“ให้ข้าไปกับพวกเจ้าด้วยเถอะ”หลี่หรงหรงรีบพูด “ฮูหยิน เจ้าลืมไปแล้วเมื่อครู่ข้าบอกว่าบ้านพวกเราทำคาราวานพ่อค้า คาราวานพ่อค้าของอินซาน เดิมทีข้าก็รู้จักทั้งหมด”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปด้วยกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดว่าให้นางยุ่งสักหน่อยก็ดีเช่นกัน ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องผิดหวังในความรัก “อาวุธที่สะดวกใช้คืออะไร?”“มีกระบี่อ่อนหรือไม่?”หลี่หรงหรงแย้มยิ้มออกมา กู้หว่านเยว่โยนกระบี่อ่อนให้เล่มหนึ่งชิงเหลียนกลับรีบวิ่งเข้ามา ท่าทางคล้ายเป็นตากุ้งยิงก็มิปาน“ฮูหยิน คุณชายเฉิงไปไม่ได้แล้ว!”ชิงเหลียนพูดไม่ออก“ยามบ่าวเข้าไป พบว่าเขากับเซี่ยเหอกำลัง...ขยะแขยงจริงๆ”เซี่ยเหอวิ่งออกมาอาภรณ์ยุ่งเหยิง ท่าทางคล้ายได้รับความลำบากอย่างมาก ปาดน้ำตา“ข้า ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว...”เฉิงเซวียนเองก็วิ่งออกมาจากภายใน ท่าทางโอหังมากยิ่งขึ้น ร่างกายท่อนบนแทบจะเปลือยเปล่า“น้องหญิงอย่ามองเลย”ซูจิ่งสิงบังสายตาของกู้หว่านเยว่ ฉึบ ๆ ส่งสายตาฆ่าคนได้มองไปทางเฉิงเซวียน พูดเสียงเย็น“เจ้าจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา”“ไม่ใช่แบบนี้”เฉิงเซวียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว ใบหน้างุนงง “
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ซูจิ่งสิงพาองครักษ์เงาเหินบินจากไปราวสิบกว่านาทีต่อมา ก็เหินบินกลับมาแล้ว“ภายในค่ายมีสุนัขพันธุ์หมาป่ามากมาย คาราวานพ่อค้าน่าจะมีของล้ำค่าไม่น้อย จึงให้สุนัขพันธุ์หมาป่าเหล่านี้เฝ้าไว้”ซูจิ่งสิงวิเคราะห์“หากเข้าใกล้ ก็จะทำให้สุนัขพันธุ์หมาป่าตกใจ เรียกองครักษ์ของคาราวานพ่อค้ามา”หลี่หรงหรงเอ่ยชี้แนะ “มิสู้ให้ข้าเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัวก่อน จะได้กันคนออกไป”“นายท่านหลัวจะพบเจ้าหรือ?” กู้หว่านเยว่อยากช่วยคน แต่ก็ไม่หวังให้คนข้างกายเผชิญหน้ากับอันตราย“เจ้ายังไม่รู้ ยามบิดามารดาข้ายังอยู่ บ้านพวกเราและสกุลหลัวนับว่าเป็นสหายกันเพียงแต่ หลังจากนั้นข้าก็มิได้ทำกิจการคาราวานพ่อค้าต่อ ดังนั้นจึงขาดการไปมาหาสู่กับสกุลหลัว”แต่ไมตรีในอดีตยังมีอยู่ หากนางเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัว นายท่านหลัวจะต้องยอมพบนางแน่“ดีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ให้องครักษ์จันทราติดตามอยู่ข้างกายหลี่หรงหรง ปกป้องนางส่วนนางและซูจิ่งสิง หาสถานที่ไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง ก็เทเลพอร์ตเข้ากระโจมไป จากนั้นเริ่มหาเบาะแสของเนี่ยชิงหลานทุกสารทิศทั้งสองคนมาถึงกระโจมด้านหน้าแห่งหนึ่
“ไม่ได้”หลัวเหอส่ายหน้า “หากข้าปล่อยเจ้าไป บิดาข้าจะต้องตีข้าตายแน่”สายตาอ่อนโยนของเขาสบมองเนี่ยชิงหลาน“ข้าจะดูแลเจ้าดีๆ ต่อให้เจ้าแต่งกับพ่อข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้า”สายตานั้นเนี่ยชิงหลานเห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยง ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันย่อมไม่อาจเข้าประตูบ้านเดียวกันได้ สองพ่อลูกคู่นี้ล้วนเจ้าชู้เนี่ยชิงหลานรู้สึกสิ้นหวัง ก็ได้เห็นหินก้อนหนึ่งกระแทกท้ายทอยของหลัวเหอ เขาร้องออกมาทีหนึ่งก็ล้มลงไป“ชิงหลาน”เสียงคุ้นเคยพลันดังขึ้น เนี่ยชิงหลานถลันเข้าไปดู น้ำตาใกล้จะไหลออกมาแล้ว“พี่หญิงกู้ เป็นท่านจริงด้วย ข้ามิได้ฝันไปกระมัง?”นางออกแรงหยิกแขนทีหนึ่ง เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว“เด็กโง่ นี่เจ้าทำอะไร?” กู้หว่านเยว่รีบห้ามนาง เนี่ยชิงหลานกลับหัวเราะทั้งน้ำตา โผเข้าหาอ้อมกอดนาง“ข้าคิดว่าข้ากำลังฝันไป สองวันมานี้ข้าฝันเห็นท่านมาช่วยข้าหลายครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นความจริง”นางร้องไห้ออกมาอย่างอึดอัดใจ กู้หว่านเยว่เองก็ปวดใจมาก เนี่ยชิงหลานที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินถึงขั้นกลายเป็นเช่นนี้ตกลงสองวันมานี้นางเจอกับอะไรมากันแน่?บัดนี้ไม่ใช่เวลาถาม กู้หว่านเยว่เร่งจับมือของนาง
กู้หว่านเยว่มองเวลาภายในมิติ ใช้เวลาไปสิบนาทีขณะสามีภรรยาพูดกันสองประโยค หลี่หรงหรงก็พาฉู่เฟิงกลับมาแล้ว“รถม้ามาจากที่ใดกัน?”หลี่หรงหรงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ นางจำได้ว่าก่อนพวกเขาออกมาไม่ได้นำรถม้ามาด้วย“หามาชั่วคราว”กู้หว่านเยว่อธิบายตามปากพาไปหนึ่งประโยค ยังดีหลี่หรงหรงเองก็มิได้ถามไล่เรียงมากนัก“แม่นางเนี่ยที่พวกเจ้าตามหาหาพบแล้วหรือไม่?”“หาพบแล้ว” กู้หว่านเยว่ส่งสัญญาณให้ขึ้นรถม้าด้วยกัน ขณะเดียวกันเนี่ยชิงหลานฟื้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่อ่อนแอมากแม่นางน้อยที่เคยมีชีวิตชีวา อ่อนแอถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก กู้หว่านเยว่เห็นแล้วก็ปวดใจ ป้อนน้ำให้นางดื่มคำหนึ่ง“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“นายท่านหลัวมิได้สร้างปัญหาให้เจ้ากระมัง?” ถ้อยคำนี้พูดกับหลี่หรงหรง“เปล่า ข้าหาข้ออ้างอย่างหนึ่ง เขาก็มิได้สงสัย” หลี่หรงหรงผายมือ “ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ข้าพาไปล้วนอยู่ในสายตาของเขา”ขณะเดียวกัน เนี่ยชิงหลานกระซิบเสียงค่อย “พี่หญิงกู้ ข้าหิว”กลัวนายท่านหลัววางยาพิษอีกครั้ง นางจึงไม่ได้กินอะไรมากอยู่ตลอด พวงแก้มซูบตอบแล้ว“กินขนมอบสักชิ้นก่อนเถอะ รอถึงที่พักแล้ว ข้าให้คนตุ๋นน้ำแกงให้เจ้าดื่ม”“เจ้าค่ะ
“จดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ข้าเขียน”เนี่ยชิงหลานอ่านจดหมายจบ ตกตะลึงเสียยิ่งกว่ากู้หว่านเยว่“แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเขียนจดหมายเช่นนี้มาก่อน”“ข้ารู้เจ้าไม่ได้เขียน จดหมายฉบับนี้น่าจะเป็นเซี่ยเหอเขียน”กู้หว่านเยว่นำจดหมายลับที่องครักษ์เงามอบให้นาง ส่งให้เนี่ยชิงหลานอีกครั้ง“เจ้าดูด้วยตนเองเถอะ”นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหอคนนี้จะมีจิตใจล้ำลึกถึงเพียงนี้ ถึงขั้นสามารถทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้“เหตุใดนางทำกับข้าเช่นนี้ ที่แท้พวกพ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นมิได้พบข้าโดยบังเอิญ พ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นเป็นเซี่ยเหอหามาและพุ่งเป้ามาที่ข้าตั้งแรกแล้ว ตั้งใจลงมือกับข้า”เนี่ยชิงหลานคิดว่านี่เหนือจินตนาการเกินไปแล้ว ตลอดการเดินทางนี้เซี่ยเหอหาเรื่องไม่หยุด นางล้วนอดทนอดกลั้นนางคิดว่าอีกฝ่ายเพียงชอบโจมตีนาง คิดไม่ถึงเลยว่าจิตใจจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้“หากวันนี้ไม่ใช่พี่หญิงกู้ ท่านช่วยข้ากลับมา เช่นนั้นข้าก็คงถูกทำลายไปแล้ว”เนี่ยชิงหลานแทบไม่กล้าคิดต่อหรือว่า หากไม่ใช่เพราะนางเดินทางท่องยุทธภพมานานหลายปี รู้ว่าต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเปลี่ยนเป็นสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับสถานก
เขาปกป้องจนลำเอียง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดพูดว่ากู้หว่านเยว่แม้ประโยคเดียวมองเห็นเนี่ยชิงหลานหันหน้าดึงกระบี่ออกมา“เซี่ยเหอเล่า?”หลายวันมานี้นางได้รับความทุกข์มากมาย จะต้องคิดบัญชีกับเซี่ยเหอให้ชัดเจน“นาง...”เฉิงเซวียนร้อนตัวอยู่บ้าง ถึงขั้นลืมไปแล้วว่าหลายวันมานี้เนี่ยชิงหลานหายตัวไปอยู่ที่ใด“ชิงหลาน ตอนนี้นางไม่สบาย”เฉิงเซวียนเองก็ไม่รู้จะอธิบายเยี่ยงไร ตอนนี้เองสาวใช้ของเซี่ยเหอวิ่งอย่างเร่งรีบออกมา เห็นเนี่ยชิงหลานถึงขั้นกลับมาแล้ว ถูกทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด“คุณชายเฉิง คุณหนูนางฝันร้ายเจ้าค่ะ”สาวใช้กัดฟันพูดหนึ่งประโยค พยายามเมินข้ามเนี่ยชิงหลาน ไม่สบตากับนาง“ท่านสามารถไปดูนางได้หรือไม่”เฉิงเซวียนลังเล เนี่ยชิงหลานกลับเดินเข้าไปภายในลานบ้านแล้ว“ฝันร้าย ข้าว่านางทำเรื่องผิดศีลธรรมมามากกระมัง!”เดิมทีนางก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง บุกเข้าห้องของเซี่ยเหออย่างมีโทสะ ถือกระบี่ชี้หน้านาง“แม่นางชิงหลาน?”เซี่ยเหอแสร้งอ่อนแอ ได้เห็นเนี่ยชิงหลานยังคิดว่าเข้าใจผิดไป ใบหน้าเผยสีหน้ารู้สึกผิดเช่นนี้ตกอยู่ในสายตาเนี่ยชิงหลาน ก็ยิ่งมั่นใจ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือนางนางวางกระบี่
“อ๊า!” ร่างกายอ่อนแอของเซี่ยเหอล้มลงในอ้อมกอดของเฉิงเซวียน “เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บมากเหลือเกิน พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย”“เซี่ยเหอ ไม่เป็นไร ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”เฉิงเซวียนตกตะลึงพรึงเพริดกอดเซี่ยเหอไว้“ญาติผู้น้อง ต่อให้เจ้าโมโหนาง เจ้าก็ไม่สามารถลงมือหนักกับนางเช่นนี้ได้คนที่ทำผิดคือข้า หากเจ้าจะฆ่าก็ควรฆ่าข้า”เขาคิดว่าเนี่ยชิงหลานอิจฉาริษยา ขาดสติไป นี่ถึงลงมือกับเซี่ยเหอ“คิกๆ หากท่านมีความสามารถก็ช่วยล้างแค้นแทนนางได้” เนี่ยชิงหลานมองเขาสีหน้าเย็นชาเฉิงเซวียนยังอยากพูดอะไร เซี่ยเหอกลับพูดอย่างหมดแรง“พี่ใหญ่เฉิง ข้าเจ็บเหลือเกิน ข้ากำลังจะตายใช่หรือไม่?”เลือดไหลออกจากอกของนาง กระบี่นี้ของเนี่ยชิงหลานกลับไม่เบา“ไม่มีวัน ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย”เฉิงเซวียนอุ้มคนออกไป เนี่ยชิงหลานมองเงาหลังของเขา หัวใจที่เคยลอยเคว้งตายไปในที่สุด“ชิงหลาน ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเดินเข้าไป นางเห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา แม้ว่าเฉิงเซวียนจะดี กลับสามารถถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่คู่ครองที่ดี“พี่หญิงกู้”เนี่ยชิงหลานมีน้ำตาคลอหน่วย “แต่ไหนแต่ไรมาญาติผ
กู้หว่านเยว่คิดว่า หากพวกเขาปลอมตัวไป ก็สามารถสร้างฉากศัตรูอยู่ที่สว่างข้าอยู่ที่มืดได้ สะดวกต่อการเคลื่อนไหว“ได้”ซูจิ่งสิงหยิบจี้หยกที่ถังหว่านมอบให้ออกมา “พรุ่งนี้พวกเราสามารถไปที่บ้านสกุลถังสักเที่ยวหนึ่งก่อนได้ ค่อยให้สกุลถังปกปิด ส่งเข้าตลาดมืด”ทั้งสองปรึกษากันจบ กู้หว่านเยว่ก็เริ่มฝึกบทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายไม่ได้ฝึกมาหลายวัน ทักษะของนางเริ่มถดถอยลงไปบ้างแล้ว“นายหญิง ท่านไม่ดูหน่อยหรือว่ามิติอัปเกรดสิ่งใดออกมา?”เสียงของระบบดังขึ้นอย่างกะทันหัน เจืออารมณ์กระตือรือร้น ทำเสียจนกู้หว่านเยว่แปลกใจ สองวันมานี้นางยุ่งจนเวียนหัว หลังระบบอัปเกรดแล้วก็ไม่มีเวลาเข้ามาดู“ฟังก์ชันที่อัปเกรดขึ้นมาคืออะไร?”กู้หว่านเยว่ยังแปลกใจมาก ฟังจากเสียงของระบบน่าจะเป็นของดี“ท่านรีบไปดูหน้าเรือนเล็กเถอะ”ระบบลอบพูดเร่ง กู้หว่านเยว่สร้างเรือนหลังเล็กแห่งหนึ่งบนพื้นหญ้า ยามนางเข้ามาในระบบ ก็พักผ่อนที่หน้าเรือนเล็กแห่งนั้น“จะไปเดี๋ยวนี้เลย”กู้หว่านเยว่เทเลพอร์ตมาที่หน้าเรือนเล็ก จูเชวี่ยและเสี่ยวไป๋กำลังนอนข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำแร่ศักดิ์อย่างเอร็ดอร่อย“พวกเจ้าสองตัวกระหายถึงเพี
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก