กู้หว่านเยว่คิดว่า หากพวกเขาปลอมตัวไป ก็สามารถสร้างฉากศัตรูอยู่ที่สว่างข้าอยู่ที่มืดได้ สะดวกต่อการเคลื่อนไหว“ได้”ซูจิ่งสิงหยิบจี้หยกที่ถังหว่านมอบให้ออกมา “พรุ่งนี้พวกเราสามารถไปที่บ้านสกุลถังสักเที่ยวหนึ่งก่อนได้ ค่อยให้สกุลถังปกปิด ส่งเข้าตลาดมืด”ทั้งสองปรึกษากันจบ กู้หว่านเยว่ก็เริ่มฝึกบทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายไม่ได้ฝึกมาหลายวัน ทักษะของนางเริ่มถดถอยลงไปบ้างแล้ว“นายหญิง ท่านไม่ดูหน่อยหรือว่ามิติอัปเกรดสิ่งใดออกมา?”เสียงของระบบดังขึ้นอย่างกะทันหัน เจืออารมณ์กระตือรือร้น ทำเสียจนกู้หว่านเยว่แปลกใจ สองวันมานี้นางยุ่งจนเวียนหัว หลังระบบอัปเกรดแล้วก็ไม่มีเวลาเข้ามาดู“ฟังก์ชันที่อัปเกรดขึ้นมาคืออะไร?”กู้หว่านเยว่ยังแปลกใจมาก ฟังจากเสียงของระบบน่าจะเป็นของดี“ท่านรีบไปดูหน้าเรือนเล็กเถอะ”ระบบลอบพูดเร่ง กู้หว่านเยว่สร้างเรือนหลังเล็กแห่งหนึ่งบนพื้นหญ้า ยามนางเข้ามาในระบบ ก็พักผ่อนที่หน้าเรือนเล็กแห่งนั้น“จะไปเดี๋ยวนี้เลย”กู้หว่านเยว่เทเลพอร์ตมาที่หน้าเรือนเล็ก จูเชวี่ยและเสี่ยวไป๋กำลังนอนข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำแร่ศักดิ์อย่างเอร็ดอร่อย“พวกเจ้าสองตัวกระหายถึงเพี
กู้หว่านเยว่รู้สึกผิด อันที่จริงซูจิ่งสิงไม่ได้โกรธ ถูกนางปลอบโยนเช่นนี้ เพลิดเพลินยิ่งนัก“เหตุใดเจ้ารีบเรียกข้ามาเล่า?”กู้หว่านเยว่ถึงนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ รีบชี้เสี่ยวไป๋“ท่านจะต้องคิดไม่ถึงแน่ เมื่อครู่ข้าถึงขั้นเห็น เสี่ยวไป๋พ่นน้ำได้!”“พ่นน้ำ?”ซูจิงสิงเองก็แปลกใจอยู่บ้าง ย้อนคิดถึงหนังสือภาพที่ตนเคยเห็นมาก่อน“ไม่ใช่มีเพียงมังกรวารีที่สามารถพ่นน้ำได้หรือ เหตุใดเสี่ยวไป๋งูหลามยักษ์ตัวหนึ่งถึงพ่นน้ำได้เล่า?”กู้หว่านเยว่เกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจ รีบเดินเข้าไปหยุดต่อหน้าเสี่ยวไป๋ หลายวันมานี้เสี่ยวไป๋คุ้นเคยกับนางมาก ไม่โจมตีนางก่อนอีกนางมองศีรษะของเสี่ยวไป๋ ปรากฏว่ามองเห็นสิ่งที่คล้ายเขาสองอันจริงๆ กำลังเตรียมพร้อม และงอกออกมา“หรือว่าเสี่ยวไป๋ก็คือมังกรวารีตัวหนึ่ง บัดนี้มันยังอยู่ในวัยเด็ก?”กู้หว่านเยว่หยั่งเดาส่งเดช เพราะนางเองก็ไม่เคยเห็นมังกรวารีตัวจริงมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถเดาออกว่าตกลงเป็นความจริงหรือไม่“เสี่ยวไป๋คล้ายสนิทกับข้ามาก”ซูจิ่งสิงพบว่า หากเขามา เสี่ยวไป๋จะหมอบข้างเท้าเขาความสนิทสนมนี้คล้ายเสี่ยวจูเชวี่ยปฏิบัติต่อกู้หว่านเยว่ เสี่ยวไป๋คล
กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดเมื่อคืนเนี่ยชิงหลานไม่ได้กินอะไร ขณะคิดไปห้องครัวทำอาหารรสอ่อนสักเล็กน้อยก็มองเห็นหลี่หรงหรงมาเรียกนางไปกินข้าว“ฮูหยิน ข้าทำมื้อเช้ารสอ่อนไว้เล็กน้อย เจ้าเองก็มากินเถอะ”นางเช็ดมืออย่างเป็นธรรมชาติ ที่เอวยังผูกผ้ากันเปื้อน เห็นได้ชัดว่าเพิ่งออกจากห้องครัว“มีน้ำใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าให้นาง หลี่หรงหรงยิ้มขมปร่าพูดว่า“ยุ่งสักหน่อยก็ดี ไม่คิดเรื่องฟุ้งซ่านยิ่งไปกว่านั้นข้ารับปากว่าจะติดตามข้างกายเจ้าแล้ว ตราบใดที่ข้ายังเป็นคนของเจ้า ปรนนิบัติเจ้าก็เป็นเรื่องสมควรทำ”หลี่หรงหรงพูดไปก็มองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องเองก็มากินสักหน่อยเถอะ”“อืม”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างเย็นชานอกจากปฏิบัติต่อกู้หว่านเยว่แล้ว ยามอยู่ภายนอกแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มีท่าทางเย็นชาเช่นนี้ แม้ว่าหลี่หรงหรงติดตามพวกเขาได้ไม่กี่วัน แต่ก็มองเห็นจนคุ้นชินแล้ว“เช่นนั้นข้าออกไปก่อนล่ะ”หลี่หรงหรงพูดอย่างประหม่ากู้หว่านเยว่ให้คนเรียกเนี่ยชิงหลานมา เห็นได้ชัดว่านางร้องไห้มาก่อน ดวงตาบวมเปล่งคล้ายวอลนัท“พี่หญิงกู้ ให้ท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว”เนี่ยชิงหลานเก้อกระดากอยู่บ้าง นางเองก็ไม่อยากร้อ
“ทุกท่านรีบนั่งเร็วเข้า เหตุใดจี้หยกของลูกสาวคนเล็กนี้อยู่ในมือของพวกท่านได้?”นายท่านถังให้คนรินชาให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจจี้หยกนี้เป็นสมบัติสืบทอดในตระกูลของพวกเขาสกุลถัง ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ถังหว่านไม่มีวันยอมยกให้ผู้อื่น เขากังวลลูกสาวจะเกิดปัญหาซูจิ่งสิงเห็นว่าเรื่องผ่านไปแล้ว ก็ไม่คิดปิดบังนายท่านถังและเล่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อนหัวหน้าหมู่บ้านห้าถูกคนหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬลักพาตัวไป อธิบายออกมาหนึ่งรอบ“พวกเราช่วยหัวหน้าหมู่บ้านห้าออกมา เย่ฮูหยินทำเพื่อตอบแทนพวกเรา มอบจี้หยกนี้ให้ข้ามิหนำซ้ำยังพูดว่าหากมาถึงอินซาน มีเรื่องจำเป็น สามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าบ้านสกุลถังได้”แม้ว่าซูจิ่งสิงไว้เคราครึ้ม ปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้ แต่นายท่านถังมองเห็นความจริงใจของดวงตาคู่นั้น ก็รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ หว่านเอ๋อร์ถึงขั้นไม่บอกกล่าวครอบครัว”สกุลถังเองก็เคยได้ยินเรื่องหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬมาก่อน นั่นเป็นกลุ่มคนรับมือได้ยากยิ่ง พวกเขากลัวลูกสาวได้รับความลำบาก“เย่ฮูหยินพูดว่าทั้งสองท่านอายุมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากทำให้ทั้งสองท่านตกใจ นี่ก็คื
“ไม่ทราบพวกเจ้ามีนามว่าอะไร?”ซูจิ่งสิงกล่าวอธิบาย “ข้าแซ่ซู ส่วนข้างกายของข้าคือภรรยาของข้า ด้านหลังคือผู้ติดตาม”ถังหมิงรุ่ยรีบยกมือคารวะ และกล่าวกับสองสามีภรรยาด้วยความตื่นเต้นว่า“ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือน้องสาวและพี่เขยของข้า บุญคุณชีวิตยากจะทดแทน หากมีอะไรที่พอจะให้สกุลถังช่วยได้ ขอแค่รับสั่งมา ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มเล็กน้อย “บังเอิญยิ่งนัก ที่เรามาหาครั้งนี้ ก็เพื่อมาขอให้สกุลถังช่วยเหลือพอดี”ถังหมิงรุ่ยใคร่สงสัย ฮูหยินผู้เฒ่าถังรีบเข้ามาลากตัวของเขารุดขึ้นหน้า“คนเหล่านี้อยากเข้าร่วมงานประมูลของตลาดมืด คืนนี้เจ้าก็พาพวกเขาไปสิ”“ท่านแม่วางใจ ลูกเข้าใจแล้ว”เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น “พวกท่านต่างเดินทางมาจากแดนไกล หนทางนี้คงทำให้พวกท่านเหน็ดเหนื่อยมิน้อย งานประมูลจะเริ่มในเวลากลางคืน ไม่สู้กลางวันพวกเจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนก่อน ข้าจะให้คนเตรียมงานเลี้ยง คอยต้อนรับพวกเจ้าอย่างดี”ใคร ๆ ก็ดูออกว่าถังหมิงรุ่ยเป็นคนชอบต้อนรับแขกมากนายท่านถังและฮูหยินผู้เฒ่าถังพยักหน้าพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“พูดถูก งานประมูลจะเริ่มงานในช่วงกลางคืน ไม่สู้พวกท่านพักผ่อนในจวนไป
“เจ้าไปเถอะ”สีหน้าของนายท่านถังเองก็เป็นกังวล ครรภ์นี้ของอวี้เอ๋อร์อันตรายยิ่งนัก“ท่านทั้งหลาย ไม่สู้ข้าพาพวกท่านไปเดินเล่นในฟาร์มสัตว์สักรอบดีกว่า”นายท่านถังตั้งใจต้อนรับพวกเขาอย่างดี กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ายังเหลือเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนจะงานประมูลจะเริ่ม ไม่สู้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของทุ่งหญ้าในฟาร์มสักหน่อย“ไป ๆ!”เนี่ยชิงหลานอดพูดไม่ได้ หลี่หรงหรงหยิกนางเบา ๆ กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มกว้าง “ข้าน้อยไม่เคยเห็นฟาร์มมาก่อน ตื่นเต้นยิ่งนัก”“ไม่เป็นไร ๆ”นายท่านถังยิ้มและกวักมือเรียกพ่อบ้านเข้ามา จากนั้นก็ให้เขาพาคนเหล่านั้นไปฟาร์มสัตว์เนี่ยชิงหลานกล่าวเสียงต่ำ “อวี้ฮูหยินผู้นั้นเป็นใคร เป็นภรรยาของคุณชายใหญ่สกุลถังใช่หรือไม่ ฟังดูแล้วท่าทางนางน่าจะอาการหนัก พี่หญิงกู้อยากไปดูอาการนางสักหน่อยหรือไม่?”“หมอไม่ควรไปหากไร้คำเชิญ”กู้หว่านเยว่กล่าวเพียงประโยคเดียว ทารกในครรภ์วัย 5 เดือนกลับมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุขณะนอนอยู่บนเตียง เห็นได้ชัดว่ามีสัญญาณของการแท้งครั้นได้ยินคำอธิบายของสาวใช้ เห็นได้ชัดว่าเด็กในครรภ์ไม่รอดแล้วดังนั้นในตอนที่กู้หว่านเยว่ได้ยินเรื่องนี้เมื่อครู่
หลี่หรงหรงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนที่กระแทกกับก้อนหินน่าจะเป็นมือขวา“อย่าขยับ กระดูกมือของเจ้าคงเคลื่อน”“ข้าจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงก่ำ ในขณะที่กำลังจะดึงมือกลับ หลี่หรงหรงกลับคว้ามือเขาไว้“ข้าจัดกระดูกได้”นางขยับมือทั้งสองข้างอย่างเบามือที่สุด กระทั่งได้ยินเสียง ‘แกรก’ ถังหมิงรุ่ยรู้สึกถึงความปวดร้าวระลอกหนึ่ง กระทั่งกรีดร้องออกมาแต่ไม่นาน ความเจ็บปวดบนแขนก็มลายหายไปเขาแสดงสีหน้าตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ ทำให้หลี่หรงหรงมุ่ยปาก“เจ้าลองขยับแขนหน่อย”“ได้”ถังหมิงรุ่ยขยับแขนอย่างเชื่อฟัง พบว่าแขนรู้สึกสบายตัวขึ้น นอกจากความปวดเมื่อยแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความปวดร้าวเหมือนตอนกระดูกเคลื่อนเมื่อครู่แต่อย่างใด “หายแล้ว”เขากล่าวด้วยความตกใจ “ขอบคุณแม่นาง”หลี่หรงหรงหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าต่างหากที่ช่วยข้า ทำไมยังต้องขอบคุณข้าอีก”เมื่อครู่นางเกือบกระแทกกับก้อนหิน โชคดีที่ถังหมิงรุ่ยกลายเป็นเบาะรองรับตัวนางไว้“เจ้าตกลงมาจากหลังม้า ก็เป็นเพราะลูกม้าในฟาร์มของเราคลุ้มคลั่ง ข้ามาช่วยเจ้าก็สมควรแล้ว”ถังหมิงรุ่ยชำเลืองมองหลี่หรงหรงอย่างเขินอายไม่น้อย“หรงหรง
กู้หว่านเยว่สังเกตเห็นซูจิ่งสิงกำลังจ้องเขม็งไปยังทหารม้ากลุ่มหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก“คนเหล่านั้น ท่านรู้จักหรือ?”“คนของราชสำนัก”ซูจิ่งสิงถูมืออย่างครุ่นคิด กู้กว่านเยว่ก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนจากราชสำนักมาอินซาน นางมองออกว่าคนที่อยู่หน้าสุดคือขันที กระทั่งกล่าวเสียงต่ำ “ดูสิว่าพวกเขามาทำอะไร”ทางที่ดีอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า มิเช่นนั้นนัยน์ตาของนางก็พลันฉายแววจิตสังหาร“อื้อ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ในตอนนั้นเองขันทีผู้นั้นได้มองมาทางนี้พอดี โชคดีที่พวกเขาต่างก็ปลอมตัวมา ดังนั้นขันทีผู้นั้นจึงจำพวกเขาไม่ได้เพียงแค่จ้องเขม็งไปทางพวกเขาหลายครั้ง คาดว่าพวกเขาก็คือคนที่มุ่งหน้าไปตลาดมืดเช่นกัน จึงเบนสายตาไปทางอื่น“มองอะไรนักหนา?” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายของขันทีหมดความอดทน จึงด่าทอเสียงต่ำ “อย่ามองมั่วซั่ว เดี๋ยวก็ถูกคนจำสถานะได้หรอก”“ขอรับ” ขันทีที่อยู่หน้าสุดพยักหน้า ก่อนจะมองไปทางเด็กหนุ่มข้างกายอย่างหวาดกลัว“รีบไปกันเถอะ” ผิวกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างขาวนวล หากมองดี ๆ จะเห็นว่ามีหน้าอกนูนออกมาทางฝั่งนี้ ถังหมิงรุ่ยกำลังนำพวกเขาเข้าไปในตลาด ที่นี่เทียบเท่ากับงานประมูลขน
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง