"ข้ามีนิสัยอย่างหนึ่ง คือชอบบังคืบขืนใจผู้อื่น""……"กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า เย่จิ่งหานความคิดบิดเบี้ยวไปแล้วเขาไม่กลัวตัวเองโดนสวมเขา แล้วนางจะกลัวไปใยเย่จิ่งหานกวาดสายตาไปมองทุกคนในหออู๋โยวปราดหนึ่ง ก่อนจะหยุดอยู่บนตัวอี้เฉินเฟย เยี่ยเฟิงและเซียวอวี่เชียนเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากเรียวบางถึงจะเปิดเบาๆ "พาตัวไป""ท่าน...ท่านเผด็จการถึงเพียงนี้เลยหรือ ยัยขี้เหร่ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของท่านเสียหน่อย"เซียวอวี่เชียนฟันสั่นกระทบกันหงึกหงัก ทว่ากลับยืนขวางตรงหน้ากู้ชูหน่วนไม่ยอมหลีกไปไหนอี้เฉินเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เทพสงคราม ในเมื่อข้าน้อยอี้รับปากแล้วว่าจะอยู่กับคุณหนูสามเป็นเวลาเจ็ดวัน เช่นนั้นระหว่างเจ็ดวันนี้ย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของนาง""ทำไม...สำนักขงจื่อจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าหรือ" เย่จิ่งหานมองข้ามเซียวอวี่เชียนไปเสียดื้อๆ ดวงตาเรียวบางดุจหงส์กวาดไปทางอี้เฉินเฟย"หากท่านกล้าแตะนางแม้เพียงปลายเส้นผม ไม่เพียงแค่สำนักขงจื่อ ทั้งแคว้นจ้าวก็ไม่มีทางรับปาก" อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างใจเย็น ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยการตักเตือนบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาถนัดตา ราวกับเขม่าดินปืนกำ
"ก็จริง ยัยขี้เหร่ฉลาดผิดมนุษย์ ไม่มีทางถูกรังแกได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรอก" เพียงแต่คนผู้นั้นกลับเป็นเทพสงคราม เขาถึงได้ไม่วางใจเท่าไหร่อยู่ดีเยี่ยเฟิงทอดมองดูแผ่นหลังของพวกเขาด้วยท่าทางใช้ความคิด ดวงตาเย็นชาคู่นั้นฉายแววความสับสน ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถึงจะออกไปจากหออู๋โยวด้วยเช่นกันหลังจากเทพสงครามกลับไป ผู้คนทั้งหออู๋โยวถึงจะรู้สึกตัวว่าทั้งร่างของตนอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อครู่นี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองคงต้องตายแล้วจริงๆ"คนผู้นั้นใช่เทพสงครามหานอ๋องที่โหดเหี้ยมเลือดเย็น ฆ่าคนเป็นว่าเล่นจริงหรือ ไม่ใช่ว่ากันว่าเขาป่วยอาการสาหัสหรอกหรือ เหตุใดถึงได้ดูแข็งแรงดีถึงเพียงนั้น""บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดกล้าสวมรอยเป็นเทพสงครามหานอ๋องอีกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายอี้เซียนกวีและคุณชายเซียวก็เรียกเขาว่าเทพสงครามทั้งคู่ พวกเขาสองคนฐานะไม่ธรรมดา จะจำคนผิดได้หรือ""เช่นนั้นหญิงสาวข้างกายเขาผู้นั้น หรือจะเป็นคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดี ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการประลองศิลปะ แล้วยังเป็นคู่หมั้นของเทพสงครามผู้นั้นหรือ""คู่หมั้นของเทพสงครามถึงกลับกล้ามาเที่ยวหอเริงรมย์ สวมเขาอันโตให้กับเทพสงคราม ข้าไม่ไ
"คุณหนูกู้ จวนอ๋องถูกผิดมีกฎแยกแยะชัดเจน ท่าน..."กู้ชูหน่วนขัดจังหวะด้วยความเยือกเย็น "เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูกู้ หมายความว่าข้ายังไม่ใช่คนของจวนอ๋อง ในเมื่อข้าไม่ใช่คนจวนอ๋อง ก็เลิกเอากฎนั่นมาขู่ข้าเสียที""ฟึบฟึบฟึบ..."ร่างแปดร่างโผล่พรวดออกมาจับกู้ชูหน่วนและชิวเอ๋อร์แยกจากกัน คล่องแคล่วว่องไวประดุจเสือชีตาร์เพียงแค่แวบเดียว กู้ชูหน่วนก็รู้เลยว่าวิทยายุทธ์ของแปดคนนั้นไม่ธรรมดา กลัวก็แต่ว่าตัวนางเองจะรับมือไม่ไหวเสียด้วยซ้ำชิวเอ๋อร์ลนลาน ลำตัวสั่นไหวไม่หยุดกู้ชูหน่วนหันไปมองเย่จิ่งหาน หรี่ตาลงพลางเอ่ย "ท่านอ๋อง นี่ท่านหมายความเช่นไร""เจ้าชอบเกี้ยวชายงามนักไม่ใช่หรือ ข้าจะให้สาวใช้ของเจ้าได้สัมผัสดูว่าผู้ใต้บัญชาของข้าฝีมือดีหรือไม่" เย่จิ่งหานจงใจตอกย้ำคำว่าฝีมือพับผ่าสินี่มันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้มาแล้ว ยังจะฝังใจอยู่อีกหมอนี่ใจแคบยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเย่จิ่งหานเป็นชายหนุ่มเจ้าคิดเจ้าแค้นคนหนึ่ง แค้นชนิดที่ว่าฝังหุ่น"ผู้ใต้บัญชาของท่านย่อมมีฝีมือที่ดีอยู่แล้ว จากที่ข้าดู ไม่จำเป็นต้องลองสัมผัสดูหรอก""ข้าว่า...จำเป็นมาก""เย่จิ่งหาน ท่า
"ท่านพูดแล้วว่าขอเพียงแค่ล้มพวกเขาแปดคนได้ก่อนที่คนของท่านจะพาตัวชิวเอ๋อร์ไป ท่านก็จะไม่ติดใจเอาความเรื่องที่ข้าไปเที่ยวหอโคมเชียวกับเรื่องของชิวเอ๋อร์ เทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่คงไม่กลับคำหรอกกระมัง"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยมั่นใจ นางสามารถมองทุกคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มีเพียงเย่จิ่งหานผู้เดียวที่นางมองไม่ออก นัยน์ตาดำสนิทที่นิ่งสงบของเขาคู่นั้น ไม่มีแม้แต่แววตาใดๆ ทำให้นางไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่น้อยผ่านไปนาน นานจนกระทั่งกู้ชูหน่วนคิดว่าเย่จิ่งหานคงคิดคืนคำแล้ว เขาถึงจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค"เรื่องนี้พอเท่านี้ หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็ลองไตร่ตรองดูเอง""เทพสงครามพูดออกมาเองขนาดนี้แล้ว มีหรือที่ข้าจะกล้าไปเกี้ยวชายงามที่หอโคมเขียวอีก""เหอะ เทพสงครามหรือ ใหญ่โตมาจากไหนกัน ข้าอยากจะไปหาผู้ใด ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อนหรือ"บ้าจริงหมอนี่สั่งให้คนสะกดรอยตามนาง รู้กระทั่งว่านางเคยพูดอะไรกู้ชูหน่วนยิ้มประจบประแจง "ความชื่นชมศรัทธาที่ข้ามีต่อท่านเหลือคณานับ คำพูดเหล่านั้น แค่พูดไร้สาระเรื่อยเปื่อย ข้าจะกล้าด่าว่าท่านได้อย่างไร""เริ่มกันเถอะ""เริ่มอะไร" กู้ชูหน่วนถามอย่างอึ้งๆ
"เหลวไหล ข้าจะอายได้อย่างไร""เช่นนั้นก็เร็วเข้า อืดอาดยืดยาดเสียเวลานอนของข้า ทั้งเรือนร่างของท่าน มีจุดไหนบ้างที่ข้ายังไม่เคยเห็น""เฮือก..."ไม่ต้องพูดถึงในห้อง ทั้งจวนอ๋อง ไอเย็นพลันลดลงไปถึงจุดเยือกแข็ง ทั้งยังเจือด้วยรังสีอำมหิตอยู่รางๆชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยมุดหน้าลงต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้หากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะมุดออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้คุณหนูสามกู้ไม่รู้กาลเทศะเกินไปแล้ว เรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรกู้ชูหน่วนพลันหนาวสั่น รู้สึกได้เลือนๆ ว่าเท้าข้างหนึ่งของตนได้ย่างเข้านรกภูมิไปแล้วนางไม่แคลงใจแม้แต่น้อย ว่าแค่นางพูดอีกเพียงประโยคเดียว เย่จิ่งหานจะต้องเอาชีวิตของนางเป็นแน่"กู้ชูหน่วน เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าใช่หรือไม่""กล้ากล้ากล้า ท่านคือเทพสงคราม คุมกองกำลังทหาร มีอำนาจล้นมือ คิดจะฆ่าข้าง่ายเสียกว่าขยี้มดให้ตายเสียอีก เพียงแต่ ข้าอยากถามท่านคำถามเดียว ท่านยังต้องการรักษาอยู่หรือไม่ หากไม่ต้องการรักษา เช่นนั้นข้าจะกลับไปนอนแล้ว"เห็นท่าทางเหนื่อยคร้านของกู้ชูหน่วนเช่นนั้นแล้ว เย่จิ่งหานอยากจะบดขยี้นางให้แหลกเสียให้รู้แล้วรู้รอดเขาไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนใจ
"ไม่รักษาแล้วเหรอ ได้เลย รีบบอกแต่แรกสิ เช่นนั้นข้ากลับไปนอนก่อน" "ข้าอนุญาตให้เจ้าไปแล้วหรือ" น้ำเสียงเยือกเย็นของเย่จิ่งหานลอยมากู้ชูหน่วนข้องใจเสียเหลือเกินล้วนแต่พูดกันว่าเทพสงครามอารมณ์รุนแรง เอาแน่เอานอนไม่ได้แต่นางปั่นหัวขนาดนี้แล้ว ชายผู้นี้ก็ยังทนอยู่ได้อีก ?"คุณหนูสามกู้ ข้าขอเตือนเจ้าว่าทางที่ดีเจ้าคิดทบทวนให้ชัดเจนว่าควรรักษาเช่นไร" เขาไม่ได้พูดครึ่งประโยคหลัง แต่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ว่า หากไม่รักษาให้ดี จุดจบจะเป็นเช่นไร"ข้าก็ตั้งใจรักษามาตลอดนี่ รีบดื่มยาเสีย เดี๋ยวเย็นแล้วจะรสชาติไม่ดี"กู้ชูหน่วนส่งถ้วยยาให้เขา จากนั้นก็ยื่นผลไม้แช่อิ่มหนึ่งเม็ดตามไป ก่อนจะยิ้มร่าเผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ สองข้าง "แก้ขม ได้ผลชะงัดนัก"เย่จิ่งหานที่เดิมทีถูกครอบงำด้วยความฉุนเฉียว แต่เพราะผลไม้แช่อิ่มเม็ดนี้ ทำให้คลายความหงุดหงิดลงไปได้บ้างมือที่ขาวเรียวของเขายกถ้วยยาขึ้น แล้วดื่มยาด้านในจนหมด เพียงแต่ผลไม้แช่อิ่มเม็ดนั้นยังคงกำไว้ในมือ ไม่ได้กินเข้าไป"ประครองข้าเข้าไป"ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยตะลึงงัน "นายท่าน น้ำในหม้อสามขาเดือดพล่านเลย คนปกติเพียงแค่เข้าไป ก็จะต้องถูกต้มจนสุกเป
กู้ชูหน่วนลูบหม้อสามขา สัมผัสเย็นเฉียบจนมือนางแทบเแข็ง"เหอะๆ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมา เหตุใดเจ้าถึงไม่แข็งตาย""คุณหนูสามกู้" ชิงเฟิงเอ็ด"ตะโกนเสียงดังทำไม ข้าไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย โรยผงยานี่ให้รอบหม้อสามขา แล้วเทงูพิษกับแมงป่องพิษลงไปให้หมด""ว่าไง... ไม่ฆ่าเอามาทำยารึ? ยังเป็นๆอยู่เลยนะ?" เกิดกัดนายท่านขึ้นมาจะทำอย่างไร?"ถ้าไม่เป็นข้าไม่ใช้หรอก เร็วเข้า ประเดี๋ยวแข็งขึ้นมาแล้ว ต่อให้พวกเจ้าจับงูพิษมาอีกกี่ตัวก็ไม่มีประโยชน์""นายท่าน..."เรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ พวกเขาสองคนกล้าทำได้อย่างไร เขาเหลียวไปมองเย่จิ่งหาน รอคำสั่งแววตาล้ำลึกของเย่จิ่งหานสว่างวาบ ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา "ทำตามที่นางบอก"ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยปาดเหงื่ออีกครั้งทว่าเหงื่อครั้งนี้นั่นเย็นเฉียบขณะเทตะขาบ แมงมุม และอสรพิษอื่นลงไป ปากพวกเขาสั่นผับๆ หัวใจเต้นรัวสุดขีดเมื่อเหล่าอสรพิษถูกเทลงไป พวกมันวิ่งพล่านตะเกียกตะกากอยู่ในหม้อสามขา แต่ไม่ยักกัดเย่จิ่งหาน แถมยังดูท่ากลัวเย่จิ่งหานด้วยซ้ำพวกมันอยากหนีออกจากหม้อสามขา แต่ก็เหมือนกลัวผงยาที่โรยอยู่รอบหม้อ จึงทำได้เพียงวิ่งไปมาอย่างทุรนทุรายชิงเฟิงและ
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยคุกเข่าลงในทันใด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตัวเอง กู้ชูหน่วนรีบร้อนอธิบาย "ขอโทษที ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้างูน้อยพวกนี้จะกัดตรง... ตรง... ตรงนั้นของเจ้า เจ้าพวกนี้ไม่มีลูกตารึไง ประเดี๋ยวข้าจะสับพวกมันเป็นชิ้นๆเอง"เย่จิ่งหานเดือดดาลเดือดจนลุกเป็นไฟที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ ทุกครั้งที่ถูกกู้ชูหน่วนแกล้ง เขามักจะไร้ทางสู้เสทอครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาอ่อนแอจนไม่แม้แต่แขนยังยกไม่ขึ้นงูน้อยงั้นรึ?นี่คืองูน้อยหรือ?นั่นมันคืองูยักษ์ชัดๆ เจ้าเคยเห็นงูยาวสองเมตรรึ?"ดูสิ มันนาเรื่องเอง กลับไปเจอยมบาลแล้ว"กู้ชูหน่วนชี้ไปที่งูตัวนั้น สีหน้าประหนึ่งผู้ผดุงคุณธรรม จงเกลียดจงชังเจ้างูตัวนั้นเหลือเกินตายไปแล้วตัวหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกไม่รู้กี่ตัว แถมยังมีทั้งตะขาบ แมงป่อง ร่างทั้งร่างของเย่จิ่งหานถูกอสรพิษไต่ต่อม แต่ละตัวจ้องจะกัดกินร่างกายเขาเจ็บปวดไม่รู้จักจบสิ้น เจ็บจนเขาจะขาดใจกู้ชูหน่วนคว้าถ้วยยาที่เขาดื่มเมื่อครู่ยื่นให้เขาด้วยความหวังดี ก่อนจะชะโงกมองไปที่ก้นหม้อสามขา พลางเอ่ยเสียงจริงจัง "อ๋อ ปิดฝาก็สิ้นเรื่อง""…"เสียง "โครม..." ดังขึ้นนิ้วมือของเย
หญิงนางนี้ บ้าไปแล้วเหรินหู่วิ่งโทกเทกเข้ามา ฉีกยิ้มเอ่ย "ค้อนเหล็กของข้านี้ ช่างเหล็กชื่อดังใช้เหล็กดำตีขึ้นมา เจ้าชอบหรือไ่ม่ หากเจ้าชอบ ข้าก็จะยกให้เจ้า"กู้ชูหน่วนรังเกียจเหลือหลาย "ทั้งหนักทั้งเทอะทะ เจ้าเก็บไว้เองเถิด"เมื่อนึกถึงภาพที่เหรินหู่ฟาดคนเผ่าหมอตายเป็นเบือเมื่อครู่นี้ เซียวอวี่เชียนก็ชักกลัวขึ้นมา ร่างแข็งเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่ กลัวว่าเหรินหู่จะค้อนทุบนางตายเอาในพริบตาแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ นอกจากเหรินหู่จะไม่โกรธแล้ว ยังยิ้มแก้เก้อพลางเอ่ยอีก "นั่นสิ เจ้าเป็นหญิงจะถือค้อนเหล็กเช่นนี้ก็ไม่งามจริงๆ เช่นนั้นข้าให้คนทำค้อนเหล็กน้อยให้เจ้าไหม"เฮ้ย...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?สำนักซิวหลัวคุยกันง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?กู้ชูหน่วนเมินเหรินหู่เสียดื้อๆ เดินมาหยุดอยู่หน้าฝูกวง"เจ้าชื่ออะไรรึ?""ฝูกวง ฝูที่แปลว่าสะท้อน กวงที่แปลว่าแสงสว่าง" ทั้งยังเป็นชื่อที่เจ้าสำนักของพวกเขาตั้งให้ ผ่านมาหลายปี แค่คนในสำนักยังคงอิจฉาที่เจ้าสำนักตั้งชื่อให้เขาจนถึงทุกวันนี้"ฝูกวง เป็นชื่อที่ไพเราะนัก แสงสว่างที่สาดส่องโลก"ฝูกวงตัวสั่น ขอบตาแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่แสงสว่างที่สาดส่องโลก...
เจียงซวี่เอ่ยเสียงขุ่น "ประมุขชิง ท่านให้ท้ายลูกน้องเพียงนี้เลยหรือ?"ประมุขชิงควงขลุ่ยอย่างเพลิดเพลิน ภายในแววตาเอื่อยเฉื่อยนั้นแฝงไปด้วยความเย็นชาที่ยาจะสังเกตเห็น น้ำเสียงของเขาไพเราะรื่นหู เหมือนดังเสียงน้ำพุ ทว่าถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับทำเอาเจียงซวี่โมโหจนแทบกระอักเลือด"ลูกน้องข้าตรงไปตรงมา ไม่ปลิ้นปล้อนเหมือนใครบางคน ใช้อำนาจรังแกคน เจ้าตำหนักเจียงเห็นว่าเขาควรแก้ไขหรือไม่?""สะ... สำนักซิวหลัวของพวกเจ้ามิอาจล่วงเดิน เผ่าหมอของพวกข้าก็มิอาจล่วงเกินเช่นกัน ต่อให้ต้องตายกันไปข้างหน้า พวกเจ้าก็ไม่มีทางไ้ด้อะไรกลับไป""ด้วยฝีมือเจ้าน่ะหรือ? หากอยากตายก็รีบตายไปเถิด ของบางอย่างต้องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก""หมายความว่าอย่างไร?""พูดอย่างไรก็หมายความเช่นนั้น"ไม่รอให้เจียงซวี่ตั้งสติ เหรินหู่ก็เควี้ยงค้อนเหล็กหนักหนึ่งร้อยชั่งออกไปเป็นการทักทายหากสองคนข้างกายเจียงซวี่หูหาไม่ไวพอ ตั้งรับได้ทันท่วงที เกรงว่าเจียงซวี่คนถูกค้อนเหล็กทุบตายไปแล้วทั่งสองฝั่งตะลุมบอนกันบรรดาเผ่าหมอที่เดิมแสนน่าเกรงขาม ไม่อาจประมาณฝีมือมือได้ เมื่อพบกับคนจากสำนักซิวหลัวกลับถูกซัดจนหมอบเหรินหู่และฝูกวง
ชายชราคำรามเดือดดาล ส่งกำลังภายในผ่านฝ่ามือพุ่งไปยังกู้ชูหน่วนฝ่ามือนั่นมีกำลังภายในอยู่แปดส่วน ดูท่าแล้วคงไม่คิดเอาชีวิตกู้ชูหน่วนเซียวอวี่เชียนเจ็บหนักอาการร่อแร่ เอาตัวเองแทบไม่รอดกู้ชูหน่วนเองก็ถูกสมุนอื่นล้อมไว้จนไร้ทางหนี หมายจะหลบหลีกฝ่ามือนั้นช่างยากนักแต่หากจะโต้กลับ ตัวเองก็ไม่มีกำลังภายในแล้ว คนที่เจ็บย่อมต้องเป็นนางคนหนุ่มก้าวถอยหลัง หมายจะยื่นมือเข้าไปช่วยทันใดนั้นเอง ฝ่ามือทีทรงพลังยิ่งกว่าก็พุ่งเข้ามาจากไกลลิบ"ปึ้ก..."สองฝ่ามือปะทะกัน พื้นดินสะท้านทรุดเป็นหลุมกว้างร่างของทุนคนต่างโงนเงน แทบยืนไม่อยู่ขณะเดียวกันเงาคนหลายสิบก็กระโดดตามลงมา กันยอดฝีมือเผ่าหมอที่ล้อมกู้ชูหน่วนชายชราตกใจไม่น้อย "สำนักซิวหลัว"เจียงซวี่เองก็ตกใจไม่แพ้กันสำนักซิวหลัวคือหนึ่งในสำนักลับสุดยอดแห่งยุทธภพ แต่ไหนแต่ไรมามิเคยเปิดเผยใบหน้าให้เห็นง่ายๆ และไม่ลงรอยกับเผ่าหมอ แต่ยามนี้กลับปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือกู้ชูหน่วนอีก หรือว่าพวกก็ต้องการกระดิ่งภินวิญญาณเหมือนกัน?เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ว่าสำนักซิวหลัวจะมีเป้าหมายอะไร อย่างน้อยก็ช่วยชีวิตกู้ชูหน่วนเอาไว้กู
เจียงซวี่มองลงมาที่นางด้วยสายตาเหยียดหยามกู้ชูหน่วนล้วงหากระดิ่งภินวิญญาณในอกพลางเอ่ยด้วยท่าทางเฉยเมยว่า "พวกเจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณนี้ใช่หรือไม่ ข้าให้พวกเจ้าก็ได้ ไม่เห็นมีประโยชน์กับข้าอยู่แล้ว"เอ่ยจบ นางก็เหวี่ยงกระดิ่งภินวิญญาณไปข้างหน้าทันที"ฟึบ ฟึบ ฟึบ..."เผ่าหมอต่างแย่งชิงกระดิ่งภินวิญญาณ ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลงและเหวี่ยงเข็มเงินนับสิบเล่มไปยังเหล่ากองธงของฝ่ายตรงข้ามที่ล้อมพวกนางไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงเซียวอวี่เชียนออกไปด้วยมือเดียว"ไป""ยัยขี้เหร่ ข้าไม่ไป""หยุดพล่ามได้แล้ว กลับไปเรียกคนมาช่วยเร็ว""ปัง..."กล่องไม้ดำตกลงพื้นเสียงดังสนั่น ทำให้เหล่ากองธงที่อยู่ใกล้ได้รับบาดเจ็บหลายคนเจียงซวี่ก็ถูกควันโขมงไปด้วยเขาตะคอกด้วยความโกรธ “สาวน้อย! กล้าหลอกข้า!”“อุ๊ย! ขอโทษด้วย โมโหไปหน่อย เผลอโยนของผิดไป”“จับตัวนางไว้! ข้าจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ!”ไม่รอให้เจียงซวี่พูดจบ เหล่ากองธงก็ปิดล้อมกู้ชูหน่วนไว้แล้ว พวกเขารีบโบกธงที่มีลวดลายของดอกกล้วยไม้ใส่กู้ชูหน่วนธงของพวกเขาไม่ได้ทำจากผ้า แต่เป็นใบมีดบางๆ ราวกับฟันอันแหลมคม เมื่อถูกฟาดด้วยธงนี้ ย่อมต้องตายคาท
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่