เวลาเช้าวันรุ่งขึ้น...
ไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เห็นบุรุษร่างสูงสีหน้าเข้มขรึมสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงินยืนอยู่ข้างเตียง
บุรุษร่างสูงพอเห็นไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เปิดยิ้มกว้าง แล้วทักทายว่า "พระชายาตื่นนอนแล้วหรือ? ขอรับ"
วูบแรก...ไป๋หยงงุนงง
ผู้ใดคือพระชายา?
ทักคนผิดเปล่า...พี่ชาย
แต่อึดใจต่อมาก็นึกได้...เขาเองคือพระชายา!
"นอนหลับสบายหรือไม่ขอรับ?" บุรุษร่างสูงถามอีก
"อือ ๆ " ไป๋หยงพยักหน้าหงึกๆ แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
ผ้าห่มจึงหล่นลงมากองบนตัก...ความเย็นปะทะร่างกายวูบ ไป๋หยงจึงรู้ตัวว่า มิได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่...เขารีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว
"แหะ ๆ ๆ ข้าโป๊"
"แหะ ๆ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาขอรับ" บุรุษร่างสูงรับลูก แล้วกล่าวต่อว่า "บ่าวชื่อ ฟางหยวน เป็นขันทีประจำตัวพระชายาขอรับ"
ไป๋หยงอดลอบมองฟางหยวนอีกครั้งไม่ได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับขันทีมาบ้าง แต่ไม่มากนัก ไม่นึกไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ ต่อหน้าเช่นนี้
ขันทีในความคิดของไป๋หยงนั้น จะต้องนุ่มนิ่มราวอิสตรี กิริยากระตุ้งกระติ้ง น้ำเสียงแหลมเล็กเพราะถูกตอน
แต่ทว่า...ฟางหยวนตรงหน้า เป็นบุรุษหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่า ร่างสูงเพียวแข็งแรง กิริยามารยาทแม้สุภาพเรียบร้อยแต่แฝงความเข้มแข็ง น้ำเสียงทุ้มกังวานปานกลางไม่ได้แหลมเล็ก
เขาเป็นขันทีจริงๆ นะหรือ?
"พระชายาโปรดลุกขึ้น แปรงฟันล้างหน้าขอรับ" ฟางหยวนกล่าวอย่างสุภาพ
"คือ...ข้าอยากสวมใส่เสื้อผ้าก่อน" ไป๋หยงตอบเสียงอ้อมแอ้ม
"โปรดรอสักครู่ขอรับ" ฟางหยวนรับคำ แลัวหันไปสั่ง "เสี่ยวจู นำชุดนอนของท่านอ๋องมา"
"เจ้าค่ะ ฟางกงกง" หญิงสาววัยสิบเจ็ดหน้าตาหมดจดนามเสี่ยวจู ก็ถือถาดวางชุดนอนสีดำเข้ามา นางยอบกายคารวะ "บ่าวเสี่ยวจูน้อมคารวะพระชายาเจ้าค่ะ"
แล้วส่งถาดชุดนอนให้แก่ฟางหยวน
ฟางหยวนจัดการช่วยสวมเสื้อให้ไป๋หยง แล้วไป๋หยงก็รีบสวมกางเกงใต้โปงผ้าห่ม พอเสร็จเรียบร้อยก็โผล่หน้าออกมายิ้ม
"พระชายาเจ้าคะ" เสี่ยวจูเอ่ยเสียงอ่อนหวาน "บ่าวจะให้เสี่ยวหงนำน้ำมาให้พระชายาล้างหน้าแปรงฟันนะเจ้าคะ"
"อืมม์ๆ..." ไป๋หยงพยักหน้าหงึกๆ
"เสี่ยวหง เข้ามาได้" เสี่ยวจูหันไปส่งเสียง
สาวใช้อายุไล่เลี่ยกับเสี่ยวจูนางหนึ่งก็ยกอ่างทองคำใบหนึ่งเข้ามา ยอบกายคารวะ "บ่าวเสี่ยวหง คารวะพระชายาเจ้าค่ะ"
มีสาวใช้อีกนางหนึ่งยกอ่างใส่น้ำตามเสี่ยวหงเข้ามา เสี่ยวจูรับอ่างน้ำจากนาง นางก็รีบยอบกายคารวะไป๋หยง "บ่าวอาหลัน คารวะพระชายาเจ้าค่ะ"
"อาหลัน เจ้าออกไปได้แล้ว" เสี่ยวจูเอ่ยไล่นาง
อาหลันยังรีรอ และลอบมองสำรวจไป๋หยง
"ไปสิ" ฟางหยวนสำทับเสียงเข้ม
อาหลันจึงไม่กล้ารอช้า ออกจากห้องนอนใหญ่ไป...
*
*
พอออกจากห้องนอนใหญ่ของตำหนักใหญ่ อาหลันก็ตรงไปยังเรือนที่พำนักของชายาเกาทันที
และพอได้เข้าพบชายาเกา (ชายาแซ่เกา) เกาเหม่ยกุ้ย อาหลันก็รายงานว่า "เมื่อสักครู่ บ่าวได้ยกน้ำไปให้พระชายาล้างหน้า เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหมดจดงดงามคนหนึ่งเจ้าค่ะ"
"เด็กหนุ่มหรือ?" หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่น
"เจ้าค่ะ...เด็กหนุ่ม" อาหลันยืนยัน
#####
ชายา ตอน 6
ไป๋หยงรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก เพราะฉินอ๋องหลี่อี้มาร่วมโต๊ะอาหารเช้าด้วย จึงมือสั่นจนทำอาหารหลุดจากตะเกียบทองคำ
ฉินอ๋องตวัดสายตาคมกล้ามองเขาแวบหนึ่ง
"แหะ ๆ ๆ ข้าน้อยไม่เคยใช้ตะเกียบทองคำขอรับ" ไป๋หยงแก้ตัว
ฉินอ๋องไม่ว่าอะไร แต่ใช้ตะเกียบของตนเองคีบเนื้อแกะตุ๋นนุ่มๆ ส่งถึงปากไป๋หยง
เด็กหนุ่มตกใจ เม้มริมฝีปากแน่น
"อ้าปาก" ฉินอ๋องสั่งเสียงเข้ม
ไป๋หยงค่อยๆ เผยอปากขึ้น...เนื้อแกะตุ๋นจึงถูกส่งเข้าปากจิ้มลิ้ม
"เคี้ยวแล้วกลืน" เขาสั่ง ก่อนจะสั่งขันทีว่า "ฟางหยวนจัดช้อนข้าวและช้อนสามง่ามมาให้พระชายา"
ของทั้งสองสิ่งถูกนำมาให้ไป๋หยงอย่างรวดเร็ว...ช้อนข้าวมีรูปร่างคล้ายช้อนแกงแต่ขนาดเล็กกว่า ส่วนช้อนสามง่ามนั้นรูปร่างเหมือนสามง่ามอันไม่ใหญ่นัก สามารถใช้จิ้มอาหารต่างๆ ของทั้งสองอย่างทำด้วยทองคำ
ฉินอ๋องอธิบายวิธีใช้ช้อนข้าวและช้อนสามง่ามให้ไป๋หยงฟัง ไป๋หยงก็ใช้ได้ถนัดมือ
"เดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จ ฟางหยวนจะนำชุดราชสำนักของข้าสมัยเด็กมาให้เจ้าลองใส่ดูว่าพอดีหรือไม่ เพราะตอนบ่ายข้าพาเจ้าเข้าไปเข้าเฝ้าคารวะน้ำชาเสด็จพ่อและฮองเฮาที่ในพระราชวังหลวง" ฉินอ๋องกล่าว
"ข้าน้อยต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮาหรือขอรับ?" ไป๋หยงมีสีหน้าลำบากใจ
"เป็นไร? เจ้ากล้ากระโดดขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมา ก็ต้องกล้าไปเข้าเฝ้าสิ"
เด็กหนุ่มร่ำร้องในใจ...ผู้ใดว่าข้ากระโดดขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ข้าถูกจับยัดขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวต่างหาก
แม้ในใจคิด แต่ไม่กล้าเอ่ยออกจากปาก
ปากน้อยๆ ได้แต่พึมพำว่า
"แต่ข้าน้อยเป็นบุรุษนะขอรับ?"
"หลอกลวงเบื้องสูงมีโทษประหาร!" ฉินอ๋องเอ่ยเรียบๆ "ตาเฒ่าไป๋คงลืมนึกถึงข้อนี้ไปจึงได้ให้เจ้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทนบุตรสาว"
มือที่ถือช้อนทองคำสั่นสะท้าน
"แต่ข้าจะช่วยทูลขออภัยโทษให้เอง เพราะว่าข้าโปรดปรานเจ้า" ฉินอ๋องเอ่ยด้วยทีท่าแสนสบาย
โปรดปรานตรงไหน?...ไป๋หยงคิดยังไงก็คิดไม่ออก
"เข้าพระราชวังครั้งนี้ เจ้าจะต้องระมัดระวังคำพูดให้ดี...เรื่องบนเตียงนอนของพวกเราอย่าได้แพร่งพรายออกไป...จงจำเอาไว้"
"ขอรับ" ไป๋หยงรับคำเสียงเบา
ที่ตำหนักฮองเฮา ในพระราชวัง...
ฮองเฮาประทับพักผ่อนอยู่บนพระเก้าอี้ยาว เกากงกงที่เป็นขันทีคนสนิทและเป็นพระญาติ ก็เข้ามาน้อมคำนับรายงาน
"เหนียงเหนียง (คำเรียกพระมเหสี และพระสนม เหมือนคำว่าพระนาง) พ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่จวนของฉินอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องอันใดหรือ?" หยางเซียงฮองเฮาตรัสถาม
"พระชายาฉินอ๋องมิใช่สตรี แต่เป็นบุรุษพ่ะย่ะค่ะ"
ฮองเฮาจากประทับนั่งเอนอิงพิงหมอน ก็นั่งพระวรกายตรงขึ้น ตรัสถามว่า "แล้วฉินอ๋องโมโหหรือไม่?"
"ไม่พ่ะย่ะค่ะ ซ้ำฉินอ๋องยังโปรดปรานพระชายาบุรุษมากด้วย...เมื่อคืนทั้งสองทำเสียงตึงตังในห้องนอนอย่างชนิดไม่เกรงผู้ใดจะได้ยินพ่ะย่ะค่ะ" เกากงกงทูล "ส่วนพระชายาก็หัวเราะคิกคักเสียงดัง บ่าวไพร่ได้ยินกันทั่วพ่ะย่ะค่ะ"
"ช่างไร้ยางอายจริงๆ" ฮองเฮาตรัสพลางแย้มยิ้ม
"อย่างนี้แหละที่เรียกว่า วีรบุรุษยากผ่านด่านสาวงาม" หยางเซียงฮองเฮาตรัสแล้วสรวลเบาๆ "เพียงแต่เราเข้าใจผิดมานาน คิดว่าฉินอ๋องยังไม่พบพานสตรีที่ถูกใจ แต่ที่แท้แล้วฉินอ๋องยังไม่พบพานบุรุษที่ถูกใจต่างหาก...ฮ่าๆๆๆๆ" "ถ้าเป็นอย่างที่เหนียงเหนียงตรัสมา" เกาซ่งขันทีคนสนิทเอ่ยอย่างครุ่นคิด "กระหม่อมเกรงว่า ชายาเกาเหม่ยกุ้ยหลานสาวของกระหม่อมจะลำบาก" "ทำไมจึงคิดว่า...เหม่ยกุ้ยจะลำบาก?" ฮองเฮาย้อนถาม "เพราะว่า...สู้รบกับสตรีด้วยกัน ยังพอจะหาสาวใช้หน้าตารูปร่างงดงามมาเป็นพวกได้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาเป็นบุรุษ..." ฮองเฮาตรัสแทรกขึ้นกลางคัน "ก็หาบุรุษวัยเยาว์ที่มีรูปงามมาเป็นบ่าวรับใช้คอยสนับสนุนสิ" ขันทีเกาซ่งไตร่ตรองอยู่อึดใจเดียว ก็ทูลตอบว่า "เหนียงเหนียง (พระนาง) ความคิดของพระองค์เฉียบคมยิ่งนัก แต่ทว่ายังมีช่องโหว่ ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นโอกาสให้ฝ่ายศัตรูใช้เล่นงานพวกเราได้พ่ะย่ะค่ะ" "อืมม์..." ฮองเฮาทำเสียงรับรู้ "ช่องโหว่ที่ว่าคืออะไร?" "ชายาเกาเป็นสตรี...ถ้าหากนำสตรีรูปงามเข้าไปเป็นสาวใช้ ย่อมไม่ถูกครหา แต่หากเปลี่ยนเป็นบุรุษรูปงามมารับใช้ใกล้ชิดก็จะถ
หลังจากฉินอ๋องหลี่อี้และพระชายาไป๋หยงทำพิธีบูชาป้ายสถิตวิญญาณของบรรพกษัตริย์เสร็จเรียบร้อย เจ้ากรมพิธีการที่ยืนรออยู่หน้าหอบรรพกษัตริย์ ก็เชิญทั้งสองไปยังห้องเอกสารของพระราชวังหลวง แล้วให้อาลักษณ์ลงจารึกชื่อของไป๋หยงลงในบันทึกราชวงศ์ในฐานะพระชายาเอกของฉินอ๋องต่อหน้าสักขีพยาน แล้วฉินอ๋องก็พาไป๋หยงขึ้นรถม้ากลับจวน... "พรุ่งนี้...ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นขณะที่รถม้ากำลังแล่น ไป๋หยงอึ้ง...ไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวหรือ? ถึงขั้นตอนนี้ก็แปลว่าพิธีแต่งงานครบถ้วนบริบูรณ์ ทำไม? ฉินอ๋องจึงยอมรับเขาเป็นพระชายาง่ายดายเช่นนี้...จะว่าฉินอ๋องนิยมบุรุษ ก็ไม่น่าจะใช่ ...หรือว่า ฉินอ๋องไม่มีความสามารถทางเพศ...หรือว่า ฉินอ๋องมีร่างกายบกพร่อง...หรือว่า...!? !? !? "ไป๋หยง!" เสียงฉินอ๋องเรียก ดังจนไป๋หยงสะดุ้ง "ขะ ขอรับ" เด็กหนุ่มรีบขานรับ "เจ้าเหม่ออันใด? ข้าเรียกตั้งหลายครั้งจึงรู้สึกตัว ซ้ำสีหน้ายังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่" "ไม่มีอะไรขอรับ" "ไม่มีก็ดีแล้ว" ฉินอ๋องกล่าว "อย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบนินทาข้าในใจเชียวนะ มิเช่นนั้นข
"ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว...ฮือ ๆ ๆ"ไป๋หยงส่งเสียงขอร้องเพราะไม่อาจทนดูไป๋หยูน้องชายวัยเจ็ดขวบถูกเฆี่ยนด้วยหวายจนตายต่อหน้าต่อตาได้ จางอี๋เหนียงซึ่งเป็นย่าและนางหลิวซื่อซึ่งเป็นมารดา ได้แต่กอดกันร้องไห้ เพราะถูกบ่าวชายสองคนยืนกันเอาไว้ ไม่ให้พวกนางเข้าไปช่วยไป๋หยูส่วนไป๋หยงนั้นถูกบ่าวชายสองคนจับแขนเอาไว้แน่น...เขาเป็นคนถูกบังคับให้เข้าพิธีสมรสแทนไป๋มู่ตาน ญาติผู้พี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของท่านลุงไป๋หลง ท่านลุงเป็นขุนนางใหญ่ยศอำมาตย์เอก เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ มีบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายสองคน บุตรสาวชื่อไป๋มู่ตาน นางสวยสมชื่อดอกโบตั๋นขาว และกิตติศัพท์ความงามของนางก็ได้ยินไปถึงพระกรรณของพระนางหยางฮองเฮาพระนางหยางฮองเฮาจึงประทานสมรสพระราชทานให้ตระกูลไป๋สมรสกับฉินอ๋องหลี่อี้ ฉินอ๋องหลี่อี้เป็นโอรสอันดับสี่ เกิดแต่สีกุ้ยเฟยพระสนมเอก เป็นบุคคลลึกลับ ชอบสวมใส่หน้ากากทองคำ น้อยคนนักที่จะเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ทำให้เกิดกิตติศัพท์คำล่ำลือว่าเขาอัปลักษณ์ยิ่งนัก และมีอุปนิสัยเหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนราวผักปลา และชมชอบทำทารุณกรรมผู้คน เพราะสมรสพระราชทาน...คุณหนูใหญ่ไป๋ม
อ๋องอำมหิต!...ไป๋หยงร่ำร้องอย่างหวาดกลัวอยู่ในใจ ดวงตาคมกริบของฉินอ๋องหลี่อี้จ้องมองดวงหน้าของไป๋หยง "ไม่ใช่ไป๋มู่ตาน" "เอ้อ...คือว่า...ซือไถ้ (แม่ชี) ที่อารามเมฆา ทำนายว่าดวงชะตาของมู่ตานระยะนี้มิใคร่ดีนัก จะต้องให้นางไปพำนักอยู่ที่อารามเมฆา ไหว้พระ ถือศีล กินเจ เป็นเวลาสามเดือนเป็นอย่างน้อยขอรับ" อำมาตย์ไป๋หลงแถ "อ้อ..." ฉินอ๋องหลี่อี้ทำเสียงว่ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงขรึมว่า "ข้าว่าสามเดือนน้อยเกินไป ให้นางอยู่ถือศีลกินเจที่อารามสักสามปีกำลังดี" คำกล่าวของฉินอ๋อง...แม้มิได้ศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระราชโองการ แต่ก็ทำให้อำมาตย์ไป๋หลงหน้าซีดเผือด เพราะนับเป็นคำสั่งที่ไม่อาจจะละเลยไม่ปฏิบัติตามได้! ฉินอ๋องหลี่อี้จัดการคลุมผ้าแพรมงคลให้แก่ไป๋หยง แล้วจูงเขาไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ที่ตำหนักใหญ่ในจวนฉินอ๋อง...ทุกที่ทางถูกตกแต่งด้วยสีแดงงดงามไป๋หยงเข้าพิธีแต่งงานกับฉินอ๋องหลี่อี้อย่างครบถ้วนและถูกต้องตามประเพณีทุกประการ...จากนั้นสาวใช้สองนางก็ประคองเขาเข้าไปนั่งรอบนเตียงในห้องนอนใหญ่ แล้วพวกนางก็ยืนเฝ้าเงียบๆ หนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมง) ให้หลัง...ฉินอ๋องหลี
หลังจากฉินอ๋องหลี่อี้และพระชายาไป๋หยงทำพิธีบูชาป้ายสถิตวิญญาณของบรรพกษัตริย์เสร็จเรียบร้อย เจ้ากรมพิธีการที่ยืนรออยู่หน้าหอบรรพกษัตริย์ ก็เชิญทั้งสองไปยังห้องเอกสารของพระราชวังหลวง แล้วให้อาลักษณ์ลงจารึกชื่อของไป๋หยงลงในบันทึกราชวงศ์ในฐานะพระชายาเอกของฉินอ๋องต่อหน้าสักขีพยาน แล้วฉินอ๋องก็พาไป๋หยงขึ้นรถม้ากลับจวน... "พรุ่งนี้...ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นขณะที่รถม้ากำลังแล่น ไป๋หยงอึ้ง...ไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวหรือ? ถึงขั้นตอนนี้ก็แปลว่าพิธีแต่งงานครบถ้วนบริบูรณ์ ทำไม? ฉินอ๋องจึงยอมรับเขาเป็นพระชายาง่ายดายเช่นนี้...จะว่าฉินอ๋องนิยมบุรุษ ก็ไม่น่าจะใช่ ...หรือว่า ฉินอ๋องไม่มีความสามารถทางเพศ...หรือว่า ฉินอ๋องมีร่างกายบกพร่อง...หรือว่า...!? !? !? "ไป๋หยง!" เสียงฉินอ๋องเรียก ดังจนไป๋หยงสะดุ้ง "ขะ ขอรับ" เด็กหนุ่มรีบขานรับ "เจ้าเหม่ออันใด? ข้าเรียกตั้งหลายครั้งจึงรู้สึกตัว ซ้ำสีหน้ายังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่" "ไม่มีอะไรขอรับ" "ไม่มีก็ดีแล้ว" ฉินอ๋องกล่าว "อย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบนินทาข้าในใจเชียวนะ มิเช่นนั้นข
"อย่างนี้แหละที่เรียกว่า วีรบุรุษยากผ่านด่านสาวงาม" หยางเซียงฮองเฮาตรัสแล้วสรวลเบาๆ "เพียงแต่เราเข้าใจผิดมานาน คิดว่าฉินอ๋องยังไม่พบพานสตรีที่ถูกใจ แต่ที่แท้แล้วฉินอ๋องยังไม่พบพานบุรุษที่ถูกใจต่างหาก...ฮ่าๆๆๆๆ" "ถ้าเป็นอย่างที่เหนียงเหนียงตรัสมา" เกาซ่งขันทีคนสนิทเอ่ยอย่างครุ่นคิด "กระหม่อมเกรงว่า ชายาเกาเหม่ยกุ้ยหลานสาวของกระหม่อมจะลำบาก" "ทำไมจึงคิดว่า...เหม่ยกุ้ยจะลำบาก?" ฮองเฮาย้อนถาม "เพราะว่า...สู้รบกับสตรีด้วยกัน ยังพอจะหาสาวใช้หน้าตารูปร่างงดงามมาเป็นพวกได้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาเป็นบุรุษ..." ฮองเฮาตรัสแทรกขึ้นกลางคัน "ก็หาบุรุษวัยเยาว์ที่มีรูปงามมาเป็นบ่าวรับใช้คอยสนับสนุนสิ" ขันทีเกาซ่งไตร่ตรองอยู่อึดใจเดียว ก็ทูลตอบว่า "เหนียงเหนียง (พระนาง) ความคิดของพระองค์เฉียบคมยิ่งนัก แต่ทว่ายังมีช่องโหว่ ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นโอกาสให้ฝ่ายศัตรูใช้เล่นงานพวกเราได้พ่ะย่ะค่ะ" "อืมม์..." ฮองเฮาทำเสียงรับรู้ "ช่องโหว่ที่ว่าคืออะไร?" "ชายาเกาเป็นสตรี...ถ้าหากนำสตรีรูปงามเข้าไปเป็นสาวใช้ ย่อมไม่ถูกครหา แต่หากเปลี่ยนเป็นบุรุษรูปงามมารับใช้ใกล้ชิดก็จะถ
เวลาเช้าวันรุ่งขึ้น... ไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เห็นบุรุษร่างสูงสีหน้าเข้มขรึมสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงินยืนอยู่ข้างเตียง บุรุษร่างสูงพอเห็นไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เปิดยิ้มกว้าง แล้วทักทายว่า "พระชายาตื่นนอนแล้วหรือ? ขอรับ" วูบแรก...ไป๋หยงงุนงง ผู้ใดคือพระชายา? ทักคนผิดเปล่า...พี่ชาย แต่อึดใจต่อมาก็นึกได้...เขาเองคือพระชายา! "นอนหลับสบายหรือไม่ขอรับ?" บุรุษร่างสูงถามอีก "อือ ๆ " ไป๋หยงพยักหน้าหงึกๆ แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มจึงหล่นลงมากองบนตัก...ความเย็นปะทะร่างกายวูบ ไป๋หยงจึงรู้ตัวว่า มิได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่...เขารีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว "แหะ ๆ ๆ ข้าโป๊" "แหะ ๆ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาขอรับ" บุรุษร่างสูงรับลูก แล้วกล่าวต่อว่า "บ่าวชื่อ ฟางหยวน เป็นขันทีประจำตัวพระชายาขอรับ" ไป๋หยงอดลอบมองฟางหยวนอีกครั้งไม่ได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับขันทีมาบ้าง แต่ไม่มากนัก ไม่นึกไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ ต่อหน้าเช่นนี้ ขันทีในความคิดของไป๋หยงนั้น จะต้องนุ่มนิ่มราวอิสตรี กิริยากระตุ้งกระติ้ง น้ำเสียงแหลมเล็กเพราะถูกตอน แต่ทว่า...ฟางหยวนตรงหน้า เป็นบุรุษ
อ๋องอำมหิต!...ไป๋หยงร่ำร้องอย่างหวาดกลัวอยู่ในใจ ดวงตาคมกริบของฉินอ๋องหลี่อี้จ้องมองดวงหน้าของไป๋หยง "ไม่ใช่ไป๋มู่ตาน" "เอ้อ...คือว่า...ซือไถ้ (แม่ชี) ที่อารามเมฆา ทำนายว่าดวงชะตาของมู่ตานระยะนี้มิใคร่ดีนัก จะต้องให้นางไปพำนักอยู่ที่อารามเมฆา ไหว้พระ ถือศีล กินเจ เป็นเวลาสามเดือนเป็นอย่างน้อยขอรับ" อำมาตย์ไป๋หลงแถ "อ้อ..." ฉินอ๋องหลี่อี้ทำเสียงว่ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงขรึมว่า "ข้าว่าสามเดือนน้อยเกินไป ให้นางอยู่ถือศีลกินเจที่อารามสักสามปีกำลังดี" คำกล่าวของฉินอ๋อง...แม้มิได้ศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระราชโองการ แต่ก็ทำให้อำมาตย์ไป๋หลงหน้าซีดเผือด เพราะนับเป็นคำสั่งที่ไม่อาจจะละเลยไม่ปฏิบัติตามได้! ฉินอ๋องหลี่อี้จัดการคลุมผ้าแพรมงคลให้แก่ไป๋หยง แล้วจูงเขาไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ที่ตำหนักใหญ่ในจวนฉินอ๋อง...ทุกที่ทางถูกตกแต่งด้วยสีแดงงดงามไป๋หยงเข้าพิธีแต่งงานกับฉินอ๋องหลี่อี้อย่างครบถ้วนและถูกต้องตามประเพณีทุกประการ...จากนั้นสาวใช้สองนางก็ประคองเขาเข้าไปนั่งรอบนเตียงในห้องนอนใหญ่ แล้วพวกนางก็ยืนเฝ้าเงียบๆ หนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมง) ให้หลัง...ฉินอ๋องหลี
"ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว...ฮือ ๆ ๆ"ไป๋หยงส่งเสียงขอร้องเพราะไม่อาจทนดูไป๋หยูน้องชายวัยเจ็ดขวบถูกเฆี่ยนด้วยหวายจนตายต่อหน้าต่อตาได้ จางอี๋เหนียงซึ่งเป็นย่าและนางหลิวซื่อซึ่งเป็นมารดา ได้แต่กอดกันร้องไห้ เพราะถูกบ่าวชายสองคนยืนกันเอาไว้ ไม่ให้พวกนางเข้าไปช่วยไป๋หยูส่วนไป๋หยงนั้นถูกบ่าวชายสองคนจับแขนเอาไว้แน่น...เขาเป็นคนถูกบังคับให้เข้าพิธีสมรสแทนไป๋มู่ตาน ญาติผู้พี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของท่านลุงไป๋หลง ท่านลุงเป็นขุนนางใหญ่ยศอำมาตย์เอก เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ มีบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายสองคน บุตรสาวชื่อไป๋มู่ตาน นางสวยสมชื่อดอกโบตั๋นขาว และกิตติศัพท์ความงามของนางก็ได้ยินไปถึงพระกรรณของพระนางหยางฮองเฮาพระนางหยางฮองเฮาจึงประทานสมรสพระราชทานให้ตระกูลไป๋สมรสกับฉินอ๋องหลี่อี้ ฉินอ๋องหลี่อี้เป็นโอรสอันดับสี่ เกิดแต่สีกุ้ยเฟยพระสนมเอก เป็นบุคคลลึกลับ ชอบสวมใส่หน้ากากทองคำ น้อยคนนักที่จะเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ทำให้เกิดกิตติศัพท์คำล่ำลือว่าเขาอัปลักษณ์ยิ่งนัก และมีอุปนิสัยเหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนราวผักปลา และชมชอบทำทารุณกรรมผู้คน เพราะสมรสพระราชทาน...คุณหนูใหญ่ไป๋ม