"อย่างนี้แหละที่เรียกว่า วีรบุรุษยากผ่านด่านสาวงาม" หยางเซียงฮองเฮาตรัสแล้วสรวลเบาๆ "เพียงแต่เราเข้าใจผิดมานาน คิดว่าฉินอ๋องยังไม่พบพานสตรีที่ถูกใจ แต่ที่แท้แล้วฉินอ๋องยังไม่พบพานบุรุษที่ถูกใจต่างหาก...ฮ่าๆๆๆๆ"
"ถ้าเป็นอย่างที่เหนียงเหนียงตรัสมา" เกาซ่งขันทีคนสนิทเอ่ยอย่างครุ่นคิด "กระหม่อมเกรงว่า ชายาเกาเหม่ยกุ้ยหลานสาวของกระหม่อมจะลำบาก"
"ทำไมจึงคิดว่า...เหม่ยกุ้ยจะลำบาก?" ฮองเฮาย้อนถาม
"เพราะว่า...สู้รบกับสตรีด้วยกัน ยังพอจะหาสาวใช้หน้าตารูปร่างงดงามมาเป็นพวกได้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาเป็นบุรุษ..."
ฮองเฮาตรัสแทรกขึ้นกลางคัน "ก็หาบุรุษวัยเยาว์ที่มีรูปงามมาเป็นบ่าวรับใช้คอยสนับสนุนสิ"
ขันทีเกาซ่งไตร่ตรองอยู่อึดใจเดียว ก็ทูลตอบว่า "เหนียงเหนียง (พระนาง) ความคิดของพระองค์เฉียบคมยิ่งนัก แต่ทว่ายังมีช่องโหว่ ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นโอกาสให้ฝ่ายศัตรูใช้เล่นงานพวกเราได้พ่ะย่ะค่ะ"
"อืมม์..." ฮองเฮาทำเสียงรับรู้ "ช่องโหว่ที่ว่าคืออะไร?"
"ชายาเกาเป็นสตรี...ถ้าหากนำสตรีรูปงามเข้าไปเป็นสาวใช้ ย่อมไม่ถูกครหา แต่หากเปลี่ยนเป็นบุรุษรูปงามมารับใช้ใกล้ชิดก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเรื่องชู้สาวได้พ่ะย่ะค่ะ"
"จริงของเจ้า" ฮองเฮาหยางเซียงตรัสเบาๆ "เช่นนั้นวิธีการนี้ก็ต้องชะลอไว้ก่อน จนกว่าเราจะหาได้วิธีที่เหมาะสม ค่อยว่ากันใหม่"
"แต่ว่าเรื่องฉินอ๋องแต่งพระชายานี้ก็น่ายินดีในระดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ"
"มีอันใดน่ายินดีหรือ?" ฮองเฮาตรัสถาม
"ที่พวกเราสงสัยกันว่า ฉินอ๋องฝึกวิชาพลังสุริยันเก้าชั้นฟ้า ก็เป็นอันสบายใจได้ เพราะถ้าหากเขาฝึกจริง เขาจะมิอาจข้องเกี่ยวทางเพศ ไม่ว่าจะกับสตรีหรือบุรุษ จนกว่าจะสำเร็จวิชา แต่ด้วยการปะทะกันระหว่างฉินอ๋องกับราชองครักษ์ลับที่กระหม่อมส่งไปทดสอบ ฉินอ๋องแม้มีฝีมือร้ายกาจยิ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นสำเร็จวิชาพลังสุริยันเก้าชั้นฟ้าพ่ะย่ะค่ะ"
"หมายความว่า...?"
"เป็นไปได้สองทางพ่ะย่ะค่ะ...คือหนึ่ง ฉินอ๋องมิได้ฝึกวิชาพลังสุริยันเก้าชั้นฟ้า หรือสอง ฉินอ๋องฝึกแต่หักห้ามตัณหาราคะไม่ได้ จึงได้ร่วมรักกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"
"อืมม์...ที่เจ้ากล่าวมาน่าคิด"
"กระหม่อมจึงคิดว่าที่เหนียงเหนียงจะส่งบุรุษรูปงามไปอยู่ข้างกายฉินอ๋องนั้น เป็นวิธีที่แยบยลที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีคนสนิทเกาซ่งทูล
บ่ายวันนั้น...
ฮองเฮาหยางเซียงเสด็จไปยังตำหนักมังกรที่ประทับของฮ่องเต้หลี่เหมา
พอไปถึง...เพิ่งจะถวายบังคมเสร็จ
ฉินอ๋องหลี่อี้ก็พาพระชายาไป๋หยงมาเข้าเฝ้า คู่บ่าวสาวทั้งสองถวายบังคมฮ่องเต้และฮองเฮา แล้วทำพิธียกน้ำชาถวายตามพระราชประเพณี
ฮ่องเต้รับถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มนิดหนึ่ง แล้วอวยพรให้ทั้งสองรักกันมั่งคงยืนยาว และพระราชทานหยกห้อยเอวเนื้อดีเยี่ยมสีม่วงสดใสสลักเป็นรูปมังกรดั้นเมฆให้แก่ไป๋หยง
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
แต่พอทั้งสองยกน้ำชาถวายฮองเฮา
พระนางยกถ้วยน้ำชาไปจิบเล็กน้อยพอเป็นพิธี แล้วถอนพระทัยยาว
"เฮ้ออออ..."
ฉินอ๋องเหลือบตาขึ้นมองพระนางแวบหนึ่ง นึกอยากถามว่า...เสด็จแม่ น้ำชาติดพระศอหรือพ่ะย่ะค่ะ?
#####
ชายา ตอน 8
"แม่หวังดีต่อเจ้ามากนะ ฉินอ๋อง" ฮองเฮาหยางเซียงตรัสด้วยสุรเสียงเหมือนอัดอั้นตันใจแทนลูกเลี้ยงเสียเต็มประดา "จึงประทานสมรสพระราชทานให้เจ้าตบแต่งกับบุตรสาวของอำมาตย์ไป๋หลง...แต่นี่อำมาตย์ไป๋กลับส่งผู้ใดมาให้เจ้า? สตรีก็ไม่ใช่ ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เจ้าได้แม้แต่คนเดียว..."
"มิเป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ไป๋หยงปรนนิบัติได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก" ฉินอ๋องหลี่อี้เอ่ยขึ้น
"หา!" ไป๋หยงหลุดอุทานอย่างเผลอตัว แล้วรีบหุบปากแน่น
"หาอะไร?" ฉินอ๋องถาม
"มิมีอะไรขอรับ" ไป๋หยงตอบเสียงเบา
ฮองเฮาค้อนฉินอ๋องอย่างหมั่นไส้ไปวงหนึ่ง แล้วตรัสว่า "ที่จริงแล้วเราไม่อยากจะรับเขาเป็นสะใภ้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เห็นแก่ว่าเขาปรนนิบัติเป็นที่ถูกใจเจ้า เราจะไม่เอาเรื่องเขาก็ได้"
พอฮองเฮาตรัสจบคำ ขันทีคนสนิทเกาซ่งก็วางปิ่นทองคำระย้าลงบนถาดน้ำชาที่ไป๋หยงชูด้วยสองมือ
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" ฉินอ๋องและไป๋หยงทูลพร้อมเพรียง
"ลุกขึ้นได้" ฮ่องเต้ตรัส
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
ทั้งสองทูลพร้อมกัน แล้วฉินอ๋องก็ช่วยประคองไป๋หยงพากันลุกขึ้นยืนอย่างสงบ
"เจ้าสี่..." ฮ่องเต้ตรัสกับฉินอ๋อง "เจ้าข่มขู่อะไรไป๋หยงหรือ?"
"หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ" ฉินอ๋องทูล "เป็นการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ"
"ลงโทษอะไร? ไป๋หยงเจ้าตอบมาซิ" ฮ่องเต้ตรัสถาม
"ขะ คือ..." ไป๋หยงลอบมองฉินอ๋อง เห็นเขานิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาใด ก็ได้แต่รวบรวมความกล้าทูลตอบเสียงเบาว่า "หากกระหม่อมกล่าวอะไรไม่ถูกใจท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะกัดปากกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"
ได้ยินเช่นนั้น...ฮ่องเต้ก็สรวลเสียงดังอย่างขบขัน
ฮองเฮาค้อนไป๋หยงไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้ ตามด้วยก่นด่าในใจ...ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!
หลังจากพิธีถวายคารวะน้ำชาฮ่องเต้และฮองเฮาเสร็จเรียบร้อย...
ฉินอ๋องหลี่อี้ก็พาพระชายาไป๋หยงไปคารวะป้ายสถิตวิญญาณของบรรพชนยังหอบรรพกษัตริย์ ที่อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน
หอบรรพกษัตริย์นี้เป็นหอสูงเก้าชั้น ป้ายสถิตวิญญาณเก็บบูชาอยู่บนชั้นเก้า
ไป๋หยงติดตามฉินอ๋องเข้าไปในหอซึ่งมีขันทีและทหารองครักษ์เฝ้ารักษา
ข้างในหอจุดประทีปโคมไฟจนสว่างไสวแม้ไม่ใช่เวลากลางคืน...แต่ละชั้นล้วนประดับตกแต่งด้วยข้าวของมีค่า
บนชั้นสูงสุด...โต๊ะบูชาเป็นโต๊ะไม้เนื้อดีทำเป็นชั้นๆ วางป้ายวิญญาณไว้จำนวนมาก แต่ละป้ายล้วนแกะสลักจากหยกเนื้อดีล้ำค่า เครื่องบูชาคือผลไม้ต่างๆ ที่บรรจุอยู่บนจานทองคำ มีกระถางธูปใบใหญ่ประดับมังกรเก้าตัว ตัวกระถางและมังกรทำจากทองคำ
ขันทีผู้ดูแลหอบรรพกษัตริย์ จุดธูปส่งให้ฉินอ๋องสามดอก และไป๋หยงสามดอก
ทั้งสองทำพิธีเคารพด้วยธูป แล้วปักธูปลงในกระถางเก้ามังกร แล้วหยิบจอกสุราบวงสรวงขึ้นเทสุราบนพื้น...
หลังจากฉินอ๋องหลี่อี้และพระชายาไป๋หยงทำพิธีบูชาป้ายสถิตวิญญาณของบรรพกษัตริย์เสร็จเรียบร้อย เจ้ากรมพิธีการที่ยืนรออยู่หน้าหอบรรพกษัตริย์ ก็เชิญทั้งสองไปยังห้องเอกสารของพระราชวังหลวง แล้วให้อาลักษณ์ลงจารึกชื่อของไป๋หยงลงในบันทึกราชวงศ์ในฐานะพระชายาเอกของฉินอ๋องต่อหน้าสักขีพยาน แล้วฉินอ๋องก็พาไป๋หยงขึ้นรถม้ากลับจวน... "พรุ่งนี้...ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นขณะที่รถม้ากำลังแล่น ไป๋หยงอึ้ง...ไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวหรือ? ถึงขั้นตอนนี้ก็แปลว่าพิธีแต่งงานครบถ้วนบริบูรณ์ ทำไม? ฉินอ๋องจึงยอมรับเขาเป็นพระชายาง่ายดายเช่นนี้...จะว่าฉินอ๋องนิยมบุรุษ ก็ไม่น่าจะใช่ ...หรือว่า ฉินอ๋องไม่มีความสามารถทางเพศ...หรือว่า ฉินอ๋องมีร่างกายบกพร่อง...หรือว่า...!? !? !? "ไป๋หยง!" เสียงฉินอ๋องเรียก ดังจนไป๋หยงสะดุ้ง "ขะ ขอรับ" เด็กหนุ่มรีบขานรับ "เจ้าเหม่ออันใด? ข้าเรียกตั้งหลายครั้งจึงรู้สึกตัว ซ้ำสีหน้ายังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่" "ไม่มีอะไรขอรับ" "ไม่มีก็ดีแล้ว" ฉินอ๋องกล่าว "อย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบนินทาข้าในใจเชียวนะ มิเช่นนั้นข
"ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว...ฮือ ๆ ๆ"ไป๋หยงส่งเสียงขอร้องเพราะไม่อาจทนดูไป๋หยูน้องชายวัยเจ็ดขวบถูกเฆี่ยนด้วยหวายจนตายต่อหน้าต่อตาได้ จางอี๋เหนียงซึ่งเป็นย่าและนางหลิวซื่อซึ่งเป็นมารดา ได้แต่กอดกันร้องไห้ เพราะถูกบ่าวชายสองคนยืนกันเอาไว้ ไม่ให้พวกนางเข้าไปช่วยไป๋หยูส่วนไป๋หยงนั้นถูกบ่าวชายสองคนจับแขนเอาไว้แน่น...เขาเป็นคนถูกบังคับให้เข้าพิธีสมรสแทนไป๋มู่ตาน ญาติผู้พี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของท่านลุงไป๋หลง ท่านลุงเป็นขุนนางใหญ่ยศอำมาตย์เอก เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ มีบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายสองคน บุตรสาวชื่อไป๋มู่ตาน นางสวยสมชื่อดอกโบตั๋นขาว และกิตติศัพท์ความงามของนางก็ได้ยินไปถึงพระกรรณของพระนางหยางฮองเฮาพระนางหยางฮองเฮาจึงประทานสมรสพระราชทานให้ตระกูลไป๋สมรสกับฉินอ๋องหลี่อี้ ฉินอ๋องหลี่อี้เป็นโอรสอันดับสี่ เกิดแต่สีกุ้ยเฟยพระสนมเอก เป็นบุคคลลึกลับ ชอบสวมใส่หน้ากากทองคำ น้อยคนนักที่จะเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ทำให้เกิดกิตติศัพท์คำล่ำลือว่าเขาอัปลักษณ์ยิ่งนัก และมีอุปนิสัยเหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนราวผักปลา และชมชอบทำทารุณกรรมผู้คน เพราะสมรสพระราชทาน...คุณหนูใหญ่ไป๋ม
อ๋องอำมหิต!...ไป๋หยงร่ำร้องอย่างหวาดกลัวอยู่ในใจ ดวงตาคมกริบของฉินอ๋องหลี่อี้จ้องมองดวงหน้าของไป๋หยง "ไม่ใช่ไป๋มู่ตาน" "เอ้อ...คือว่า...ซือไถ้ (แม่ชี) ที่อารามเมฆา ทำนายว่าดวงชะตาของมู่ตานระยะนี้มิใคร่ดีนัก จะต้องให้นางไปพำนักอยู่ที่อารามเมฆา ไหว้พระ ถือศีล กินเจ เป็นเวลาสามเดือนเป็นอย่างน้อยขอรับ" อำมาตย์ไป๋หลงแถ "อ้อ..." ฉินอ๋องหลี่อี้ทำเสียงว่ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงขรึมว่า "ข้าว่าสามเดือนน้อยเกินไป ให้นางอยู่ถือศีลกินเจที่อารามสักสามปีกำลังดี" คำกล่าวของฉินอ๋อง...แม้มิได้ศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระราชโองการ แต่ก็ทำให้อำมาตย์ไป๋หลงหน้าซีดเผือด เพราะนับเป็นคำสั่งที่ไม่อาจจะละเลยไม่ปฏิบัติตามได้! ฉินอ๋องหลี่อี้จัดการคลุมผ้าแพรมงคลให้แก่ไป๋หยง แล้วจูงเขาไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ที่ตำหนักใหญ่ในจวนฉินอ๋อง...ทุกที่ทางถูกตกแต่งด้วยสีแดงงดงามไป๋หยงเข้าพิธีแต่งงานกับฉินอ๋องหลี่อี้อย่างครบถ้วนและถูกต้องตามประเพณีทุกประการ...จากนั้นสาวใช้สองนางก็ประคองเขาเข้าไปนั่งรอบนเตียงในห้องนอนใหญ่ แล้วพวกนางก็ยืนเฝ้าเงียบๆ หนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมง) ให้หลัง...ฉินอ๋องหลี
เวลาเช้าวันรุ่งขึ้น... ไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เห็นบุรุษร่างสูงสีหน้าเข้มขรึมสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงินยืนอยู่ข้างเตียง บุรุษร่างสูงพอเห็นไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เปิดยิ้มกว้าง แล้วทักทายว่า "พระชายาตื่นนอนแล้วหรือ? ขอรับ" วูบแรก...ไป๋หยงงุนงง ผู้ใดคือพระชายา? ทักคนผิดเปล่า...พี่ชาย แต่อึดใจต่อมาก็นึกได้...เขาเองคือพระชายา! "นอนหลับสบายหรือไม่ขอรับ?" บุรุษร่างสูงถามอีก "อือ ๆ " ไป๋หยงพยักหน้าหงึกๆ แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มจึงหล่นลงมากองบนตัก...ความเย็นปะทะร่างกายวูบ ไป๋หยงจึงรู้ตัวว่า มิได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่...เขารีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว "แหะ ๆ ๆ ข้าโป๊" "แหะ ๆ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาขอรับ" บุรุษร่างสูงรับลูก แล้วกล่าวต่อว่า "บ่าวชื่อ ฟางหยวน เป็นขันทีประจำตัวพระชายาขอรับ" ไป๋หยงอดลอบมองฟางหยวนอีกครั้งไม่ได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับขันทีมาบ้าง แต่ไม่มากนัก ไม่นึกไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ ต่อหน้าเช่นนี้ ขันทีในความคิดของไป๋หยงนั้น จะต้องนุ่มนิ่มราวอิสตรี กิริยากระตุ้งกระติ้ง น้ำเสียงแหลมเล็กเพราะถูกตอน แต่ทว่า...ฟางหยวนตรงหน้า เป็นบุรุษ
หลังจากฉินอ๋องหลี่อี้และพระชายาไป๋หยงทำพิธีบูชาป้ายสถิตวิญญาณของบรรพกษัตริย์เสร็จเรียบร้อย เจ้ากรมพิธีการที่ยืนรออยู่หน้าหอบรรพกษัตริย์ ก็เชิญทั้งสองไปยังห้องเอกสารของพระราชวังหลวง แล้วให้อาลักษณ์ลงจารึกชื่อของไป๋หยงลงในบันทึกราชวงศ์ในฐานะพระชายาเอกของฉินอ๋องต่อหน้าสักขีพยาน แล้วฉินอ๋องก็พาไป๋หยงขึ้นรถม้ากลับจวน... "พรุ่งนี้...ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นขณะที่รถม้ากำลังแล่น ไป๋หยงอึ้ง...ไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวหรือ? ถึงขั้นตอนนี้ก็แปลว่าพิธีแต่งงานครบถ้วนบริบูรณ์ ทำไม? ฉินอ๋องจึงยอมรับเขาเป็นพระชายาง่ายดายเช่นนี้...จะว่าฉินอ๋องนิยมบุรุษ ก็ไม่น่าจะใช่ ...หรือว่า ฉินอ๋องไม่มีความสามารถทางเพศ...หรือว่า ฉินอ๋องมีร่างกายบกพร่อง...หรือว่า...!? !? !? "ไป๋หยง!" เสียงฉินอ๋องเรียก ดังจนไป๋หยงสะดุ้ง "ขะ ขอรับ" เด็กหนุ่มรีบขานรับ "เจ้าเหม่ออันใด? ข้าเรียกตั้งหลายครั้งจึงรู้สึกตัว ซ้ำสีหน้ายังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่" "ไม่มีอะไรขอรับ" "ไม่มีก็ดีแล้ว" ฉินอ๋องกล่าว "อย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบนินทาข้าในใจเชียวนะ มิเช่นนั้นข
"อย่างนี้แหละที่เรียกว่า วีรบุรุษยากผ่านด่านสาวงาม" หยางเซียงฮองเฮาตรัสแล้วสรวลเบาๆ "เพียงแต่เราเข้าใจผิดมานาน คิดว่าฉินอ๋องยังไม่พบพานสตรีที่ถูกใจ แต่ที่แท้แล้วฉินอ๋องยังไม่พบพานบุรุษที่ถูกใจต่างหาก...ฮ่าๆๆๆๆ" "ถ้าเป็นอย่างที่เหนียงเหนียงตรัสมา" เกาซ่งขันทีคนสนิทเอ่ยอย่างครุ่นคิด "กระหม่อมเกรงว่า ชายาเกาเหม่ยกุ้ยหลานสาวของกระหม่อมจะลำบาก" "ทำไมจึงคิดว่า...เหม่ยกุ้ยจะลำบาก?" ฮองเฮาย้อนถาม "เพราะว่า...สู้รบกับสตรีด้วยกัน ยังพอจะหาสาวใช้หน้าตารูปร่างงดงามมาเป็นพวกได้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาเป็นบุรุษ..." ฮองเฮาตรัสแทรกขึ้นกลางคัน "ก็หาบุรุษวัยเยาว์ที่มีรูปงามมาเป็นบ่าวรับใช้คอยสนับสนุนสิ" ขันทีเกาซ่งไตร่ตรองอยู่อึดใจเดียว ก็ทูลตอบว่า "เหนียงเหนียง (พระนาง) ความคิดของพระองค์เฉียบคมยิ่งนัก แต่ทว่ายังมีช่องโหว่ ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นโอกาสให้ฝ่ายศัตรูใช้เล่นงานพวกเราได้พ่ะย่ะค่ะ" "อืมม์..." ฮองเฮาทำเสียงรับรู้ "ช่องโหว่ที่ว่าคืออะไร?" "ชายาเกาเป็นสตรี...ถ้าหากนำสตรีรูปงามเข้าไปเป็นสาวใช้ ย่อมไม่ถูกครหา แต่หากเปลี่ยนเป็นบุรุษรูปงามมารับใช้ใกล้ชิดก็จะถ
เวลาเช้าวันรุ่งขึ้น... ไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เห็นบุรุษร่างสูงสีหน้าเข้มขรึมสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงินยืนอยู่ข้างเตียง บุรุษร่างสูงพอเห็นไป๋หยงลืมตาขึ้น ก็เปิดยิ้มกว้าง แล้วทักทายว่า "พระชายาตื่นนอนแล้วหรือ? ขอรับ" วูบแรก...ไป๋หยงงุนงง ผู้ใดคือพระชายา? ทักคนผิดเปล่า...พี่ชาย แต่อึดใจต่อมาก็นึกได้...เขาเองคือพระชายา! "นอนหลับสบายหรือไม่ขอรับ?" บุรุษร่างสูงถามอีก "อือ ๆ " ไป๋หยงพยักหน้าหงึกๆ แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มจึงหล่นลงมากองบนตัก...ความเย็นปะทะร่างกายวูบ ไป๋หยงจึงรู้ตัวว่า มิได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่...เขารีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว "แหะ ๆ ๆ ข้าโป๊" "แหะ ๆ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาขอรับ" บุรุษร่างสูงรับลูก แล้วกล่าวต่อว่า "บ่าวชื่อ ฟางหยวน เป็นขันทีประจำตัวพระชายาขอรับ" ไป๋หยงอดลอบมองฟางหยวนอีกครั้งไม่ได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับขันทีมาบ้าง แต่ไม่มากนัก ไม่นึกไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ ต่อหน้าเช่นนี้ ขันทีในความคิดของไป๋หยงนั้น จะต้องนุ่มนิ่มราวอิสตรี กิริยากระตุ้งกระติ้ง น้ำเสียงแหลมเล็กเพราะถูกตอน แต่ทว่า...ฟางหยวนตรงหน้า เป็นบุรุษ
อ๋องอำมหิต!...ไป๋หยงร่ำร้องอย่างหวาดกลัวอยู่ในใจ ดวงตาคมกริบของฉินอ๋องหลี่อี้จ้องมองดวงหน้าของไป๋หยง "ไม่ใช่ไป๋มู่ตาน" "เอ้อ...คือว่า...ซือไถ้ (แม่ชี) ที่อารามเมฆา ทำนายว่าดวงชะตาของมู่ตานระยะนี้มิใคร่ดีนัก จะต้องให้นางไปพำนักอยู่ที่อารามเมฆา ไหว้พระ ถือศีล กินเจ เป็นเวลาสามเดือนเป็นอย่างน้อยขอรับ" อำมาตย์ไป๋หลงแถ "อ้อ..." ฉินอ๋องหลี่อี้ทำเสียงว่ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงขรึมว่า "ข้าว่าสามเดือนน้อยเกินไป ให้นางอยู่ถือศีลกินเจที่อารามสักสามปีกำลังดี" คำกล่าวของฉินอ๋อง...แม้มิได้ศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระราชโองการ แต่ก็ทำให้อำมาตย์ไป๋หลงหน้าซีดเผือด เพราะนับเป็นคำสั่งที่ไม่อาจจะละเลยไม่ปฏิบัติตามได้! ฉินอ๋องหลี่อี้จัดการคลุมผ้าแพรมงคลให้แก่ไป๋หยง แล้วจูงเขาไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ที่ตำหนักใหญ่ในจวนฉินอ๋อง...ทุกที่ทางถูกตกแต่งด้วยสีแดงงดงามไป๋หยงเข้าพิธีแต่งงานกับฉินอ๋องหลี่อี้อย่างครบถ้วนและถูกต้องตามประเพณีทุกประการ...จากนั้นสาวใช้สองนางก็ประคองเขาเข้าไปนั่งรอบนเตียงในห้องนอนใหญ่ แล้วพวกนางก็ยืนเฝ้าเงียบๆ หนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมง) ให้หลัง...ฉินอ๋องหลี
"ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว...ฮือ ๆ ๆ"ไป๋หยงส่งเสียงขอร้องเพราะไม่อาจทนดูไป๋หยูน้องชายวัยเจ็ดขวบถูกเฆี่ยนด้วยหวายจนตายต่อหน้าต่อตาได้ จางอี๋เหนียงซึ่งเป็นย่าและนางหลิวซื่อซึ่งเป็นมารดา ได้แต่กอดกันร้องไห้ เพราะถูกบ่าวชายสองคนยืนกันเอาไว้ ไม่ให้พวกนางเข้าไปช่วยไป๋หยูส่วนไป๋หยงนั้นถูกบ่าวชายสองคนจับแขนเอาไว้แน่น...เขาเป็นคนถูกบังคับให้เข้าพิธีสมรสแทนไป๋มู่ตาน ญาติผู้พี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของท่านลุงไป๋หลง ท่านลุงเป็นขุนนางใหญ่ยศอำมาตย์เอก เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ มีบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายสองคน บุตรสาวชื่อไป๋มู่ตาน นางสวยสมชื่อดอกโบตั๋นขาว และกิตติศัพท์ความงามของนางก็ได้ยินไปถึงพระกรรณของพระนางหยางฮองเฮาพระนางหยางฮองเฮาจึงประทานสมรสพระราชทานให้ตระกูลไป๋สมรสกับฉินอ๋องหลี่อี้ ฉินอ๋องหลี่อี้เป็นโอรสอันดับสี่ เกิดแต่สีกุ้ยเฟยพระสนมเอก เป็นบุคคลลึกลับ ชอบสวมใส่หน้ากากทองคำ น้อยคนนักที่จะเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ทำให้เกิดกิตติศัพท์คำล่ำลือว่าเขาอัปลักษณ์ยิ่งนัก และมีอุปนิสัยเหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนราวผักปลา และชมชอบทำทารุณกรรมผู้คน เพราะสมรสพระราชทาน...คุณหนูใหญ่ไป๋ม