เวินทิงอวิ๋นเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจะมัดหัวใจของผู้หญิงอย่างไร “ทำไมเจ้าถึงไปอยู่กับพวกเขาแล้วไม่บอกข้าสักคำ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน?”“หยุดเสแสร้ง” หลี่หรงหรงกลอกตาใส่ “ถ้าไม่ได้นักฆ่าสองคนนั้นหลุดปาก ข้าคงเชื่อไปแล้วจริง ๆ”“เอ่อ...” เวินทิงอวิ๋นสีหน้ากระดากอาย “นักฆ่าคนนั้นข้าไม่ได้เป็นคนส่งไป แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่างหากที่ตัดสินโดยพลการ”เขาพูดโกหกได้โดยไม่ต้องกะพริบตา“หรงหรง เจ้าต้องเชื่อข้า เราเคยสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย”“ไปให้พ้น!”หลี่หรงหรงแค่รู้สึกขยะแขยง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ายาพูดความจริงในมือนั้นไม่จำเป็นแล้ว“ตอนนี้ข้าแค่อยากถามท่านเป็นประโยคสุดท้ายท่านเคยรักข้าบ้างไหม?”“ข้ารักเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” เวินทิงอวิ๋นพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดในความเป็นจริงเขาไม่ได้พูดโกหก มีชายคนไหนสามารถปฏิเสธรูปร่างอันเร่าร้อนของหลี่หรงหรงได้บ้าง?“ท่านกำลังโกหกข้า”หลี่หรงหรงคิดว่าเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้แล้วต้องประทับใจมาก แต่ตอนนี้ นางแค่รู้สึกอยากอาเจียนเท่านั้นเดิมทีในหัวใจส่วนลึกของนาง ไม่เชื่อในความรักของเวินทิงอวิ๋นอีกต่อไป“หรงหรง เพื่อเห็นแก่ความสัมพัน
“ดื่มเหล้าสักจอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ส่งเหล้านมม้าให้ “ยามคนอารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าสักหน่อย ปล่อยให้แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทชาเล็กน้อย จะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณ”หลี่หรงหรงรับเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด“ข้าช่างเป็นตัวโง่งมโดยแท้” ภายในดวงตานางมีน้ำตาคลอหน่วย เหตุใดนางถึงเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นรักนางได้เล่า?“เขาใช้ประโยชน์จากข้าตั้งแต่แรก เห็นข้าเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์อย่างหนึ่งเขาพูดจาหวานล้ำกับข้า พูดว่าจะมอบครอบครัวให้แก่ข้าบิดามารดาข้าตายไปทั้งหมดแล้ว ขาดความรักตั้งแต่เด็ก เชื่อไปอย่างโง่เขลา”หลี่หรงหรงหยิ่งทระนงไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา“ข้าน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขากำลังหลอกข้า เป็นข้าไม่ยอมเชื่อเอง ถูกเขาหลอกมาตั้งนาน”ท่าทีที่เวินทิงอวิ๋นแสดงออกมาเมื่อครู่ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของนางขาดผึงไปแล้ว“ข้าแค้นใจนัก เหตุใด เขาต้องหักหลังข้า!”หลี่หรงหรงมิอาจทนไหวร้องไห้ออกมาในที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้สมควรปลอบเยี่ยงไร ได้แต่ปล่อยให้นางร้องไห้อย่างเต็มที่“ฮูหยิน” องครักษ์เงาเฝ้าเวินทิงอวิ๋นเข้ามารายงาน “เวินทิงอวิ๋นตายแล้วขอรับ”“ชู่ว์ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” กู้หว่านเยว่โบกมือ เมื่อคร
“ให้ข้าไปกับพวกเจ้าด้วยเถอะ”หลี่หรงหรงรีบพูด “ฮูหยิน เจ้าลืมไปแล้วเมื่อครู่ข้าบอกว่าบ้านพวกเราทำคาราวานพ่อค้า คาราวานพ่อค้าของอินซาน เดิมทีข้าก็รู้จักทั้งหมด”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปด้วยกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดว่าให้นางยุ่งสักหน่อยก็ดีเช่นกัน ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องผิดหวังในความรัก “อาวุธที่สะดวกใช้คืออะไร?”“มีกระบี่อ่อนหรือไม่?”หลี่หรงหรงแย้มยิ้มออกมา กู้หว่านเยว่โยนกระบี่อ่อนให้เล่มหนึ่งชิงเหลียนกลับรีบวิ่งเข้ามา ท่าทางคล้ายเป็นตากุ้งยิงก็มิปาน“ฮูหยิน คุณชายเฉิงไปไม่ได้แล้ว!”ชิงเหลียนพูดไม่ออก“ยามบ่าวเข้าไป พบว่าเขากับเซี่ยเหอกำลัง...ขยะแขยงจริงๆ”เซี่ยเหอวิ่งออกมาอาภรณ์ยุ่งเหยิง ท่าทางคล้ายได้รับความลำบากอย่างมาก ปาดน้ำตา“ข้า ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว...”เฉิงเซวียนเองก็วิ่งออกมาจากภายใน ท่าทางโอหังมากยิ่งขึ้น ร่างกายท่อนบนแทบจะเปลือยเปล่า“น้องหญิงอย่ามองเลย”ซูจิ่งสิงบังสายตาของกู้หว่านเยว่ ฉึบ ๆ ส่งสายตาฆ่าคนได้มองไปทางเฉิงเซวียน พูดเสียงเย็น“เจ้าจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา”“ไม่ใช่แบบนี้”เฉิงเซวียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว ใบหน้างุนงง “
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ซูจิ่งสิงพาองครักษ์เงาเหินบินจากไปราวสิบกว่านาทีต่อมา ก็เหินบินกลับมาแล้ว“ภายในค่ายมีสุนัขพันธุ์หมาป่ามากมาย คาราวานพ่อค้าน่าจะมีของล้ำค่าไม่น้อย จึงให้สุนัขพันธุ์หมาป่าเหล่านี้เฝ้าไว้”ซูจิ่งสิงวิเคราะห์“หากเข้าใกล้ ก็จะทำให้สุนัขพันธุ์หมาป่าตกใจ เรียกองครักษ์ของคาราวานพ่อค้ามา”หลี่หรงหรงเอ่ยชี้แนะ “มิสู้ให้ข้าเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัวก่อน จะได้กันคนออกไป”“นายท่านหลัวจะพบเจ้าหรือ?” กู้หว่านเยว่อยากช่วยคน แต่ก็ไม่หวังให้คนข้างกายเผชิญหน้ากับอันตราย“เจ้ายังไม่รู้ ยามบิดามารดาข้ายังอยู่ บ้านพวกเราและสกุลหลัวนับว่าเป็นสหายกันเพียงแต่ หลังจากนั้นข้าก็มิได้ทำกิจการคาราวานพ่อค้าต่อ ดังนั้นจึงขาดการไปมาหาสู่กับสกุลหลัว”แต่ไมตรีในอดีตยังมีอยู่ หากนางเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัว นายท่านหลัวจะต้องยอมพบนางแน่“ดีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ให้องครักษ์จันทราติดตามอยู่ข้างกายหลี่หรงหรง ปกป้องนางส่วนนางและซูจิ่งสิง หาสถานที่ไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง ก็เทเลพอร์ตเข้ากระโจมไป จากนั้นเริ่มหาเบาะแสของเนี่ยชิงหลานทุกสารทิศทั้งสองคนมาถึงกระโจมด้านหน้าแห่งหนึ่
“ไม่ได้”หลัวเหอส่ายหน้า “หากข้าปล่อยเจ้าไป บิดาข้าจะต้องตีข้าตายแน่”สายตาอ่อนโยนของเขาสบมองเนี่ยชิงหลาน“ข้าจะดูแลเจ้าดีๆ ต่อให้เจ้าแต่งกับพ่อข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้า”สายตานั้นเนี่ยชิงหลานเห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยง ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันย่อมไม่อาจเข้าประตูบ้านเดียวกันได้ สองพ่อลูกคู่นี้ล้วนเจ้าชู้เนี่ยชิงหลานรู้สึกสิ้นหวัง ก็ได้เห็นหินก้อนหนึ่งกระแทกท้ายทอยของหลัวเหอ เขาร้องออกมาทีหนึ่งก็ล้มลงไป“ชิงหลาน”เสียงคุ้นเคยพลันดังขึ้น เนี่ยชิงหลานถลันเข้าไปดู น้ำตาใกล้จะไหลออกมาแล้ว“พี่หญิงกู้ เป็นท่านจริงด้วย ข้ามิได้ฝันไปกระมัง?”นางออกแรงหยิกแขนทีหนึ่ง เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว“เด็กโง่ นี่เจ้าทำอะไร?” กู้หว่านเยว่รีบห้ามนาง เนี่ยชิงหลานกลับหัวเราะทั้งน้ำตา โผเข้าหาอ้อมกอดนาง“ข้าคิดว่าข้ากำลังฝันไป สองวันมานี้ข้าฝันเห็นท่านมาช่วยข้าหลายครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นความจริง”นางร้องไห้ออกมาอย่างอึดอัดใจ กู้หว่านเยว่เองก็ปวดใจมาก เนี่ยชิงหลานที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินถึงขั้นกลายเป็นเช่นนี้ตกลงสองวันมานี้นางเจอกับอะไรมากันแน่?บัดนี้ไม่ใช่เวลาถาม กู้หว่านเยว่เร่งจับมือของนาง
กู้หว่านเยว่มองเวลาภายในมิติ ใช้เวลาไปสิบนาทีขณะสามีภรรยาพูดกันสองประโยค หลี่หรงหรงก็พาฉู่เฟิงกลับมาแล้ว“รถม้ามาจากที่ใดกัน?”หลี่หรงหรงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ นางจำได้ว่าก่อนพวกเขาออกมาไม่ได้นำรถม้ามาด้วย“หามาชั่วคราว”กู้หว่านเยว่อธิบายตามปากพาไปหนึ่งประโยค ยังดีหลี่หรงหรงเองก็มิได้ถามไล่เรียงมากนัก“แม่นางเนี่ยที่พวกเจ้าตามหาหาพบแล้วหรือไม่?”“หาพบแล้ว” กู้หว่านเยว่ส่งสัญญาณให้ขึ้นรถม้าด้วยกัน ขณะเดียวกันเนี่ยชิงหลานฟื้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่อ่อนแอมากแม่นางน้อยที่เคยมีชีวิตชีวา อ่อนแอถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก กู้หว่านเยว่เห็นแล้วก็ปวดใจ ป้อนน้ำให้นางดื่มคำหนึ่ง“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“นายท่านหลัวมิได้สร้างปัญหาให้เจ้ากระมัง?” ถ้อยคำนี้พูดกับหลี่หรงหรง“เปล่า ข้าหาข้ออ้างอย่างหนึ่ง เขาก็มิได้สงสัย” หลี่หรงหรงผายมือ “ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ข้าพาไปล้วนอยู่ในสายตาของเขา”ขณะเดียวกัน เนี่ยชิงหลานกระซิบเสียงค่อย “พี่หญิงกู้ ข้าหิว”กลัวนายท่านหลัววางยาพิษอีกครั้ง นางจึงไม่ได้กินอะไรมากอยู่ตลอด พวงแก้มซูบตอบแล้ว“กินขนมอบสักชิ้นก่อนเถอะ รอถึงที่พักแล้ว ข้าให้คนตุ๋นน้ำแกงให้เจ้าดื่ม”“เจ้าค่ะ
“จดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ข้าเขียน”เนี่ยชิงหลานอ่านจดหมายจบ ตกตะลึงเสียยิ่งกว่ากู้หว่านเยว่“แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเขียนจดหมายเช่นนี้มาก่อน”“ข้ารู้เจ้าไม่ได้เขียน จดหมายฉบับนี้น่าจะเป็นเซี่ยเหอเขียน”กู้หว่านเยว่นำจดหมายลับที่องครักษ์เงามอบให้นาง ส่งให้เนี่ยชิงหลานอีกครั้ง“เจ้าดูด้วยตนเองเถอะ”นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหอคนนี้จะมีจิตใจล้ำลึกถึงเพียงนี้ ถึงขั้นสามารถทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้“เหตุใดนางทำกับข้าเช่นนี้ ที่แท้พวกพ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นมิได้พบข้าโดยบังเอิญ พ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นเป็นเซี่ยเหอหามาและพุ่งเป้ามาที่ข้าตั้งแรกแล้ว ตั้งใจลงมือกับข้า”เนี่ยชิงหลานคิดว่านี่เหนือจินตนาการเกินไปแล้ว ตลอดการเดินทางนี้เซี่ยเหอหาเรื่องไม่หยุด นางล้วนอดทนอดกลั้นนางคิดว่าอีกฝ่ายเพียงชอบโจมตีนาง คิดไม่ถึงเลยว่าจิตใจจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้“หากวันนี้ไม่ใช่พี่หญิงกู้ ท่านช่วยข้ากลับมา เช่นนั้นข้าก็คงถูกทำลายไปแล้ว”เนี่ยชิงหลานแทบไม่กล้าคิดต่อหรือว่า หากไม่ใช่เพราะนางเดินทางท่องยุทธภพมานานหลายปี รู้ว่าต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเปลี่ยนเป็นสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับสถานก
เขาปกป้องจนลำเอียง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดพูดว่ากู้หว่านเยว่แม้ประโยคเดียวมองเห็นเนี่ยชิงหลานหันหน้าดึงกระบี่ออกมา“เซี่ยเหอเล่า?”หลายวันมานี้นางได้รับความทุกข์มากมาย จะต้องคิดบัญชีกับเซี่ยเหอให้ชัดเจน“นาง...”เฉิงเซวียนร้อนตัวอยู่บ้าง ถึงขั้นลืมไปแล้วว่าหลายวันมานี้เนี่ยชิงหลานหายตัวไปอยู่ที่ใด“ชิงหลาน ตอนนี้นางไม่สบาย”เฉิงเซวียนเองก็ไม่รู้จะอธิบายเยี่ยงไร ตอนนี้เองสาวใช้ของเซี่ยเหอวิ่งอย่างเร่งรีบออกมา เห็นเนี่ยชิงหลานถึงขั้นกลับมาแล้ว ถูกทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด“คุณชายเฉิง คุณหนูนางฝันร้ายเจ้าค่ะ”สาวใช้กัดฟันพูดหนึ่งประโยค พยายามเมินข้ามเนี่ยชิงหลาน ไม่สบตากับนาง“ท่านสามารถไปดูนางได้หรือไม่”เฉิงเซวียนลังเล เนี่ยชิงหลานกลับเดินเข้าไปภายในลานบ้านแล้ว“ฝันร้าย ข้าว่านางทำเรื่องผิดศีลธรรมมามากกระมัง!”เดิมทีนางก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง บุกเข้าห้องของเซี่ยเหออย่างมีโทสะ ถือกระบี่ชี้หน้านาง“แม่นางชิงหลาน?”เซี่ยเหอแสร้งอ่อนแอ ได้เห็นเนี่ยชิงหลานยังคิดว่าเข้าใจผิดไป ใบหน้าเผยสีหน้ารู้สึกผิดเช่นนี้ตกอยู่ในสายตาเนี่ยชิงหลาน ก็ยิ่งมั่นใจ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือนางนางวางกระบี่
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง