"ข้ากลั้นแกล้งเจ้าที่ไหน แค่วันนี้ข้าอารมณ์ดี เลยอยากหาคนดื่มด้วยสักสองสามจอก แต่เสี่ยวเชียนเชียนของข้ากลับไม่ยอมให้ข้าดื่มกับชายงามคนอื่นๆ ข้าจึงทำได้แค่เรียกตัวเจ้ามานี่แหละ""กี่จอก" เยี่ยเฟิงพูดจากระชับรวบรัด ไม่ยอมให้กู้ชูหน่วนรั้งไว้ได้นาน"สามจอกก่อนแล้วกัน"กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ในท่วงท่าเกรียจคร้าน มือข้างหนึ่งท้าวคางอยู่เงียบๆ มองดูเยี่ยเฟิงมือหนึ่งถือไหเหล้า มือหนึ่งถือจอกเหล้า ก่อนจะดื่มเข้าไปสามจอกด้วยท่าทางสบายๆ"เสี่ยวเฟิงเฟิง เจ้าไม่เพียงแต่หน้าตาดี ท่าทางในการดื่มเหล้าก็ชวนให้คนหลงใหลยิ่ง"เซียวอวี่เชียนต่อว่านาง "หญิงลามก"อี้เฉินเฟยบรรเลงฉินพลางยิ้มฝืดเฝื่อนนางผู้นี้ให้เขามาดีดฉิน แต่ยังบรรเลงไม่จบเพลง นางก็ไปเกี้ยวชายงามคนอื่นแล้ว"ข้าไปได้หรือยัง""แน่นอนว่ายัง เจ้าเป็นนักบรรเลงฉินไม่ใช่หรือ ไม่เช่นนั้นเจ้าบรรเลงให้ข้าฟังสักเพลง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเล่นดีหรือพี่ใหญ่อี้เฉินเฟยเล่นดีกว่า"กู้ชูหน่วนพูดพลางดึงเขามาข้างกายเยี่ยเฟิงผงะถอยหลังไปหลายก้าว ดูเหมือนจะไม่ชอบให้ผู้อื่นถูกตัวเท่าไรนัก"เหตุใดเจ้าต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ด้วย ข้าไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย"ระห
"ข้ามีนิสัยอย่างหนึ่ง คือชอบบังคืบขืนใจผู้อื่น""……"กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า เย่จิ่งหานความคิดบิดเบี้ยวไปแล้วเขาไม่กลัวตัวเองโดนสวมเขา แล้วนางจะกลัวไปใยเย่จิ่งหานกวาดสายตาไปมองทุกคนในหออู๋โยวปราดหนึ่ง ก่อนจะหยุดอยู่บนตัวอี้เฉินเฟย เยี่ยเฟิงและเซียวอวี่เชียนเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากเรียวบางถึงจะเปิดเบาๆ "พาตัวไป""ท่าน...ท่านเผด็จการถึงเพียงนี้เลยหรือ ยัยขี้เหร่ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของท่านเสียหน่อย"เซียวอวี่เชียนฟันสั่นกระทบกันหงึกหงัก ทว่ากลับยืนขวางตรงหน้ากู้ชูหน่วนไม่ยอมหลีกไปไหนอี้เฉินเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เทพสงคราม ในเมื่อข้าน้อยอี้รับปากแล้วว่าจะอยู่กับคุณหนูสามเป็นเวลาเจ็ดวัน เช่นนั้นระหว่างเจ็ดวันนี้ย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของนาง""ทำไม...สำนักขงจื่อจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าหรือ" เย่จิ่งหานมองข้ามเซียวอวี่เชียนไปเสียดื้อๆ ดวงตาเรียวบางดุจหงส์กวาดไปทางอี้เฉินเฟย"หากท่านกล้าแตะนางแม้เพียงปลายเส้นผม ไม่เพียงแค่สำนักขงจื่อ ทั้งแคว้นจ้าวก็ไม่มีทางรับปาก" อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างใจเย็น ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยการตักเตือนบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาถนัดตา ราวกับเขม่าดินปืนกำ
"ก็จริง ยัยขี้เหร่ฉลาดผิดมนุษย์ ไม่มีทางถูกรังแกได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรอก" เพียงแต่คนผู้นั้นกลับเป็นเทพสงคราม เขาถึงได้ไม่วางใจเท่าไหร่อยู่ดีเยี่ยเฟิงทอดมองดูแผ่นหลังของพวกเขาด้วยท่าทางใช้ความคิด ดวงตาเย็นชาคู่นั้นฉายแววความสับสน ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถึงจะออกไปจากหออู๋โยวด้วยเช่นกันหลังจากเทพสงครามกลับไป ผู้คนทั้งหออู๋โยวถึงจะรู้สึกตัวว่าทั้งร่างของตนอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อครู่นี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองคงต้องตายแล้วจริงๆ"คนผู้นั้นใช่เทพสงครามหานอ๋องที่โหดเหี้ยมเลือดเย็น ฆ่าคนเป็นว่าเล่นจริงหรือ ไม่ใช่ว่ากันว่าเขาป่วยอาการสาหัสหรอกหรือ เหตุใดถึงได้ดูแข็งแรงดีถึงเพียงนั้น""บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดกล้าสวมรอยเป็นเทพสงครามหานอ๋องอีกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายอี้เซียนกวีและคุณชายเซียวก็เรียกเขาว่าเทพสงครามทั้งคู่ พวกเขาสองคนฐานะไม่ธรรมดา จะจำคนผิดได้หรือ""เช่นนั้นหญิงสาวข้างกายเขาผู้นั้น หรือจะเป็นคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดี ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการประลองศิลปะ แล้วยังเป็นคู่หมั้นของเทพสงครามผู้นั้นหรือ""คู่หมั้นของเทพสงครามถึงกลับกล้ามาเที่ยวหอเริงรมย์ สวมเขาอันโตให้กับเทพสงคราม ข้าไม่ไ
"คุณหนูกู้ จวนอ๋องถูกผิดมีกฎแยกแยะชัดเจน ท่าน..."กู้ชูหน่วนขัดจังหวะด้วยความเยือกเย็น "เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูกู้ หมายความว่าข้ายังไม่ใช่คนของจวนอ๋อง ในเมื่อข้าไม่ใช่คนจวนอ๋อง ก็เลิกเอากฎนั่นมาขู่ข้าเสียที""ฟึบฟึบฟึบ..."ร่างแปดร่างโผล่พรวดออกมาจับกู้ชูหน่วนและชิวเอ๋อร์แยกจากกัน คล่องแคล่วว่องไวประดุจเสือชีตาร์เพียงแค่แวบเดียว กู้ชูหน่วนก็รู้เลยว่าวิทยายุทธ์ของแปดคนนั้นไม่ธรรมดา กลัวก็แต่ว่าตัวนางเองจะรับมือไม่ไหวเสียด้วยซ้ำชิวเอ๋อร์ลนลาน ลำตัวสั่นไหวไม่หยุดกู้ชูหน่วนหันไปมองเย่จิ่งหาน หรี่ตาลงพลางเอ่ย "ท่านอ๋อง นี่ท่านหมายความเช่นไร""เจ้าชอบเกี้ยวชายงามนักไม่ใช่หรือ ข้าจะให้สาวใช้ของเจ้าได้สัมผัสดูว่าผู้ใต้บัญชาของข้าฝีมือดีหรือไม่" เย่จิ่งหานจงใจตอกย้ำคำว่าฝีมือพับผ่าสินี่มันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้มาแล้ว ยังจะฝังใจอยู่อีกหมอนี่ใจแคบยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเย่จิ่งหานเป็นชายหนุ่มเจ้าคิดเจ้าแค้นคนหนึ่ง แค้นชนิดที่ว่าฝังหุ่น"ผู้ใต้บัญชาของท่านย่อมมีฝีมือที่ดีอยู่แล้ว จากที่ข้าดู ไม่จำเป็นต้องลองสัมผัสดูหรอก""ข้าว่า...จำเป็นมาก""เย่จิ่งหาน ท่า
"ท่านพูดแล้วว่าขอเพียงแค่ล้มพวกเขาแปดคนได้ก่อนที่คนของท่านจะพาตัวชิวเอ๋อร์ไป ท่านก็จะไม่ติดใจเอาความเรื่องที่ข้าไปเที่ยวหอโคมเชียวกับเรื่องของชิวเอ๋อร์ เทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่คงไม่กลับคำหรอกกระมัง"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยมั่นใจ นางสามารถมองทุกคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มีเพียงเย่จิ่งหานผู้เดียวที่นางมองไม่ออก นัยน์ตาดำสนิทที่นิ่งสงบของเขาคู่นั้น ไม่มีแม้แต่แววตาใดๆ ทำให้นางไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่น้อยผ่านไปนาน นานจนกระทั่งกู้ชูหน่วนคิดว่าเย่จิ่งหานคงคิดคืนคำแล้ว เขาถึงจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค"เรื่องนี้พอเท่านี้ หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็ลองไตร่ตรองดูเอง""เทพสงครามพูดออกมาเองขนาดนี้แล้ว มีหรือที่ข้าจะกล้าไปเกี้ยวชายงามที่หอโคมเขียวอีก""เหอะ เทพสงครามหรือ ใหญ่โตมาจากไหนกัน ข้าอยากจะไปหาผู้ใด ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อนหรือ"บ้าจริงหมอนี่สั่งให้คนสะกดรอยตามนาง รู้กระทั่งว่านางเคยพูดอะไรกู้ชูหน่วนยิ้มประจบประแจง "ความชื่นชมศรัทธาที่ข้ามีต่อท่านเหลือคณานับ คำพูดเหล่านั้น แค่พูดไร้สาระเรื่อยเปื่อย ข้าจะกล้าด่าว่าท่านได้อย่างไร""เริ่มกันเถอะ""เริ่มอะไร" กู้ชูหน่วนถามอย่างอึ้งๆ
"เหลวไหล ข้าจะอายได้อย่างไร""เช่นนั้นก็เร็วเข้า อืดอาดยืดยาดเสียเวลานอนของข้า ทั้งเรือนร่างของท่าน มีจุดไหนบ้างที่ข้ายังไม่เคยเห็น""เฮือก..."ไม่ต้องพูดถึงในห้อง ทั้งจวนอ๋อง ไอเย็นพลันลดลงไปถึงจุดเยือกแข็ง ทั้งยังเจือด้วยรังสีอำมหิตอยู่รางๆชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยมุดหน้าลงต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้หากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะมุดออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้คุณหนูสามกู้ไม่รู้กาลเทศะเกินไปแล้ว เรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรกู้ชูหน่วนพลันหนาวสั่น รู้สึกได้เลือนๆ ว่าเท้าข้างหนึ่งของตนได้ย่างเข้านรกภูมิไปแล้วนางไม่แคลงใจแม้แต่น้อย ว่าแค่นางพูดอีกเพียงประโยคเดียว เย่จิ่งหานจะต้องเอาชีวิตของนางเป็นแน่"กู้ชูหน่วน เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าใช่หรือไม่""กล้ากล้ากล้า ท่านคือเทพสงคราม คุมกองกำลังทหาร มีอำนาจล้นมือ คิดจะฆ่าข้าง่ายเสียกว่าขยี้มดให้ตายเสียอีก เพียงแต่ ข้าอยากถามท่านคำถามเดียว ท่านยังต้องการรักษาอยู่หรือไม่ หากไม่ต้องการรักษา เช่นนั้นข้าจะกลับไปนอนแล้ว"เห็นท่าทางเหนื่อยคร้านของกู้ชูหน่วนเช่นนั้นแล้ว เย่จิ่งหานอยากจะบดขยี้นางให้แหลกเสียให้รู้แล้วรู้รอดเขาไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนใจ
"ไม่รักษาแล้วเหรอ ได้เลย รีบบอกแต่แรกสิ เช่นนั้นข้ากลับไปนอนก่อน" "ข้าอนุญาตให้เจ้าไปแล้วหรือ" น้ำเสียงเยือกเย็นของเย่จิ่งหานลอยมากู้ชูหน่วนข้องใจเสียเหลือเกินล้วนแต่พูดกันว่าเทพสงครามอารมณ์รุนแรง เอาแน่เอานอนไม่ได้แต่นางปั่นหัวขนาดนี้แล้ว ชายผู้นี้ก็ยังทนอยู่ได้อีก ?"คุณหนูสามกู้ ข้าขอเตือนเจ้าว่าทางที่ดีเจ้าคิดทบทวนให้ชัดเจนว่าควรรักษาเช่นไร" เขาไม่ได้พูดครึ่งประโยคหลัง แต่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ว่า หากไม่รักษาให้ดี จุดจบจะเป็นเช่นไร"ข้าก็ตั้งใจรักษามาตลอดนี่ รีบดื่มยาเสีย เดี๋ยวเย็นแล้วจะรสชาติไม่ดี"กู้ชูหน่วนส่งถ้วยยาให้เขา จากนั้นก็ยื่นผลไม้แช่อิ่มหนึ่งเม็ดตามไป ก่อนจะยิ้มร่าเผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ สองข้าง "แก้ขม ได้ผลชะงัดนัก"เย่จิ่งหานที่เดิมทีถูกครอบงำด้วยความฉุนเฉียว แต่เพราะผลไม้แช่อิ่มเม็ดนี้ ทำให้คลายความหงุดหงิดลงไปได้บ้างมือที่ขาวเรียวของเขายกถ้วยยาขึ้น แล้วดื่มยาด้านในจนหมด เพียงแต่ผลไม้แช่อิ่มเม็ดนั้นยังคงกำไว้ในมือ ไม่ได้กินเข้าไป"ประครองข้าเข้าไป"ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยตะลึงงัน "นายท่าน น้ำในหม้อสามขาเดือดพล่านเลย คนปกติเพียงแค่เข้าไป ก็จะต้องถูกต้มจนสุกเป
กู้ชูหน่วนลูบหม้อสามขา สัมผัสเย็นเฉียบจนมือนางแทบเแข็ง"เหอะๆ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมา เหตุใดเจ้าถึงไม่แข็งตาย""คุณหนูสามกู้" ชิงเฟิงเอ็ด"ตะโกนเสียงดังทำไม ข้าไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย โรยผงยานี่ให้รอบหม้อสามขา แล้วเทงูพิษกับแมงป่องพิษลงไปให้หมด""ว่าไง... ไม่ฆ่าเอามาทำยารึ? ยังเป็นๆอยู่เลยนะ?" เกิดกัดนายท่านขึ้นมาจะทำอย่างไร?"ถ้าไม่เป็นข้าไม่ใช้หรอก เร็วเข้า ประเดี๋ยวแข็งขึ้นมาแล้ว ต่อให้พวกเจ้าจับงูพิษมาอีกกี่ตัวก็ไม่มีประโยชน์""นายท่าน..."เรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ พวกเขาสองคนกล้าทำได้อย่างไร เขาเหลียวไปมองเย่จิ่งหาน รอคำสั่งแววตาล้ำลึกของเย่จิ่งหานสว่างวาบ ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา "ทำตามที่นางบอก"ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยปาดเหงื่ออีกครั้งทว่าเหงื่อครั้งนี้นั่นเย็นเฉียบขณะเทตะขาบ แมงมุม และอสรพิษอื่นลงไป ปากพวกเขาสั่นผับๆ หัวใจเต้นรัวสุดขีดเมื่อเหล่าอสรพิษถูกเทลงไป พวกมันวิ่งพล่านตะเกียกตะกากอยู่ในหม้อสามขา แต่ไม่ยักกัดเย่จิ่งหาน แถมยังดูท่ากลัวเย่จิ่งหานด้วยซ้ำพวกมันอยากหนีออกจากหม้อสามขา แต่ก็เหมือนกลัวผงยาที่โรยอยู่รอบหม้อ จึงทำได้เพียงวิ่งไปมาอย่างทุรนทุรายชิงเฟิงและ
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ