กู้หว่านเยว่คิดว่า หากพวกเขาปลอมตัวไป ก็สามารถสร้างฉากศัตรูอยู่ที่สว่างข้าอยู่ที่มืดได้ สะดวกต่อการเคลื่อนไหว“ได้”ซูจิ่งสิงหยิบจี้หยกที่ถังหว่านมอบให้ออกมา “พรุ่งนี้พวกเราสามารถไปที่บ้านสกุลถังสักเที่ยวหนึ่งก่อนได้ ค่อยให้สกุลถังปกปิด ส่งเข้าตลาดมืด”ทั้งสองปรึกษากันจบ กู้หว่านเยว่ก็เริ่มฝึกบทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายไม่ได้ฝึกมาหลายวัน ทักษะของนางเริ่มถดถอยลงไปบ้างแล้ว“นายหญิง ท่านไม่ดูหน่อยหรือว่ามิติอัปเกรดสิ่งใดออกมา?”เสียงของระบบดังขึ้นอย่างกะทันหัน เจืออารมณ์กระตือรือร้น ทำเสียจนกู้หว่านเยว่แปลกใจ สองวันมานี้นางยุ่งจนเวียนหัว หลังระบบอัปเกรดแล้วก็ไม่มีเวลาเข้ามาดู“ฟังก์ชันที่อัปเกรดขึ้นมาคืออะไร?”กู้หว่านเยว่ยังแปลกใจมาก ฟังจากเสียงของระบบน่าจะเป็นของดี“ท่านรีบไปดูหน้าเรือนเล็กเถอะ”ระบบลอบพูดเร่ง กู้หว่านเยว่สร้างเรือนหลังเล็กแห่งหนึ่งบนพื้นหญ้า ยามนางเข้ามาในระบบ ก็พักผ่อนที่หน้าเรือนเล็กแห่งนั้น“จะไปเดี๋ยวนี้เลย”กู้หว่านเยว่เทเลพอร์ตมาที่หน้าเรือนเล็ก จูเชวี่ยและเสี่ยวไป๋กำลังนอนข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำแร่ศักดิ์อย่างเอร็ดอร่อย“พวกเจ้าสองตัวกระหายถึงเพี
กู้หว่านเยว่รู้สึกผิด อันที่จริงซูจิ่งสิงไม่ได้โกรธ ถูกนางปลอบโยนเช่นนี้ เพลิดเพลินยิ่งนัก“เหตุใดเจ้ารีบเรียกข้ามาเล่า?”กู้หว่านเยว่ถึงนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ รีบชี้เสี่ยวไป๋“ท่านจะต้องคิดไม่ถึงแน่ เมื่อครู่ข้าถึงขั้นเห็น เสี่ยวไป๋พ่นน้ำได้!”“พ่นน้ำ?”ซูจิงสิงเองก็แปลกใจอยู่บ้าง ย้อนคิดถึงหนังสือภาพที่ตนเคยเห็นมาก่อน“ไม่ใช่มีเพียงมังกรวารีที่สามารถพ่นน้ำได้หรือ เหตุใดเสี่ยวไป๋งูหลามยักษ์ตัวหนึ่งถึงพ่นน้ำได้เล่า?”กู้หว่านเยว่เกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจ รีบเดินเข้าไปหยุดต่อหน้าเสี่ยวไป๋ หลายวันมานี้เสี่ยวไป๋คุ้นเคยกับนางมาก ไม่โจมตีนางก่อนอีกนางมองศีรษะของเสี่ยวไป๋ ปรากฏว่ามองเห็นสิ่งที่คล้ายเขาสองอันจริงๆ กำลังเตรียมพร้อม และงอกออกมา“หรือว่าเสี่ยวไป๋ก็คือมังกรวารีตัวหนึ่ง บัดนี้มันยังอยู่ในวัยเด็ก?”กู้หว่านเยว่หยั่งเดาส่งเดช เพราะนางเองก็ไม่เคยเห็นมังกรวารีตัวจริงมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถเดาออกว่าตกลงเป็นความจริงหรือไม่“เสี่ยวไป๋คล้ายสนิทกับข้ามาก”ซูจิ่งสิงพบว่า หากเขามา เสี่ยวไป๋จะหมอบข้างเท้าเขาความสนิทสนมนี้คล้ายเสี่ยวจูเชวี่ยปฏิบัติต่อกู้หว่านเยว่ เสี่ยวไป๋คล
กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดเมื่อคืนเนี่ยชิงหลานไม่ได้กินอะไร ขณะคิดไปห้องครัวทำอาหารรสอ่อนสักเล็กน้อยก็มองเห็นหลี่หรงหรงมาเรียกนางไปกินข้าว“ฮูหยิน ข้าทำมื้อเช้ารสอ่อนไว้เล็กน้อย เจ้าเองก็มากินเถอะ”นางเช็ดมืออย่างเป็นธรรมชาติ ที่เอวยังผูกผ้ากันเปื้อน เห็นได้ชัดว่าเพิ่งออกจากห้องครัว“มีน้ำใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าให้นาง หลี่หรงหรงยิ้มขมปร่าพูดว่า“ยุ่งสักหน่อยก็ดี ไม่คิดเรื่องฟุ้งซ่านยิ่งไปกว่านั้นข้ารับปากว่าจะติดตามข้างกายเจ้าแล้ว ตราบใดที่ข้ายังเป็นคนของเจ้า ปรนนิบัติเจ้าก็เป็นเรื่องสมควรทำ”หลี่หรงหรงพูดไปก็มองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องเองก็มากินสักหน่อยเถอะ”“อืม”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างเย็นชานอกจากปฏิบัติต่อกู้หว่านเยว่แล้ว ยามอยู่ภายนอกแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มีท่าทางเย็นชาเช่นนี้ แม้ว่าหลี่หรงหรงติดตามพวกเขาได้ไม่กี่วัน แต่ก็มองเห็นจนคุ้นชินแล้ว“เช่นนั้นข้าออกไปก่อนล่ะ”หลี่หรงหรงพูดอย่างประหม่ากู้หว่านเยว่ให้คนเรียกเนี่ยชิงหลานมา เห็นได้ชัดว่านางร้องไห้มาก่อน ดวงตาบวมเปล่งคล้ายวอลนัท“พี่หญิงกู้ ให้ท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว”เนี่ยชิงหลานเก้อกระดากอยู่บ้าง นางเองก็ไม่อยากร้อ
“ทุกท่านรีบนั่งเร็วเข้า เหตุใดจี้หยกของลูกสาวคนเล็กนี้อยู่ในมือของพวกท่านได้?”นายท่านถังให้คนรินชาให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจจี้หยกนี้เป็นสมบัติสืบทอดในตระกูลของพวกเขาสกุลถัง ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ถังหว่านไม่มีวันยอมยกให้ผู้อื่น เขากังวลลูกสาวจะเกิดปัญหาซูจิ่งสิงเห็นว่าเรื่องผ่านไปแล้ว ก็ไม่คิดปิดบังนายท่านถังและเล่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อนหัวหน้าหมู่บ้านห้าถูกคนหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬลักพาตัวไป อธิบายออกมาหนึ่งรอบ“พวกเราช่วยหัวหน้าหมู่บ้านห้าออกมา เย่ฮูหยินทำเพื่อตอบแทนพวกเรา มอบจี้หยกนี้ให้ข้ามิหนำซ้ำยังพูดว่าหากมาถึงอินซาน มีเรื่องจำเป็น สามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าบ้านสกุลถังได้”แม้ว่าซูจิ่งสิงไว้เคราครึ้ม ปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้ แต่นายท่านถังมองเห็นความจริงใจของดวงตาคู่นั้น ก็รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ หว่านเอ๋อร์ถึงขั้นไม่บอกกล่าวครอบครัว”สกุลถังเองก็เคยได้ยินเรื่องหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬมาก่อน นั่นเป็นกลุ่มคนรับมือได้ยากยิ่ง พวกเขากลัวลูกสาวได้รับความลำบาก“เย่ฮูหยินพูดว่าทั้งสองท่านอายุมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากทำให้ทั้งสองท่านตกใจ นี่ก็คื
“ไม่ทราบพวกเจ้ามีนามว่าอะไร?”ซูจิ่งสิงกล่าวอธิบาย “ข้าแซ่ซู ส่วนข้างกายของข้าคือภรรยาของข้า ด้านหลังคือผู้ติดตาม”ถังหมิงรุ่ยรีบยกมือคารวะ และกล่าวกับสองสามีภรรยาด้วยความตื่นเต้นว่า“ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือน้องสาวและพี่เขยของข้า บุญคุณชีวิตยากจะทดแทน หากมีอะไรที่พอจะให้สกุลถังช่วยได้ ขอแค่รับสั่งมา ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มเล็กน้อย “บังเอิญยิ่งนัก ที่เรามาหาครั้งนี้ ก็เพื่อมาขอให้สกุลถังช่วยเหลือพอดี”ถังหมิงรุ่ยใคร่สงสัย ฮูหยินผู้เฒ่าถังรีบเข้ามาลากตัวของเขารุดขึ้นหน้า“คนเหล่านี้อยากเข้าร่วมงานประมูลของตลาดมืด คืนนี้เจ้าก็พาพวกเขาไปสิ”“ท่านแม่วางใจ ลูกเข้าใจแล้ว”เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น “พวกท่านต่างเดินทางมาจากแดนไกล หนทางนี้คงทำให้พวกท่านเหน็ดเหนื่อยมิน้อย งานประมูลจะเริ่มในเวลากลางคืน ไม่สู้กลางวันพวกเจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนก่อน ข้าจะให้คนเตรียมงานเลี้ยง คอยต้อนรับพวกเจ้าอย่างดี”ใคร ๆ ก็ดูออกว่าถังหมิงรุ่ยเป็นคนชอบต้อนรับแขกมากนายท่านถังและฮูหยินผู้เฒ่าถังพยักหน้าพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“พูดถูก งานประมูลจะเริ่มงานในช่วงกลางคืน ไม่สู้พวกท่านพักผ่อนในจวนไป
“เจ้าไปเถอะ”สีหน้าของนายท่านถังเองก็เป็นกังวล ครรภ์นี้ของอวี้เอ๋อร์อันตรายยิ่งนัก“ท่านทั้งหลาย ไม่สู้ข้าพาพวกท่านไปเดินเล่นในฟาร์มสัตว์สักรอบดีกว่า”นายท่านถังตั้งใจต้อนรับพวกเขาอย่างดี กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ายังเหลือเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนจะงานประมูลจะเริ่ม ไม่สู้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของทุ่งหญ้าในฟาร์มสักหน่อย“ไป ๆ!”เนี่ยชิงหลานอดพูดไม่ได้ หลี่หรงหรงหยิกนางเบา ๆ กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มกว้าง “ข้าน้อยไม่เคยเห็นฟาร์มมาก่อน ตื่นเต้นยิ่งนัก”“ไม่เป็นไร ๆ”นายท่านถังยิ้มและกวักมือเรียกพ่อบ้านเข้ามา จากนั้นก็ให้เขาพาคนเหล่านั้นไปฟาร์มสัตว์เนี่ยชิงหลานกล่าวเสียงต่ำ “อวี้ฮูหยินผู้นั้นเป็นใคร เป็นภรรยาของคุณชายใหญ่สกุลถังใช่หรือไม่ ฟังดูแล้วท่าทางนางน่าจะอาการหนัก พี่หญิงกู้อยากไปดูอาการนางสักหน่อยหรือไม่?”“หมอไม่ควรไปหากไร้คำเชิญ”กู้หว่านเยว่กล่าวเพียงประโยคเดียว ทารกในครรภ์วัย 5 เดือนกลับมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุขณะนอนอยู่บนเตียง เห็นได้ชัดว่ามีสัญญาณของการแท้งครั้นได้ยินคำอธิบายของสาวใช้ เห็นได้ชัดว่าเด็กในครรภ์ไม่รอดแล้วดังนั้นในตอนที่กู้หว่านเยว่ได้ยินเรื่องนี้เมื่อครู่
หลี่หรงหรงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนที่กระแทกกับก้อนหินน่าจะเป็นมือขวา“อย่าขยับ กระดูกมือของเจ้าคงเคลื่อน”“ข้าจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงก่ำ ในขณะที่กำลังจะดึงมือกลับ หลี่หรงหรงกลับคว้ามือเขาไว้“ข้าจัดกระดูกได้”นางขยับมือทั้งสองข้างอย่างเบามือที่สุด กระทั่งได้ยินเสียง ‘แกรก’ ถังหมิงรุ่ยรู้สึกถึงความปวดร้าวระลอกหนึ่ง กระทั่งกรีดร้องออกมาแต่ไม่นาน ความเจ็บปวดบนแขนก็มลายหายไปเขาแสดงสีหน้าตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ ทำให้หลี่หรงหรงมุ่ยปาก“เจ้าลองขยับแขนหน่อย”“ได้”ถังหมิงรุ่ยขยับแขนอย่างเชื่อฟัง พบว่าแขนรู้สึกสบายตัวขึ้น นอกจากความปวดเมื่อยแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความปวดร้าวเหมือนตอนกระดูกเคลื่อนเมื่อครู่แต่อย่างใด “หายแล้ว”เขากล่าวด้วยความตกใจ “ขอบคุณแม่นาง”หลี่หรงหรงหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าต่างหากที่ช่วยข้า ทำไมยังต้องขอบคุณข้าอีก”เมื่อครู่นางเกือบกระแทกกับก้อนหิน โชคดีที่ถังหมิงรุ่ยกลายเป็นเบาะรองรับตัวนางไว้“เจ้าตกลงมาจากหลังม้า ก็เป็นเพราะลูกม้าในฟาร์มของเราคลุ้มคลั่ง ข้ามาช่วยเจ้าก็สมควรแล้ว”ถังหมิงรุ่ยชำเลืองมองหลี่หรงหรงอย่างเขินอายไม่น้อย“หรงหรง
กู้หว่านเยว่สังเกตเห็นซูจิ่งสิงกำลังจ้องเขม็งไปยังทหารม้ากลุ่มหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก“คนเหล่านั้น ท่านรู้จักหรือ?”“คนของราชสำนัก”ซูจิ่งสิงถูมืออย่างครุ่นคิด กู้กว่านเยว่ก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนจากราชสำนักมาอินซาน นางมองออกว่าคนที่อยู่หน้าสุดคือขันที กระทั่งกล่าวเสียงต่ำ “ดูสิว่าพวกเขามาทำอะไร”ทางที่ดีอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า มิเช่นนั้นนัยน์ตาของนางก็พลันฉายแววจิตสังหาร“อื้อ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ในตอนนั้นเองขันทีผู้นั้นได้มองมาทางนี้พอดี โชคดีที่พวกเขาต่างก็ปลอมตัวมา ดังนั้นขันทีผู้นั้นจึงจำพวกเขาไม่ได้เพียงแค่จ้องเขม็งไปทางพวกเขาหลายครั้ง คาดว่าพวกเขาก็คือคนที่มุ่งหน้าไปตลาดมืดเช่นกัน จึงเบนสายตาไปทางอื่น“มองอะไรนักหนา?” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายของขันทีหมดความอดทน จึงด่าทอเสียงต่ำ “อย่ามองมั่วซั่ว เดี๋ยวก็ถูกคนจำสถานะได้หรอก”“ขอรับ” ขันทีที่อยู่หน้าสุดพยักหน้า ก่อนจะมองไปทางเด็กหนุ่มข้างกายอย่างหวาดกลัว“รีบไปกันเถอะ” ผิวกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างขาวนวล หากมองดี ๆ จะเห็นว่ามีหน้าอกนูนออกมาทางฝั่งนี้ ถังหมิงรุ่ยกำลังนำพวกเขาเข้าไปในตลาด ที่นี่เทียบเท่ากับงานประมูลขน
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก