สมุนหลิวหน้าเปลี่ยนสี ตวาดผู้ใต้บัญชาของตนเอง "พูดจาเพ้อเจ้อ สหายอี้จะโกงได้อย่างไร น้องลั่ว เขาปากไม่มีหูรูด เจ้าอย่าถือสาเขาเลย"ลูกเต๋าถูกเขย่าต่อไป สมุนหลิวและอี้เฉินเฟยเดิมพันกันตาแล้วตาเล่าอี้เฉินเฟยก็ชนะทุกครั้งไปสมุนหลิวปาดเหงื่อไม่หยุด สีหน้าดูร้อนรนกระวนกระวายขึ้นเรื่อยๆส่วนสมุนลั่วยิ้มปากไม่หุบ คอยนับเงินไม่ได้หยุดหย่อนสมุนคนอื่นได้แต่งงเป็นไก่ตาแตกคนผู้นี้คือเซียนการพนันหรืออย่างไรเหตุใดถึงไม่เคยแพ้เลยสักครั้งกู้ชูหน่วนมองไปยังอี้เฉินเฟยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร สายตาใจเย็นนิ่งสงบ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยนางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "พี่ใหญ่ลั่ว เป็นอย่างไรบ้าง สหายผู้นี้ที่ข้าพามา ไม่เลวเลยใช่ไหม""นั่นต้องเรียกว่าดียิ่งนัก ยอดเยี่ยมเหลือเกิน สหาย เจ้ารู้จักผู้มีฝีมือเช่นนี้ เหตุใดไม่แนะนำให้ข้ารู้จักตั้งแต่แรก""หากท่านชอบ ข้ายกเขาให้ท่านได้นะ"มือที่ถือเงินอยู่ของอี้เฉินเฟยสั่นระรัวยกให้เขา ?เหอะ...เด็กคนนี้ เห็นเขาเป็นสินค้าแล้วหรืออย่างไร"น้องอี้เป็นคนของเจ้า ข้าจะแย่งของรักของเจ้ามาได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ต่อไปหากเจ้าสะดวก ก็เอาน้องอี้มาให
อาจเพราะรังสีรอบกายของกู้ชูหน่วนที่เย็นยะเยียบ รอยยิ้มเมื่อครู่บนใบหน้าก็หายไปสมุนลั่วจึงถามด้วยความสงสัย "สหาย เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าเจ้าดูไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก""อ่อ...ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่าโหดเหี้ยมเสียจริง""นั่นน่ะสิ ข้าก็ว่าโหดเหี้ยมนัก แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ใครใช้ให้เขาเป็นเชลยเล่า นอกเหนือจากพวกบ่าวไพร่ เดิมทีฐานะของเชลยก็ต้อยต่ำที่สุดในเผ่าหมออยู่แล้ว เยี่ยเฟิงได้รับความโปรดปรานจากนายท่านของพวกเราเนิ่นนานหลายปีเช่นนั้น ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เจ้าดูเชลยคนอื่นๆ สิ มีผู้ใดบ้างที่มีจุดจบที่ดี"เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าคืนนี้เยี่ยเฟิงจะถูกส่งไปที่ยอดเขาหลักช่วงกี่ยาม"เรื่องนี้ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจ น่าจะหลังยามจื่อไปกระมัง""พี่ใหญ่ลั่ว เหตุใดเจ้าตำหนักเจียงถึงได้เกลียดเยี่ยเฟิงนัก""แต่ก่อนเจ้าตำหนักเจียงก็เป็นบ่าวไพร่เหมือนกัน แต่เขาโชคดี ไต่ขึ้นไปเป็นเจ้าตำหนักได้อย่างไร ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก รู้เพียงแต่ว่าพ่อแม่ของเจ้าตำหนักเจียงตายอย่างทุกข์ทรมานเพราะเยี่ยเฟิง เจ้าตำหนังเจียงถึงได้เกลียดชังเยี่ยเฟิงนัก จงใจกลั่นแกล้งเขาบ่อยๆ ไม่รู้ว่าเยี่ยเฟิงต้องทุกข์ยากเพียงใดตอนอยู
สมุนหลิวคัดค้านทว่าสมุนทั้งชั้นผู้น้อยและชั้นสูงเต็มห้องต่างก็มองเขาอยู่ หากแค่นี้เขายังไม่กล้าเดิมพัน แล้วต่อไปจะเป็นลูกพี่ใหญ่ได้อย่างไรประกอบกับที่วันนี้เขาแพ้จนหมดหน้าตักแล้ว เขาเองก็อัดอั้นไฟโทสะในใจอยู่เหมือนกัน กัดฟันกรอดพูดออกไปหนึ่งประโยค "ได้ เดิมพัน""เจ้าจะเดิมพันอะไร""เรือนเก่าของข้า แล้วยังมีเรือนใหม่อีกหลัง""ได้ เจ้าแทงข้างสูงหรือต่ำ" สมุนลั่วกลัวเขาจะเปลี่ยนใจสมุนหลิวแอบซื้อเรือนหลังหนึ่งในเมืองหลวงเอาไว้ สมุนจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้และพากันอิจฉาเขาเขาเองก็อิจฉามากเช่นกันถ้าหากชนะเดิมพันได้เรือนใหม่ของเขามา เท่ากับได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย"เอ่อ...แทงสูงแล้วกัน ไม่ แทงต่ำ""จะสูงหรือต่ำกันแน่""ต่ำ""น้องอี้ เช่นนั้นพวกเราลงอะไร"สีหน้าของอี้เฉินเฟยยังคงสงบนิ่งดังเดิม เขาพูดด้วยรอยยิ้ม "ในเมื่อเขาแทงต่ำ เช่นนั้นพวกเราก็แทงสูงแล้วกัน""จะแทงสูงจริงหรือ เจ้าจะลองคิดดูให้ดีอีกหน่อยหรือไม่" ครั้งนี้เขาเดิมพันเงินไปเยอะมาก จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด หากแพ้ขึ้นมาจริงๆ เงินต้นของเขาก็จะหายไปด้วย"ไม่เช่นนั้น ท่านลงเองดีไหม" อี้เฉินเฟยหลีกทางให้เขาสมุนลั่วรีบโบกมือ ม
"เจ้าพูดว่าข้าโกงซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากวันนี้เจ้าไม่มีหลักฐานมาแสดง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่"กู้ชูหน่วนพูดแทรกขึ้นมาทันที “โอ้ พี่ชายมีอะไรติดอยู่ที่แขนเสื้อรึ?”สมุนหลิวยกแขนเสื้อขึ้นด้วยความสงสัย ลูกเต๋าลูกหนึ่งตกลงมาจากแขนเสื้ออย่างไม่น่าเชื่อ และกลิ้งไปมาบนโต๊ะหลายรอบก่อนจะหยุดลงตึ้ง......ทุกคนต่างตกใจ ไม่คิดเลยว่าหมุนหลิวจะโกงสมุนลั่วตะโกนด้วยความโกรธ และชกไปที่หน้าอย่างแรง “เจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้โกงอีกหรือ หากเจ้าไม่ได้โกง แล้วลูกเต๋าในแขนเสื้อของเจ้าคืออะไร?”สมุนหลิวเองก็หงุดหงิดเขาไม่ได้โกงจริงๆทันใดนั้น ก็โดนชกเข้าที่หน้าอย่างแรงจนหูอื้อไปหมด“เจ้ากล้าชกข้า สามหาว สาวหาว ใส่ความข้าก็มากพอแล้ว ยังกล้าชกข้าอีก สหายทั้งหลาย! ช่วยลงมือเขาให้หนัก”“สหายทั้งหลาย! คนแซ่หลิวไร้ศีลธรรม ไม่เพียงแต่จะโกงต่อหน้าสาธารณชน ยังกล้าชกข้าอีก ช่วยทุบตีเขาแทนข้าที”ทุกคนที่เคยมีความสุขและหัวเราะคิกคักเมื่อครู่ต่างก็เข้าไปชกต่อยกันอย่างดุเดือดกู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยถอยออกมาอี้เฉินเฟยยิ้มเอ่ยว่า "คุณหนูสามไปที่ใดก็สร้างความวุ่นวายที่นั่น"กู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงจริงจังว่า "พูดจาเหลวไหล
อี้เฉินเฟยสวมเสื้อคลุมสีขาวบาง ปิดหน้าด้วยผ้าคลุมใบหน้า และปะปนไปกับเหล่าบ่าวรับใช้เสื้อคลุมที่โปร่งแสงเผยให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาเขาสูงโปร่ง มีบุคลิกที่โดดเด่น และมีกลิ่นอายอันสง่างามติดตัว แม้จะยืนอยู่ในกลุ่มคน ก็สามารถดึงดูดสายตาได้อย่างง่ายดายกู้ชูหน่วนสวมชุดโครงกระดูก สวมหน้ากากโครงกระดูก และถือธงขนาดใหญ่ที่มีลวดลายดอกกล้วยไม้ คุมเหล่าบ่าวรับใช้เดินไปข้างหน้านางกลั้นหัวเราะตลอดทาง และสายตาเยาะเย้ยของนางมักจะมองไปที่อี้เฉินเฟยอยู่เสมอใบหน้าของอี้เฉินเฟยแดงก่ำนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยมากขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่ถูกคนมองด้วยสายตาเปลือยเปล่าเช่นนี้ด้วยเขาคืออาจารย์สามแห่งสำนักหยู และเป็นแบบอย่างของนักปราชญ์ทั่วหล้า อี้เฉินเฟยแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ผู้คนทั่วหล้าจะมองสำนักหยูอย่างไร"บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงกลางดูสง่ามาก""ใช่แล้ว ทุกกริยาบทดูสูงส่งมาก มิใช่บุตรชายของขุนนางในเมืองหลวงหรอกหรือ""ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ยินมาว่าเหล่าบ่าวรับใช้กลุ่มนี้หน้าตาดีมาก นายท่านต้องพอใจมากแน่"ตลอดทางผ่านไปอย่างราบรื่น มี
"พวกเจ้าถูกจับมานานแค่ไหนแล้ว?""ข้าถูกจับมาเดือนกว่าแล้ว""ข้าถูกจับมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว""ข้าถูกจับมาสองเดือนแล้ว""พวกเจ้าเคยเห็นนายท่านหลันหรือไม่?"เหล่าบ่าวรับใช้ต่างส่ายศีรษะ "ไม่เคย แต่ได้ยินมาว่าคืนนี้ยามจื่อจะถูกส่งตัวไปที่นั่น ได้ยินมาว่านายท่านหลันมีนิสัยโหดเหี้ยม เหล่าบ่าวรับใช้ที่ถูกส่งไปแทบไม่มีใครรอดออกมาได้เลย พวกข้า......พวกข้ายังไม่อยากตาย"ยามจื่อ?ก่อนหน้านี้ได้ยินสมุนลั่วพูดว่า เยี่ยเฟิงก็จะถูกส่งตัวในยามจื่อเช่นกันตาเฒ่าชาติชั่วผู้นั้น คืนเดียวเล่นกับชายงามหญิงงามมากขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะเหนื่อยตายเลยรึ"พวกเจ้าอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว รู้หรือไม่ว่าเยี่ยเฟิงถูกขังอยู่ที่ใด?""ข้ารู้ เขาถูกขังอยู่ในเจดีย์เจ็ดชั้น ตรงเจดีย์สุดท้ายนั่นแหละ""ข้าขอถามอีกสักหน่อย พวกเจ้ารู้หรือว่าในเจดีย์แห่งนี้ขังคนไว้จำนวนเท่าใด?""ไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะเกือบร้อย นอกจากเจดีย์แห่งนี้ ยังมีเจดีย์อีกหลายแห่งที่ขังคนไว้จำนวนมาก"กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยสบตากัน พวกเขาทั้งคู่เห็นความยากลำบากในสายตาของกันและกันการช่วยเหลือเยี่ยเฟิงเพียงคนเดียวอาจทำได้แต่การพาคนหลายร้อยคนหนีออกจาก
นอกจากหัวเราะอย่างขมขื่นแล้ว อี้เฉินเฟยจะพูดอะไรได้อีกกู้ชูหน่วนให้เหล่าบ่าวรับใช้รออยู่ที่เดิมอย่างสงบ แล้วรอให้พวกเขามาช่วยเหลือ จากนั้น นางก็ตามอี้เฉินเฟยไปยังเจดีย์เจ็ดชั้นใกล้ยามจื่อเข้ามาทุกที เวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่อี้เฉินเฟยกลับไม่ยอมออกไปง่ายๆ เขาหาโอกาสตีสมึนให้สลบ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาก่อนถึงจะยอมออกมากู้ชูหน่วนเบ้ปาก "เสียของมาก ใส่ชุดสีขาวโปร่งยังดูดีกว่าอีก""ห้ามพูดถึงชุดสีขาวอีก""ได้ หากรับปากข้าเรื่องหนึ่งก่อน"อี้เฉินเฟยจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าสาวน้อยเจ้าเล่ห์จะมาไม้ไหนอีกกู้ชูหน่วนตบที่อกเขาเบาๆ เป็นเชิงบอกให้สบายใจ "ข้าจะไม่ให้ทำอะไรที่ขัดต่อความเที่ยงธรรมในยุทธภพ แค่......เจ้ารำเปลือยกายให้ข้าดูได้หรือไม่?""แค่กๆ..."อี้เฉินเฟยแทบสำลักน้ำลายตัวเองเขาเดินต่อไปข้างหน้า พยายามกลบเกลื่อนความอับอาย"ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน""หากพี่ไม่พูด ถือว่าตอบตกลงนะ""……"เขาเงียบเมื่อไหร่กัน?มิใช่เพิ่งพูดไปว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันหรอกหรือ?เสียงฝีเท้าหลายคู่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้พวกเขาอี้เฉินเฟยและกู้ชูหน่วนยืนอยู่สองข้าง เหยียดหลังตรง และเ
"แค่กๆ ๆ"พอเทสุราจากไหหนึ่งหมดลง เยี่ยเฟิงก็ฉวยโอกาสไอออกมาอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าสำลักไม่น้อยไม่รอให้เขาไอเสร็จ ก็ถูกกรอกด้วยสุราไหใหม่ข้างหูได้ยินเสียงของเจียงซวี่ที่กำลังพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าได้ใจแม้เจ้าจะเอากระดิ่งภินวิญญาณกลับคืนมาได้จริงๆ เจ้าคิดว่านายท่านจะปล่อยเจ้าไปจริงๆ หรือ? เหอ โง่มาก เจ้าเป็นคนของนายท่าน นอกจากนายท่านจะยกเจ้าให้คนอื่น มิเช่นนั้น เขายอมทำลายเจ้าทิ้ง ดีกว่าจะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา""ที่เขาพูดเช่นนั้น ก็แค่ต้องการใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ ชีวิตนี้เจ้าจะเป็นของนายท่านคนเดียว เป็นของเล่นของนายท่านตลอดไป ฮ่าๆ ๆ......""ปัง......"เจียงซวี่โยนไหสุราเปล่าทิ้งไป ปล่อยมือที่บีบคางเขาลง และยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เยี่ยเฟิงไออย่างเจ็บปวดจนแทบไอปอดออกมาด้วยแล้วกว่าจะหายใจได้ปกติก็ใช้เวลานานพอควรเมื่อฟังคำพูดของเจียงซวี่ น้ำตาจากหางตาของเยี่ยเฟิงก็ไหลออกมารวมกับสุราที่เขาดื่มไป ไหลลงมาเสียง "ติ๊ก" หนึ่งเสียงหัวใจของเขารู้สึกเศร้าสลดถึงขีดสุดความสิ้นหวังห่อหุ้มทั้งร่างกายของเขาไว้ตั้งแต่แรกที่ได้ยินว่านายท่านตั้งใจจะปล่อยเขาไป
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน