“เจ้าไปเถอะ”สีหน้าของนายท่านถังเองก็เป็นกังวล ครรภ์นี้ของอวี้เอ๋อร์อันตรายยิ่งนัก“ท่านทั้งหลาย ไม่สู้ข้าพาพวกท่านไปเดินเล่นในฟาร์มสัตว์สักรอบดีกว่า”นายท่านถังตั้งใจต้อนรับพวกเขาอย่างดี กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ายังเหลือเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนจะงานประมูลจะเริ่ม ไม่สู้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของทุ่งหญ้าในฟาร์มสักหน่อย“ไป ๆ!”เนี่ยชิงหลานอดพูดไม่ได้ หลี่หรงหรงหยิกนางเบา ๆ กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มกว้าง “ข้าน้อยไม่เคยเห็นฟาร์มมาก่อน ตื่นเต้นยิ่งนัก”“ไม่เป็นไร ๆ”นายท่านถังยิ้มและกวักมือเรียกพ่อบ้านเข้ามา จากนั้นก็ให้เขาพาคนเหล่านั้นไปฟาร์มสัตว์เนี่ยชิงหลานกล่าวเสียงต่ำ “อวี้ฮูหยินผู้นั้นเป็นใคร เป็นภรรยาของคุณชายใหญ่สกุลถังใช่หรือไม่ ฟังดูแล้วท่าทางนางน่าจะอาการหนัก พี่หญิงกู้อยากไปดูอาการนางสักหน่อยหรือไม่?”“หมอไม่ควรไปหากไร้คำเชิญ”กู้หว่านเยว่กล่าวเพียงประโยคเดียว ทารกในครรภ์วัย 5 เดือนกลับมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุขณะนอนอยู่บนเตียง เห็นได้ชัดว่ามีสัญญาณของการแท้งครั้นได้ยินคำอธิบายของสาวใช้ เห็นได้ชัดว่าเด็กในครรภ์ไม่รอดแล้วดังนั้นในตอนที่กู้หว่านเยว่ได้ยินเรื่องนี้เมื่อครู่
หลี่หรงหรงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนที่กระแทกกับก้อนหินน่าจะเป็นมือขวา“อย่าขยับ กระดูกมือของเจ้าคงเคลื่อน”“ข้าจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงก่ำ ในขณะที่กำลังจะดึงมือกลับ หลี่หรงหรงกลับคว้ามือเขาไว้“ข้าจัดกระดูกได้”นางขยับมือทั้งสองข้างอย่างเบามือที่สุด กระทั่งได้ยินเสียง ‘แกรก’ ถังหมิงรุ่ยรู้สึกถึงความปวดร้าวระลอกหนึ่ง กระทั่งกรีดร้องออกมาแต่ไม่นาน ความเจ็บปวดบนแขนก็มลายหายไปเขาแสดงสีหน้าตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ ทำให้หลี่หรงหรงมุ่ยปาก“เจ้าลองขยับแขนหน่อย”“ได้”ถังหมิงรุ่ยขยับแขนอย่างเชื่อฟัง พบว่าแขนรู้สึกสบายตัวขึ้น นอกจากความปวดเมื่อยแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความปวดร้าวเหมือนตอนกระดูกเคลื่อนเมื่อครู่แต่อย่างใด “หายแล้ว”เขากล่าวด้วยความตกใจ “ขอบคุณแม่นาง”หลี่หรงหรงหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าต่างหากที่ช่วยข้า ทำไมยังต้องขอบคุณข้าอีก”เมื่อครู่นางเกือบกระแทกกับก้อนหิน โชคดีที่ถังหมิงรุ่ยกลายเป็นเบาะรองรับตัวนางไว้“เจ้าตกลงมาจากหลังม้า ก็เป็นเพราะลูกม้าในฟาร์มของเราคลุ้มคลั่ง ข้ามาช่วยเจ้าก็สมควรแล้ว”ถังหมิงรุ่ยชำเลืองมองหลี่หรงหรงอย่างเขินอายไม่น้อย“หรงหรง
กู้หว่านเยว่สังเกตเห็นซูจิ่งสิงกำลังจ้องเขม็งไปยังทหารม้ากลุ่มหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก“คนเหล่านั้น ท่านรู้จักหรือ?”“คนของราชสำนัก”ซูจิ่งสิงถูมืออย่างครุ่นคิด กู้กว่านเยว่ก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนจากราชสำนักมาอินซาน นางมองออกว่าคนที่อยู่หน้าสุดคือขันที กระทั่งกล่าวเสียงต่ำ “ดูสิว่าพวกเขามาทำอะไร”ทางที่ดีอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า มิเช่นนั้นนัยน์ตาของนางก็พลันฉายแววจิตสังหาร“อื้อ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ในตอนนั้นเองขันทีผู้นั้นได้มองมาทางนี้พอดี โชคดีที่พวกเขาต่างก็ปลอมตัวมา ดังนั้นขันทีผู้นั้นจึงจำพวกเขาไม่ได้เพียงแค่จ้องเขม็งไปทางพวกเขาหลายครั้ง คาดว่าพวกเขาก็คือคนที่มุ่งหน้าไปตลาดมืดเช่นกัน จึงเบนสายตาไปทางอื่น“มองอะไรนักหนา?” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายของขันทีหมดความอดทน จึงด่าทอเสียงต่ำ “อย่ามองมั่วซั่ว เดี๋ยวก็ถูกคนจำสถานะได้หรอก”“ขอรับ” ขันทีที่อยู่หน้าสุดพยักหน้า ก่อนจะมองไปทางเด็กหนุ่มข้างกายอย่างหวาดกลัว“รีบไปกันเถอะ” ผิวกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างขาวนวล หากมองดี ๆ จะเห็นว่ามีหน้าอกนูนออกมาทางฝั่งนี้ ถังหมิงรุ่ยกำลังนำพวกเขาเข้าไปในตลาด ที่นี่เทียบเท่ากับงานประมูลขน
“พวกเจ้าอยากประมูลสิ่งใด?” เฉิงเซวียนกล่าวถามด้วยความอยากรู้ กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “ก็แค่สมุนไพรบางอย่าง เก็บไว้กับตัวก็ไม่ได้ใช้ ดูสิว่าจะแลกเงินได้หรือไม่?”นางไม่ได้บอกว่าตัวเองจะขายสิ่งใด เฉิงเซวียนเองก็รู้จักวางตัวไม่ถามเซ้าซี้ให้มากความอีกหลังจากพาทั้งสองคนมาถึงด้านหลังงานประมูล กู้หว่านเยว่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่างานประมูลดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อยหลี่หรงหรงกระซิบข้างหูของนางเบา ๆ “พ่อบ้านหลายคนในตลาดมืด วิ่งกันสุดชีวิต งานขายประมูลครั้งนี้ไม่มีเจ้าภาพ ดังนั้นจึงได้ดูวุ่นวายเช่นนี้”นางเดาว่าคนที่เป็นเจ้าภาพเปิดงานประมูลครั้งนี้น่าจะเป็นคนที่รับหน้าที่ชั่วคราว ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนกู้หว่านเยว่พยักหน้า เด็กรับใช้ในงานประมูลรู้ว่าพวกเขาฝากขายของ จึงมองพิจารณาพวกเขาแวบหนึ่งครั้นเห็นพวกเขาต่างก็ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน น้ำเสียงของเขาจึงหมดความอดทน“พวกท่านตั้งใจจะฝากขายสิ่งใดขอรับ?”เขากล่าวเตือน “ขอพูดตรง ๆ นะขอรับ งานประมูลของเราล้วนแต่ประมูลสิ่งของที่มีมูลค่า สิ่งของที่ไม่สามารถนำขึ้นลานประมูลได้ งานประมูลเราขอไม่รับ เชิญท่านเลี้ยวซ้ายไปโรงรับจำนำเถอะ”กู้หว่านเยว
“ขอถามหน่อย กำไรจากการขายประมูลคือเท่าไหร่หรือ?”พ่อบ้านโจวทำท่านับนิ้ว “ห้าตำลึงเงิน”“พรวด”กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึง ว่ากำไรของตลาดมืดแห่งนี้จะสูงถึงเพียงนี้ มิน่าล่ะตลาดมืดถึงได้มีเงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก “นี่คือกฎระเบียบตลาดมืดของเรา หากเจ้าไม่อยากขาย เราก็ไม่บังคับ”พ่อบ้านโจวเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงยกมือลูบเคราพลางคลี่ยิ้ม“ไม่จำเป็น ก็ตามนี้เถอะ”กู้หว่านเยว่ก็อยากเห็นรูปแบบการค้าขายของตลาดมืดเช่นกัน นางพูดไม่ออก ความจริงแล้วนางตื่นเต้นกับตลาดมืดแห่งนี้มาก“หวังว่าพ่อบ้านจะเก็บสถานะของข้าไว้เป็นความลับ อย่าให้ผู้อื่นรู้เด็ดขาด แมงกะพรุนฝันสู่สวรรค์ชิ้นนี้ข้าเป็นคนนำมาเอง”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนสั้น ๆ นางไม่อยากดึงดูดปัญหาที่ไม่จำเป็น“วางใจเถอะ” พ่อบ้านโจวพยักหน้า กู้หว่านเยว่วางกล่องหยกลง แล้วพาพวกเขาเดินจากไป หลี่หรงหรงกระซิบข้างหูของนางเบา ๆ “พ่อบ้านโจวไม่เลวเลยจริง ๆ ดูเป็นคนที่จริงใจมาก”“ข้าดูออก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า หลังจากที่ฝากขายสมุนไพรแล้ว นางก็ให้ระบบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเถ้าแก่ตลาดมืดรอบตัว“เข้าไปในห้องพ
องครักษ์ลับพากันเดินออกจากห้องเก็บของอย่างกระอักกระอ่วนใจ ไป๋โม่อวี่หันกลับมามองของมีค่าที่วางอยู่เต็มคลังสินค้าเขาพึมพำกับตัวเอง “ซิงเยว่ มีบุรุษน่ารังเกียจสองคนปรากฏตัว พุ่งเข้ามาสู้กับข้า หากเจ้าสัมผัสได้ ก็จงอวยพรให้ข้าจับตัวพวกเขาได้โดยเร็วเถอะ”เขาดีดสิ่งของบางอย่างในมือ ดูเหมือนจะเป็นของที่ระลึกชิ้นหนึ่งทันใดนั้น สายตาอันเฉียบคมของเขาก็มองออกไปด้านนอก“ใคร!”เขาลอยตัวมาทางนี้แล้วโจมตีทันทีหนังตาของกู้หว่านเยว่กระตุกหนึ่งครั้ง บุรุษผู้นี้มีความระวังตัวเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะระมัดระวังตัวแล้ว แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายจับได้อยู่ดี“ระวัง” ซูจิ่งสิงอุ้มนางหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนจึงร่วงตกเข้ามาในห้องแม้ว่าพวกเขาสองคนจะปลอมตัวอยู่ แต่เสี้ยววินาทีที่เผชิญหน้า ไป๋โม่อวี่ก็จำทั้งสองคนได้“พวกท่านทั้งสองคนคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยสินะ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “เถ้าแก่ตลาดมืดตาดีมากเจ้าค่ะ”“เวินทิงอวิ๋น ตายด้วยฝีมือของพวกท่านใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง” กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของนาง แต่นางจับตัวเขาไปจริง ๆ“ฟังจากเสียงของเจ้า
“คนผู้นี้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวมาก”ครั้นยิงยาสลบออกไปแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงตัวยาจะออกฤทธิ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจหนีภายในเสี้ยววินาที“อยากให้ไล่ตามไปหรือไม่?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วพลางกล่าว กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ในห้องเก็บของขนาดใหญ่แห่งนี้จะต้องมีสิ่งของที่พวกเราต้องการ เราเข้าไปตรวจสอบห้องเก็บของแห่งนี้สักรอบเถอะ”เมื่อครู่ระบบเพิ่งบอกนางว่าด้านหลังห้องเก็บของยังมีห้องลับอีกหนึ่งห้อง“ได้” ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่รีบคว้ามือของเขาและมุ่งตรงไปยังห้องลับทันที นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็รวบรวมสิ่งของในห้องเก็บของเข้าไปไว้ในห้วงมิติ จากนั้นก็พาซูจิ่งซิงเข้าไปในห้องลับปรากฏว่าทันทีที่เข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวสะท้านระลอกหนึ่ง สิ่งที่ทำให้นางตื่นตระหนกก็คือห้องลับแห่งนี้เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง และมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก“ที่นี่ที่ไหน?”ทั้งสองคนประหลาดใจมากภายในห้องลับแห่งนี้หากมองเพียงแวบเดียวจะเห็นว่านอกจากก้อนน้ำแข็งแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของใด ๆ อีก หรือว่าไป๋โม่อวี่บ้าไปแล้ว สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำแข็งไว้โดยเฉพาะ“น้องหญิง เจ้าดูทางนั้นสิเห
เฉิงเซวียโพล่งถามทันทีว่า “พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”เขาเพิ่งพบบางสิ่งบางอย่าง “ยามนั้นท่านตาของข้าออกจากตลาดมืดไปด้วยความเสียใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับไป๋โม่อวี่”“ไป๋โม่อวี่คือใคร?”สองสามีภรรยาพากันงุนงง“ไป๋โม่อวี่ ก็คือเถ้าแก่ตลาดมืด” เฉิงเซวียนมองไปทางทั้งสองคนอย่างคาดไม่ถึง“พวกท่านมาหาเขาแต่ไม่รู้จักเขาอย่างนั้นหรือ?”ทว่าเขาเองก็เพิ่งเปิดบันทึกของท่านตาจึงได้รู้“เขาต้องการหนี!”เครื่องตามตัวของห้วงมิติเกิดเป็นไฟวิบวับ กู้หว่านเยว่คว้าตัวซูจิ่งสิงลอยตัวตามไปโดยไม่พูดไม่จา“คุณชายเฉิง ทางที่ดีท่านแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเราดีกว่า”ไป๋โม่อวี่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูง ผู้คนรอบตัวล้วนแต่เป็นคนของตลาดมืดทั้งสิ้น หากสู้กันจริง ๆ พวกเขาสองคนคงเทียบเฉิงเซวียนไม่ได้“เจ้ากลับไปปกป้องเนี่ยชิงหลานเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเสริมเล็กน้อย เฉิงเซวียนเกิดความลังเลครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า“ขอรับ ข้าจะกลับไปปกป้องน้องหญิงเดี๋ยวนี้”เรื่องราววันวานของท่านตาต่างก็ผ่านไปแล้วหลายทศวรรษแล้ว มิใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ความปลอดภัยของน้องหญิงสำคัญที่สุดเฉิงเซวียนหมุนตัวกลับไป หลังจากที่เขาจากไปแล้วไม่นาน
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู
สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองมา กู้หว่านหรูและญาติผู้พี่นางรู้สึกกลัวจนกอดกัน“เจ้า เจ้าจะทำอันใด?”กู้หว่านหรูกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยปากเสียงสั่น“ต่อให้เจ้าเป็นพระชายา ก็ไม่สามารถเมินข้ามกฎหมายได้ เจ้าไม่กลัวคนในใต้หล้าบริภาษเจ้าหรือ?”กู้หว่านเยว่หัวเราะพรืด“บริภาษ?” นางส่ายหน้า หนังสือประวัติศาสตร์ล้วนถูกเขียนโดยผู้ชนะยังต้องกลัวคำนินทาทั่วหล้าด้วยหรือ?“โยนพวกเขาสองคนออกจากซุ่ยโจว” กู้หว่านเยว่โบกมือเรียกคนเข้ามาสองคนนี้เป็นหวัด ถูกโยนออกไป ก็เพียงพอให้พวกเขาทรมาน“ญาติผู้น้อง” อวี๋เสียงลนลาน เขย่ามือของกู้หว่านหรู“นี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าหรือ รีบไปขอร้องนางเร็วเข้า”ยังมีระยะทางอีกห้าถึงหกวันกว่าจะถึงบ้านเกิด พวกเขาต้องอยู่ภายในซุ่ยโจว รีบรักษาอาการป่วยให้หายดี“ข้าจะขอร้องนางเยี่ยงไร?”กู้หว่านหรูแค้นใจแย่แล้ว“นางไม่มีวันฟัง”“เจ้ารีบคิดหาทางเถอะ” สุ้มเสียงของอวี๋เสียงเจือไอโทสะสายหนึ่งอย่างสุดระงับ ทำเสียจนกู้หว่านหรูเหล่มอง“ท่านกำลังโทษข้าหรือ?”นางและกู้หว่านเยว่มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตอนอยู่ในจวนก็มักรังแกนาง จะสามารถมีวิธีใดได้เล่า?“หว่านหรู ข้าไม่ได้
แต่ต้วนหลานซิวจากไปอย่างไม่ไว้หน้าไป๋หลี่ชิงซีถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงกลับไปหากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสสิงปรากฏว่าคนเพิ่งไป ก็มองเห็นเกาเจี้ยนวิ่งเข้ามาจากภายนอก พูดว่าลั่วยางที่อยู่ข้างหน้าเจอคนไข้ที่ไม่แน่ใจอาการป่วย ขอเชิญกู้หว่านเยว่ไปวินิจฉัยกู้หว่านเยว่ยังนั่งได้ไม่นานก็รีบไปที่ด้านหน้าแล้ว“มีอันใดหรือ?”ตอนปรากฏตัวออกมาก็ได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นของลั่วยาง กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้างโรคอะไรกัน สามารถทำให้ว้าวุ่นถึงเพียงนี้ได้?“เหตุใดสีหน้าแย่มากถึงเพียงนี้?”“มีคนป่วยมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ลั่วยางลอบชำเลืองมองสีหน้าของกู้หว่านเยว่ จากนั้นพูดเสียงค่อย“ข้าเองก็ไม่แน่ใจฐานะของนาง แต่เห็นแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ท่านมาดูกับข้าก็จะรู้”พูดไปก็เดินนำทางกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงคุ้นหูจากที่ไกลๆ“ไม่ใช่พูดว่าจะดูอาการให้ข้าหรือ เหตุใดพาข้ามาไว้ที่นี่ หมอหญิงของพวกเจ้าเล่า? เหตุใดเข้าไปแล้ว?”คนผู้นั้นโวยวาย เสียงคุ้นหูทำให้กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ไม่ถูกนี่ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้?กู้หว่านเยว่ก้าวเท้าเร็วขึ้นสองส่วน เดินขึ้นไปก็ได้เห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้
เขาทอดสายตามองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยใบหน้าจริงใจ“ทั้งสองท่านช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับพวกท่าน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงได้ยินว่าต้วนหลานซิวมีเรื่องอยากพูด นี่จึงมิได้จากไปในทันที แต่เลือกนั่งลงฟัง ดูว่าเขาอยากพูดเรื่องใดทั้งสองคนกลับแปลกใจมาก“ระหว่างทางที่ข้ามาได้เห็นพระชายาแจกจ่ายยาภายในเมือง” ต้วนหลานซิวเอ่ยปากถามกู้หว่านเยว่พยักหน้า“ราษฎรของซุ่ยโจวเป็นไข้หวัด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี จึงไม่มียารักษา”ต้วนหลานซิวประกบมือพูดยิ้มๆ “ไอหยา นี่บังเอิญยิ่งนัก ข้าที่นี่มีสมุนไพรหนึ่งชุดพอดี”เขาพูดยิ้มๆ“หากท่านอ๋องและพระชายาไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีบริจาคสมุนไพรชุดนี้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเมืองซุ่ยโจว”ถือว่าเขาจ่ายค่าหมอให้กู้หว่านเยว่ก็แล้วกัน“ในมือท่านมีสมุนไพร?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองลงมือช่วยเหลืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงขั้นสามารถช่วยพ่อค้าขายส่งสมุนไพรอีกด้วย?นี่คือประโยชน์สุขของราษฎรเมืองซุ่ยโจว นางย่อมไม่ปฏิเสธ“ใช่แล้ว ในมือข้ามียาสมุนไพรหนึ่งชุด”ไป๋หลี่ชิงซีอธิบายอยู่ทางด้านข้าง “พวกท่านไม่รู้ สตรีที่อาจารย์อาเล็กของข้าชอบเป็นคนบ้
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ