"นายหญิง ฟื้นแล้วหรือ" ข้างหูคือเสียงปลาบปลื้มดีใจของฝูกวงกู้ชูหน่วนพยายามเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคือสายตาห่วงใยของฝูกวง"ที่นี่ที่ไหน""พวกเราตกลงมาจากยอดผา โชคดีที่ระหว่างทางมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นสกัดกั้นไว้หลายคราว นายหญิง ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า""มี รู้สึกไม่สบายทั้งตัวเลย โดยเฉพาะที่หน้าอก""ห้ะ..." ฝูกวงตื่นตระหนกกู้ชูหน่วนพยายามฝืนลุกขึ้นนั่ง แต่แค่ขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่เท้าก็แล่นเข้ามาจนนางสีหน้าเหยเก ก้มลงไปมองถึงพบว่าข้อเท้าของตนถูกกิ่งไม้เกี่ยวเป็นบาดแผลใหญ่ยาวเป็นทาง เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ใดทำแผลให้ตั้งแต่เมื่อใดนางยกมือขึ้นไปมะเหงกเขาทีหนึ่ง "ใครใช้ให้เจ้ากระโดดลงมา"ฝูกวงก้มหน้าหงอราวกับเด็กที่ทำความผิดมา พูดพึมพำเสียงเบา "เห็นนายหญิงตกลงไป ข้าก็ใจคอไม่ดี รีบกระโดดตามลงไปด้วย""……"ประโยคนี้ ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้จะตอบเขาเช่นไรดี"ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม""มีแผลถลอกเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่""เยี่ยเฟิงล่ะ""เยี่ยเฟิงยังสลบไม่ได้สติ ข้าน้อยตรวจดูแล้ว เขาก็ไม่มีปัญหาใหญ่ใด"เช่นนั้นแล้ว มีเพียงแค่นางที่ดวงซวย ได้แผลที่ขากู้ชูหน่ว
ฝูกวงสงสารจับใจ วางเยี่ยเฟิงที่แบกอยู่บนหลังลง แล้วพยุงกู้ชูหน่วนให้นั่งลง "นายหญิง แผลของท่านเปิดแล้ว ข้าจะทำแผลให้ท่านใหม่อีกรอบ""ได้" กู้ชูหน่วนโยนยาห้ามเลือดขวดสุดท้ายให้ฝูกวงฝูกวงนั่งลงไปในท่ากึ่งคุกเข่า ท่าทางอ่อนโยนราวกับกำลังประครองสมบัติล้ำค่า กลัวว่าหากแรงเกินไปเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้นางบาดเจ็บได้ผ้าพันแผลเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนแยกไม่ออก ฝูกวงกลัวว่านางจะเจ็บ แกะอยู่นานก็แกะไม่ออกสักทีกู้ชูหน่วนระอา "สุดหล่อ นี่เจ้ากำลังจักจี้ข้าอยู่หรืออย่างไร"ระหว่างพูด นางดึงผ้าพันแผลที่พันเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกอย่างรวดเร็ว เลือดพลันไหลทะลักออกมา แต่นางก็เพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่นเบาๆหากไม่ใช่เพราะบนใบหน้าของนางมีเหงื่อไหลซึมออกมา แทบจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าแผลของนางไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อยยิ่งนางเข้มแข็งเช่นนี้ ฝูกวงยิ่งรู้สึกปวดใจ หยาดน้ำตาใสๆ รื้นอยู่ที่ขอบตา"ร้องทำไม กลัวจะออกไปไม่ได้หรือ"บรรยากาศค่อนข้างหม่นหมอง กู้ชูหน่วนก้มหน้า ภายใต้แสงไฟสลัว นางเห็นฝูกวงคอยปาดน้ำตาอยู่เป็นระยะมองเขาดีๆ อีกที อายุน่าจะราวๆ แค่สิบเจ็ดปีในยุคปัจจุบัน อายุสิบเจ็ดยังเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนค
"ในเมื่อนายคนก่อนของเจ้าดีขนาดนั้น แล้วเหตุใดเจ้าถึงยอมรับข้าเป็นนายหญิงอีกคน ทั้งยังปกป้องข้าด้วยความจงรักภักดีถึงเพียงนี้""ไม่รู้ คงเพราะนายหญิงมีบางอย่างคล้ายคลึงกับนายคนก่อนของข้าน้อยกระมัง"กู้ชูหน่วนอยากจะมะเหงกใส่เขาอีกทีเสียจริง "พูดมาตั้งนาน ที่แท้ข้าก็เป็นเพียงเงาของผู้อื่น ฝูกวงเอ๊ยฝูกวง เจ้าจะทำร้ายจิตใจข้าเกินไปแล้ว""นายหญิงไม่ใช่เงา นายหญิงก็คือนายของข้าน้อย ทั้งชีวิตนี้ของข้าน้อยมีท่านเป็นนายเพียงคนเดียว""พอแล้วพอแล้ว ล้อเจ้าเล่นเฉยๆ จะจริงจังขนาดนี้ทำไม ไม่ว่าเจ้ายอมรับข้าเป็นนายเพราะเหตุใด เจ้าจงจำไว้ อย่าได้หักหลังข้า ชั่วชีวิตนี้ของเขา เกลียดการโดนทรยศที่สุด"พูดถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าของกู้ชูหน่วนเคร่งขรึมจริงจัง พลางจ้องฝูกวงด้วยสายตาตักเตือนชาติก่อนของนาง ก็เพราะถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ถึงได้ตายอย่างทุกข์ทรมานแล้วข้ามมิติมาเช่นนี้ฝูกวงคุกเข่าลงด้วยความเคารพ ก่อนจะก้มหัวคำนับอย่างแรงสามที แล้วเอ่ยสาบาน "ไม่ว่าชาติไหนข้าน้อยจะไม่มีทางทรยศหักหลังนายท่าน ไม่เช่นนั้นขอให้ฟ้าผ่าตาย""ลุกขึ้นเถอะ เจ้าเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ หากถูกฟ้าผ่าตายไป
"โลกใบนี้ ยอดฝีมือที่เก่งกาจไร้เทียมทานมีผู้ใดบ้าง" เยี่ยเฟิงฝูกวงต่างก็มองนางด้วยความสงสัยกู้ชูหน่วนปิดปากกระแอมเบาๆ "ข้าหมายความว่า ที่แห่งนี้ที่พวกเราอยู่ ยอดฝีมือที่เก่งกาจไร้เทียมทานมีผู้ใดบ้าง"เยี่ยเฟิงตอบนิ่งๆ "เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน มีจำนวนเท่าใดกันแน่ เรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้จริงๆ แต่หัวหน้าเผ่าหมอ เทพสงครามเย่จิ่งหาน หัวหน้าเผ่าเทียนเฝิน เจ้าสำนักซิวหลัว ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานที่เลื่องลือไปทั้งใต้หล้า รวมไปถึงเหล่าปรมาจารย์อาวุโสจากตระกูลเก่าแก่""หัวหน้าเผ่าหมอเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คาดเดาอารมณ์ได้ยาก หากเขาคิดจะชิงกระดิ่งภินวิญญาณ ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเลยแต่อย่างใด""เทพสงครามเย่จิ่งหานสองขาพิการ คนผู้นั้นสองขายังใช้การได้ดี ไม่น่าเป็นเขาได้""เผ่าเทียนเฝินอยู่อย่างสันโดษมานาน ไม่เคยข้องเกี่ยวโลกีย์ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชิงไป""ส่วนเจ้าสำนักซิวหลัว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางหายตัวไปตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้เป็นตายเช่นไรก็ไม่รู้"กู้ชูหน่วนลูบคาง พลางพึมพำกับตัวเอง "เผ่าเทียนเฝิน ?"ชื่อนี้เหตุใดถึงได้ฟังดูคุ้นเพียงนี้ทันทีที่พูดถึงเผ่าเทียนเฝิน ภายในถ้ำที่
กู้ชูหน่วนและพวกเดินตามช่องลมไป เดิมทีคิดไว้อีกไม่นานก็คงจะเจอทางออก คิดไม่ถึงว่าเดินไปหลายชั่วยาม ก็ยังออกไปไม่ได้ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังจะสบถออกมา กลับได้ยินเสียงของเยี่ยเฟิง "ข้างหน้ามีแสงสว่าง ปากถ้ำอยู่ด้านหน้า"ทั้งสามคนเดินอยู่ในถ้ำเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนถึงจะออกมาได้แล้วก็เดินวนอยู่ในเขาอีกสองวันกว่าจะออกมาถึงในตัวเมืองนอกประตูเมือง เมื่อทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นไปมองตัวอักษรบนกำแพงเมืองต่างก็ตะลึงงันไปตามๆ กัน"ตำบลชิงหง ?"กู้ชูหน่วนไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่นี้มาก่อน ในหัวก็ไม่มีความทรงจำ หรือภาพจำใด เมืองเล็กๆ ระแวกเมืองหลวงดูเหมือนจะไม่มีชื่อนี้ส่วนฝูกวงและเยี่ยเฟิงมึนงงตำบลชิงหงจัดเป็นเขตชายแดนของแคว้นเย่ เดินไปทางนอกด่านอีกสักระยะหนึ่ง ก็จะออกนอกเขตแคว้นไป เป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใดดูแล เขาดูดวิญญาณเขาดูดวิญญาณและเขาหมายวิญญาณ ต่างกันเพียงคำเดียว ทว่ากลับอยู่ห่างกันหลายพันลี้พวกเขาก็แค่เดินอยู่ในถ้ำไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาถึงที่ตำบลชิงหงได้คงไม่ใช่ว่าถ้ำแห่งนั้น คือการขุดอุโมงค์ระหว่างเขาสองลูกหรอกนะ"พวกเจ้าไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปเสี่
เยี่ยเฟิงปิดปากกระแอมเบาๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่ติฉายแววกระอักกระอ่วนเห็นสีหน้าของเขา กู้ชูหน่วนแทบจะลมจับ"เจ้าคงไม่ได้ไม่มีเงินด้วยหรอกนะ""เรื่องนี้...ต้องขอโทษด้วย เยี่ยเฟิงยากจน เงินทองขาดมือ"กู้ชูหน่วนหมดคำจะพูดไปชั่วขณะข้างต้นหลิวใกล้โรงเตี๊ยมกู้ชูหน่วนและพวกไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันหลายคืน อีกทั้งยังเดินทางไกลอย่างยากลำบาก ทั้งสามคนเหนื่อยล้าอ่อนแรง จึงหาโขดหินนั่งพักเดิมทีพวกเขาแค่ต้องการจะนั่งพักผ่อนสักเล็กน้อย แล้วค่อยหาทางหาเงินต่อไปคิดไม่ถึงว่า ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาเห็นพวกเขาสามคนแล้วต่างพากันส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ก่อนจะโยนเงินให้พวกเขาอีแปะสองอีแปะ ด้วยมองว่าพวกเขาเป็นขอทานไปเสียอย่างนั้นกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ รู้สึกหนังหัวชาดิกอีกครั้งฝูกวงลุกขึ้นยืน แล้วพูดด้วยความร้อนรน "นายหญิง ข้าน้อยจะไปหาอะไรมาให้ท่านกิน"เยี่ยเฟิงเองก็ลุกขึ้นด้วย พูดด้วยท่าทีเก้อเขิน "ข้าจะไปหาดูว่ามีงานรับจ้างใดบ้าง หาเงินก่อนแล้วค่อยหาอะไรรองท้อง"ถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นขอทาน แล้วปล่อยให้คนอื่นมาทำทานให้พวกเขา เรื่องเช่นนี้ พวกเขาทำไม่ลงกู้ชูหน่วนกลับเอื้อมแขนไปดึงพวกเขาไว้ข
"ที่นี่มีคนของเผ่าหมออยู่จำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา อย่าไปยุ่งเลย" เยี่ยเฟิงเอ่ย "เจ้าว่า หญ้าตี้อวี้จะอยู่ที่พวกเขาหรือไม่ หรือพวกเขาจะรู้แหล่งของหญ้าตี้อวี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนวางมือที่ท้าวคางอยู่ลงมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะผิวปากหนึ่งที "ไป พวกเราไปหาอะไรใส่ท้องกัน""นายหญิง มีแค่สิบห้าอีแปะ เกรงว่าไม่เพียงพอจะทำให้อิ่มท้องได้"กู้ชูหน่วนหลับตา ควานหาบางอย่างในแหวนปริภูมิอยู่สักพัก ก่อนจะเจอเศษเบี้ยที่เล็กที่สุด แต่ก็มีมูลค่าถึงสิบตำลึงนางโยนไปให้ฝูกวง "ไปหาร้าน นำเบี้ยสิบตำลึงไปแลกเป็นเศษเบี้ยหนึ่งตำลึง"ฝูกวงอ้าปากกว้างด้วยความตะลึงงันเขาลืมไปได้อย่างไรว่านายหญิงมีแหวนปริภูมิอยู่ นางตุนเงินไว้ด้านในจำนวนไม่น้อยเขาก้มหน้าลงมองเหรียญกษาปณ์สิบห้าเหรียญในมือที่น้อยจนน่าสงสาร เขาพบว่าตนถูกนายหญิงหลอกแล้วด้วยความสามารถทางการเงินของนาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องนั่งขอทานเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิตด้วยฝูกวงมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยท่าทางน้อยใจ ก่อนจะมุ่ยปากพูด "นายหญิง ท่านจะใจร้ายเกินไปแล้ว กับข้าก็ยังหลอกได้""สิบห้าอีแปะก็ถือเป็นเงินเหมือนกัน หาเง
กู้ชูหน่วนพยายามบีบน้ำตาสุดกำลัง ร้องไห้คร่ำครวญกับเหล่าชาวบ้านที่เข้ามามุง "พวกเราสามพี่น้อง เร่ร่อนขอทาน กว่าจะได้เงินมาหนึ่งตำลึงอย่างยากลำบาก อยากจะเข้าไปกินหมี่หยางชุนสักชาม แต่กลับถูกไล่ตะเพิดออกมา สงสารก็แต่น้องชายข้าที่ป่วยใกล้ตาย อยู่ได้อีกไม่นาน ชั่วชีวิตนี้ของเขา ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือได้กินบะหมี่หยางชุนร้อนๆ ของโรงเตี๊ยมผิงอันสักชาม"นางพูดพลางลูบไหล่เยี่ยเฟิงด้วยความสงสารเยี่ยเฟิงเกิดอาการเหวอไปชั่วขณะเหตุใดนางไม่ให้ฝูกวงเล่นกับนาง มาหาเขาทำไม"ดูน้องชายข้าสิ งงงวยไปหมดแล้ว หรือเป็นเพราะพวกเราคือขอทานเลยต้องโดนดูถูกเช่นนี้หรือ พวกเรากินบะหมี่ ใช่ว่าจะไม่จ่ายเงิน"เพราะกลัวว่าคนจะจำได้ เยี่ยเฟิงและฝูกวงรีบหาโคลนมาทาบนหน้า บดบังใบหน้าที่หล่อเหลาชวนตะลึงของพวกเขาเยี่ยเฟิงหน้านิ่งไม่หือไม่อือ ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาตกใจกลัวจนนิ่งอึ้งไปแล้วจริงๆต่างพากันด่าทอต่อว่าบริกรร้าน"ปกติแล้วพวกเจ้าก็ยโสโอหัง ดูถูกคนจน ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะทำเกินกว่าเหตุถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้ที่ป่วยเกินเยียวยา อยู่ได้อีกไม่นานก็รังแก พวกเจ้าใจดำเกินไปแล้ว"ทันทีที่ได้ยินคำว่าป่วยเกินเยียวย
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน