"น่าจะขั้นสามชั้นสูง ตาเฒ่านั่นก็แค่ขั้นสามชั้นต้นเท่านั้นแหละ เขารับมือไหว" ขอแค่ภายหลังไม่มียอดฝีมือตามมาสมทบอีกก็พอ"เช่นนั้นท่านขั้นไหน""แค่มีวิทยายุทธป้องกันตัวนิดหน่อยเท่านั้น จะไปเก่งสู้เขาได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนกลอกตามองบนใส่ไปหนึ่งทีเชื่อก็บ้าแล้ว"กระเช้าไหลไปแล้ว ฝูกวงจะตามมาทันไหม""เขาเป็นองครักษ์ของเจ้าไม่ใช่หรือ องครักษ์ลับของเจ้ามีความสามารถระดับใด เจ้าควรจะรู้แจ้งมากกว่าไม่ใช่หรือ""……""เขาตามมาแล้ว""ข้าน้อยคาราวะนายหญิง" ฝูกวงปรากฏตัวราวกับวิญญาณก็ไม่ปาน ไม่รู้ว่าขึ้นมาบนกระเช้าตั้งแต่เมื่อใด เขาคุกเข่าข้างเดียวให้กู้ชูหน่วนเหล่าเชลยต่างก็พากันถอยห่างออกไป มองฝูกวงด้วยสายตาหวาดกลัวกระเช้าเคลื่อนออกไปตั้งไกลขนาดนี้ คนผู้นี้ขึ้นมาได้อย่างไรกันแน่เหตุใดพวกเขาตั้งหลายคนกลับไม่มีผู้ใดเห็นเลย คงไม่ใช่พวกภูติผีวิญญาณหรอกกระมัง"ลุกขึ้นเถอะ ทำได้ไม่เลว"ฝูกวงยิ้มเจื่อนๆ ใบหน้าดุจตุ๊กตาที่สดใสงดงามแดงก่ำไปถึงใบหู หาได้มีท่าทางดุดันเด็ดขาดเหมือนเมื่อครู่แต่อย่างใด"ใกล้จะถึงหอสัญญาณไฟที่สองแล้ว พี่ใหญ่อี้เฟยรับผิดชอบตีแนวหน้า ข้ารับผิดชอบระวังหลัง""คุณหนู
เห็ยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วน อี้เฉินเฟยทั้งโกรธ ทั้งขำทว่ากลับทำได้เพียงแค่ออกจากกระเช้าแล้วมุ่งหน้าไปตามสายพาน เป็นฝ่ายบุกเข้าไปจัดการสมุนกองธงบนหอสัญญาณไฟหอที่สองก่อนหลังจากที่หอสัญญาณไฟหอที่สามพังไปแล้ว เหลือเพียงแค่หอที่สอง เพราะเขาลูกแรกเต็มไปด้วยหมอกพิษและค่ายกลจึงไม่มีสมุนกองธงคอยเฝ้าเนื่องด้วยพวกเขาฝ่าด่านติดๆ กันหลายด่าน ดังนั้นหอสัญญาณไฟบนเขาลูกที่สองจึงเต็มไปด้วยยอดฝีมือของเผ่าหมอความมืดมิดกลางดึก ทำให้กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ มองไม่เห็นว่าอี้เฉินเฟยสร้างความโกลาหลที่หอสัญญาณไฟบนเขาลูกที่สองเช่นไรบ้าง ได้ยินเพียงแค่เสียงฆ่าฟันกันดังสนั่น ท่ามกลางลมหนาว อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดขุ่นข้น ยอดเขาที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมาน ไม่รู้ว่าที่หอสัญญาณไฟมีคนตายไปแล้วมากน้อยเพียงใดเหล่าเชลยหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนประตูกั้นเปิดออกอย่างราบรื่น ทั้งยังคงเดินหน้าไปด้วยความเร็วสองเท่าเช่นเดิม หอสัญญาณไฟลูกที่สองอยู่ตรงหน้าแล้ว ทว่าสายพานที่เชื่อมระหว่างหอสัญญาณไฟที่สองและที่สามกลับถูกตัดขาดสายพานสูญเสียแรงถ่วงไปข้างหนึ่งเท
อี้เฉินเฟยจัดแจงให้เชลยขึ้นกระเช้าที่เพิ่มความเร็วจากปกติจากไปแล้ว ด้านหนึ่งประครองเยี่ยเฟิงที่กำลังเมามาย ด้านหนึ่งจูงมือกู้ชูหน่วนไปขึ้นกระเช้าลำสุดท้าย"รีบไปเร็ว""พวกเจ้าขึ้นกระเช้าไปก่อนเลย ข้าจะตามไปทีหลัง" กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองออกไปไกลอยู่เป็นครั้งคราว ที่แห่งนั้นมีลมปราณของยอดฝีมือกำลังมุ่งหน้าเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ใช่ว่านางจะสัมผัสไม่ได้สายตาเยือกเย็นแหงนมองไปทั่วทุกทิศ เห็นเพียงแต่ศพจำนวนมากกองทับกันสะเปะสะปะ กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปทั่วทั้งยอดเขานางยื่นมือหยิบลูกปัดในกระเป๋าใบเล็กบริเวณเอวออกมาโปรยลงไปบนหอสัญญาณไฟ หลังจากนั้นถึงจะวิ่งไปขึ้นกระเช้า พลางตะโกนเรียก "ฝูกวง ขึ้นกระเช้า""นายหญิง สายพันลับเส้นสุดท้ายยังหาไม่เจอ""หาไม่เจอก็ช่างมันเถอะ ขึ้นมาก่อน""นายหญิง ไปก่อนเลย ข้าน้อยจะตามไป"กู้ชูหน่วนกระทืบเท้าเจ้าโง่นี่เดี๋ยวพวกเขาก็ไปกันหมดแล้ว เขาจะตามมาได้อย่างไร"ข้าขอสั่งเจ้า รีบขึ้นกระเช้าเดี๋ยวนี้"ฝูกวงที่อยู่ด้านล่างของหน้าผาฉายประกายสับสนผ่านแววตาเขาไม่อยากขัดคำสั่งของเจ้านาย แต่เขาก็ไม่อยากจะทิ้งโอกาสที่จะทำให้นายของเขาได้ออกไปจากที่นี่ได้เห
บนกระเช้าของกู้ชูหน่วนมีเพียงนาง อี้เฉินเฟย ฝูกวง และเยี่ยเฟิงเยี่ยเฟิงเมามายสะลึมสะลือ ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แล้ว วิชาตัวเบาของกู้ชูหน่วนพอใช้ได้ ทว่ากลับไม่มีกำลังภายใน ทำได้แค่พึ่งเข็มพิษและอาวุธลับลอบโจมตีอี้เฉินเฟยและฝูกวงที่ปะทะกับยอดฝีมือหลายสิบคนตามลำพังกลับไม่ได้ตกเป็นรองทว่าเจ้าตำหนักหลินกลับรู้สึกอับอายจนกลายเป็นความโกรธ ไปหยุดตรงหน้าประตูคุมสายพานด้วยไฟโทสะที่เดือดดาล ก่อนจะยกดาบขึ้นมาหวังจะฟันสายพานให้ขาดแม้เหล่าเชลยจะใกล้ไปถึงหอสัญญาณไฟบนเขาลูกแรกแล้ว แต่พวกเขายังอยู่ห่างออกมาไกล เวลานี้หากสายพานถูกตัด พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตกหน้าผาฝูกวงเห็นดังนั้น ไม่สนใจว่าตนจะเป็นอันตราย พลันย้อนกลับไป แล้วเหวี่ยงเท้าใช้ท่าลูกถีบสลาตันไปยังท้ายทอยของเจ้าตำหนักหลินนี่เป็นวิธีการที่หยามเกียรติอย่างยิ่ง เจ้าตำหนักหลินโกรธจนควันออกหู ทว่าก็ทำได้เพียงแค่เบี่ยงตัวหลบ เพราะฝูกวงโจมตีเข้ามาด้วยความเร็วสูง"ฟึบฟึบฟึบ..."วินาทีที่เขากำลังเบี่ยงตัวหลบอยู่นั้น เหล่าสมุนกองธงที่อยู่ใกล้เขาต่างก็ถูกดาบของฝูกวงคร่าชีวิตไปทีละคน"ชิงตัวคนไปจากเจเดย์เฟิงอวิ๋นของข้าไม่พอ ยังกล้าฆ่าผู้ใต
อี้เฉินเฟยหยุดเป่าขลุ่ย นิ้วขาวเรียวยาวควงขลุ่ยหยกเล่นท่าทางช่ำชอง เขาดูสบายๆ และไม่ใส่ใจอะไรมากนักมุมปากของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ น้ำเสียงกังวานอ่อนโยน "วันนี้ข้าเพียงแค่ต้องการพาตัวนางกลับไป สหาย เหตุใดไม่ไว้หน้ากันเลย"ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลง ท่าทางในการหมุนควงขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟยเหตุใดจึงได้เหมือนกับประมุขชิงที่ช่วยเหลือนางในตอนนั้นยิ่งนักหรือตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของเขาก็คือประมุขชิงแห่งสำนักซิวหลัวเช่นนั้นหรือยอดฝีมือขั้นสี่แค่นหัวเราะ "ไม่ว่าเจ้าจะใช่คนของสำนักซิวหลัวหรือไม่ วันนี้หากเจ้าพาตัวพวกเขาไป ก็จะถือเป็นศักตรูกับทั้งเผ่าหมอ""ร้ายแรงถึงขั้นนั้นเชียวหรือ" อี้เฉินเฟยถามกลับด้วยรอยยิ้ม ท่าทางเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นท่าทางอวดดีโอหังของเขา แล้วนึกถึงสิ่งที่เขากระทำลงไป มีหรือที่คนเผ่าหมอจะไม่เดือดดาล"ใครก็ได้ เข้ามาจับตัวเขาไป"เขาใช้คำว่าจับตัว ไม่ได้บอกให้ฆ่าเขาเสียเห็นได้เลยว่าเผ่าหมอยังคงหวาดเกรงสำนักซิวหลัวอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องการจะเปิดศึกเชือดเฉือนกับสำนักซิวหลัวแบบซึ่งๆ หน้าการต่อสู้ที่ชุลมุนเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เ
"นายหญิง ฟื้นแล้วหรือ" ข้างหูคือเสียงปลาบปลื้มดีใจของฝูกวงกู้ชูหน่วนพยายามเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคือสายตาห่วงใยของฝูกวง"ที่นี่ที่ไหน""พวกเราตกลงมาจากยอดผา โชคดีที่ระหว่างทางมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นสกัดกั้นไว้หลายคราว นายหญิง ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า""มี รู้สึกไม่สบายทั้งตัวเลย โดยเฉพาะที่หน้าอก""ห้ะ..." ฝูกวงตื่นตระหนกกู้ชูหน่วนพยายามฝืนลุกขึ้นนั่ง แต่แค่ขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่เท้าก็แล่นเข้ามาจนนางสีหน้าเหยเก ก้มลงไปมองถึงพบว่าข้อเท้าของตนถูกกิ่งไม้เกี่ยวเป็นบาดแผลใหญ่ยาวเป็นทาง เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ใดทำแผลให้ตั้งแต่เมื่อใดนางยกมือขึ้นไปมะเหงกเขาทีหนึ่ง "ใครใช้ให้เจ้ากระโดดลงมา"ฝูกวงก้มหน้าหงอราวกับเด็กที่ทำความผิดมา พูดพึมพำเสียงเบา "เห็นนายหญิงตกลงไป ข้าก็ใจคอไม่ดี รีบกระโดดตามลงไปด้วย""……"ประโยคนี้ ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้จะตอบเขาเช่นไรดี"ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม""มีแผลถลอกเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่""เยี่ยเฟิงล่ะ""เยี่ยเฟิงยังสลบไม่ได้สติ ข้าน้อยตรวจดูแล้ว เขาก็ไม่มีปัญหาใหญ่ใด"เช่นนั้นแล้ว มีเพียงแค่นางที่ดวงซวย ได้แผลที่ขากู้ชูหน่ว
ฝูกวงสงสารจับใจ วางเยี่ยเฟิงที่แบกอยู่บนหลังลง แล้วพยุงกู้ชูหน่วนให้นั่งลง "นายหญิง แผลของท่านเปิดแล้ว ข้าจะทำแผลให้ท่านใหม่อีกรอบ""ได้" กู้ชูหน่วนโยนยาห้ามเลือดขวดสุดท้ายให้ฝูกวงฝูกวงนั่งลงไปในท่ากึ่งคุกเข่า ท่าทางอ่อนโยนราวกับกำลังประครองสมบัติล้ำค่า กลัวว่าหากแรงเกินไปเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้นางบาดเจ็บได้ผ้าพันแผลเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนแยกไม่ออก ฝูกวงกลัวว่านางจะเจ็บ แกะอยู่นานก็แกะไม่ออกสักทีกู้ชูหน่วนระอา "สุดหล่อ นี่เจ้ากำลังจักจี้ข้าอยู่หรืออย่างไร"ระหว่างพูด นางดึงผ้าพันแผลที่พันเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกอย่างรวดเร็ว เลือดพลันไหลทะลักออกมา แต่นางก็เพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่นเบาๆหากไม่ใช่เพราะบนใบหน้าของนางมีเหงื่อไหลซึมออกมา แทบจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าแผลของนางไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อยยิ่งนางเข้มแข็งเช่นนี้ ฝูกวงยิ่งรู้สึกปวดใจ หยาดน้ำตาใสๆ รื้นอยู่ที่ขอบตา"ร้องทำไม กลัวจะออกไปไม่ได้หรือ"บรรยากาศค่อนข้างหม่นหมอง กู้ชูหน่วนก้มหน้า ภายใต้แสงไฟสลัว นางเห็นฝูกวงคอยปาดน้ำตาอยู่เป็นระยะมองเขาดีๆ อีกที อายุน่าจะราวๆ แค่สิบเจ็ดปีในยุคปัจจุบัน อายุสิบเจ็ดยังเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนค
"ในเมื่อนายคนก่อนของเจ้าดีขนาดนั้น แล้วเหตุใดเจ้าถึงยอมรับข้าเป็นนายหญิงอีกคน ทั้งยังปกป้องข้าด้วยความจงรักภักดีถึงเพียงนี้""ไม่รู้ คงเพราะนายหญิงมีบางอย่างคล้ายคลึงกับนายคนก่อนของข้าน้อยกระมัง"กู้ชูหน่วนอยากจะมะเหงกใส่เขาอีกทีเสียจริง "พูดมาตั้งนาน ที่แท้ข้าก็เป็นเพียงเงาของผู้อื่น ฝูกวงเอ๊ยฝูกวง เจ้าจะทำร้ายจิตใจข้าเกินไปแล้ว""นายหญิงไม่ใช่เงา นายหญิงก็คือนายของข้าน้อย ทั้งชีวิตนี้ของข้าน้อยมีท่านเป็นนายเพียงคนเดียว""พอแล้วพอแล้ว ล้อเจ้าเล่นเฉยๆ จะจริงจังขนาดนี้ทำไม ไม่ว่าเจ้ายอมรับข้าเป็นนายเพราะเหตุใด เจ้าจงจำไว้ อย่าได้หักหลังข้า ชั่วชีวิตนี้ของเขา เกลียดการโดนทรยศที่สุด"พูดถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าของกู้ชูหน่วนเคร่งขรึมจริงจัง พลางจ้องฝูกวงด้วยสายตาตักเตือนชาติก่อนของนาง ก็เพราะถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ถึงได้ตายอย่างทุกข์ทรมานแล้วข้ามมิติมาเช่นนี้ฝูกวงคุกเข่าลงด้วยความเคารพ ก่อนจะก้มหัวคำนับอย่างแรงสามที แล้วเอ่ยสาบาน "ไม่ว่าชาติไหนข้าน้อยจะไม่มีทางทรยศหักหลังนายท่าน ไม่เช่นนั้นขอให้ฟ้าผ่าตาย""ลุกขึ้นเถอะ เจ้าเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ หากถูกฟ้าผ่าตายไป
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน