"ที่นี่มีคนของเผ่าหมออยู่จำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา อย่าไปยุ่งเลย" เยี่ยเฟิงเอ่ย "เจ้าว่า หญ้าตี้อวี้จะอยู่ที่พวกเขาหรือไม่ หรือพวกเขาจะรู้แหล่งของหญ้าตี้อวี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนวางมือที่ท้าวคางอยู่ลงมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะผิวปากหนึ่งที "ไป พวกเราไปหาอะไรใส่ท้องกัน""นายหญิง มีแค่สิบห้าอีแปะ เกรงว่าไม่เพียงพอจะทำให้อิ่มท้องได้"กู้ชูหน่วนหลับตา ควานหาบางอย่างในแหวนปริภูมิอยู่สักพัก ก่อนจะเจอเศษเบี้ยที่เล็กที่สุด แต่ก็มีมูลค่าถึงสิบตำลึงนางโยนไปให้ฝูกวง "ไปหาร้าน นำเบี้ยสิบตำลึงไปแลกเป็นเศษเบี้ยหนึ่งตำลึง"ฝูกวงอ้าปากกว้างด้วยความตะลึงงันเขาลืมไปได้อย่างไรว่านายหญิงมีแหวนปริภูมิอยู่ นางตุนเงินไว้ด้านในจำนวนไม่น้อยเขาก้มหน้าลงมองเหรียญกษาปณ์สิบห้าเหรียญในมือที่น้อยจนน่าสงสาร เขาพบว่าตนถูกนายหญิงหลอกแล้วด้วยความสามารถทางการเงินของนาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องนั่งขอทานเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิตด้วยฝูกวงมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยท่าทางน้อยใจ ก่อนจะมุ่ยปากพูด "นายหญิง ท่านจะใจร้ายเกินไปแล้ว กับข้าก็ยังหลอกได้""สิบห้าอีแปะก็ถือเป็นเงินเหมือนกัน หาเง
กู้ชูหน่วนพยายามบีบน้ำตาสุดกำลัง ร้องไห้คร่ำครวญกับเหล่าชาวบ้านที่เข้ามามุง "พวกเราสามพี่น้อง เร่ร่อนขอทาน กว่าจะได้เงินมาหนึ่งตำลึงอย่างยากลำบาก อยากจะเข้าไปกินหมี่หยางชุนสักชาม แต่กลับถูกไล่ตะเพิดออกมา สงสารก็แต่น้องชายข้าที่ป่วยใกล้ตาย อยู่ได้อีกไม่นาน ชั่วชีวิตนี้ของเขา ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือได้กินบะหมี่หยางชุนร้อนๆ ของโรงเตี๊ยมผิงอันสักชาม"นางพูดพลางลูบไหล่เยี่ยเฟิงด้วยความสงสารเยี่ยเฟิงเกิดอาการเหวอไปชั่วขณะเหตุใดนางไม่ให้ฝูกวงเล่นกับนาง มาหาเขาทำไม"ดูน้องชายข้าสิ งงงวยไปหมดแล้ว หรือเป็นเพราะพวกเราคือขอทานเลยต้องโดนดูถูกเช่นนี้หรือ พวกเรากินบะหมี่ ใช่ว่าจะไม่จ่ายเงิน"เพราะกลัวว่าคนจะจำได้ เยี่ยเฟิงและฝูกวงรีบหาโคลนมาทาบนหน้า บดบังใบหน้าที่หล่อเหลาชวนตะลึงของพวกเขาเยี่ยเฟิงหน้านิ่งไม่หือไม่อือ ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาตกใจกลัวจนนิ่งอึ้งไปแล้วจริงๆต่างพากันด่าทอต่อว่าบริกรร้าน"ปกติแล้วพวกเจ้าก็ยโสโอหัง ดูถูกคนจน ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะทำเกินกว่าเหตุถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้ที่ป่วยเกินเยียวยา อยู่ได้อีกไม่นานก็รังแก พวกเจ้าใจดำเกินไปแล้ว"ทันทีที่ได้ยินคำว่าป่วยเกินเยียวย
ไม่รู้ว่าหมอกเริ่มลงตั้งแต่เมื่อใด ปกคลุมไปทั่วทั้งป่าไผ่ หมอกลงหนักจนแม้แต่ในระยะหนึ่งเมตรก็ไม่อาจเห็นได้ชัดกู้ชูหน่วนออกคำสั่ง "น่าจะเป็นค่ายกลหมอก ทุกคนอยู่ใกล้กันไว้ อย่าแยกไปไหน"ไม่มีเสียงตอบรับจากรอบข้าง กู้ชูหน่วนหันไป กลับพบว่าเยี่ยเฟิงแตกแถวไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แม้แต่ฝูกวงที่ตามนางมาติดๆ ก็หายไปด้วย"เยี่ยเฟิง ฝูกวง..."กู้ชูหน่วนตะโกนเรียกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากพวกเขา ในใจอดระแวงไม่ได้ข้างโสตพลันมีเสียงลมพัดผ่านราวกับเสียงวิญญาณคร่ำครวญ เศร้าสลด ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือกต้นไผ่สั่นไหว เงาสีเขียวขจีเอนไปซ้ายทีขวาที ราวกับต้นไผ่มีขาเคลื่อนไหวไปทั่วทุกทิศพื้นดินเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า คล้ายกับว่ากู้ชูหน่วนกำลังอยู่ในเขาวงกดขนาดมหึมา นางไม่ขยับ พื้นดินก็ไม่ขยับ ทันทีที่นางขยับ พื้นดินก็เคลื่อนตามไปด้วยกู้ชูหน่วนหลับตาลง พยายามสัมผัสถึงทิศทางลมและทิศทางการเคลื่อนไหวของค่ายกลอย่างละเอียด ไม่นานนัก นางก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตาเย็นยะเยือก มุมปากยกยิ้มมีเลศนัยคิดจะใช้ค่ายกลกับนางหรือคิดว่านางร่ำเรียนวิชาแก้ค่ายกลมาไม่ได้ประโยชน์ใดเลยหรือกู้ชูหน่วนเ
กู้ชูหน่วนใช้วิชาตัวเบา ดีดตัวจากต้นไผ่พุ่งเข้าไปโอบเอวที่แข็งแกร่งของเด็กหนุ่มชุดแดง มืออีกข้างกระหน่ำยิงเข็มเงินออกไปราวกับเม็ดฝนซัดสาด สกัดกั้นเหล่ายอดฝีมือที่กรูกันเข้ามาด้วยความดุดันนางหัวเราะลั่น ภายในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอยากครอบครอง "น้องชายผู้นี้ เป็นของข้าแล้ว"เฮือก...ทุกคนต่างก็ตะลึงงันน้องชาย ?เป็นของนาง ?หญิงผู้นี้ฟั่นเฟือนไปแล้วหรือไรไม่มีกำลังภายในแต่อย่างใด กลับยังกล้าเข้ามาก่อกวนวุ่นวายนางรู้หรือไม่ว่าชายชุดแดงผู้นั้นคือหัวหน้าเผ่าหมอพวกเขาเปลืองแรงไปตั้งมากมาย อีกทั้งยังสละชีวิตคนไปจำนวนไม่น้อย กว่าจะล้อมเขาไว้ในป่าไผ่ได้ยิ่งไปกว่านั้น...นี่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่กำลังภายในของเขาแตกซ่าน สูญเสียกำลังภายในไปแทบทั้งหมด พวกเขาถึงทำเช่นนี้ได้เซวี่ยซา ผู้ใต้บัญชาที่โหดเหี้ยมของชายหนุ่มชุดแดงสีหน้าพลันเย็นยะเยือก กำลังจะพุ่งเข้าไปชายชุดแดงกลับโบกมือขาวเนียนของตนเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาอยู่เฉยๆ ผู้ใต้บัญชาผู้นั้นถึงได้หยุดฝีเท้า"น้องชาย เจ้าหน้าตาดียิ่งนัก ไม่ต้องกลัว เจ๊จะปกป้องเจ้าเอง"ตึง...ใครหลายคนตะลึงจนหงายหลังเงิบแม้แต่เซวี่ยซาผู้ใต้บัญชาข
สุดปลายทางป่าไผ่ กู้ชูหน่วนยังคงโอบเอวหัวหน้าเผ่าหมอเอาไว้ นางสูดดมกลิ่นหอมจากตัวเขาด้วยความพึงพอใจ"น้องชาย เจ้าใช้แป้งอะไร กลิ่นบนตัวถึงได้ชวนดมเช่นนี้""เพียงแค่แช่กายในน้ำกลีบดอกไม้เล็กน้อย จึงมีกลิ่นหอมดอกไม้หลงเหลืออยู่บนตัวกระมัง" ชายหนุ่มชุดแดงเลิกแขนเสื้อขึ้นมา ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมอย่างอารมณ์ดีตามกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม "ดวงตาของเจ้างามเสียจริง"ร่างของชายหนุ่มพลันแข็งเกร็งไปชั่วขณะ มองกู้ชูหน่วนด้วยความจริงจัง ทว่ากลับเห็นผ้าคลุมหน้าบดบังใบหน้าของนาง มองไม่เห็นรูปลักษณ์ แต่ดวงตาใสสว่างคู่นั้นกลับกำลังสะท้อนดวงตาที่ข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งฟ้าของเขา เต็มไปด้วยความอิจฉาเขาดูไม่ผิด เป็นความอิจฉาและชื่นชอบจริงๆ ไม่มีสิ่งใดปะปนอยู่เลยมุมปากของหัวหน้าเผ่าหมอขยับเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา "เจ้าเป็นคนแรกที่บอกว่าดวงตาของข้าสวย"มุมปากของเขายังคงรอยยิ้มเอาไว้ตลอด เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกถึงความอบอุ่นแต่อย่างใด กลับกัน ให้ความรู้สึกที่คลุมเครือลึกลับแต่เพราะประโยคนั้นของกู้ชูหน่วน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด รอยยิ้มนั้นถึงไ
"ดูเหมือนเจ้าจะมีอคติกับหัวหน้าเผ่าหมออยู่ไม่น้อยเลย" ชายหนุ่มชุดแดงลูบเส้นผมดำเงานุ่มลื่นด้วยท่าทางชวนหลงใหล พลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจกู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ"จะไม่มีอคติได้อย่างไร หากเขาไม่วิปริต แล้วจะบ่มเพาะหัวหน้ากองธงที่โรคจิตขนาดนั้นออกมาได้อย่างไร" ดูสิ ทำให้เยี่ยเฟิงกลายเป็นเช่นไร"พี่สาว เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าด่าว่าหัวหน้าเผ่าหมออย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ แต่ว่า...ข้าชื่นชม"กู้ชูหน่วนกอดไหล่เขาท่าทางสนิทสนม พลางพูดด้วยรอยยิ้ม "น้องชายรูปโฉมงดงาม เจ๊ชอบเจ้ายิ่งกว่า ไปกันเถอะ เจ๊จะพาเจ้าไปเปิดโลก"ชายชุดแดงเหลือบมองมือเล็กๆ ที่กำลังโอบไหล่เขาอยู่ปราดหนึ่ง รอยยิ้มเบ่งบานอยู่ในดวงตาเรียวยาวเจ้าเล่ห์คู่นั้น ปล่อยให้นางพาเขาไปยังเขาดูดวิญญาณรอยยิ้มของเขาดูสับสนมึนงงอยู่บ้าง แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับชัดถ้อยชัดคำ "พี่สาว เจ้าจำไว้ให้ดีล่ะ เจ้ากอดข้าสองหนแล้ว ต้องรับผิดชอบข้าด้วยล่ะ ไม่เช่นนั้น...ข้าจะโกรธจริงๆ ด้วย""อ่อ...โกรธเช่นนี้หรือ"กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป บีบใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของเขาใบหน้าของเขาทั้งนุ่มทั้งลื่น ที่สำคัญยังดูแล้วเพลินตา พอได้สัมผัสก็รู้สึกเพลิดเพลินใจ กู้ชูห
หากไม่ใช่เพราะในหมู่บ้านมีผักสดร่วงเป็นครั้งคราว มีเนื้อหมูและอาวุธ กู้ชูหน่วนเกือบจะคิดว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านร้างที่ไม่มีผู้ใดอยู่ไปแล้วเมื่อหลับตาลง ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณในหมู่บ้านอยู่รางๆ เพียงแต่ลมหายใจเหล่านั้นเร็วขึ้น และสั่นเทาราวกับกำลังหวาดกลัวสิ่งใดอยู่"ข้าก็คิดว่าผู้ใด ที่แท้ก็เจ้าเด็กบ้านี่เอง"ไม่ไกลออกไป แม่นางสวีค่อยๆ เดินเข้ามาเนิบๆ ด้วยท่าทางอ้อยอิง ดวงตาของนางฉายแววความเกลียดชังที่เข้มข้นรุนแรง จ้องมองมาที่กู้ชูหน่วนราวกับกำลังจ้องคนตายข้างกายแม่นางสวี ยังมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผอมกะหร่องอย่างกับลิงอีกคนหนึ่ง สวีเจิ้นสวีเจิ้นหรี่ตาเพ่งไปยังรูปร่างที่อ้อนแอ้นอรชรของนาง พลางเลียนิ้วชี้ของตัวเองด้วยท่าทางชั่วร้ายเห็นสายตาแทะโลมของสวีเจิ้น รังสีอำมหิตของหัวหน้าเผ่าหมอพลันฉายประกายออกแวบหนึ่ง รวดเร็วจนไม่มีผู้ใดสัมผัสได้"เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความเหนื่อยหน่ายแม่นางสวียกหัตถ์โลหิตของตัวเองขึ้นมา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาดถูกโปะด้วยแป้งหนาเตอะ ยามที่นางเดินโยกย้ายไปมา ผงแป้งบนใบหน้าพลอยร่วงหล่นลงม
สถานการณ์กำลังตึงเครียดถึงขีดสุด และในขณะนั้นเอง ก็มีแรงกดดันอันทรงพลังแผ่มาจากที่ไม่ไกลทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏว่าผู้ที่มาเยือนคือผู้เฒ่าใกล้หกสิบเขาผมขาวโพลน มีหนวดเครา ดวงตาคมกริบ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชา เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้คนอื่นไม่กล้าสบตา"ลูกพี่"สวีซานเหนียงและสวีเจิ้นต่างร้องเรียก"พวกเจ้ายังอยู่ที่นี่อีกรึ?" ผู้เฒ่าผมขาวอินต้ากุ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ"ลูกพี่ หญิงคนนี้ฆ่าเจ้าเจี่ยน หากไม่ฆ่านาง ความแค้นในใจจะไม่มีวันหายไป"สวีเจิ้นลูบผมหยิกในมือ เขายิ้มเยาะอย่างน่ากลัว "ทั้งสองล้วนไม่มีวิทยายุทธอยู่ การฆ่าพวกเขาไม่ต้องใช้เวลา ไม่เป็นไรหรอก"อินต้ากุ่ยหัวหน้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมองกู้ชูหน่วนและหัวหน้าเผ่าหมอเมื่อมองกู้ชูหน่วน เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักแต่เมื่อเห็นหัวหน้าเผ่าหมอที่ซบอยู่บนตักของกู้ชูหน่วน เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หายใจหอบหนัก และดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว"ไป รีบไปจากที่นี่เร็ว" อินต้ากุ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมรับการโต้แย้งสวีซานเหนียงและสวีเ
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน