แต่เขาเหลืออดเกินทนแล้ว จึงตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด "ออกไป ไสหัวออกไปให้หมด"ทุกคนต่างก็มองไปที่เขา ไม่รู้ว่าเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาแม้เล้าตั้งสติได้ก่อนผู้ใด รีบไกล่เกลี่ย "คุณชายเซียว มีสาวงามเพิ่งมาใหม่หลายคน ข้าให้พวกนางมาอยู่เป็นเพื่อนท่านดีไหม""ไม่จำเป็น เจ้าสั่งให้พวกชายเหล่านั้นไสหัวออกไปให้หมด ห้ามเข้าใกล้นาง"เซียวอวี่เชียนพูดพลางไล่ตะเพิดคนพวกนั้นกู้ชูหน่วนเบะริมฝีปาก "เสี่ยวเชียนเชียน เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้หนุ่มรูปงามของข้าตกใจได้""ไปให้พ้น"เหล่าชายนุ่มรูปงามทั้งหลายมองไปทางกู้ชูหน่วน ทั้งยังมีบางคนถึงขั้นน้ำตาเอ่อนองกู้ชูหน่วนให้เงินพวกเขาอีกคนละหนึ่งหมื่นตำลึงด้วยความใจป้ำ แล้วปลอบโยน "เด็กดี ครั้งหน้าข้าจะมาหาพวกเจ้าอีก"คนละหมื่นตำลึงอีกแล้วชายรูปงามเหล่านั้นหน้าระรื่นราวกับดอกไม้ผลิบาน อยากจะเข้าไปกอดขาของกู้ชูหน่วนเอาไว้แน่นๆ ให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและคุณชายเซียวไม่ธรรมดา จึงทำได้เพียงจากไปด้วยความอาลัยแม่นางทั้งหลายในหอต่างก็อิจฉาตาร้อนกันถ้วนหน้าที่ผ่านมา ผู้ที่ได้เงินล้วนแต่เป็นพวกนาง แต่ตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่ปรนนิบัติง่าย
"ใช่อี้เฉินเฟยจริงๆ ข้าเคยเห็นภาพวาดของเขามาก่อน ข้ามั่นใจว่าคือเขา""เซียนกวีคือเทพบุตรของข้า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอตัวจริงของเขาในที่แห่งนี้""หญิงสาวข้างกายเขาคือผู้ใด ดูเหมือนชาติตระกูลจะไม่ธรรมดา""พวกเจ้าว่า ถ้าหากคุณหนูสามประชันกับเซียนกวี ใครจะชนะ ผลงานกลอนของคุณหนูสามกู้ในการประลองศิลปะ ยามนี้เป็นที่เลื่องลื่อไปทั่วทั้งใต้หล้า กลายเป็นผลงานอมตะไปแล้ว""เรื่องนี้ก็พูดยาก กลอนของเซียนกวีดี กลอนของคุณหนูสามก็ดีเช่นกัน"มือที่เห็นข้อต่อชัดเจนของกู้ชูหน่วนเคาะลงไปที่โต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า พลางเอียงคอพูดด้วยรอยยิ้ม "มีคนจำได้แล้ว ท่านจะยังดีดอยู่ไหม""นานๆ ทีคุณหนูสามจะมีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้ ข้าจะขัดอารมณ์ท่านได้เช่นไร"พูดจบ อี้เฉินเฟยก็ลุกขึ้น ยืมฉินจากนักบรรเลงฉินผู้หนึ่ง แล้วอุ้มฉินดำขึ้นไปนั่งบนแท่นบรรเลงสิบนิ้วขาวเนียนวางลงบนฉิน อี้เฉินเฟยเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเอาใจ ภายในดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นสะท้อนภาพยิ้มอ้อยอิ่งและเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วนคนทั้งหออู๋โยวล้วนแต่ให้ความสนใจ พากันมองไปยังอี้เฉินเฟยที่นั่งอยู่บนแท่นบรรเลงกลับเห็นเพียงแค่อี้เฉินเฟยยกมือที่ขาวเนียนขึ้นมา แ
"คุณชายเยี่ย ถือว่าทำทาน ช่วยเหลือกันเถอะ แค่ดื่มไม่กี่แก้ว ไม่มีทางให้ท่านทำเรื่องเกินงามเป็นแน่ ท่านดูสิ ข้าเองก็ลำบาก ในหอมีค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องใช้เงิน ทั้งยังมีสาวน้อยหนุ่มน้อยล้มป่วยจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ไม่สามารถรับแขกได้ นานๆ ทีข้าจะได้เจอลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้""ขอโทษด้วย ก่อนหน้าข้าเคยบอกไปแล้ว ว่าไม่รับเป็นเพื่อนดื่ม ไม่รับแขก วันนี้ถึงเวลาแล้ว ข้าต้องกลับก่อน""คุณชายเยี่ย หากท่านไป แล้วข้าจะอธิบายกับแขกเช่นไร ถือว่าข้าขอร้องท่านเถอะ ท่านคิดดูสิ ตอนนั้นที่ยายท่านป่วยหนัก ท่านอับจนหนทางไร้ที่พึ่ง ก็เป็นข้าที่ใจดีเชิญหมอมารักษาอาการป่วยให้ยายของท่านไม่ใช่หรือ เห็นแก่ที่ข้าเคยช่วยท่านเอาไว้ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่"กู้ชูหน่วนหันไปถามเด็กของร้านที่อยู่ข้างๆ"พวกเจ้าสนิทกับเยี่ยเฟิงไหม""เรียนแม่หญิง เยี่ยเฟิงเป็นคนเงียบๆ ยามปกติทั่วไปเขาไม่ค่อยพูด และไม่สุงสิงกับผู้ใด พี่น้องในหอล้วนแต่ไม่สนิทกับเขาทั้งสิ้น รู้เพียงแค่บ้านเขายากจนข้นแค้น อาศัยอยู่กับยายตาบอดผู้หนึ่ง""ตอนนั้น ยายของเขาป่วยหนักอาการร่อแร่ ก็เป็นแม่เล้าที่เมตตาช่วยเชิญท่านหมอมา
"ข้ากลั้นแกล้งเจ้าที่ไหน แค่วันนี้ข้าอารมณ์ดี เลยอยากหาคนดื่มด้วยสักสองสามจอก แต่เสี่ยวเชียนเชียนของข้ากลับไม่ยอมให้ข้าดื่มกับชายงามคนอื่นๆ ข้าจึงทำได้แค่เรียกตัวเจ้ามานี่แหละ""กี่จอก" เยี่ยเฟิงพูดจากระชับรวบรัด ไม่ยอมให้กู้ชูหน่วนรั้งไว้ได้นาน"สามจอกก่อนแล้วกัน"กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ในท่วงท่าเกรียจคร้าน มือข้างหนึ่งท้าวคางอยู่เงียบๆ มองดูเยี่ยเฟิงมือหนึ่งถือไหเหล้า มือหนึ่งถือจอกเหล้า ก่อนจะดื่มเข้าไปสามจอกด้วยท่าทางสบายๆ"เสี่ยวเฟิงเฟิง เจ้าไม่เพียงแต่หน้าตาดี ท่าทางในการดื่มเหล้าก็ชวนให้คนหลงใหลยิ่ง"เซียวอวี่เชียนต่อว่านาง "หญิงลามก"อี้เฉินเฟยบรรเลงฉินพลางยิ้มฝืดเฝื่อนนางผู้นี้ให้เขามาดีดฉิน แต่ยังบรรเลงไม่จบเพลง นางก็ไปเกี้ยวชายงามคนอื่นแล้ว"ข้าไปได้หรือยัง""แน่นอนว่ายัง เจ้าเป็นนักบรรเลงฉินไม่ใช่หรือ ไม่เช่นนั้นเจ้าบรรเลงให้ข้าฟังสักเพลง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเล่นดีหรือพี่ใหญ่อี้เฉินเฟยเล่นดีกว่า"กู้ชูหน่วนพูดพลางดึงเขามาข้างกายเยี่ยเฟิงผงะถอยหลังไปหลายก้าว ดูเหมือนจะไม่ชอบให้ผู้อื่นถูกตัวเท่าไรนัก"เหตุใดเจ้าต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ด้วย ข้าไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย"ระห
"ข้ามีนิสัยอย่างหนึ่ง คือชอบบังคืบขืนใจผู้อื่น""……"กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า เย่จิ่งหานความคิดบิดเบี้ยวไปแล้วเขาไม่กลัวตัวเองโดนสวมเขา แล้วนางจะกลัวไปใยเย่จิ่งหานกวาดสายตาไปมองทุกคนในหออู๋โยวปราดหนึ่ง ก่อนจะหยุดอยู่บนตัวอี้เฉินเฟย เยี่ยเฟิงและเซียวอวี่เชียนเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากเรียวบางถึงจะเปิดเบาๆ "พาตัวไป""ท่าน...ท่านเผด็จการถึงเพียงนี้เลยหรือ ยัยขี้เหร่ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของท่านเสียหน่อย"เซียวอวี่เชียนฟันสั่นกระทบกันหงึกหงัก ทว่ากลับยืนขวางตรงหน้ากู้ชูหน่วนไม่ยอมหลีกไปไหนอี้เฉินเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เทพสงคราม ในเมื่อข้าน้อยอี้รับปากแล้วว่าจะอยู่กับคุณหนูสามเป็นเวลาเจ็ดวัน เช่นนั้นระหว่างเจ็ดวันนี้ย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของนาง""ทำไม...สำนักขงจื่อจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าหรือ" เย่จิ่งหานมองข้ามเซียวอวี่เชียนไปเสียดื้อๆ ดวงตาเรียวบางดุจหงส์กวาดไปทางอี้เฉินเฟย"หากท่านกล้าแตะนางแม้เพียงปลายเส้นผม ไม่เพียงแค่สำนักขงจื่อ ทั้งแคว้นจ้าวก็ไม่มีทางรับปาก" อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างใจเย็น ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยการตักเตือนบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาถนัดตา ราวกับเขม่าดินปืนกำ
"ก็จริง ยัยขี้เหร่ฉลาดผิดมนุษย์ ไม่มีทางถูกรังแกได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรอก" เพียงแต่คนผู้นั้นกลับเป็นเทพสงคราม เขาถึงได้ไม่วางใจเท่าไหร่อยู่ดีเยี่ยเฟิงทอดมองดูแผ่นหลังของพวกเขาด้วยท่าทางใช้ความคิด ดวงตาเย็นชาคู่นั้นฉายแววความสับสน ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถึงจะออกไปจากหออู๋โยวด้วยเช่นกันหลังจากเทพสงครามกลับไป ผู้คนทั้งหออู๋โยวถึงจะรู้สึกตัวว่าทั้งร่างของตนอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อครู่นี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองคงต้องตายแล้วจริงๆ"คนผู้นั้นใช่เทพสงครามหานอ๋องที่โหดเหี้ยมเลือดเย็น ฆ่าคนเป็นว่าเล่นจริงหรือ ไม่ใช่ว่ากันว่าเขาป่วยอาการสาหัสหรอกหรือ เหตุใดถึงได้ดูแข็งแรงดีถึงเพียงนั้น""บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดกล้าสวมรอยเป็นเทพสงครามหานอ๋องอีกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายอี้เซียนกวีและคุณชายเซียวก็เรียกเขาว่าเทพสงครามทั้งคู่ พวกเขาสองคนฐานะไม่ธรรมดา จะจำคนผิดได้หรือ""เช่นนั้นหญิงสาวข้างกายเขาผู้นั้น หรือจะเป็นคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดี ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการประลองศิลปะ แล้วยังเป็นคู่หมั้นของเทพสงครามผู้นั้นหรือ""คู่หมั้นของเทพสงครามถึงกลับกล้ามาเที่ยวหอเริงรมย์ สวมเขาอันโตให้กับเทพสงคราม ข้าไม่ไ
"คุณหนูกู้ จวนอ๋องถูกผิดมีกฎแยกแยะชัดเจน ท่าน..."กู้ชูหน่วนขัดจังหวะด้วยความเยือกเย็น "เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูกู้ หมายความว่าข้ายังไม่ใช่คนของจวนอ๋อง ในเมื่อข้าไม่ใช่คนจวนอ๋อง ก็เลิกเอากฎนั่นมาขู่ข้าเสียที""ฟึบฟึบฟึบ..."ร่างแปดร่างโผล่พรวดออกมาจับกู้ชูหน่วนและชิวเอ๋อร์แยกจากกัน คล่องแคล่วว่องไวประดุจเสือชีตาร์เพียงแค่แวบเดียว กู้ชูหน่วนก็รู้เลยว่าวิทยายุทธ์ของแปดคนนั้นไม่ธรรมดา กลัวก็แต่ว่าตัวนางเองจะรับมือไม่ไหวเสียด้วยซ้ำชิวเอ๋อร์ลนลาน ลำตัวสั่นไหวไม่หยุดกู้ชูหน่วนหันไปมองเย่จิ่งหาน หรี่ตาลงพลางเอ่ย "ท่านอ๋อง นี่ท่านหมายความเช่นไร""เจ้าชอบเกี้ยวชายงามนักไม่ใช่หรือ ข้าจะให้สาวใช้ของเจ้าได้สัมผัสดูว่าผู้ใต้บัญชาของข้าฝีมือดีหรือไม่" เย่จิ่งหานจงใจตอกย้ำคำว่าฝีมือพับผ่าสินี่มันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้มาแล้ว ยังจะฝังใจอยู่อีกหมอนี่ใจแคบยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเย่จิ่งหานเป็นชายหนุ่มเจ้าคิดเจ้าแค้นคนหนึ่ง แค้นชนิดที่ว่าฝังหุ่น"ผู้ใต้บัญชาของท่านย่อมมีฝีมือที่ดีอยู่แล้ว จากที่ข้าดู ไม่จำเป็นต้องลองสัมผัสดูหรอก""ข้าว่า...จำเป็นมาก""เย่จิ่งหาน ท่า
"ท่านพูดแล้วว่าขอเพียงแค่ล้มพวกเขาแปดคนได้ก่อนที่คนของท่านจะพาตัวชิวเอ๋อร์ไป ท่านก็จะไม่ติดใจเอาความเรื่องที่ข้าไปเที่ยวหอโคมเชียวกับเรื่องของชิวเอ๋อร์ เทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่คงไม่กลับคำหรอกกระมัง"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยมั่นใจ นางสามารถมองทุกคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มีเพียงเย่จิ่งหานผู้เดียวที่นางมองไม่ออก นัยน์ตาดำสนิทที่นิ่งสงบของเขาคู่นั้น ไม่มีแม้แต่แววตาใดๆ ทำให้นางไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่น้อยผ่านไปนาน นานจนกระทั่งกู้ชูหน่วนคิดว่าเย่จิ่งหานคงคิดคืนคำแล้ว เขาถึงจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค"เรื่องนี้พอเท่านี้ หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็ลองไตร่ตรองดูเอง""เทพสงครามพูดออกมาเองขนาดนี้แล้ว มีหรือที่ข้าจะกล้าไปเกี้ยวชายงามที่หอโคมเขียวอีก""เหอะ เทพสงครามหรือ ใหญ่โตมาจากไหนกัน ข้าอยากจะไปหาผู้ใด ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อนหรือ"บ้าจริงหมอนี่สั่งให้คนสะกดรอยตามนาง รู้กระทั่งว่านางเคยพูดอะไรกู้ชูหน่วนยิ้มประจบประแจง "ความชื่นชมศรัทธาที่ข้ามีต่อท่านเหลือคณานับ คำพูดเหล่านั้น แค่พูดไร้สาระเรื่อยเปื่อย ข้าจะกล้าด่าว่าท่านได้อย่างไร""เริ่มกันเถอะ""เริ่มอะไร" กู้ชูหน่วนถามอย่างอึ้งๆ
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ