักหลังข้า!”หลี่หรงหรงมิอาจทนไหวร้องไห้ออกมาในที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้สมควรปลอบเยี่ยงไร ได้แต่ปล่อยให้นางร้องไห้อย่างเต็มที่“ฮูหยิน” องครักษ์เงาเฝ้าเวินทิงอวิ๋นเข้ามารายงาน “เวินทิงอวิ๋นตายแล้วขอรับ”“ชู่ว์ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” กู้หว่านเยว่โบกมือ เมื่อคร
“ให้ข้าไปกับพวกเจ้าด้วยเถอะ”หลี่หรงหรงรีบพูด “ฮูหยิน เจ้าลืมไปแล้วเมื่อครู่ข้าบอกว่าบ้านพวกเราทำคาราวานพ่อค้า คาราวานพ่อค้าของอินซาน เดิมทีข้าก็รู้จักทั้งหมด”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปด้วยกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดว่าให้นางยุ่งสักหน่อยก็ดีเช่นกัน ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องผิดหวังในความรัก “อาวุธที่สะดวกใช้คืออะไร?”“มีกระบี่อ่อนหรือไม่?”หลี่หรงหรงแย้มยิ้มออกมา กู้หว่านเยว่โยนกระบี่อ่อนให้เล่มหนึ่งชิงเหลียนกลับรีบวิ่งเข้ามา ท่าทางคล้ายเป็นตากุ้งยิงก็มิปาน“ฮูหยิน คุณชายเฉิงไปไม่ได้แล้ว!”ชิงเหลียนพูดไม่ออก“ยามบ่าวเข้าไป พบว่าเขากับเซี่ยเหอกำลัง...ขยะแขยงจริงๆ”เซี่ยเหอวิ่งออกมาอาภรณ์ยุ่งเหยิง ท่าทางคล้ายได้รับความลำบากอย่างมาก ปาดน้ำตา“ข้า ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว...”เฉิงเซวียนเองก็วิ่งออกมาจากภายใน ท่าทางโอหังมากยิ่งขึ้น ร่างกายท่อนบนแทบจะเปลือยเปล่า“น้องหญิงอย่ามองเลย”ซูจิ่งสิงบังสายตาของกู้หว่านเยว่ ฉึบ ๆ ส่งสายตาฆ่าคนได้มองไปทางเฉิงเซวียน พูดเสียงเย็น“เจ้าจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา”“ไม่ใช่แบบนี้”เฉิงเซวียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว ใบหน้างุนงง “
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู
สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองมา กู้หว่านหรูและญาติผู้พี่นางรู้สึกกลัวจนกอดกัน“เจ้า เจ้าจะทำอันใด?”กู้หว่านหรูกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยปากเสียงสั่น“ต่อให้เจ้าเป็นพระชายา ก็ไม่สามารถเมินข้ามกฎหมายได้ เจ้าไม่กลัวคนในใต้หล้าบริภาษเจ้าหรือ?”กู้หว่านเยว่หัวเราะพรืด“บริภาษ?” นางส่ายหน้า หนังสือประวัติศาสตร์ล้วนถูกเขียนโดยผู้ชนะยังต้องกลัวคำนินทาทั่วหล้าด้วยหรือ?“โยนพวกเขาสองคนออกจากซุ่ยโจว” กู้หว่านเยว่โบกมือเรียกคนเข้ามาสองคนนี้เป็นหวัด ถูกโยนออกไป ก็เพียงพอให้พวกเขาทรมาน“ญาติผู้น้อง” อวี๋เสียงลนลาน เขย่ามือของกู้หว่านหรู“นี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าหรือ รีบไปขอร้องนางเร็วเข้า”ยังมีระยะทางอีกห้าถึงหกวันกว่าจะถึงบ้านเกิด พวกเขาต้องอยู่ภายในซุ่ยโจว รีบรักษาอาการป่วยให้หายดี“ข้าจะขอร้องนางเยี่ยงไร?”กู้หว่านหรูแค้นใจแย่แล้ว“นางไม่มีวันฟัง”“เจ้ารีบคิดหาทางเถอะ” สุ้มเสียงของอวี๋เสียงเจือไอโทสะสายหนึ่งอย่างสุดระงับ ทำเสียจนกู้หว่านหรูเหล่มอง“ท่านกำลังโทษข้าหรือ?”นางและกู้หว่านเยว่มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตอนอยู่ในจวนก็มักรังแกนาง จะสามารถมีวิธีใดได้เล่า?“หว่านหรู ข้าไม่ได้
แต่ต้วนหลานซิวจากไปอย่างไม่ไว้หน้าไป๋หลี่ชิงซีถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงกลับไปหากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสสิงปรากฏว่าคนเพิ่งไป ก็มองเห็นเกาเจี้ยนวิ่งเข้ามาจากภายนอก พูดว่าลั่วยางที่อยู่ข้างหน้าเจอคนไข้ที่ไม่แน่ใจอาการป่วย ขอเชิญกู้หว่านเยว่ไปวินิจฉัยกู้หว่านเยว่ยังนั่งได้ไม่นานก็รีบไปที่ด้านหน้าแล้ว“มีอันใดหรือ?”ตอนปรากฏตัวออกมาก็ได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นของลั่วยาง กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้างโรคอะไรกัน สามารถทำให้ว้าวุ่นถึงเพียงนี้ได้?“เหตุใดสีหน้าแย่มากถึงเพียงนี้?”“มีคนป่วยมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ลั่วยางลอบชำเลืองมองสีหน้าของกู้หว่านเยว่ จากนั้นพูดเสียงค่อย“ข้าเองก็ไม่แน่ใจฐานะของนาง แต่เห็นแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ท่านมาดูกับข้าก็จะรู้”พูดไปก็เดินนำทางกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงคุ้นหูจากที่ไกลๆ“ไม่ใช่พูดว่าจะดูอาการให้ข้าหรือ เหตุใดพาข้ามาไว้ที่นี่ หมอหญิงของพวกเจ้าเล่า? เหตุใดเข้าไปแล้ว?”คนผู้นั้นโวยวาย เสียงคุ้นหูทำให้กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ไม่ถูกนี่ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้?กู้หว่านเยว่ก้าวเท้าเร็วขึ้นสองส่วน เดินขึ้นไปก็ได้เห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้
เขาทอดสายตามองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยใบหน้าจริงใจ“ทั้งสองท่านช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับพวกท่าน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงได้ยินว่าต้วนหลานซิวมีเรื่องอยากพูด นี่จึงมิได้จากไปในทันที แต่เลือกนั่งลงฟัง ดูว่าเขาอยากพูดเรื่องใดทั้งสองคนกลับแปลกใจมาก“ระหว่างทางที่ข้ามาได้เห็นพระชายาแจกจ่ายยาภายในเมือง” ต้วนหลานซิวเอ่ยปากถามกู้หว่านเยว่พยักหน้า“ราษฎรของซุ่ยโจวเป็นไข้หวัด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี จึงไม่มียารักษา”ต้วนหลานซิวประกบมือพูดยิ้มๆ “ไอหยา นี่บังเอิญยิ่งนัก ข้าที่นี่มีสมุนไพรหนึ่งชุดพอดี”เขาพูดยิ้มๆ“หากท่านอ๋องและพระชายาไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีบริจาคสมุนไพรชุดนี้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเมืองซุ่ยโจว”ถือว่าเขาจ่ายค่าหมอให้กู้หว่านเยว่ก็แล้วกัน“ในมือท่านมีสมุนไพร?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองลงมือช่วยเหลืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงขั้นสามารถช่วยพ่อค้าขายส่งสมุนไพรอีกด้วย?นี่คือประโยชน์สุขของราษฎรเมืองซุ่ยโจว นางย่อมไม่ปฏิเสธ“ใช่แล้ว ในมือข้ามียาสมุนไพรหนึ่งชุด”ไป๋หลี่ชิงซีอธิบายอยู่ทางด้านข้าง “พวกท่านไม่รู้ สตรีที่อาจารย์อาเล็กของข้าชอบเป็นคนบ้
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ