Share

บทที่ 233

Author: เย่ชิงขวง
"นายหญิง ฟื้นแล้วหรือ" ข้างหูคือเสียงปลาบปลื้มดีใจของฝูกวง

กู้ชูหน่วนพยายามเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคือสายตาห่วงใยของฝูกวง

"ที่นี่ที่ไหน"

"พวกเราตกลงมาจากยอดผา โชคดีที่ระหว่างทางมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นสกัดกั้นไว้หลายคราว นายหญิง ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า"

"มี รู้สึกไม่สบายทั้งตัวเลย โดยเฉพาะที่หน้าอก"

"ห้ะ..." ฝูกวงตื่นตระหนก

กู้ชูหน่วนพยายามฝืนลุกขึ้นนั่ง แต่แค่ขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่เท้าก็แล่นเข้ามาจนนางสีหน้าเหยเก ก้มลงไปมองถึงพบว่าข้อเท้าของตนถูกกิ่งไม้เกี่ยวเป็นบาดแผลใหญ่ยาวเป็นทาง เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ใดทำแผลให้ตั้งแต่เมื่อใด

นางยกมือขึ้นไปมะเหงกเขาทีหนึ่ง "ใครใช้ให้เจ้ากระโดดลงมา"

ฝูกวงก้มหน้าหงอราวกับเด็กที่ทำความผิดมา พูดพึมพำเสียงเบา "เห็นนายหญิงตกลงไป ข้าก็ใจคอไม่ดี รีบกระโดดตามลงไปด้วย"

"……"

ประโยคนี้ ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้จะตอบเขาเช่นไรดี

"ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม"

"มีแผลถลอกเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่"

"เยี่ยเฟิงล่ะ"

"เยี่ยเฟิงยังสลบไม่ได้สติ ข้าน้อยตรวจดูแล้ว เขาก็ไม่มีปัญหาใหญ่ใด"

เช่นนั้นแล้ว มีเพียงแค่นางที่ดวงซวย ได้แผลที่ขา

กู้ชูหน่ว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 234

    ฝูกวงสงสารจับใจ วางเยี่ยเฟิงที่แบกอยู่บนหลังลง แล้วพยุงกู้ชูหน่วนให้นั่งลง "นายหญิง แผลของท่านเปิดแล้ว ข้าจะทำแผลให้ท่านใหม่อีกรอบ""ได้" กู้ชูหน่วนโยนยาห้ามเลือดขวดสุดท้ายให้ฝูกวงฝูกวงนั่งลงไปในท่ากึ่งคุกเข่า ท่าทางอ่อนโยนราวกับกำลังประครองสมบัติล้ำค่า กลัวว่าหากแรงเกินไปเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้นางบาดเจ็บได้ผ้าพันแผลเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนแยกไม่ออก ฝูกวงกลัวว่านางจะเจ็บ แกะอยู่นานก็แกะไม่ออกสักทีกู้ชูหน่วนระอา "สุดหล่อ นี่เจ้ากำลังจักจี้ข้าอยู่หรืออย่างไร"ระหว่างพูด นางดึงผ้าพันแผลที่พันเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกอย่างรวดเร็ว เลือดพลันไหลทะลักออกมา แต่นางก็เพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่นเบาๆหากไม่ใช่เพราะบนใบหน้าของนางมีเหงื่อไหลซึมออกมา แทบจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าแผลของนางไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อยยิ่งนางเข้มแข็งเช่นนี้ ฝูกวงยิ่งรู้สึกปวดใจ หยาดน้ำตาใสๆ รื้นอยู่ที่ขอบตา"ร้องทำไม กลัวจะออกไปไม่ได้หรือ"บรรยากาศค่อนข้างหม่นหมอง กู้ชูหน่วนก้มหน้า ภายใต้แสงไฟสลัว นางเห็นฝูกวงคอยปาดน้ำตาอยู่เป็นระยะมองเขาดีๆ อีกที อายุน่าจะราวๆ แค่สิบเจ็ดปีในยุคปัจจุบัน อายุสิบเจ็ดยังเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนค

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 235

    "ในเมื่อนายคนก่อนของเจ้าดีขนาดนั้น แล้วเหตุใดเจ้าถึงยอมรับข้าเป็นนายหญิงอีกคน ทั้งยังปกป้องข้าด้วยความจงรักภักดีถึงเพียงนี้""ไม่รู้ คงเพราะนายหญิงมีบางอย่างคล้ายคลึงกับนายคนก่อนของข้าน้อยกระมัง"กู้ชูหน่วนอยากจะมะเหงกใส่เขาอีกทีเสียจริง "พูดมาตั้งนาน ที่แท้ข้าก็เป็นเพียงเงาของผู้อื่น ฝูกวงเอ๊ยฝูกวง เจ้าจะทำร้ายจิตใจข้าเกินไปแล้ว""นายหญิงไม่ใช่เงา นายหญิงก็คือนายของข้าน้อย ทั้งชีวิตนี้ของข้าน้อยมีท่านเป็นนายเพียงคนเดียว""พอแล้วพอแล้ว ล้อเจ้าเล่นเฉยๆ จะจริงจังขนาดนี้ทำไม ไม่ว่าเจ้ายอมรับข้าเป็นนายเพราะเหตุใด เจ้าจงจำไว้ อย่าได้หักหลังข้า ชั่วชีวิตนี้ของเขา เกลียดการโดนทรยศที่สุด"พูดถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าของกู้ชูหน่วนเคร่งขรึมจริงจัง พลางจ้องฝูกวงด้วยสายตาตักเตือนชาติก่อนของนาง ก็เพราะถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ถึงได้ตายอย่างทุกข์ทรมานแล้วข้ามมิติมาเช่นนี้ฝูกวงคุกเข่าลงด้วยความเคารพ ก่อนจะก้มหัวคำนับอย่างแรงสามที แล้วเอ่ยสาบาน "ไม่ว่าชาติไหนข้าน้อยจะไม่มีทางทรยศหักหลังนายท่าน ไม่เช่นนั้นขอให้ฟ้าผ่าตาย""ลุกขึ้นเถอะ เจ้าเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ หากถูกฟ้าผ่าตายไป

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 236

    "โลกใบนี้ ยอดฝีมือที่เก่งกาจไร้เทียมทานมีผู้ใดบ้าง" เยี่ยเฟิงฝูกวงต่างก็มองนางด้วยความสงสัยกู้ชูหน่วนปิดปากกระแอมเบาๆ "ข้าหมายความว่า ที่แห่งนี้ที่พวกเราอยู่ ยอดฝีมือที่เก่งกาจไร้เทียมทานมีผู้ใดบ้าง"เยี่ยเฟิงตอบนิ่งๆ "เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน มีจำนวนเท่าใดกันแน่ เรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้จริงๆ แต่หัวหน้าเผ่าหมอ เทพสงครามเย่จิ่งหาน หัวหน้าเผ่าเทียนเฝิน เจ้าสำนักซิวหลัว ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานที่เลื่องลือไปทั้งใต้หล้า รวมไปถึงเหล่าปรมาจารย์อาวุโสจากตระกูลเก่าแก่""หัวหน้าเผ่าหมอเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คาดเดาอารมณ์ได้ยาก หากเขาคิดจะชิงกระดิ่งภินวิญญาณ ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเลยแต่อย่างใด""เทพสงครามเย่จิ่งหานสองขาพิการ คนผู้นั้นสองขายังใช้การได้ดี ไม่น่าเป็นเขาได้""เผ่าเทียนเฝินอยู่อย่างสันโดษมานาน ไม่เคยข้องเกี่ยวโลกีย์ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชิงไป""ส่วนเจ้าสำนักซิวหลัว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางหายตัวไปตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้เป็นตายเช่นไรก็ไม่รู้"กู้ชูหน่วนลูบคาง พลางพึมพำกับตัวเอง "เผ่าเทียนเฝิน ?"ชื่อนี้เหตุใดถึงได้ฟังดูคุ้นเพียงนี้ทันทีที่พูดถึงเผ่าเทียนเฝิน ภายในถ้ำที่

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 237

    กู้ชูหน่วนและพวกเดินตามช่องลมไป เดิมทีคิดไว้อีกไม่นานก็คงจะเจอทางออก คิดไม่ถึงว่าเดินไปหลายชั่วยาม ก็ยังออกไปไม่ได้ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังจะสบถออกมา กลับได้ยินเสียงของเยี่ยเฟิง "ข้างหน้ามีแสงสว่าง ปากถ้ำอยู่ด้านหน้า"ทั้งสามคนเดินอยู่ในถ้ำเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนถึงจะออกมาได้แล้วก็เดินวนอยู่ในเขาอีกสองวันกว่าจะออกมาถึงในตัวเมืองนอกประตูเมือง เมื่อทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นไปมองตัวอักษรบนกำแพงเมืองต่างก็ตะลึงงันไปตามๆ กัน"ตำบลชิงหง ?"กู้ชูหน่วนไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่นี้มาก่อน ในหัวก็ไม่มีความทรงจำ หรือภาพจำใด เมืองเล็กๆ ระแวกเมืองหลวงดูเหมือนจะไม่มีชื่อนี้ส่วนฝูกวงและเยี่ยเฟิงมึนงงตำบลชิงหงจัดเป็นเขตชายแดนของแคว้นเย่ เดินไปทางนอกด่านอีกสักระยะหนึ่ง ก็จะออกนอกเขตแคว้นไป เป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใดดูแล เขาดูดวิญญาณเขาดูดวิญญาณและเขาหมายวิญญาณ ต่างกันเพียงคำเดียว ทว่ากลับอยู่ห่างกันหลายพันลี้พวกเขาก็แค่เดินอยู่ในถ้ำไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาถึงที่ตำบลชิงหงได้คงไม่ใช่ว่าถ้ำแห่งนั้น คือการขุดอุโมงค์ระหว่างเขาสองลูกหรอกนะ"พวกเจ้าไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปเสี่

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 238

    เยี่ยเฟิงปิดปากกระแอมเบาๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่ติฉายแววกระอักกระอ่วนเห็นสีหน้าของเขา กู้ชูหน่วนแทบจะลมจับ"เจ้าคงไม่ได้ไม่มีเงินด้วยหรอกนะ""เรื่องนี้...ต้องขอโทษด้วย เยี่ยเฟิงยากจน เงินทองขาดมือ"กู้ชูหน่วนหมดคำจะพูดไปชั่วขณะข้างต้นหลิวใกล้โรงเตี๊ยมกู้ชูหน่วนและพวกไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันหลายคืน อีกทั้งยังเดินทางไกลอย่างยากลำบาก ทั้งสามคนเหนื่อยล้าอ่อนแรง จึงหาโขดหินนั่งพักเดิมทีพวกเขาแค่ต้องการจะนั่งพักผ่อนสักเล็กน้อย แล้วค่อยหาทางหาเงินต่อไปคิดไม่ถึงว่า ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาเห็นพวกเขาสามคนแล้วต่างพากันส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ก่อนจะโยนเงินให้พวกเขาอีแปะสองอีแปะ ด้วยมองว่าพวกเขาเป็นขอทานไปเสียอย่างนั้นกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ รู้สึกหนังหัวชาดิกอีกครั้งฝูกวงลุกขึ้นยืน แล้วพูดด้วยความร้อนรน "นายหญิง ข้าน้อยจะไปหาอะไรมาให้ท่านกิน"เยี่ยเฟิงเองก็ลุกขึ้นด้วย พูดด้วยท่าทีเก้อเขิน "ข้าจะไปหาดูว่ามีงานรับจ้างใดบ้าง หาเงินก่อนแล้วค่อยหาอะไรรองท้อง"ถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นขอทาน แล้วปล่อยให้คนอื่นมาทำทานให้พวกเขา เรื่องเช่นนี้ พวกเขาทำไม่ลงกู้ชูหน่วนกลับเอื้อมแขนไปดึงพวกเขาไว้ข

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 239

    "ที่นี่มีคนของเผ่าหมออยู่จำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา อย่าไปยุ่งเลย" เยี่ยเฟิงเอ่ย "เจ้าว่า หญ้าตี้อวี้จะอยู่ที่พวกเขาหรือไม่ หรือพวกเขาจะรู้แหล่งของหญ้าตี้อวี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนวางมือที่ท้าวคางอยู่ลงมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะผิวปากหนึ่งที "ไป พวกเราไปหาอะไรใส่ท้องกัน""นายหญิง มีแค่สิบห้าอีแปะ เกรงว่าไม่เพียงพอจะทำให้อิ่มท้องได้"กู้ชูหน่วนหลับตา ควานหาบางอย่างในแหวนปริภูมิอยู่สักพัก ก่อนจะเจอเศษเบี้ยที่เล็กที่สุด แต่ก็มีมูลค่าถึงสิบตำลึงนางโยนไปให้ฝูกวง "ไปหาร้าน นำเบี้ยสิบตำลึงไปแลกเป็นเศษเบี้ยหนึ่งตำลึง"ฝูกวงอ้าปากกว้างด้วยความตะลึงงันเขาลืมไปได้อย่างไรว่านายหญิงมีแหวนปริภูมิอยู่ นางตุนเงินไว้ด้านในจำนวนไม่น้อยเขาก้มหน้าลงมองเหรียญกษาปณ์สิบห้าเหรียญในมือที่น้อยจนน่าสงสาร เขาพบว่าตนถูกนายหญิงหลอกแล้วด้วยความสามารถทางการเงินของนาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องนั่งขอทานเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิตด้วยฝูกวงมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยท่าทางน้อยใจ ก่อนจะมุ่ยปากพูด "นายหญิง ท่านจะใจร้ายเกินไปแล้ว กับข้าก็ยังหลอกได้""สิบห้าอีแปะก็ถือเป็นเงินเหมือนกัน หาเง

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 240

    กู้ชูหน่วนพยายามบีบน้ำตาสุดกำลัง ร้องไห้คร่ำครวญกับเหล่าชาวบ้านที่เข้ามามุง "พวกเราสามพี่น้อง เร่ร่อนขอทาน กว่าจะได้เงินมาหนึ่งตำลึงอย่างยากลำบาก อยากจะเข้าไปกินหมี่หยางชุนสักชาม แต่กลับถูกไล่ตะเพิดออกมา สงสารก็แต่น้องชายข้าที่ป่วยใกล้ตาย อยู่ได้อีกไม่นาน ชั่วชีวิตนี้ของเขา ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือได้กินบะหมี่หยางชุนร้อนๆ ของโรงเตี๊ยมผิงอันสักชาม"นางพูดพลางลูบไหล่เยี่ยเฟิงด้วยความสงสารเยี่ยเฟิงเกิดอาการเหวอไปชั่วขณะเหตุใดนางไม่ให้ฝูกวงเล่นกับนาง มาหาเขาทำไม"ดูน้องชายข้าสิ งงงวยไปหมดแล้ว หรือเป็นเพราะพวกเราคือขอทานเลยต้องโดนดูถูกเช่นนี้หรือ พวกเรากินบะหมี่ ใช่ว่าจะไม่จ่ายเงิน"เพราะกลัวว่าคนจะจำได้ เยี่ยเฟิงและฝูกวงรีบหาโคลนมาทาบนหน้า บดบังใบหน้าที่หล่อเหลาชวนตะลึงของพวกเขาเยี่ยเฟิงหน้านิ่งไม่หือไม่อือ ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาตกใจกลัวจนนิ่งอึ้งไปแล้วจริงๆต่างพากันด่าทอต่อว่าบริกรร้าน"ปกติแล้วพวกเจ้าก็ยโสโอหัง ดูถูกคนจน ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะทำเกินกว่าเหตุถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้ที่ป่วยเกินเยียวยา อยู่ได้อีกไม่นานก็รังแก พวกเจ้าใจดำเกินไปแล้ว"ทันทีที่ได้ยินคำว่าป่วยเกินเยียวย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 241

    ไม่รู้ว่าหมอกเริ่มลงตั้งแต่เมื่อใด ปกคลุมไปทั่วทั้งป่าไผ่ หมอกลงหนักจนแม้แต่ในระยะหนึ่งเมตรก็ไม่อาจเห็นได้ชัดกู้ชูหน่วนออกคำสั่ง "น่าจะเป็นค่ายกลหมอก ทุกคนอยู่ใกล้กันไว้ อย่าแยกไปไหน"ไม่มีเสียงตอบรับจากรอบข้าง กู้ชูหน่วนหันไป กลับพบว่าเยี่ยเฟิงแตกแถวไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แม้แต่ฝูกวงที่ตามนางมาติดๆ ก็หายไปด้วย"เยี่ยเฟิง ฝูกวง..."กู้ชูหน่วนตะโกนเรียกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากพวกเขา ในใจอดระแวงไม่ได้ข้างโสตพลันมีเสียงลมพัดผ่านราวกับเสียงวิญญาณคร่ำครวญ เศร้าสลด ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือกต้นไผ่สั่นไหว เงาสีเขียวขจีเอนไปซ้ายทีขวาที ราวกับต้นไผ่มีขาเคลื่อนไหวไปทั่วทุกทิศพื้นดินเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า คล้ายกับว่ากู้ชูหน่วนกำลังอยู่ในเขาวงกดขนาดมหึมา นางไม่ขยับ พื้นดินก็ไม่ขยับ ทันทีที่นางขยับ พื้นดินก็เคลื่อนตามไปด้วยกู้ชูหน่วนหลับตาลง พยายามสัมผัสถึงทิศทางลมและทิศทางการเคลื่อนไหวของค่ายกลอย่างละเอียด ไม่นานนัก นางก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตาเย็นยะเยือก มุมปากยกยิ้มมีเลศนัยคิดจะใช้ค่ายกลกับนางหรือคิดว่านางร่ำเรียนวิชาแก้ค่ายกลมาไม่ได้ประโยชน์ใดเลยหรือกู้ชูหน่วนเ

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 266

    "เช่นนั้นบ้านเจ้ายังมีผู้ใดอีก""ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก"เมื่อได้ยินคำว่าเด็กกำพร้า ฮองเฮาฉู่พลันรู้สึกบีบคั้นหัวใจขึ้นมาแวบหนึ่ง"เด็กน้อยน่าสงสาร เช่นนั้นเจ้าเติบโตมาเช่นไร""ข้าดวงดี ได้พบกับคนใจดีมากมาย พวกเขาเลี้ยงข้าจนเติบใหญ่ ข้ายังมีท่านยายอีกคน แม้ดวงตาคู่นั้นของนางจะสูญเสียการมองเห็น แต่นางก็ปฏิบัติต่อข้าราวกับลูกแท้ๆ"เยี่ยเฟิงคลี่ยิ้ม รอยยิ้มฉาบไว้ด้วยหยดน้ำตาเล็กๆ เห็นแล้วสงสารจับใจดวงดีที่ว่า ฮองเฮาฉู่ไม่เชื่อแต่อย่างใดหากดีจริง เช่นนั้นเหตุใดถึงได้มีบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น แผลบนแขนของเขา มีทั้งเก่าและใหม่ แผลเก่าก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานเพียงใดแล้วเด็กคนนี้...ตั้งแต่เล็กจนโต คงพบเจอกับความลำบากมาไม่น้อยเป็นแน่"ข้าก็เคยมีลูกชายแท้ๆ คนหนึ่ง น่าเสียดาย วันที่ข้าเกิดเขาออกมา เขาก็ถูกชิงตัวไป ข้ายัง...ไม่เคยได้กอดเขาเลยเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ น่าจะอายุไล่เรี่ยกับเจ้า" ฮองเฮาฉู่ปาดน้ำตาเบาๆในที่ที่ฮองเฮาฉู่มองไม่เห็น เยี่ยเฟิงกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น เขาพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ฟันกลับสั่นกระทบกันอย่างควบคุมไม่อยู่"เหตุใด...เหตุใดถึงถูกชิงต

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 265

    "เสร็จแล้ว ช่วงสองสามวันนี้อย่าเพิ่งโดนน้ำ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว"เยี่ยเฟิงมองดูผ้าพันแผลหนาเตอะบนมือสองข้างของตน หัวใจพลันรู้สึกถูกเติมเต็มเขาอยากจะบอกว่า เทียบกับสิ่งที่เขาเจอมาก่อนหน้า เรื่องพวกนี้ไม่นับอะไรเลย ไม่มีความจำเป็นต้องห่วงแต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากพูดออกมา เพียงแค่ขานรับเบาๆ ท่าทางว่าง่ายฮองเฮาฉู่เก็บกล่องยา ไม่ทันระวังขอบกล่องไปเกี่ยวกับแขนเสื้อของเยี่ยเฟิง เผยให้เห็ยรอยแผลทั้งแนวตั้งและแนวขวางพาดสลับกันทั่วทั้งแขนบนแขนของเขามีทั้งรอยไฟนาบ แผลจากแส้ฟาด น้ำร้อนลวก แผลจากดาบ ง้าวและอื่นๆ ปะปนอยู่ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายบริเวณที่ถูกกัดจนเนื้อหายไปหลายส่วน แทบจะหาบริเวณที่ไม่บุบสลายไม่ได้เลยฮองเฮาฉู่และซิ่งเอ๋อร์ต่างก็ตะลึงงัน สีหน้าพลันซีดเผือดในพริบตาเยี่ยเฟิงลนลาน รีบดึงแขนเสื้อของตนลง สายตาเฉยชาคู่นั้นไม่ได้ใจเย็นเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปเขาเองก็ไม่รู้ว่าฮองเฮาฉู่เห็นรอยแผยบนแขนของเขาหรือไม่ ทำได้เพียงแค่อธิบายด้วยความร้อนรน "หนังข้าเหนียว บาดแผลเหล่านี้..."ซิ่งเอ๋อร์พูดแทรกกะทันหัน "พระเจ้าช่วย ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดบนตัวถึงได้มีแผลเป็นมากมายเพ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 264

    เยี่ยเฟิงพลันใจสั่นระรัว "กับข้าวที่ข้าทำไม่ดีหรอกหรือ""แน่อยู่แล้ว ฮูหยินของข้ากลัวรสชาตินี้ที่สุด ท่านรีบนำอาหารของท่านออกไปเถอะ" ซิ่งเอ๋อร์ถือโอกาสเอ่ย"ซิ่งเอ๋อร์"ฮองเฮาฉู่ดุอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจังเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ทำเอาซิ่งเอ๋อร์ตกใจจนเกือบทรุดนางยกแขนเสื้อขึ้นมา แล้วเช็ดหยดน้ำตาที่หางตาเบาๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายอย่าไปฟังที่นางพูดเรื่อยเปื่อย อาหารสามอย่างนี้ ข้าชอบกินที่สุดแล้ว"นางหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบรากบัวเข้าปากหนึ่งคำ ราวบัวทั้งกรอบทั้งหอม ให้รสชาติที่กลมกล่อมทันทีที่เข้าไปในปาก เป็นรสชาติในความทรงจำของนาง"อร่อย ข้าไม่ได้กินอาหารที่อร่อยเช่นนี้มานานแล้ว""ฮูหยินชอบ เช่นนั้นก็กินเยอะๆ หน่อยเถิด ท่านวางใจได้ กับข้าวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาหารมังสวิรัต ไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์""คุณชายก็ไม่ชอบกินเนื้อหรอกหรือ""ขอรับ" ด้านหนึ่ง เพราะเขาไม่อยากเห็นสัตว์เหล่านั้นต้องถูกเข่นฆ่าอย่างทรมาน อีกด้านเป็นการสะสมบุญให้ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขา เขาจึงไม่กินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เว้นเสียแต่...เว้นเสียแต่ถูกนายท่านหลันบังคับกับข้าวเหล่านี้ถูกปากของฮองเฮาฉ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 263

    ฮองเฮาฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "เพื่อนเจ้าโชคดีนัก""ฮูหยินกินสิ่งใดหรือยัง หากยัง อาหารเหล่านี้จะขอยกให้ฮูหยิน"ไม่รอฮองเฮาฉู่ตอบ ซิ่งเอ๋อร์พลันปฏิเสธเสียงแข็ง "สำรับอาหารเช้าของฮูหยินข้าทำเสร็จแล้ว ไม่รบกวนคุณชายหรอก กับข้าวที่คุณชายทำเก็บไว้กินเองเถอะ"เพียงประโยคเดียว ทำเอาความหวังของเยี่ยเฟิงพังทลาย เขาฝืนยิ้มขมขื่นออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ย "ขออภัยด้วย" แล้วถือตระกร้าสำรับเดินออกไปไม่รู้เพราะแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวเดียวดายของเขา หรือเพราะใบหน้าที่ดูคุ้นตา ฮองเฮาฉู่ถึงได้รู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด"ช้าก่อน"ฮองเฮาฉู่สาวเท้าเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ฉายยิ้มบางๆ "กับข้าวที่คุณชายทำชั่งหอมหวนนัก ข้าหิวจนท้องร้องแล้ว หากคุณชายไม่รังเกียจ กับข้าวนี้ข้าขอรับไว้""ฮูหยิน" ซิ่งเอ๋อร์ตะลึงนอกจากสำรับอาหารที่พวกเขาทำเองกับมือ ฮูหยินก็ไม่เคยกินของด้านนอกเลย วันนี้เหตุใดถึงได้ยอมกินกับข้าวของคนแปลกหน้าได้นางกระซิบกระซาบ "ฮูหยิน เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ใดยังไม่ทราบแน่ชัด หากเมื่อวานได้เจอกับพวกเราเพราะความบังเอิญ วันนี้จะบังเอิญได้อีกเช่นไร ทั้งยังนำอาหารมาให้อีก จากที่บ่าวดู เขาจงใจเข้าใกล้ฮู

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 262

    เยี่ยเฟิงจัดใหม่อีกรอบ เพื่อให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้น มุมปากยกขึ้นเบาๆ "ข้าก็คิดว่างามเช่นกัน""ที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าผู้นี้นั้นเลี้ยงง่ายนัก ผัดกับข้าวอะไรก็ได้มาอย่างสองอย่างก็พอแล้ว เจ้า..."กู้ชูหน่วนยังไม่ทันพูดจบ เยี่ยเฟิงเหลือบมองดูฟ้า ก่อนจะปิดฝาตระกร้าสำรับ ริมปีากแดงระเรื่องขยับเบาๆ "พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะไม่ทันกาลแล้ว รบกวนเจ้าหลีกทางหน่อย""ห้ะ..."กู้ชูหน่วนตะลึงงันกับข้าวพวกนี้ไม่ได้ให้นางหรอกหรือหรือว่าเขิน จึงจะส่งไปให้ที่ห้องนางอย่างนั้นหรือท่ามกลางความสงสัย เยี่ยเฟิงกลับมาอีกรอบ ก่อนจะปลดผ้าคลุมบนใบหน้าของตนเอง แล้วเอ่ยถาม "แม่นางกู้ สีหน้าข้าดูแย่หรือไม่""ไม่...ไม่หรอก" ก็แค่ตาบวมไปหน่อยก็เท่านั้น"ขอบใจ"เยี่ยเฟิงกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากโรงเจไป เหลือเพียงกู้ชูหน่วนและฝูกวงที่กำลังมองหน้ากันตาปริบๆนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือเยี่ยเฟิงไม่เห็นว่านายหญิงอยู่ที่นี่หรอกหรือกู้ชูหน่วนกระแอมสองสามที "เยี่ยเฟิงหน้าบาง พวกเราต้องเข้าใจ ไป กลับห้องไปกินกับข้าวเจที่เยี่ยเฟิงทำกันเถอะ""ขอรับ"ทั้งสองคนเดินตามกันออกไปจากโรงเจ แต่พวกเข

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 261

    "ไม่ใช่ปัญหา จากที่นี่ไปเสี่ยวเหอชุน ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็ไม่พอ ไม่สู้อยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวัน"เอ๊ะ...ไม่ใช่ว่าเยี่ยเฟิงรีบอยากจะกลับไปที่สุดหรอกหรือเหตุใดถึงจะไม่กลับอีกแล้วล่ะต้องมีลับลมคมในเป็นแน่อีกทั้งต้องเป็นเรื่องใหญ่มากด้วย"เจ้า...คงจะไม่ได้คิดสั้นหรอกนะ..." กู้ชูหน่วนหยั่งเชิงเยี่ยเฟิงชะงัก จากนั้นเมื่อรู้ถึงความเป็นห่วงของกู้ชูหน่วน เขาก็เผยยิ้มอ่อนโยนที่เห็นได้ไม่บ่อยนักออกมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น อีกอย่าง...ข้ายังมีคนในครอบครัวให้ต้องดูเล" นอกจากท่านยาย ยังมีท่านพ่อท่านแม่ที่ล้วนแต่ต้องการการดูแลจากเขาทั้งสิ้นแม้เขาจะไม่สามารถเปิดเผยตัวคนกับท่านพ่อท่านแม่ได้ แต่เขาจะคอยอธิษฐานให้พวกเขาลับหลังอยู่เงียบๆกู้ชูหน่วนโล่งใจ "รีบบอกแต่แรกสิ เจ้าจะซื้อกับข้าวอะไรบ้าง ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่""ไม่ต้อง ข้าไปคนเดียวก็พอ อย่างไรก็ชินแล้ว""ได้ มีสิ่งใดต้องการให้ช่วยก็บอกได้เลย""อืม"แผ่นหลังผอมบางของเยี่ยเฟิงหายไปจากในวัด กู้ชูหน่วนลูบปลายคางพลางพึมพำกับตัวเอง "เสี่ยวฝูกวง เจ้ารู้สึกบ้างไหมว่าเยี่ยเฟิงมีบางอย่างไม่ปกติ""มีด้วยหรือ ข้าน้อย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 260

    กู้ชูหน่วนถือหญ้าตี้อวี้ไว้ในมือ แต่กลับไม่มีอารมณ์ที่จะฟื้นฟูใบหน้าเลยแม้แต่น้อย จึงโยนหญ้าตี้อวี้กลับเข้าไปในแหวนปริภูมิ แล้วไปที่ศาลาในวัดเพื่อปล่อยใจให้ว่างเปล่าเพียงลำพังฝูกวงไม่รู้ว่าปรากฏตัวข้างกายนางเมื่อใดและปลอบโยนว่า "นายหญิง คุณชายเยี่ยเฟิงจิตใจดี สวรรค์จะไม่ทอดทิ้งเขาแน่นอน"กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะข้ากำหนดชะตาของข้าเอง ไม่ใช่สวรรค์นางไม่เคยเชื่อสวรรค์หากสวรรค์มีตา ก็คงส่งคนที่รังแกเขาลงนรกไปนานแล้ว จะลอยหน้าลอยตาเช่นนี้ได้อย่างไร"ฝูกวง ช่วยข้าทำอะไรสักหน่อยได้หรือไม่""นายหญิงเชิญสั่ง ข้าจะทำทุกอย่าง""ช่วยข้าสืบประวัติของเยี่ยเฟิง ข้าอยากรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาคือใคร" บางทีการพบพ่อแม่ที่แท้จริงอาจช่วยบรรเทาใจที่ปวดร้าวลงได้บ้าง"ขอรับ ข้าน้อยจะสืบหาประวัติของคุณชายเยี่ยให้ได้ และจะรีบมารายงานข่าวดีให้นายหญิงทราบ""ได้"เวลาผ่านไปหลายถ้วยน้ำชา ประตูห้องของเยี่ยเฟิงก็เปิดออกกู้ชูหน่วนส่งสายตาให้ฝูกวง เป็นสัญญาณให้ตามนางไปโดยเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้เยี่ยเฟิงบังเอิญเจอพวกเขา ทำให้ศักดิ์ศรีของเขาถูกทำลายลงไปอีก เพราะตาของเขาบวมแดงมาก พวกเขาพยายามจะทำเป็นไม่ส

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 259

    เยี่ยเฟิงในใจมีความรู้สึกบางอย่างที่ร้องเรียกให้เขาไปปรากฏตัวแม้เขาจะกลัว ก็อยากเปิดเผยตัวตนแต่คำพูดของซิ่งเอ๋อร์ทำให้ขาที่ยกขึ้นมาแล้วก้าวออกไปไม่ได้อีกต่อไปองค์ชาย......องค์ชายแห่งแคว้นฉู่?แล้วนางก็คือ......ฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่?ฮองเฮาฉู่เอ็ดว่า "ระวังจะมีคนได้ยิน""เหนียงเหนียงทรงระแวงมากเกินไป ที่นี่ไม่มีใครหรอก พวกเรามาไหว้พระที่วัดไป๋อวิ๋นทุกปีก็ไม่เคยเห็นคนร้ายเลยสักคน ที่นี่ดูแลดีมากเพคะ""ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรพูดจาไร้สาระ""เพคะๆ ๆ บ่าวพูดผิดไป แต่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งพระสนมนับสามพันคนไว้ประดับบารมี แต่ก็ไม่เคยทรงโปรดปรานพระสนมองค์ใดนอกจากพระองค์เลย พระองค์กับฮ่องเต้ทรงมีองค์ชายเพียงองค์เดียว พระองค์มีสถานะสูงส่งมาก สวรรค์จะไม่คุ้มครองพระองค์แล้วจะคุ้มครองใครเล่าเพคะ""ข้าเพียงเขาปลอดภัยและมีสุขภาพดีก็พอแล้ว ส่วนเขาจะเป็นองค์ชายที่สูงส่งที่สุดในแคว้นฉู่หรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว" ฮองเฮาฉู่ปักธูปลงกระถาง แล้วถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าเยี่ยเฟิงพิงประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลอาบแก้มใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีองค์ชาย......สูงส่งมาก......แต่เขา......เขาก็แค่ของเล่นของนาย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 258

    ขณะที่เยี่ยเฟิงเดินมาถึงประตูวิหารใหญ่ ซิ่งเอ๋อร์และฮองเฮาฉู่ได้พูดคุยกัน ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ม่านตาหดเล็กลง ราวกับว่าเท้าของเขามีน้ำหนักเป็นพันชั่ง เขาจึงก้าวต่อไปไม่ได้"ฮูหยิน ท่านชายน้อยหายตัวไปนานหลายปีแล้ว แม้ว่ายามนี้เขาจะยืนอยู่ตรงหน้าท่าน ท่านก็อาจจะจำเขาไม่ได้ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?""ยามนั้นที่ข้าคลอดบุตรยากและสลบไป ข้าเห็นดอกเหมยที่บริเวณไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา ดอกเหมยที่กำลังเบ่งบาน ข้ายังคิดว่าทำไมเด็กชายถึงมีปานรูปดอกเหมยที่ไหล่ได้"ปาน......ดอกเหมย?เยี่ยเฟิงหายใจเร็วขึ้นเขาใช้ความพยายามอย่างมากจึงสามารถยืนอยู่หลังประตูได้ร่างกายเย็นเฉียบแนบชิดประตู ราวกับว่าหากไม่แนบชิดประตู เขาก็จะยืนไม่ไหวไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา......ก็มีปานเป็นรูปดอกเหมยเช่นกัน และยังเป็นดอกที่กำลังเบ่งบาน......แม่เฒ่าบอกว่า ตั้งแต่เขาเกิดก็......มี......"แค่ปานรูปดอกท้อ จะสามารถระบุตัวท่านชายน้อยได้อย่างไร? แล้วหากมีคนปลอมตัวล่ะเจ้าคะ?""เป็นไปไม่ได้ ดอกเหมยดอกนั้นแตกต่างจากดอกเหมยอื่นๆ กลีบดอกน้อยกว่าดอกเหมยทั่วไปหนึ่งกลีบ นอกจากข้าและแม่นมแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status